294 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะโจรสลัดอากาศ รูปร่างที่แท้จริง 6
ประเทศสีชอล์กที่ดูเหมือนส่องแสงภายใต้รอยยิ้มของเทพีอะคิโรโรนาติส
เป็นประเทศที่มีลักษณะเหมือนตัวตนของนักบุญที่หลีกเลี่ยงมลทิน ไม่ให้ปนเปื้อน และปฏิบัติตัวสมถะ
ดินแดนสีขาว อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ อัสตาเนีย
ที่นี่คือดินแดนต้นกำเนิดของโบสถ์เทพธิดาที่แพร่กระจายไปทั่วโลกก่อนที่แผ่นดินจะถูกฉีกกระชาก สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกล่าวกันว่าเป็นศูนย์กลางของโลกและเป็นแหล่งความมั่งคั่งและอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้
ว่ากันว่าแม้แต่ประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่สุดขอบโลก หรือแม้แต่ราชาผู้โหดเหี้ยมพันความตาย ไกสท์・อีส ผู้ซึ่งเคลื่อนทัพเพื่อมุ่งหวังที่จะเป็นผู้ปกครองทวีป ก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อเจตจำนงและความปรารถนาของศาสนจักรได้
พวกเขาเคยมีอิทธิพลมากขนาดนั้น
ได้รับการคุ้มครองโดย「พรแห่งเทพธิดา」อันโด่งดัง――แม้ว่าจะมีหลายทฤษฎีที่บอกว่ามันเป็น「บาเรีย」ที่เกิดจากพยายามสุดชีวิตของนักบุญก็ตาม――แม้ในขณะที่แผ่นดินแตกร้าวและกลายเป็นเกาะลอยฟ้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มีเพียงเล็กน้อย โบสถ์ และรูปปั้นเทพธิดาจากเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นก็กลายเป็นเรื่องราวของอดีตไปแล้วเช่นกัน
ความมั่งคั่งและอำนาจของศาสนจักรถูกสร้างขึ้นโดยเหล่านักบุญที่ทุ่มเททำงานรักษาบาดแผลและความเจ็บป่วย
พูดตรง ๆ พวกเขาได้รับเงินตราต่างประเทศจากการ「จัดส่งและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ที่เรียกว่านักบุญ」ทั้งยังได้สร้างสายสัมพันธ์และความไว้วางใจกับชนชั้นปกครองทั่วโลก
ยังไงก็ตาม สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปเมื่อโลกมีขนาดเล็กลง
ยา การรักษาพยาบาล และเวทมนตร์ที่สามารถทดแทนนักบุญได้ถูกพัฒนาขึ้น และปัจจุบันมีหลายกรณีที่นักบุญไม่จำเป็นอีกต่อไป
ผลที่ได้คือ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ อัสตาเนียในปัจจุบัน
แม้ว่าศาสนาของเทพธิดาจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นประเทศที่ค่อนข้างปกติ
――กล่าวคือ นี่คือประเทศที่ชื่อว่า อัสตาเนีย ที่เจ้าหญิงลำดับที่สองแห่งอาร์ตัวร์ อาเชียเซม เคยมาศึกษาแลกเปลี่ยน และเรียนรู้งาน
「ม๊า แต่ก็เป็นประเทศที่เข้มงวดใช่ได้เลยเน๊ะ」
เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่เธอสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าในเมืองอัสตาเนียจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
โดยปกติแล้วจะมีนักบวชและผู้ศรัทธาจำนวนมากในเมืองหลวงของอัสตาเนีย สามารถสังเกตได้เจอผู้ที่สวมจี้ที่มีสัญลักษณ์ศาสนาเทพธิดาอยู่
ในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาเคร่งศาสนากันอย่างมาก จนว่ากันว่าใครที่ไม่มีตราอาร์มจะถือว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่ทุกวันนี้ก็มีผู้คนที่อาศัยอยู่ในอัสตาเนียที่ไม่เชื่อในศาสนาของเทพธิดาอีกด้วยเช่นกัน
ยังไงก็ตาม อัสตาเนียก็ยังคงขึ้นชื่อในเรื่องของความเข้มงวดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง และดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักตั้งแต่สมัยโบราณ
อาเชียเซมก็แปลกใจเช่นกันเมื่อรู้เรื่องนี้
ประการแรก ชายและหญิงไม่ควรออกไปข้างนอกตามลำพังก่อนแต่งงาน
ผู้หญิงไม่ควรเปิดเผยผิวมากเกินไป
การโกงมีโทษประหารชีวิต
ไม่ว่าคุณจะสูญเสียคู่สมรสด้วยเหตุผลประการใด คุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานใหม่
ม๊า หากแค่ราว ๆ นี้ ก็ยังเป็นกฎที่ลูกสาวขุนนางยังคงสามารถคุ้นเคยได้
ยังไงก็ตาม เธอรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าคนธรรมดาสามัญก็ต้องการสิ่งเดียวกัน
แม้ว่าราชวงศ์และขุนนางจะร่ำรวยและมีอำนาจจำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ขาดอิสรภาพ
ส่วนสามัญชนไม่มีเงินหรืออำนาจมากนัก แต่กลับมีอิสรภาพ
อาเชียเซมมีความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่นี่เป็นวัฒนธรรมที่มีรากฐานครอบคลุมตั้งแต่รากเหง้า
เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะยอมรับวัฒนธรรมแบบนี้ เพราะว่าคนธรรมดาที่มีเงินน้อยและไม่มีอำนาจ ไม่ได้รับอนุญาตให้เสรีภาพด้วยซ้ำ นั่น่คือสิ่งที่เธอคิดกับตัวเอง
ว่ากันตามตรงแล้ว เธอยังคงคิดเกี่ยวกกับเรื่องพวกนี้。
「สำหรับหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกว่าอาร์ตัวร์หละหลอมเกินไปด้วยซ้ำเพคะ」
ลูนารินาที่เป็นทั้งสาวใช้และผู้คุ้มกันมาจากอัสตาเนีย
เธอเป็นหนึ่งในผู้สมัครอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่บัญเอิญกลายมาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนขออาเชียเซมที่มาเข้าโรงเรียนศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศนี้ เนื่องจากความเป็นเลิศและบุคลิกภาพของเธอ เธอจึงได้รับเลือกให้เป็นสาวใช้
「แต่คนหนุ่มสาวไม่สามารถแม้แต่จะออกเดทได้ ไม่ลำบากเกินไปหน่อยเหรอ?」
ที่อัสตาเนียผู้คนพบปะผู้คนผ่านการแนะนำจากพ่อแม่ ญาติ หรือที่ทำงาน
แทบไม่มีการแต่งงานด้วยความรัก ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการคลุมถุงชน และจบลงที่การแต่งงานโดยไม่ได้รู้จักกันดีนัก
สิ่งนี้น่าประหลาดใจมากสำหรับอาเชียเซมซึ่งเกิดและเติบโตในอาร์ตัวร์ และรู้จักราชวงศ์และขุนนางเกือบทั้งหมด
――นับตั้งแต่ราชาเมื่อประมาณสามชั่วอายุคนก่อน ราชวงศ์ของอาร์ตัวร์ก็มีคุณธรรมมากขึ้น
กล่าวกันว่าด้วยฐานะของประชาชนที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีการบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ เพราะพวกเขาตระหนักว่าอำนาจของชนชั้นปกครองเริ่มแสดงสัญญาณเสื่อมถอย รัฐบาลจึงตัดสินใจเลิกใช้วิธีสืบทอดแบบดั้งเดิม จากความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกชนชั้นสูง และกลุ่มต่าง ๆ
แต่ก็ด้วยเหตุนี้เองที่「สมาชิกราชวงศ์ที่ทำประโยชน์เพื่อชาติ」จะได้รับการยกเว้นจากการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะราชวงศ์บางอย่าง
กล่าวโดยสรุป คือการให้ความสำคัญกับผลกำไรที่จะเกิดขึ้นมากกว่าผลประโยชน์ของการแต่งงานทางการเมือง
ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าชายลำดับที่สอง ฮิเอโร่ และเจ้าหญิงลำดับที่สอง อาเชียเซม จึงยังไม่มีคู่หมั้น และสามารถหลีกเลี่ยงการได้รับอิทธิพล จากความสัมพันธ์หรือกลุ่มต่าง ๆ
หรือก็คือ ตราบใดที่คุณมีความสามารถ แม้แต่การแต่งงานในราชวงศ์หรือด้วยความรักก็ไม่ใช่ความฝัน
หากอีกฝ่ายไม่ได้เลวร้ายเป็นพิเศษราชาผู้มีคุณธรรมอาจจะอนุญาตให้แต่งงานกับขุนนางผู้ต่ำต้อยได้ ม๊า แต่เป็นไปไม่ได้สำหรับสามัญชน
「นับตั้งแต่ที่หม่อมฉันตัดสินใจที่จะเป็นนักบวช ดิฉันก็ไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งอีกแล้วล่ำเพค่ะ」
「น่าเสียดายจัง เธอออกจะสวยเน๊ะ」
「นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายในอาร์ตัวร์ เอาแต่บอกหม่อมฉันมากมายเสมอ」
「นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าฉันพูดจริงเน๊」
「หรือก็คือเป็นเพียงการแสดงออกถึงเจตนาแอบแฝงที่เหลาะแหละที่ทำให้ทุกคนเหลาะแหละ และแค่พูดอะไรด้วยเพียงสักนิดก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นกันแล้วอย่างงั้นเหรอเพคะ?」
「แห๊ม ต้องพูดว่าเหละแหละถึงสองรอบเลยเหรอ?」
ขณะที่เดินเคียงข้างกันและทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนั้น ทั้งสองคนก็เข้าใกล้วิหารเก่าแก่
「――เชิญผ่านไปได้เลย」
ก่อนที่ทหารรักษาการณ์จะหยุดไว้ สาวใช้ก็ก้าวเข้าไปข้างในโดยไม่หยุด ขณะแสดงบัตรประจำตัวของเธอ
「อาช่า!」
คนที่เธอส่งจดหมายมาเพื่อบอกว่ากำลังจะมาพบก่อนหน้านี้ ――นักบุญที่เธอรู้จัก ดูเหมือนกำลังรออยู่ใกล้ ๆ
สีหน้าของอาเชียเซมอ่อนลง เธอเริ่มพูดช้า ๆ กับเอกลักษณ์ประจำชาติอันแข็งแกร่งของอัสตาเนีย
「ฟิโลซามะ! ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วนะคะ!」
ฟิเลียริโอ・อัสตาเนีย
เธอเป็นนักบุญที่สืบทอดสกุลอัสตาเนีย และอยู่ในอันดับที่หก ในลำดับชั้นอันศักดิ์สิทธิ์
「――เห้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นสิเน๊」
หลังจากทักทายที่ได้เจอกันอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี พวกเธอก็ถูกพาไปที่ห้องส่วนตัวของฟิเลียริโอที่ด้านหลังพระวิหาร และอาเชียเซมก็อธิบายสถานการณ์โดยย่อ
ฟิเลียริโอ
หญิงสาวลึกลับที่มีผมสีเงินยาวสวย และดวงตาสีทอง อีกไม่นานเธอจะเข้าสู่วัยสามสิบ และสิ้นสุดวาระการเป็นนักบุญ
ทว่า รูปร่างหน้าตาของเธอกลับดูอ่อนเยาว์ผิดปกติ ทำให้ดูเหมือนเป็นหญิงสาวอายุเพียงประมาณยี่สิบปีเท่านั้น
เนื่องจากมีพลังเวทมนตร์จำนวนมาก จึงทำให้การเติบโตอายุทางกายภาพช้าลงไป นี่เป็นปรากฏการณ์ที่มักพบเห็นได้ในหมู่นักบุญระดับสูง ――นี่เป็นตรรกะเดียวกันกับรูปลักษณ์ที่ยังเยาว์วัยไม่สมอายุของเจ้าหญิงซิลเลน แห่งอาณาจักรทหารจักรกล มาเวเลีย
ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกนอกสมรสที่ถูกศาสนจักรพาเข้ามาก่อนที่จะจำความได้ เพราะว่าเธอมีผมสีเงินและมีแนวโน้มจะเป็นนักบุญ
ในขณะที่ฝึกฝนด้านการอ่าน พรสวรรค์ของเธอในด้านเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เบ่งบาน และปัจจุบันเธอก็อยู่ในอันดับที่หกในลำดับชั้นศักดิ์สิทธิ์……เธอได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอันดับที่หกในลำดับชั้นของนักบุญที่มีประมาณสองร้อยคน
อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าก่อนที่จะมาเป็นนักบุญจะเป็นขุนนางหรือคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนจักรก็ตาม หลังจากได้เป็นนักบุญแล้วก็จะถูกบังคับให้สวมเกี๊ยะเช่นเดียวกันทั้งหมด
นี่จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นอาชีพที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับบุตรนอกกฎหมายซึ่งชาติกำเนิดไม่แน่นอน
ปัจจุบันเธอมีความสัมพันธ์กับเจ้าหญิงแห่งอาร์ตัวร์ แต่เมื่อตอนที่ยังเด็ก เธอไม่มีเส้นสาย การบริจาค หรือการสนับสนุนใด ๆ สำหรับเธอ ความสนใจจึงมุ่งเน้นไปที่ความสามารถและโชคของเธอเท่านั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว หากดูเพียงความสามารถของเธอ ก็สามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าเธอควรเป็นผู้มี่อยู่อันดับหนึ่ง และอันดับสูงสุดในยุคของเธอ
「หมู่เกาะโจรสลัดอากาศ……ฉันได้ยินมาว่ามีสถานที่แบบนั้นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าในที่สุดก็ถึงเวลาบุกโจมตีแล้วสิเน๊ะ」
นักบุญจะไม่รู้เรื่องโลกภายนอก
คงเป็นปัญหาหากพวกเขาสนใจสิ่งอื่นและออกจากอัสตาเนียไป ดังนั้นทางวิหารจึงจัดการไม่ให้ข้อมูลภายนอกประเทศเข้ามามากเกินไป
――ณ จุดนี้เองที่อาเชียเซมซึ่งได้เข้าเรียนมาเป็นเด็กฝึกงานนักบุญ และจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ได้รับการสถาปนาขึ้นกับฟิเลียริโอผู้นี้
แม้จะไม่รู้เรื่องชาติกำเนิด แต่ฟิเลียริโอก็อาศัยและเติบโตที่นี่มาตลอดชีวิต และไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย
เป็นอาเชียเซมที่กระซิบสิ่งชั่วร้ายให้แก่ถึงนักบุญผู้บริสุทธิ์――ให้แก่เธอคนนี้เหมือนกับการล่อลวงของมารร้าย
สำหรับนักบุญผู้ไร้เดียงสา สไตล์การพูดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีของอาร์ตัวร์นั้นช่างน่าหลงใหล เป็นรสชาติอันรุนแรงเกินห้ามใจ และฟิเลียริโอก็ชอบมันมาก
เนื่องจากคุณธรรมและหลักคำสอนอันสูงส่งที่ถูกปลูกฝังจนแทบจะฝังแน่นในตัว เธอจึงไม่เคยมีความปรารถนาที่จะออกไปข้างนอก――แต่สุดท้ายก็การล่อลวงก็สำเร็จจนเกิดเป็นความคิดแผ่วเบาอย่าง「ฉันอยากจะทำอะไรเหมือนการผจญภัยอย่างน้อยสักครั้ง」
แม้ว่าความตั้งใจที่แท้จริงของอาเชียเซมจะเป็นการลากเธอไปแต่งงานกับคนในราชวงศ์ หรือขุนนางของอาร์ตัวร์ที่เหมาะสม เพื่อนำนักบุญผู้ยิ่งใหญ่และสายเลือดกลับไปสู่อาร์ตัวร์พร้อมกับตนเอง นั่นคือจุดประสงค์หลัก
แต่ก็ตามที่คาด ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นตามที่หวัง
ผู้หญิงที่กลายเป็นนักบุญมีพลังเวทมนตร์ และศรัทธาที่แข็งแกร่ง
ฟิเลียริโอรับฟังเรื่องราวจากอาเชียเซมอย่างสนุกสนาน แต่เธอก็ไม่คิดสิ่งที่ขัดต่อหลักคำสอน
เมื่อเขย่าเท่าไหร่รากฐานก็ไม่ขยับ เลยยอมแพ้ในส่วนนั้นไป
――แต่ ก็เฉพาะเรื่องนั้น
แม้ว่าจะล้มเหลวในการล่อลวงให้ไปสู่อาร์ตัวร์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะสิ้นสุดลง และความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นยังคงดีดังเดิม
「แล้วคิดว่ายังไงบ้าง?」
「เรื่องไหนเหรอ?」
「ฟิลิโอซามะ、อยากจะเป็นทาสและเดินทางไปสุ่หมู่เกาะโจรสลัดอากาศไหมคะ?」
「――อาร๊า」
ดวงตาของฟิเลียริโอที่ฟังเรื่องนี้ราวกับว่าเป็นแค่ปัญหาของคนอื่นเบิกกว้าง
「ฉันเป็นทาส……พูดให้ตรงก็คือร่างกายนี้จะถูกจับในฐานะความสำเร็จของโจรสลัดอากาศสินะ?」
「ไม่ชอบเหรอคะ? แน่นอนว่าเหล่าลูกเรือจะเป็นมิตรของคุณ และมีทหารของแว็ง เดอ ครุชติตตามไปด้วย และยังสามารถพาอัศวินศักดิ์สิทธิ์สองสามคนตามไปด้วยได้ค่ะ หากว่ายังคงรู้สึกกังวลอยู่ จะให้ฉันไปด้วยก็ได้นะคะ」
「เข้าใจล่ะ? ค่อนข้างมีความมั่นใจกันมากเลยเน๊」
「เพราะผู้ร่วมมือนั้นแข็งแกร่งมากเลยล่ะค่ะ」
เธอเห็นเองกับตาในการประลองของราชวงศ์ที่มาเวเลีย การจับคู่ประลองที่ควรรู้ผลลัพธ์แต่แรกจากการปะทะระหว่างทหารจักรกลกับมนุษย์
เริ่มแรกเธอดูมันผ่าน ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจมากนัก――แล้วคนที่ปรากฎที่นั่นก็กลายเป็นเนีย・ลิสตันที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างคาดไม่ถึง
เนีย・ลิสตัน เธอคือดาราใหญ่ในโลกเมจิกวิชั่น
เธอเองก็หวังมาตลอดว่าสักวันหนึ่งเธออยากจะพบเด็กคนนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเห็นอะไรเช่นนี้ที่มาเวเลีย
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นในงานระดับชาติ ทั้งได้รับการแนะนำให้รู้จักโดยราชาเอง ในฐานะแขกของรัฐ
ในสถานการณ์ที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ การประลองก็ได้เริ่มต้นขึ้น――
เธอได้แต่เฝ้าดูการประลองที่เต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจ
ความจริงที่ว่าเด็กคนนั้นซึ่งสามารถเป่าชิ้นส่วนโลหะที่เรียกว่า ทหารจักรกลได้อย่างง่ายดายด้วยการต่อยและเตะได้เข้าร่วมในการปฏิบัติการร่วมเพื่อปราบปรามหมู่เกาะโจรสลัดอากาศในครั้งนี้ในฐานะผู้นำ
ประการแรก ไม่มีปัจจัยของความพ่ายแพ้ด้วยกำลังได้เลย
ถัดมา นอกจากผู้บัญชาการทหารบก พลเอก ลอร์ดกวิน แห่ง กองทัพแว็ง เดอ ครุช จะเข้าร่วมในฐานะนายทหารฝ่ายเสนาธิการแล้ว ก็ยังมีนักผจญภัยริโนะคนนั้น และว่ากันว่ามีลูกศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันกับริโนะเข้าร่วมด้วย
แทบไม่มีปัจจัยของความลัมเหลวในการต่อสู้เลยแม้เพียงน้อยนิด
「หากแผนการและสถานการณ์ดำเนินไปอย่างถูกต้องก็จะมีคนมีความสามารถมากมายที่สามารถเข้ามารับช่วงต่อได้โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือ เป็นม้าที่ชนะโดยสมบูรณ์แบบ ฉันรู้สึกมั่นใจในชัยชนะมากพอที่จะกล้าเดิมพันชีวิต」
เธอไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของเนีย・ลิสตัน แต่มันก็น่ากลัวแม้กระทั่งกับสายตาของผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคลับสุดยอดที่ปล่อยออกมาในตอนท้ายของการประลอง คลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตาย เปลวไฟสีน้ำเงินที่เป็นเทคนิคอันยอดเยี่ยมที่คล้ายกับเวทมนตร์โบราณอันยิ่งใหญ่ที่เคยได้ยินในเทพนิยายมาก่อน กับคนที่ปล่อยพลังอะไรแบบนี้ได้จะยังมีเหตุผลอะไรที่ทำให้แพ้โจรสลัดอากาศได้กันล่ะ
「ไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเหรอ? เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้จริงไหม?」
「――เช่นนั้น อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองไหมล่ะคะ?」
「ฟุหืม?」
ขณะที่อาเชียเซมกำลังยิ้มยั่วยวน ฟิเลียริโอก็คิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงได้ขอสรุปอย่างรวดเร็วว่า「ม๊า จะยังไงก็ได้」
「ฉันไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ หากไม่เข้าใจสถานการณ์จริง ๆ ทว่า ด้วยที่ตั้งของหมู่เกาะโจรสลัดอากาศแล้ว ฉันไม่คิดว่าอัสตาเนียคงไม่สามารถมองข้ามความจริงที่ว่าประเทศอื่น ๆ จะได้ครอบครองหมู่เกาะเหล่านั้นไปได้」
ถูกต้องเลย
ถ้าแม้แต่ฟิเลียริโอซึ่งไม่รู้สถานการณ์ในต่างประเทศ ก็ยังเข้าใจได้ว่าไม่มีทางที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์จะไม่ให้ความร่วมมือ
สิ่งที่เหลืออยู่คือการขอยืมตัวนักบุญ
ต่อให้ไม่ใช่ฟิเลียริโอ ขอแค่เป็นใครก็ได้ตราบใดที่ยังเป็นนักบุญ ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรเป็นคนผมสีเงินซึ่งจะทำให้เห็นแล้วบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นนักบุญ แต่เธอจะไม่พูดเกินจำเป็นขนาดนั้น
คงจะดีไม่น้อยหากพวกเขาอนุญาตให้เธอสามารถยื่มใช้ชื่อได้ชั่วคราว แม้ว่าเธอจะเคยปฏิเสธการเสนอชื่อไปแล้ว แต่เธอก็ผ่านการทดสอบความเป็นนักบุญเรียบร้อยแล้ว เธอมีความสามารถในการเป็นนักบุญ
「ฉันจะเรียกใครสักคนที่เข้าใจเรื่องราวมาได้ไหม?」
「ค่ะ แน่นอน」
「――กรุณาเรียกไรจิซามะ หรืออิกซิโอซามะมาด้วยค่ะ」
ฟิเลียริโอสั่งให้นักบุญฝึกหัดที่ยืนอยู่ข้างกำแพง เธอตอบรับแล้วออกจากห้องไป
บาทหลวงอิกซิโอ อัศวินศักดิ์สิทธิ์ไรจิ
ไม่ว่าจะคนไหนก็เป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจพอสมควร และอยู่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางของวิหาร
ไม่ว่าใครจะมา การเจรจาที่แท้จริงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
「ยังไงก็เถอะ อาช่า」
「คะ」
「มีสุภาพบุรุษที่แสนยอดเยี่ยมอยู่ในโจรสลัดอากาศที่จะทำให้ฉันเป็นทาสไหม?」
「อ้าー…………ยังหาอยู่อีกเหรอคะ?」
「ใช่ ฉันบอกไปแล้วว่าจะลาออกจากการเป็นนักบุญไง ยังไงก็เถอะ ฉันคิดว่าหาคนไม่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรจะดีกว่า เราคุยกันเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?」
「นอกจากนี้ ฉันไม่ต้องการขุนนางระดับสูงที่มีแต่ปัญหา ดังนั้นหากเป็นไปได้ ฉันอยากจะใช้เวลาพักผ่อนที่บ้านไร่ในชนบท ทำงานกับดิน ทำอาหาร และทำขนมที่ฉันอยากกิน นั่นคือที่เคยพูดไว้ด้วยสินะคะ」
「เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุภาพบุรุษ ฉันอยากมีความรัก」
「นั่นสิเน๊……พูดถึงคนที่ดูดีในวัยสามสิบ――」
「อายุยี่สิบเจ็ด」
「คะ?」
「ฉันบอกว่าฉันอายุยี่สิบเจ็ดปี โปรดจำไว้ด้วย」
「……แม้ว่าจะใกล้จะเกษียณแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นนักบุญ ดังนั้นแล้วเรามาหยุดโกหกกันเถอะค่ะ」
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณ คุณพันธวงศ์ กสิกรไทย X-2186 มาก ๆ ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ