ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 240 โลหิตผนึกความมืด

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 240 โลหิตผนึกความมืด

เวลานี้เลยช่วงเที่ยงไปแล้วแต่ยังไม่ถึงช่วงเย็น ท้องฟ้าเดิมที่ไร้เมฆ แต่จากการเดินเข้ามาของหญิงสาวชุดขาว ท้องฟ้าบนศีรษะนางจู่ๆ ก็มีเมฆดำปรากฏ แรงกดดันดำทะมึน และมองเห็นสายฟ้าเป็นสายๆ แฝงอยู่รางๆ ด้วย

โดยเฉพาะใบหน้าผีบิดเบี้ยวที่แปลงมาจากเมฆดำ ระหว่างที่มองลงมาก็เผยความโหดร้ายด้วย ราวกับว่าขอแค่หญิงสาวกระตุ้นความคิด ผีร้ายพวกนี้ก็จะพุ่งไปยังกรมปราบพิฆาตหาสวี่ชิงทันที

และด้านนอกกรมปราบพิฆาตเดิมทีก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว ตอนนี้จึงไม่มีคนเหลืออยู่เลย

ศิษย์ของกรมปราบพิฆาต สวี่ชิงสั่งให้พวกเขาแยกย้ายไปทันทีหลังได้รับรายงาน

ดังนั้นในกรมปราบพิฆาตตอนนี้ จึงเหลือเพียงสวี่ชิงคนเดียว

เขานั่งอยู่ในโถงรับแขก ด้านหลังคือรูปผีร้ายแย่งชิงอาหาร เมื่อได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้น สายตาเรียบเฉยจ้องหญิงสาวชุดขาวที่อยู่ด้านนอกประตูใหญ่ของเรือน

สวี่ชิงไม่สนใจเมฆหมอกผีร้ายบนศีรษะอีกฝ่าย ทรงกลมสีดำหน้าผีด้านหลังหญิงสาวเหล่านั้น สวี่ชิงก็ไม่ใส่ใจ

สายตาของเขาดุจสายอัสนี จ้องหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูเขม็ง ราวกับมองคุณสมบัติของเธอออก

“ร่างแยก?”

สายตาสวี่ชิงเกิดคลื่นเล็กน้อย คลึงแผ่นหยกชิ้นหนึ่งเล่นในมือ นี่เป็นสิ่งที่กรมข่าวกรองส่งมาให้เป็นอย่างแรกตอนที่อีกฝ่ายย่างเข้าเจ็ดเนตรโลหิต

เนื้อหาแนะนำที่มาและเบื้องหลังของหญิงสาวคนนี้ไว้อย่างชัดเจน

“การฝึกบำเพ็ญดั้งเดิมของสำนักล่าสิ่งประหลาดใช้สายโลหิตเป็นหลัก วิชาเป็นตัวช่วย สำนักนี้อุทิศตนให้กับต้นกำเนิดสายโลหิตทั้งสี่ สามารถให้ศิษย์ปลูกถ่ายสู่ร่างกายได้ และในทุกประเภทสายโลหิตก็จะมีความประหลาดของตนเองอยู่ มีผลมหัศจรรย์ต่อสิ่งประหลาด ส่วนเรื่องที่มาผู้คนก็เล่าขานแตกต่างกัน

“สายโลหิตที่สกุลซือหม่าได้รับการปลูกถ่าย มีชื่อว่าโลหิตผนึกความมืด มีผลที่น่าตกตะลึงในด้านการผนึกสิ่งประหลาด แต่ว่าสี่สายโลหิตนี้แม้จะแข็งแกร่ง แต่กลับอ่อนแอกับเผ่าลึกลับแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตำนานเล่าขาน เผ่ามิตรประหลาด

“ซือหม่าหรูคนนี้พรสวรรค์ไม่ธรรมดา หลังจากปลูกถ่ายสายโลหิตผนึกความมืดแล้วเข้ากันได้อย่างน่าตกตะลึง โดดเด่นเหนือใคร อยู่ในอันดับองค์ชายองค์หญิงของสำนักล่าสิ่งประหลาดเมื่อหลายปีก่อน แม้จะไม่ใช่อันดับหนึ่ง แต่คนที่อยู่เหนือนางขึ้นไปก็เป็นพวกแก่นลมปราณไม่กี่คน นางเคยสะกดศิษย์ทั้งสี่สายในสำนักตอนอยู่ระดับสร้างฐานไว้ถึงหลายปีเช่นกัน ต่อมาจึงทะลวงขั้นย่างสู่แก่นลมปราณวังสวรรค์

“ร่างจริงของนางปัจจุบันกำลังปิดด่าน ดังนั้นที่มาเยือนจึงเป็นร่างแยกที่นางใช้กระดูกของตนเองหลอมขณะอยู่ในระดับสร้างฐาน ร่างแยกนี้ปิดผนึกสิ่งประหลาดไว้มากมาย พลังต่อสู้เหนือกว่าไฟชีวิตสี่ดวง แต่ยังไม่ถึงระดับไฟชีวิตห้าดวง อยู่ระดับประมาณไฟชีวิตสี่ดวงครึ่ง”

ขณะที่ในสมองสวี่ชิงฉายเนื้อหาในแผนหยก ซือหม่าหรูหญิงสาวชุดขาวด้านนอกประตูก็มองโถงรับแขกที่สวี่ชิงอยู่ เอ่ยแผ่วเบาอย่างมีมารยาท

“น้องชายของข้าดื้อรั้น สร้างความลำบากให้เจ้าเสียแล้ว

“เขาทำเรื่องผิดพลาด ข้าขออภัยแทนเขาด้วย”

เสียงของซือหม่าหรูเย็นเยียบใสกังวาน เมื่อพูดจบทรงกลมสีดำหน้าผีจำนวนมหาศาลบนพื้นดินที่เส้นผมสีดำของนางลากผ่าน ก็เลียนแบบซือหม่าหรูส่งเสียงเซ็งแซ่ออกมาระหว่างที่กำลังกระโดดโลดเต้น

“ขออภัย ขออภัย”

“ลำบากแล้ว ลำบากแล้ว”

เสียงดังเซ็งแซ่ราวกับมีเด็กน้อยนับไม่ถ้วนกำลังแย่งกันพูด ขณะที่เผยความประหลาด ใบหน้ามากมายที่ปรากฏอยู่บนร่มที่ซือหม่าหรูกางอยู่เหล่านั้นก็ทั้งส่งเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ออกมาเช่นกัน

ภาพนี้ทำให้อัจฉริยะฟ้าประทานพันธมิตรเจ็ดสำนักที่สังเกตอยู่ไกลๆ ต่างสูดลมหายใจ ความจริงสำนักล่าสิ่งประหลาดในเจ็ดสำนักก็ลึกลับอย่างมาก ปกติสำนักอื่นก็ไม่ค่อยจะชอบคบค้าสมาคมกับพวกเขานัก

สวี่ชิงมองซือหม่าหรูห่างๆ

คราแรกที่เขาสัมผัสถึงอีกฝ่ายยังไม่รู้ลักษณะของนาง แต่ตั้งแต่ซือหม่าหรูเข้ามาก็มีมารยาท ทั้งไม่บุกรุกและไม่โจมตีอย่างไร้เหตุผล เมื่อเอ่ยปากก็ยอมรับผิดแทนน้องชาย

ต่างจากซือหม่าหลิงที่หยิ่งผยองมากโข

ท่าทีเช่นนี้ สวี่ชิงก็ยากจะตั้วตัวเป็นศัตรูได้ ทว่าการระแวดระวังของเขาก็ไม่ได้ลดลงเพราะท่าทีของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงเรียบกลับไป

“เรื่องนี้สกุลสวี่อย่างข้าต้องรายงานสำนัก ท่านอาจต้องรอหลายวันสักหน่อย”

หญิงสาวชุดขาวพอได้ยินก็พยักหน้าเบาๆ ใบหน้างามไม่ฉูดฉาดจ้องมองสวี่ชิง เสียงใสเย็นชาดังมาแผ่วเบา

“รอหลายวันไม่ใช่ปัญหา แต่ความผิดของน้องชายข้า ข้าขอขมาเจ้าแทนเขาเรียบร้อยแล้ว

“เช่นนั้นเรื่องที่เจ้าตีเขา ควรจะขอขมาอย่างไรดี

“น้องชายข้าชอบสะสมดวงตา เช่นนั้นขอดวงตาเจ้าสักข้างหนึ่งเป็นของขมาแล้วกัน”

หญิงสาวชุดขาวมารยาทและสุภาพตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ตอนที่พูดสามประโยคนี้ สีหน้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะโกรธเกรี้ยวเลย ราวกับว่าในใจนางคิดว่าเรื่องทั้งหมดควรเป็นเช่นนั้น

เมื่อสวี่ชิงได้ยินสามประโยคนี้ก็นิ่งเงียบไม่พูดจา หลุบตาลง ล้มเลิกความคิดที่จะปล่อยตัวซือหม่าหลิงทันที

ขณะเดียวกัน ร่างของหญิงสาวชุดขาวซือหม่าหรูก็ลอยตรงมาเบื้องหน้าช้าๆ ตากที่เสียงที่เปล่งมา ลอยผ่านประตูใหญ่กรมปราบพิฆาต เข้ามาในลาน และเมฆหมอกบนศีรษะก็ส่งเสียงครืนครันจากการที่นางมาเยือน ตีเกลียวไปเบื้องหน้า ปกคลุมกรมปราบพิฆาตไว้ภายใน

ขณะเดียวกันทรงกลมสีดำหน้าผีเหล่านั้นก็เฮโลกระโดดข้ามประตูใหญ่เข้ามา กระโดดพลางพูดซ้ำคำพูดของซือหม่าหรู

“ขอขมา ขอขมาเสีย”

“ขอขมา ขอข…มา” ในเสียงมากมายนั้น มีทรงกลมสีดำหน้าผีดวงหนึ่ง ขณะที่กระโดดแล้วร่วงหล่นลงไปในเงามืดก็เหมือนตกลงไปในหลุมลึก สลายหายไปในพริบตา เสียงก็ขาดห้วงไปด้วย

แทบจะพริบตาที่ทรงกลมสีดำหน้าผีนั้นหายไป ค่ายกลในกรมปราบพิฆาตก็เปิดออกครืนครัน ขณะที่ค่ายกลนี้ตัดขาดกับโลกภายนอกก็ผนึกสถานที่แห่งนี้ ทำให้คนนอกสัมผัสตรวจสอบไม่ได้

และมีพลังสะกดจุติด้วย

แต่จากการที่หญิงสาวชุดขาวล้วงป้ายแนะนำสีขาวชิ้นหนึ่งออกมาจากในอก พลังสะกดก็หยุดชะงักลงในพริบตา เห็นได้ชัดว่าป้ายแนะนำชิ้นนี้ไม่ธรรมดา สำแดงสถานะและความสูงส่งของสำนักหลักบนนั้นออกมาหมดจด

แม้พลังตัดขาดจะยังคงอยู่ แต่นางกลับทำให้พลังสะกดต่างสำนักที่สำคัญของเจ็ดเนตรโลหิตไร้ผลไปหมดสิ้น

ค่ายกลใหญ่คุ้มกันสำนักของเจ็ดเนตรโลหิต ต่างสำนักกลับแค่โบกมือก็สูญสิ้นพลังสะกดไปเสียแล้ว

ความรู้สึกนี้ราวกับว่าคนอื่นมีอำนาจในการใช้งานสิ่งของของตนเองเช่นเดียวกัน กระทั่งอาจจะมากกว่าตัวเจ้าเสียอีก ไม่ว่าจะลับหลังหรือต่อหน้าก็สามารถนำมาใช้ได้ง่ายๆ ทั้งยังพูดอะไรไม่ได้ด้วย เพราะโดยผิวเผินแล้ว มันเป็นของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง

เรื่องนี้ทำเอาสวี่ชิงถอนหายใจ เข้าใจถึงสาเหตุในทันทีว่าเหตุใดเหล่าบรรพจารย์สำนักพอจะเดินหมากลับจะต้องมีแผนการใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่อยากถูกควบคุมโดยคนอื่นไปตลอด แค่คำพูดเดียวของอีกฝ่ายก็สามารถสับเปลี่ยนศิษย์ของตนเองได้ ป้ายแนะนำชิ้นหนึ่งของอีกฝ่ายก็สามารถทำให้ค่ายกลที่คุ้มกันความวิกฤตทั้งสำนักของตนเองไร้ประโยชน์ได้

โดยเฉพาะในโลกาวินาศนี้ ล้วนเต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดที่ไม่ยอมจะมีชีวิตต่ำต้อยกว่าคนอื่นยิ่ง

กระทั่งสวี่ชิงยังรู้สึกว่า มีเป็นไปได้ถ้าหากระดับสูงพันธมิตรเจ็ดสำนักมาเอง ค่ายกลใหญ่เจ็ดเนตรโลหิต…เป็นไปได้ว่าแค่อีกฝ่ายพลิกฝ่ามือ ก็จะกลายเป็นสิ่งที่หันมาสะกดเจ็ดเนตรโลหิตแทน

“เจ้าใช้ค่ายกลนี้ ขับไล่ผู้คุ้มกันของน้องชายข้าออกไปจากสนามต่อสู้สินะ” ซือหม่าหรูหญิงสาวชุดขาวที่ลอยเข้ามาหาสวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา

เวลานี้นางลอยผ่านลาน มาถึงด้านนอกโถงรับแขก จนกระทั่งลอยเข้ามาในโถงรับแขกไม่มีการหยุดยั้งใดๆ แต่พริบตาที่เสียงนางดังก้อง ลอยตัวเข้ามานั้น สวี่ชิงก็เคลื่อนไหวแล้ว

เขาลุกขึ้นเดินก้าวหนึ่ง พุ่งไปอยู่ด้านหน้าซือหม่าหรู สีหน้าไร้อารมณ์ ซัดออกไปหมัดหนึ่งทันที

หมัดนี้ เมฆลมเปลี่ยนสี สั่นฟ้าสะเทือนดิน พลังปะทุรุนแรงขีดสุด ก่อตัวเป็นอัสนีโถมฟ้า ครืนครันไปทั่วสารทิศ

และพริบตาที่สวี่ชิงลงมือ เงามืดบนพื้นในลานก็โถมขึ้นมาฉับพลัน แปรเป็นดวงตาหลายดวง กลายเป็นปากใหญ่โต กลืนกินทรงกลมสีดำหน้าผีเหล่านั้นอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกันสายฟ้าสีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกไปจากที่หลบซ่อนข้างๆ อย่างรวดเร็ว ทะยานไปยังเมฆหมอกหน้าผีที่จะโถมลงมาจากฟ้าเวลานี้

เพียงพริบตา เสียงสั่นสะเทือนฟ้าก็ดังลั่นจนหูแทบดับ

ซือหม่าหรูหญิงสาวชุดขาวร่างสั่นเทิ้มฉับพลัน ถอยตัวออกมาทันทีพร้อมกับหมัดนี้ของสวี่ชิง เหาะเหินออกจากห้องโถงรับแขกถอยไปที่ลาน

สีหน้าไม่สะทกสะท้านแต่เดิมของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นครั้งแรก ใบหน้าสิ่งประหลาดทั้งหมดบนร่มที่ถืออยู่ก็เบิกตากว้าง สิ่งที่มองไม่ใช่สวี่ชิง แต่เป็นพื้นลาน

บนพื้น ทรงกลมสีดำหน้าผีทั้งหมดหายไปแล้ว

ทั้งหมดนี้ ทำให้ดวงตาซือหม่าหรูหม่นแสง เงยหน้าจ้องคนที่เดินออกมาจากประตูโถงรับแขกเขม็ง

ด้านในประตูใหญ่โถงรับแขก เปลวเพลิงลุกโหม แผ่ซ่านร้อนแรงออกมาจากด้านในประตูใหญ่ จำแลงเป็นร่างวิหคทอง แผ่คลุมเบื้องหน้า ท่วงท่าประดุจสายรุ้ง

มีร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังย่างเท้าเดินออกมาอยู่รางๆ ในเปลวไฟนี้

วิหคทองด้านนอกตัวเด็กหนุ่มคนนี้แผดเสียง ส่วนตัวเขาราวกับเป็นเจ้าแห่งเปลวเพลิง หางเพลิงวิหคทองแปรเป็นชุดคลุมจักรพรรดิ ขณะที่ทำให้เขาดูสูงส่งไร้เทียมทาน ผมยาวของเด็กหนุ่มก็ปลิวสยาย ทะเลเพลิงกลายเป็นผ้าคลุมไหล่ของเขา

ผ้าคลุมไหล่เปลวเพลิงนี้ก็พลิ้วไหวตามการเดินของเขา ขณะที่สั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศวิหคทองก็โน้มตัวลงมา เชิดหัวขึ้นมาวางบนศีรษะของเด็กหนุ่ม ราวกับมงกุฎจักรพรรดิ

เข้าคู่กับใบหน้าที่งดงามของเขา ทำให้สวี่ชิงเวลานี้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ความห้าวหาญประดุจสายรุ้งยาว ราวกับเป็นจักรพรรดิโบราณรุ่นเยาว์ที่ย่างเท้าสู่โลกมนุษย์

“วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ!” ซือหม่าหรูหญิงสาวชุดขาวจ้องสวี่ชิงเขม็ง ขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยคำ ร่างก็ไหววูบ ระเบิดความเร็วขึ้นในพริบตา ปรากฏตัวเบื้องหน้าสวี่ชิงฉับพลัน ยกมือขวาควักไปที่ลูกตาสวี่ชิงอย่างแรง

สวี่ชิงสีหน้าปกติ ก้มหน้าลงฉับพลันและใช้ศีรษะของตนเองกระแทกมือของหญิงสาวอย่างแรง

วิธีการสู้เช่นนี้ทำให้ซือหม่าหรูใจสั่นสะท้าน พริบตาต่อมาเสียงตูมดังสนั่น มือขวาซือหม่าหรูแหลกเละ เผยสีหน้าสะท้านตะลึง ถอยอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงพุ่งตัวไปอย่างดุดันด้วยความเร็วที่มากกว่าซือหม่าหรู พริบตาที่ไล่ทันก็ยกมือขวาขึ้นกระชากผมของอีกฝ่าย ฟาดไปบนพื้นอย่างแรง!

พื้นดินสั่นสะเทือน แตกหักยับเยิน

ร่างของซือหม่าหรูกลายเป็นปราณหมอกมหาศาลระเหยจากมือสวี่ชิง ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้น ปราณหมอกเหล่านี้ก่อตัวเป็นเงาสิ่งประหลาดจำนวนมาก พุ่งเข้าหาสวี่ชิงจากทั่วสารทิศ

และภาพมายาร่มผีของซือหม่าหรูบนศีรษะสวี่ชิงก็สะกดลงมาทันควัน

แต่เป็นแค่ร่มผีจะอาจหาญมาสะกดวิหคทองหรือ!

พริบตาต่อมา วิหคทองที่กลายเป็นมงกุฎจักรพรรดิ ก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน ดวงตาเผยแววหยามหมิ่น พุ่งทะยานขึ้นไป

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท