ตอนที่ 882 เรื่องประหลาดใจ
การแข่งขันออกแบบถุงเท้าที่จัดโดยร้านขายถุงน่องเจียเหม่ยเมื่อปลายปีที่แล้วได้สิ้นสุดลงแล้ว
ปรากฏว่าผลตอบรับดีเกินคาด
ร้านขายถุงน่องเจียเหม่ยได้คัดเลือกรางวัลสามอันดับแรกจากผลงานสวยงามจำนวนมากที่ส่งเข้ามา และรักษาสัญญาว่า ผู้ชนะรางวัลที่หนึ่งถึงสามทั้งหมดจะได้ทำงานเป็นนักออกแบบของร้านขายถุงน่องเจียเหม่ย
หลินม่ายไม่ละทิ้งผลงานดี ๆ เหล่านั้นที่ไม่ได้รับรางวัล ผลงานทั้งหมดที่เธอเลือกจะรับการตัดสินให้ได้รับรางวัลพิเศษและซื้อลิขสิทธิ์ ดังนั้นความพยายามของผู้สมัครที่ทำงานหนักจะไม่สูญเปล่า
แม้ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ได้ทำให้ร้านขายถุงน่องเจียเหม่ยเสียค่าใช้จ่ายมากนัก แต่มันก็สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับสาธารณชน
ถุงเท้าคู่แรกของฤดูกาลใบไม้ผลิหน้าจะใช้การออกแบบที่ได้รับรางวัลเหล่านี้
พอเปิดตัวถุงเท้า มันจะขายดีทั้งในและต่างประเทศ
เรียกได้ว่าลงทุนน้อยแต่ได้ผลกำไรเยอะ แล้วยังสามารถคัดเลือกนักออกแบบที่น่าพอใจ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงที่ดีจริง ๆ
ไม่นานก็ถึงวันประมูลราคาสัมปทานรถไฟใต้ดิน
หลินม่ายและเจียวอิงจวิ้นพาคุณเจิ้งไปยังสถานที่ประมูล พวกเขาทำตัวเหมือนบอดี้การ์ด คนหนึ่งประกบด้านซ้าย ส่วนอีกคนอยู่ด้านขวา
ภายในงานคับคั่งไปด้วยตัวแทนหน่วยงานที่มาประมูล
ครั้งนี้เธอไม่เห็นผู้รับเหมา เพราะการเข้าถึงสถานที่แห่งนี้มีเงื่อนไข
พวกเขาต้องแสดงใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ใบอนุญาตก่อสร้าง และเอกสารอื่น ๆ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม นับประสาอะไรกับการประมูล
เมื่อหลินม่ายและพรรคพวกเข้ามาในงานประมูล พวกเขาจึงรู้ว่าผู้ประมูลทั้งหมดมาจากแผนกก่อสร้างของหน่วยงานของรัฐ และมีเพียงว่านถงกรุ๊ปที่เป็นองค์กรเอกชน
ผู้นำด้านอุตสาหกรรมอย่างสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งแรกถึงแห่งที่เก้า ต่างก็พร้อมใจกันลงแข่งขันเพื่อแย่งชิงเค้กก้อนใหญ่นี้
เจียวอิงจวิ้นโน้มตัวไปกระซิบข้างหูหลินม่ายว่า “อย่างกับศึกชิงมรดกของตระกูลหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ ผมเกรงว่าเราคงจะไม่มีบทบาทมากนัก”
หลินม่ายคิดแบบนั้นเช่นกัน
ในความทรงจำของเธอ โครงการสำคัญ ๆ ของรัฐบาล เช่น การก่อสร้างสะพานและรถไฟใต้ดินมักถูกทำสัญญาโดยบริษัทก่อสร้างที่มีอำนาจของรัฐเหล่านี้
แต่ในเมื่อทุกคนมากันแล้ว เช่นนั้นก็ขอแค่ได้มีส่วนร่วม
วันนี้ไม่มีการเสนอราคา เจ้าภาพขอให้เสมียนส่งภาพวาดเส้นทางรถไฟใต้ดินให้ผู้ร่วมงานแต่ละคน
ให้พวกเขาออกแบบแปลนแล้วนำไปประกวดราคาอย่างเป็นทางการต่อไป
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา การประมูลก็สิ้นสุดลง และตัวแทนของหน่วยที่มาประมูลก็ทิ้งแบบวาดไว้ทั้งหมด
หลินม่ายขับรถให้คุณเจิ้งและเจียวอิงจวิ้นไปสำรวจภาคสนามตามแบบรถไฟใต้ดินที่เสมียนให้มา
ในขณะที่เจียวอิงจวิ้นช่วยเหลือคุณเจิ้งเดินสำรวจบริเวณ หลินม่ายก็ซ่อนตัวอยู่ในรถและคอยดูแลมู่ตงตัวน้อย
การออกมาข้างนอกครั้งนี้ หลินม่ายพาน้าทังและเสี่ยวมู่ตงมาด้วย
สายรถไฟใต้ดินสำหรับการประมูลราคาครั้งนี้คือสายรถไฟใต้ดินหมายเลข 2 ในเมืองหลวง โดยมีความยาวรวมประมาณ 23.1 กิโลเมตร
หลังจากเดินครบระยะ ท้องฟ้าก็มืดสนิท จากนั้นหลินม่ายก็ขับรถไปรับพวกเขา
หลินม่ายส่งคุณเจิ้งกลับโรงแรมที่เขาพัก และกำชับเจียวอิงจวิ้นให้ดูแลคุณเจิ้งเป็นอย่างดี จากนั้นเธอจึงพาเสี่ยวมู่ตงและน้าทังกลับบ้าน
ทันทีที่กลับเข้ามาในบ้าน ทุกคนถามหลินม่ายกันยกใหญ่ว่าเธอมีความแน่ใจแค่ไหนที่จะชนะการประมูลรถไฟใต้ดินสายที่ 2
หลินม่ายโบกมือด้วยความหงุดหงิด “แทบไม่มีความแน่ใจเลยค่ะ”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”
หลินม่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง จากนั้นผายมือออกและพูดว่า “เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรทั้งเก้าเหล่านั้น ว่านถงกรุ๊ปของเราไม่ต่างจากหนอน ความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย และไม่มีทางแข่งขันการประมูลกับพวกเขาได้หรอกค่ะ”
ฟางจั๋วหรานพูด “อย่าพูดถึงเรื่องงานอีกเลย นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกินข้าวหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้กินก็รีบมากินเถอะ”
“ยังค่ะ ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก”
น้าถูที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็รีบยกสำรับอาหารที่เก็บไว้ให้หลินม่ายและน้าทังมาวางบนโต๊ะ เพื่อที่พวกเธอจะได้มากิน
สำรับอาหารมีทั้งซี่โครงหมูตุ๋น เนื้อซี่โครงกับมะเขือเทศ เช่นเดียวกับผักโขมและดอกเก๊กฮวยล้วนเป็นอาหารจานโปรดของหลินม่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักโขมและดอกเก๊กฮวยที่ทั้งสดและอ่อน หลินม่ายออกปากชมไม่หยุด
คุณย่าฟางมองเธอด้วยความเอ็นดู “ถ้าหลานชอบกินขนาดนั้น พรุ่งนี้น้าถูจะได้เตรียมไว้ให้อีก ยังมีผักโขมและดอกเก๊กฮวยในแปลงผักของคุณปู่อีกมาก แล้วก็มีผักชีกับต้นหอมที่กำลังจะโตด้วย ไว้เรามาทำขนมจีบกินกัน”
หลินม่ายเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “คุณปู่มีแปลงผักด้วยเหรอคะ?”
คุณปู่ฟางพูดด้วยความลำบากใจ “ชายชราคนหนึ่งในหมู่บ้านในเมืองให้ปู่เช่าแปลงผักขนาดใหญ่น่ะ”
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านสไตล์ตะวันตกหลังนี้ หลินม่ายกังวลว่าชายชราจะไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในที่แปลกใหม่
แม้บ้านหลังเล็กนี้จะมีสวนหลังบ้าน แต่สภาพแวดล้อมโดยรวมก็ยังด้อยกว่าบ้านเก่าในเมืองหลวง
สนามหลังบ้านเล็กเกินไป คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางทำได้เพียงปลูกหอมแดงและกะหล่ำปลีเล็กน้อยเท่านั้น
แตกต่างจากบ้านหลังเก่าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้ว่าจะปลูกผักไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถปลูกดอกไม้และไม้ผลมากมาย
เธอไม่นึกเลยว่าปู่ฟางกับย่าฟางจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้
ไม่เพียงแต่เริ่มสนิทสนมกับชายชราและหญิงชราในหมู่บ้านในเมืองเท่านั้น แต่เขายังเช่าแปลงผักอีกด้วย
ด้วยแปลงผักขนาดใหญ่ คู่รักวัยชราก็สามารถใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างมีความสุข
หลังอาหารเย็น ครอบครัวของหลินม่ายสามคนกลับไปที่ห้องของตัวเองบนชั้นสาม
เมื่อเดินผ่านชั้นสอง หลินม่ายไปที่ห้องของโต้วโต้วเพื่อดูว่าหล่อนตั้งใจเรียนหรือไม่
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยชิงหวา หลินม่ายได้จ้างเด็กปี 1 ที่ยากจนให้มาเป็นครูสอนพิเศษของโต้วโต้ว และเขามาสอนพิเศษให้หล่อนวันเว้นวัน
หลินม่ายผลักประตูให้เปิดอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าโต้วโต้วยังคงตั้งใจเรียนกับครูสอนพิเศษ เธอจึงมาและจากไปอย่างเงียบงัน
ถึงจะต้องดูแลเสี่ยวมู่ตง แต่หลินม่ายก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่เพิกเฉยต่อโต้วโต้ว
แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่โต้วโต้วไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของหลินม่าย หล่อนอาจจะอ่อนไหวขึ้นเมื่อมีเสี่ยวมู่ตงเข้ามาในบ้าน
และถึงแม้ว่าโต้วโต้วจะเป็นลูกแท้ ๆ แต่เพราะถูกแย่งความรักจากพ่อแม่ ลูกคนโตอาจเกิดความกังวล
ในฐานะแม่ ขณะที่ดูแลลูกคนที่สอง เธอต้องคำนึงถึงอารมณ์ของลูกคนโตด้วย
ทั้งคู่กลับไปที่ห้อง หลินม่ายวางทารกไว้บนเตียงและมอบของเล่นสองชิ้นให้เขาเล่น
ก่อนที่เธอจะเริ่มเรียนหนังสือ
ฟางจั๋วหรานหยิบหนังสือมาอ่านเช่นกัน แต่เหลือบมองเธอเป็นครั้งคราว
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณแอบมองฉันทำไม?”
“ผมไม่ได้แอบมอง ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงเป็นห่วงฉันล่ะ?”
“ผมเกรงว่าคุณจะไม่ชนะประมูลโครงการรถไฟใต้ดิน แล้วจะรู้สึกเศร้าใจ”
หลินม่ายตอบกลับ “มีโอกาสมากมายที่จะทำเงิน ฉันไขว่คว้าทุกโอกาสไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าจริง ๆ นอกจากนี้ข้อกำหนดในการสร้างเส้นทางรถไฟใต้ดินยังสูงมาก ฉันเกรงว่าต่อให้ชนะการประมูล ว่านถงกรุ๊ปก็อาจจะไม่สามารถทำได้”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินภรรยาของเขาพูดเช่นนี้
มันเป็นเรื่องดีที่สุดหากภรรยาเขาคิดได้แบบนั้น
ทั้งคู่เพิ่งคุยกันเสร็จ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู
ฟางจั๋วหรานยื่นขายาวของเขาออกไปเปิดประตู ก่อนเห็นคุณย่าฟางยืนข้างนอก
ทั้งคู่รีบให้คุณย่าฟางเข้ามาในห้อง
หลินม่ายถาม “คุณย่าขึ้นมาข้างบนทำไมคะ?
ถึงจะมีคำขอเร่งด่วนอะไร คุณย่าใช้โทรศัพท์โทรหาเราจากชั้นล่างก็ได้ อายุขนาดนี้แล้ว การเดินขึ้นชั้น 3 คงลำบากมาก”
คุณย่าฟางโบกมือพลางกล่าวน่าสงสัย “ย่าโทรหาพวกเธอจากชั้นล่างไม่ได้ เดี๋ยวคุณปู่แกจะได้ยิน”
หลินม่ายเบิกตากว้าง “คุณย่าต้องการซ่อนอะไรจากคุณปู่คะ?”
คุณย่าฟางกล่าว “ไม่ได้จะซ่อนจากคุณปู่ แค่อยากทำให้เขาประหลาดใจ”
ตั้งแต่ครอบครัวย้ายมาอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยชิงหวาเพื่อที่หลินม่ายสามารถไปโรงเรียนและให้นมลูกได้ มันก็ไม่สะดวกอย่างยิ่งสำหรับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางที่จะไปที่สวนสาธารณะทุกวันเพื่อฝึกไทเก็กและพูดคุยกับอดีตสหายร่วมรบและเพื่อนฝูง
การเดินทางโดยรถประจำทางทุกวันต้องใช้เวลาและความพยายาม
คุณย่าฟางเพียงต้องการให้หลินม่ายและสามีซื้อรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลให้กับคุณปู่ฟาง เพื่อที่คู่สามีภรรยาชราสามารถเดินทางได้สะดวก
ก่อนที่หลินม่ายจะกล่าวสิ่งใด ฟางจั๋วหรานรีบตอบตกลงทันที
นอกจากนี้หลินม่ายยังขอให้คุณย่าฟางอธิบายลักษณะของรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องการซื้อให้คุณปู่ฟาง เพื่อที่เธอจะได้ซื้อไม่ผิดรุ่น
หลังจากคุณย่าฟางอธิบายเสร็จ หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่รถสำหรับคนพิการในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าเหรอ?
รถสำหรับผู้พิการประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่า รถสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุในการขับขี่
หลินม่ายบอกกับย่าฟางว่า หลังจากผ่านการประมูล เธอจะหาซื้อรถเก่าให้กับคุณปู่ฟาง
คุณย่าฟางโบกมือ “ไม่ต้องรีบร้อน แค่อย่าลืมก็พอ”
ไม่กี่วันต่อมา เมื่อคิดว่าผลประกาศการประมูลควรออกแล้ว หลินม่ายและเจียวอิงจวิ้นก็พาคุณเจิ้งไปยังสถานที่ประมูลอีกครั้ง
การมาครั้งนี้ยังไม่มีการประกาศผล แต่การออกแบบของทุกบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลถูกนำออกไป และมีการกล่าวว่าผลลัพธ์จะออกในหนึ่งสัปดาห์
เวลาผันผ่านเข้าสู่เดือนมีนาคม
วันที่ 1 มีนาคมเป็นวันอาทิตย์ หลินม่ายขับรถพาน้าทังและพี่น้องสองคนไปซื้อรถสามล้อคันเก่าให้กับคุณปู่ฟาง
เธอเลือกรถเก่าที่แพงที่สุดและสภาพดีที่สุด
ล้อของรถคันเก่านั้นสูงและใหญ่มาก แม้ว่าฝนจะตกหนักจนน้ำท่วมถนน แต่รถยังคงสามารถแล่นต่อได้
ที่นั่งด้านหลังนั้นใหญ่เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่สองคนและเด็กหนึ่งคน
เบาะนั่งด้านหน้ามีหลังคาขนาดเล็กและเบาะหลังเป็นแบบรถเก๋งขนาดเล็ก สามารถใช้เดินทางได้แม้ในสภาพอากาศที่ฝนตกและหิมะตกโดยไม่เปียก
ในยุคสมัยนี้ รถเก่าประเภทนี้ราคาไม่ถูกเลย และมีราคาสูงกว่าหลายพันหยวน
ผู้ที่มาซื้อรถไม่เพียงมีแต่ผู้สูงอายุที่มีฐานะทางครอบครัวที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนด้วย
จะเห็นได้ว่าคนจีนคลั่งไคล้รถมาก ๆ ถ้าซื้อรถยนต์ไม่ได้ ก็จะซื้อรถสามล้อแบบนี้ไปก่อน
เมื่อหลินม่ายซื้อรถ เธอจึงรู้ว่ายุคนี้รถสามล้อดังกล่าวไม่ได้เรียกว่ารถสำหรับผู้พิการ นับประสาอะไรกับสกูตเตอร์สำหรับผู้สูงอายุ แต่มันเรียกว่าสามล้อเครื่องยนต์ดีเซล
รถประเภทนี้มีใบอนุญาตได้ และทุกคนสามารถขับบนถนนได้
ซึ่งแตกต่างจากชีวิตที่แล้วของหลินม่าย ที่คนพิการไม่สามารถขับรถบนถนนได้
เมื่อหลินม่ายได้รับป้ายทะเบียนของสามล้อแล้ว เธอขอให้เสมียนช่วยขับรถไปที่สวนสาธารณะที่คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมักไปออกกำลังกายกับพรรคพวก
คุณปู่ฟางและชายชราสองสามคนกำลังดูรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลที่สหายร่วมรบคนหนึ่งเพิ่งซื้อมา
ดวงตาของคุณปู่ฟางเต็มไปด้วยความอิจฉา และเขาเกือบจะน้ำลายไหล
คุณย่าฟางขยับมือและขากับหญิงชราสองสามคน ขณะสนทนาเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน
หญิงชราคนหนึ่งเห็นหลินม่ายลงจากรถ จึงถามว่า “นั่นหลานสะใภ้ของเธอหรือเปล่า? เด็กคนนั้นดูอ้วนขึ้นมากเลยนะ”
คุณย่าฟางมองตามก็บอกว่าใช่ ก่อนเหลือบมองหญิงชราคนนั้นอย่างไม่พอใจและพูดว่า “ลูกสะใภ้บ้านเธออาจจะอ้วน แต่ลูกสะใภ้ของฉันไม่ได้อ้วนเลย แค่ขนาดกำลังพอดี!”
ด้วยมิตรภาพที่ยาวนานหลายสิบปี พวกนางก็อยู่ด้วยกันมาจนถึงวัยชรา ไม่มีหญิงชราคนใดใจแคบเลย
เมื่อได้ยินคุณย่าฟางพูดแบบนั้น พวกนางทั้งหมดก็หัวเราะอย่างมีความสุข
คุณย่าฟางโบกมือให้หลินม่าย “หลานมาทำอะไรที่นี่?”
หลินม่ายชี้ไปยังรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลใหม่เอี่ยมที่เธอเพิ่งซื้อ และขอให้เสมียนขับตามมาให้ถึงสวนสาธารณะ
เธอยิ้มให้คุณย่าฟางและพูดว่า “นี่รถสำหรับคุณปู่ค่ะ”
คุณย่าฟางยิ้มกว้างทันทีและตะโกนเรียกคุณปู่ฟาง “ตาเฒ่า ม่ายจื่อซื้อรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลมาให้แล้ว อย่าไปอิจฉาคนอื่นอยู่เลย!”
คุณปู่ฟางเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดด้วยความประหลาดใจ “ไหน รถอยู่ที่ไหน?”
หลินม่ายชี้ไปที่รถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลและพูดด้วยรอยยิ้ม “อยู่นี่ไงคะ!”
คุณปู่ฟางมีความสุขมากขณะที่เขาวิ่งเหยาะ ๆ มาตลอดทาง
เสมียนคนนั้นรู้งานเป็นอย่างดี เขาลงจากรถและกล่าวคำลากับหลินม่าย ก่อนจะจากไป
โดยไม่คำนึงถึงแขนและขาที่แก่ชราของตัวเอง คุณปู่เข้าไปนั่งประจำที่สำหรับคนขับ ขอให้คุณย่าฟางอุ้มเสี่ยวมู่ตงไปนั่งที่เบาะหลังกับโต้วโต้ว ก่อนจะขับรถพวกเขาไปรอบ ๆ สวนสาธารณะ
อันที่จริงเขาแค่อยากขับรถผ่านหน้าสหายของเขา เพื่ออวดว่าเขามีรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลด้วย
แถมยังใหม่กว่าของพวกเขา เพียงมองแวบแรกก็รู้ว่ามันมีราคาแพงมาก
คุณปู่ฟางขับรถวนในสวนสาธารณะสองรอบ ไม่เพียงดึงดูดสายตาที่อิจฉาของสหายเก่า แต่ยังดึงดูดสายตาที่อิจฉาของชายชราหลายคนที่เขาไม่รู้จักในสวนสาธารณะอีกด้วย
รถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลเป็นที่นิยมมากในหมู่ชายชรา ซึ่งหลายคนต่างก็อยากได้มาครอบครอง
ทว่าราคาแพงเกินไป ไม่ใช่ลูกหลานทุกคนที่จะเต็มใจซื้อให้
หลินม่ายเห็นว่าคู่รักชราและลูกสาวนั่งรถอย่างสนุกสนาน เธอก็พลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงเวลากลับบ้าน เด็กทั้ง 2 คนไม่ยอมนั่งรถเบนซ์ของหลินม่าย และยืนยันที่จะนั่งรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลของคุณปู่ฟาง
ท้ายที่สุดหลินม่ายจึงขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์กลับบ้านพร้อมกับน้าทัง
คุณปู่ฟางพาคุณย่าฟางและหลานอีกสองคนกลับบ้านด้วยรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซล
เมื่อไปถึงหมู่บ้านแล้ว เขาขับรถอวดชายชราในหมู่บ้านอยู่พักหนึ่ง
ด้วยรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซล คุณปู่ฟางไม่เพียงสามารถพาคุณย่าฟางและโต้วโต้วไปเที่ยวรอบ ๆ เท่านั้น แต่เขายังสามารถขับรถไปรับและส่งโต้วโต้วกลับจากโรงเรียน ทั้งยังไม่ต้องทนกับฟ้าฝนอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้มีลมแรงและฝนตกตลอด การไปรับส่งโต้วโต้วจึงเป็นเรื่องยากมาก
โดยปกติแล้วในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ น้าถูจะเป็นคนไปรับและส่งโต้วโต้วเสมอ
มันไม่สมควรที่จะให้ผู้สูงอายุสองคนไปรับและส่งหนูน้อย ถ้าพวกเขาเจ็บป่วยหรือหกล้มระหว่างทางคงจะลำบากมาก
แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม้ว่าจะมีลมแรงหรือฝนตก คุณปู่ฟางก็สามารถขับรถสามล้อเครื่องยนต์ดีเซลสุดที่รักไปรับส่งหลานได้
แม้แต่ตอนที่คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางไปยังแปลงผักที่เช่าไว้ เขาก็สามารถใช้รถคันนี้แทนที่จะเดิน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตกใจเลย นึกว่าย่าฟางมีความลับอะไร ที่แท้ก็วางแผนเซอร์ไพร์สคุณปู่นี่เอง คู่รักชราเขาน่ารักกันมากเลย
ไหหม่า(海馬)