ราชาซากศพ – บทที่ 286 น้องชายคนใหม่

ราชาซากศพ

บท​ที่​ 286

น้องชาย​คน​ใหม่​

ลึก​ลง​ไป​ใน​ทุ่ง​ขจี​ มีหุบเขา​หนึ่ง​ตั้งอยู่​ที่นี่​ ตามที่​จื่อห​ยู​กล่าว​ หุบเขา​นี้​ เดิม​ไม่ได้​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​ทุ่ง​ขจี​ แต่​เป็น​นาง​ ที่​เมื่อ​หลาย​หมื่น​ปีก่อน​ นาง​พา​คน​มาครอบครอง​ที่นี่​ และ​ไม่ว่า​นาง​จะมีพลัง​มาก​เพียงใด​ ในเวลานั้น​ ก็​สามารถ​ครอบครอง​พื้นที่​ได้​หนึ่ง​ใน​สามเท่านั้น​

“ พรึ่บ​ … !” เงาดำ​ขนาดใหญ่​ บิน​เหนือ​จาก​ที่สูง​ กวาด​ไป​ทั่ว​หุบเขา​ และ​แม่น้ำ​ พลัง​ปราณ​ที่​แข็งแกร่ง​แผ่ซ่าน​ออกจาก​ร่างกาย​

เงาดำ​ขนาดใหญ่​นี้​คือ​ ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ บริเวณ​หลัง​ของ​มัน​ ปรากฏ​ร่าง​ทั้งหมด​สี่คน​ ได้แก่​ หลิน​เว่ย​ จื่อห​ยู​ และ​สัตว์​อสูร​ ตน​อื่น​ ๆ สำหรับ​ เสี่ยว​ชิงและ​มังกร​ดำ​ที่​เพิ่ง​ทำสัญญา​กับ​หลิน​เว่ย​ หลิน​เว่ย​ไม่ต้องการ​การปกป้อง​จึงไม่ได้​เรียก​ออกมา​ รวมทั้ง​ เสี่ยว​ชิง หาก​หลิน​เว่ย​ต้อง​เดินทาง​ไป​ด้วย​ตนเอง​ ต้อง​ใช้เวลา​อย่าง​น้อย​สอง​วัน​ แม้ว่า​เขา​จะมีเสี่ยว​เฟย​ ระยะเวลา​อาจ​สั้น​ลง​ครึ่งหนึ่ง​ แต่​ก็​เทียบ​ไม่ได้​กับ​อินทรี​พยัคฆ์​ ที่​ใช้เวลา​เพียง​ชั่วโมง​กว่า​ ๆ

“สมกับ​เป็น​สัตว์​อสูร​บิน​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ ความเร็ว​น่า​เหลือเชื่อ​” หลิน​เว่ย​มอง​ไป​รอบ​ ๆ และ​มอง​ลง​ไป​ที่​ทิวทัศน์​ด้านล่าง​ เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​อุทาน​ออกมา​

“เป็น​อะไร​ไป​! แม้ว่า​อินทรี​พยัคฆ์​จะอยู่​ใน​ประเภท​สัตว์​อสูร​บิน​ แต่​ความเร็ว​ของ​มัน​สามารถ​ถือได้ว่า​อยู่​ใน​ระดับ​กลาง​ และ​ระดับสูง​เท่านั้น​ มัน​เร็ว​กว่า​สัตว์​อสูร​ตน​อื่น​ ๆ พี่สาว​เช่น​ข้า​ รู้​ว่า​ใน​พื้น​ที่อื่น​ของ​หุบเขา​ มีนก​อินทรี​ไล่ลม​ที่​มีความ​แข็งแกร่ง​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ ซึ่งมีความเร็ว​มาก​ แม้ว่าความ​แข็งแกร่ง​ของ​มัน​จะไม่ดี​เท่า​ของ​ข้า​ แต่​ความเร็ว​ของ​มัน​ก็​เร็ว​เกินไป​ และ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่สามารถ​เทียบ​ได้​ “จื่อห​ยู​ได้ยิน​หลิน​เว่ย​ยกย่อง​ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​มาก​ จน​นา​งอด​ไม่ได้​ที่จะ​อ้าปากค้าง​ มอง​ไป​ที่​หลิน​เว่ย​ด้วย​สายตา​คู่​หนึ่ง​อย่าง​ดูแคลน​

“แค่​กๆ!”​ แม้ว่า​หลิน​เว่ย​จะหน้าหนา​ แต่​เขา​กลับ​ถูก​สัตว์​อสูร​ดูแคลน​ เขา​เกา​ศีรษะ​และ​แสร้ง​ไอ​สอง​ครั้ง​ และ​พูดว่า​ พี่สาว​ จื่อห​ยู​มีสัตว์​อสูร​ระดับ​สูงสุด​มากมาย​ ใน​หุบเขา​นี้​งั้น​เหรอ​?”

ทันทีที่​เขา​พูด​สิ่งนี้​ออกมา​ จื่อห​ยู​และ​คนอื่นๆ​กลอกตา​มอง​หลิน​เว่ย​ ที่​ยัง​ตกตะลึง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​หัวเราะเยาะ​ตัวเอง​ เขา​แค่​อยาก​จะเปลี่ยน​หัวข้อ​ แต่​เขา​ไม่ได้​คาดหวัง​ ตนเอง​กลับ​ทำ​เสีย​เรื่อง​อีกครั้ง​ ใบหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​ร้อนผ่าว​จน​เขา​เกา​หัว​อีกครั้ง​

มีปัญหา​ใหญ่​กับ​คำพูด​ของ​เขา​ ใน​สถาน​ที่ลับ​นี้​ อาจ​มีสัตว์​อสูร​อยู่​ใน​ระดับ​สูงสุด​ของ​สัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​ แต่​ก็​ไม่สามารถ​มีได้​มากเกินไป​ ยิ่งไปกว่านั้น​ เป็นไปไม่ได้​ที่​จื่อห​ยู​จะครอบครอง​หนึ่ง​ใน​สามของ​หุบเขา​

“ น้องชาย​ของ​ข้า​ยัง​เด็ก​เกินไป​ ที่จะ​มีความรู้​เพียงพอ​ใน​หุบเขา​นี้​ สัตว์​อสูร​เพียง​ตน​เดียว​ ที่​มีความ​แข็งแกร่ง​ถึงจุดสูงสุด​ของ​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ คือ​พี่สาว​ ข้า​และ​นก​อินทรี​ที่​ไล่ลม​ พวกเรา​ครอบครอง​พื้น​ที่หนึ่ง​ใน​สามตามลำดับ​

และ​อีก​หนึ่ง​ใน​สาม ถูก​ครอบครอง​โดย​ จื่อ​เตียน​เจียว​” จื่อห​ยู​เห็น​การแสดงออก​ที่​น่าอาย​บน​ใบหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​และ​ นาง​หัวเราะ​ทันที​ นาง​เอื้อมมือ​ไป​ลูบ​ศีรษะ​ของ​หลิน​เว่ย​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

เมื่อ​มอง​ไป​ที่​มือ​ที่​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เขา​ ใบหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​ก็​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​ เขา​อยาก​จะหลบ​มือ​ของ​นาง​ แต่​เป็น​เพราะ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​นั้น​ไม่ดี​พอ​

“จื่อ​เตียน​เจียว​ หรือ​ มัน​คือ​สัตว์​อสูร​ชนิด​ใด​?” หลิน​เว่ย​หันมา​มอง​อย่า​งอด​ไม่ได้​ จากนั้น​เขา​ก็ได้​แต่​ถามด้วย​ความสงสัย​ เขา​ได้​สังหาร​สัตว์​อสูร​หลายชนิด​ แต่​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​ได้ยิน​เกี่ยวกับ​ จื่อ​เตียน​เจียว​

“มัน​เป็น​ สัตว์​อสูร​ ที่​ทรงพลัง​มาก​ มีคำ​ร่ำ​ลือ​ว่า​ พวก​มัน​เป็น​สายเลือด​ของ​มังกร​”จื่อห​ยู​พยักหน้า​และ​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ ฮ่าฮ่า! มัน​ก็​แค่​มีเลือด​มังกร​….ข้า​ไม่คิด​ว่า​จะเก่งกาจ​อย่างใด​?” หลิน​เว่ย​หัวเราะ​เบา​ ๆ สอง​ครั้ง​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ที่​ไม่แยแส​

“ฮึ! เจ้าคง​ไม่คิด​ว่า​กิ้งก่า​ดำ​ของ​เจ้าเป็น​มังกร​ตัวจริง​? จื่อห​ยู​มอง​ไป​ที่​หลิน​เว่ย​อย่าง​จริงจัง​ จากนั้น​โค้ง​ปาก​ของ​นาง​และ​พูด​ด้วย​ความรังเกียจ​

“อะไร​นะ​มัน​ไม่ใช่หรือ​ เสี่ยว​เฮย​ เป็น​มังกร​ยักษ์​ที่อยู่​ด้าน​บนสุด​ของ​ระเบียง​ศักดิ์สิทธิ์​ และ​มีเลือด​บริสุทธิ์​ของ​มังกร​” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​จื่อห​ยู​ ขวัญ​กำลังใจ​ของ​หลิน​เว่ย​นั้น​สั่น​ไหว​ เขา​โต้เถียง​อย่าง​หัวชนฝา​

“มังกร​ระดับ​บน​หรือ​… มัน​เป็น​แค่​กิ้งก่า​เท่านั้น​ แต่​มีสิ่งหนึ่ง​ที่​เจ้าคิด​ถูก.​..มัน​มีร่องรอย​ของ​สายเลือด​มังกร​จริง ๆ​ จื่อห​ยู​กล่าว​ แต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​ จื่อ​เตียน​เจียว​แล้ว​ มัน​คือ​สายเลือด​ที่อยู่​ใกล้เคียง​กับ​มังกร​ที่​แท้จริง​ ”

จื่อห​ยู​กล่าว​ด้วย​ความ​เย้ยหยัน​ เมื่อ​นาง​พูด​มังกร​ดำ​ดวงตา​ของ​นาง​ก็​เปล่งประกาย​ด้วย​ความรังเกียจ​

“พี่สาว​จื่อห​ยู​! ท่าน​เคย​เห็น​มังกร​ตัวจริง​หรือไม่​?” หลิน​เว่ย​กะพริบตา​และ​ถามอย่าง​สงสัย​

“ไม่! แต่​ใน​ความทรงจำ​ของ​ข้า​ มีคำอธิบาย​บางอย่าง​เกี่ยวกับ​มังกร​ที่​แท้จริง​เพียง​เล็กน้อย​เท่านั้น​”จื่อห​ยู​ส่าย​หัว​และ​พูด​ขึ้น​

“ดังนั้น​ระดับ​ของ​ จื่อ​เตียน​เจียว​ตน​นี้​ ยัง​ไม่ถึงจุดสูงสุด​ของ​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ แต่​อาจจะ​มีความ​แข็งแกร่ง​ระดับ​สูงสุด​ของ​สัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​? หลิน​เว่ย​ขมวดคิ้ว​ และ​ถามด้วย​ความประหลาดใจ​

เขา​ได้​เห็น​ความ​แข็งแกร่ง​สูงสุด​ของ​สัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​ แม้แต่​มังกร​ดำ​ ที่​มีความ​แข็งแกร่ง​ ระดับ​แปด​ของ​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ และ​มีเข้าใจ​อย่าง​ถ่องแท้​ต่อ​พลัง​มากกว่า​ 40 ส่วน​ เขา​ก็​ยัง​ไม่ใช่ศัตรู​ของ​จื่อห​ยู​

ยาก​ที่​หลิน​เว่ย​จะจินตนาการ​ได้​ว่า​พรสวรรค์​ของ​จื่อ​เตียน​เจียว​นั้น​ ทรงพลัง​เพียงใด​

การฝึกฝน​ของ​จื่อ​เตียน​เจียว​อยู่​ใน​ระดับ​แปด​ และ​ความ​เข้าใจถ่องแท้​มากกว่า​ 40.5 ส่วน​ แม้ว่าความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​ จะน้อยกว่า​ของ​ข้า​ แต่​เขา​ก็​มีพลัง​ต่อสู้​ใน​ระดับ​สูงสุด​ของ​สัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​

ข้า​สามารถ​เอาชนะ​มัน​ได้​ แต่​ข้า​นั้น​ไม่สามารถ​สังหาร​มัน​ได้​ “จื่อห​ยู​พยักหน้า​และ​คลี่​ยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​นาง​ และ​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​มาก​

หลังจาก​หยุด​ชั่วขณะ​ ใบหน้า​ของ​จื่อห​ยู​ก็​แสดง​รอยยิ้ม​อีกครั้ง​ และ​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​: “แต่​เจ้าไม่ต้อง​กังวล​ ทั้ง​มัน​และ​อินทรีย์​ไล่ลม​ จะไม่พรวดพราด​ เข้า​มายัง​อาณาเขต​ของ​ข้า​ และ​แม้ว่า​ทั้งคู่​จะร่วมมือ​กัน​ แต่​ก็​ไม่สามารถ​เอาชนะ​ข้า​ได้​.”

“โอ​…หลิน​เว่ย​พยักหน้า​ แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​สนใจ​อะไร​มาก​นัก​ ก่อนอื่น​เขา​ไม่มีทาง​ที่จะ​ได้​พบ​กับ​จื่อ​เตียน​เจียว​ และ​อินทรีย์​ไล่ลม​ จากนั้น​หลังจาก​ฟังจื่อห​ยู​พูด​ หลิน​เว่ย​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​สถานที่​นี้​อยู่​ที่ใด​ใน​ดินแดน​ลับ​

นี่​คือ​หุบเขา​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​ ซึ่งเป็นหนึ่ง​ใน​สิบ​อันดับ​แรก​ของ​ดินแดน​ลับ​ ซึ่งมีชื่อเสียง​ใน​เรื่อง​ สัตว์​อสูร​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​มากมาย​และ​ยัง​เป็น​พื้นที่​หวงห้าม​สำหรับ​มนุษย์​

หลิน​เว่ย​ไม่ได้​ตั้งใจ​ที่จะ​ล่า​ และ​สังหาร​สัตว์​อสูร​ใน​หุบเขา​ อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​ แม้ว่า​เขา​จะมั่นใจ​ใน​ตนเอง​ แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​โง่เขลา​ เหตุผล​ที่​เขา​กล้า​อยู่​ใน​ทุ่ง​ขจี​ก็​คือ​ แม้ว่า​ทุ่ง​ขจี​จะเป็นหนึ่ง​ใน​พื้นที่​ต้องห้าม​ เช่นเดียวกับ​หุบเขา​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​ แต่​มัน​ก็​แตก​ต่างกัน​มาก​

ทุ่ง​ขจี​ มีชื่อเสียง​ใน​เรื่อง​จำนวน​สัตว์​อสูร​ ที่​ต่ำกว่า​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ ในขณะที่​หุบเขา​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​นั้น​มีชื่อเสียง​ใน​เรื่อง​ สัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​มากมาย​ บางคน​คาดเดา​ว่า​มีสัตว์​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​หลาย​พัน​ตัว​ใน​หุบเขา​อสูร​ศักดิ์สิทธิ์​และ​ระดับ​ความ​แข็งแกร่ง​สูงมาก​

เมื่อ​นึกถึง​สิ่งนี้​ หลิน​เว่ย​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​จื่อห​ยู​ และ​ถามอย่าง​สงสัย​ “พี่สาว​จื่อห​ยู​! ท่าน​มี สัตว์​อสูร​ระดับ​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​อาณัติ​ทั้งหมด​เท่าใด​?

“เท่าใด​?” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หลิน​เว่ย​ จื่อห​ยู​ก็​ตะลึง​ไป​ชั่วขณะ​ จากนั้น​ก็​ส่าย​หัว​และ​พูดว่า​ “ข้า​ไม่รู้​ว่า​มีกี่​ตน​กัน​แน่​ แต่​ข้า​มั่นใจ​ว่า​มีพวก​มัน​หลาย​พัน​ตัว​! แต่​มีสัตว์​อสูร​ที่​ใกล้ชิด​กับ​ข้า​มาก​ที่สุด​ คือ​หมาป่า​ทั้ง​ห้า​ตัว​

คนอื่น​ ๆล้วน​ไม่ได้​ภักดี​ต่อ​ข้า​จริง ๆ​ เหมือน​พวกเขา​ ”

ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​สอดรู้สอดเห็น​ตาม​ธรรมชาติ​ ว่า​จื่อห​ยู​กำลัง​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ ดังนั้น​จื่อห​ยู​จึงมีไหวพริบ​มาก​ และ​นาง​ไม่ได้​พูด​อะไร​สัก​คำ​ โชคดี​ที่​นาง​รู้​ว่า​ เพราะ​ความสัมพันธ์​กับ​หลิน​เว่ย​ จื่อห​ยู​จะไม่ทำ​อะไร​กับ​มัน​

ดังนั้น​ตราบใดที่​ยัง​ซื่อสัตย์​ และ​ไม่ทำให้​อีก​ฝ่าย​ระคายเคือง​ ก็​ไม่มีอะไร​ต้อง​กังวล​ หาก​นาง​ขัดแย้ง​กับ​มัน​ หลิน​เว่ยคง​วางตัว​ลำบาก​ เมื่อ​คุย​กัน​ไป​สักพัก​ ก็​มาถึงยัง​ที่หมาย​

นี่​คือ​หุบเขา​ ซึ่งใหญ่​กว่า​หุบเขา​ที่​เสี่ยว​จิน​อาศัย​อยู่​มากหลาย​สิบ​เท่า​ ราชา​อินทรี​พยัคฆ์​ขนาดใหญ่​ อยู่​เหนือ​หุบเขา​ เพราะ​มีร่าง​สอง​ร่าง​บิน​ถลา​ออก​มาจาก​หุบเขา​ และ​มุ่งหน้า​มายัง​ หลิน​เว่ย​และ​คนอื่น​ ๆ

สอง​ร่าง​นี้​เป็น​ทั้ง​มนุษย์​ และ​เช่นเดียวกับ​จื่อห​ยู​ ลักษณะ​ใบหน้า​ของ​พวกเขา​ ไม่ต่าง​จาก​คน​ทั่วไป​ อย่างไรก็ตาม​ จาก​ลักษณะ​ของ​พวก​มัน​ หลิน​เว่ย​สามารถ​เห็น​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ว่า​ ร่างกาย​ของ​พวกเขา​ดู​คล้าย​แมว​ และ​สัตว์​อสูร​อีก​ตัว​ดู​คล้าย​เสือ​

“ เสือ​สาว​อีก​ตัว​ … ” มุมคิ้ว​ของ​หลิน​เว่ย​กระตุก​ชั่วขณะ​ อด​ไม่ได้​ที่จะ​พึมพำ​ใน​ใจ

“ พี่​หญิง​! พี่​กลับมา​แล้ว​ ใบหน้า​ของ​ จื่อห​ยู​มอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ของ​หญิงสาว​ อย่าง​มีความสุข​

“สาวน้อย​สอง​คน​ ข้า​เพิ่งจะ​ออก​ไป​ไม่กี่​ชั่วโมง​ จำเป็นต้อง​ตื่นเต้น​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​”จื่อห​ยู​เอื้อมมือ​นวด​คิ้ว​ของ​นาง​ นาง​ดูเหมือน​ปวดหัว​และ​พูด​อย่าง​หมดหนทาง​

“ฮึ่ม! จะมีอะไร​อีก​! ท่าน​สามารถ​ออก​ไป​เที่ยวเล่น​ได้​ โดย​ไม่มีพวกเรา​” ใบหน้า​เล็ก​ ๆ ของ​เสือ​สาว​บูดบึ้ง​ และ​ดวงตา​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความโกรธ​

“อืม​!” แมว​สาว​พยักหน้า​ครั้งแล้วครั้งเล่า​

“เอาล่ะ​! พูด​ตามตรง​ เจ้าทั้งสอง​ มีแขก​อยู่​ที่นี่​ อย่า​ไร้​มารยาท​ จื่อห​ยู​พูด​อย่า​งอด​ไม่ได้​

“หืม?”​ เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​จื่อห​ยู​ ใบหน้า​ของ​หญิงสาว​ทั้งสอง​ ก็​แข็งทื่อ​ จากนั้น​จึงละสายตา​จาก​จื่อห​ยู​ และ​หัน​ไปหา​ หลิน​เว่ย​

เมื่อ​เห็น​สิ่งนี้​มุมปาก​ของ​หลิน​เว่ย​ก็​กระตุก​เล็กน้อย​ และ​รอย​ยิ้มเจื่อน​ ๆ ปรากฏ​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ แต่​เขา​บ่นพึมพำ​ใน​ใจว่า​ เหตุ​จึงรู้สึก​ไร้ความรู้สึก​เช่นนี้​? เขา​รู้สึก​ราวกับ​ถูก​ละเลย​

“ว้าว​! เป็น​มนุษย์​” ดวงตา​ของ​เสือ​สาว​ทั้งสอง​ แสดง​สีประหลาดใจ​ มือ​ข้าง​หนึ่ง​ปิดปาก​ อีก​ข้าง​หนึ่ง​ชี้ไป​ที่​หลิน​เว่ย​และ​อุทาน​ออกมา​

“อืม​! ต่าง​จาก​หมี​ตัว​ใหญ่​ พวก​มัน​ไม่มีขน​ ดูเหมือนว่า​ เป็น​มนุษย์​จริง ๆ​” ด้วย​สีหน้า​สงสัย​ ในขณะที่​นาง​เดิน​วน​ไป​รอบ​ ๆ หลิน​เว่ย​สอง​ครั้ง​ จากนั้น​ก็​หยุด​หัน​ศีรษะ​ และ​พยักหน้า​ให้​เสือ​สาว​อีก​ตน​ ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​

นาง​พยักหน้า​และ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ประหลาดใจ​

“ ไม่มีขน​หรือ​?” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หญิงสาว​ หน้าผาก​ของ​หลิน​เว่ย​ก็​กลายเป็น​สีฟ้าและ​น้ำเงิน​ และ​เขา​อึดอัด​ใจ ใบหน้า​ของ​เขา​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​และ​ปาก​ของ​เขา​ก็​อ้า​ขึ้น​ แต่​เขา​ไม่สามารถ​พูด​ออกมา​ได้​

หลิน​เว่ย​ไม่มีทางเลือก​อื่น​ นอกจาก​ต้อง​อดกลั้น​! อีก​ฝ่าย​เป็น​เด็ก​อย่าง​เห็นได้ชัด​ พวก​นาง​จะพูดคุย​เรื่องส่วนตัว​ของ​คนอื่น​ เช่นนี้​หรือ​? หลิน​เว่ย​ทำใจ​ยอมรับ​ไม่ได้​

“ว้าว​! เขา​หัวเราะเยาะ​ข้า​! เขา​กำลัง​พยายาม​ทำ​อะไร​ไม่ดี​กับ​ข้า​ เมื่อ​เห็น​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​ แมว​สาว​ก็​ส่งเสียงอุทาน​ออกมา​ นาง​ก้าว​ถอยหลัง​ไป​หลาย​ก้าว​ และ​มอง​ไป​ที่​ หลิน​เว่ย​ด้วย​ความระแวดระวัง​

“ฮึ่ม!”รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​หลิน​เว่ย​แข็งทื่อ​ ในทันที​ใบหน้า​ของ​เขา​ดำ​ราวกับ​ก้น​หม้อ​ หน้าผาก​ของ​เขา​กลายเป็น​สีฟ้า และ​หมัด​ของ​เขา​กำ​แน่น​ จน​เขา​รู้สึก​เวียนหัว​

“แค่​ก​ ๆ อย่า​หยาบคาย​กับ​เขา​ นี่​คือ​น้องชาย​ของ​ข้า​ เมื่อ​เห็น​ความ​ลำบากใจ​ของ​หลิน​เว่ย​ จื่อห​ยู​มีรอยยิ้ม​ขำขัน​ มีความสุข​ใน​คราว​ทุกข์​ของ​ผู้อื่น​ นาง​แสร้ง​ไอ​สอง​ครั้ง​เพื่อ​ปกปิด​ และ​อ้า​ปาก​เพื่อ​ช่วย​หลิน​เว่ย​

ราชาซากศพ

ราชาซากศพ

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง ราชาซากศพ รายละเอียด หลินเว่ย ขอทานตัวน้อยที่โดนทำลายฐานพลัง วันหนึ่งได้เจอคริสตัลสีดำปริศนา ซึ่งมีความสามารถให้การคืนชีพซากศพสัตว์อสูรให้เป็นนักรบโครงกระดูก ที่มีทักษะความสามารถเหมือนยามมีชีวิต เรื่องราวการผจญภัยของราชาคนใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท