เฉินเสี่ยวถงพูดปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาด แต่เจินจาหนานก็ยังยื่นตั๋วมาให้อย่างหน้าตาเฉย
“ฉันอยากให้คุณดูก่อน คุณดูเสร็จแล้วเราค่อยมาคุยอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหม”
ตั้งแต่ที่เจินจาหนานหยุดหลี่โม่เขาสองคนไว้ ความมั่นใจของเขาก็โดนทำลายอย่างต่อเนื่อง ตั๋วที่เขายื่นออกไปในตอนนี้ เป็นไพ่ใบสุดท้ายของเจินจาหนานที่ใช้ฟื้นฟูความมั่นใจของตัวเอง ถ้าเขาไม่สามารถบีบคั้นหลี่โม่ได้ละก็ คงจะทิ้งเงาไว้ในจิตใจไปตลอด
หลี่โม่กรอกเปลือกตาและเหลือบมองบน มองเจินจาหนานที่กำลังดิ้นรนพยายามทำทุกอย่าง เพื่อที่จะยึดกลับมาสักครั้งหนึ่ง
“ก็บอกแล้วว่าพวกเรามีตั๋วแล้ว คุณยังจะมาจู้จี้อะไรอีก ตั๋วที่เรามีเป็นถึงตั๋ว VIP room No. 1เลยนะ”
หลี่โม่พูดด้วยความรำคาญ
“หึหึ ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณนะ ไอ้คนไร้ประโยชน์เกาะแต่ผู้หญิงกินอย่างคุณนะจะไปมีตั๋วจริงได้ยังไง ตั๋วที่อยู่ในมือคุณมันคือตั๋วปลอมชัดๆ คุณหนูกู้อย่าไปโดนมันหลอกหล่ะ!
หลี่โม่เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าชอบเกาะแต่ผู้หญิงกิน ถึงอยากจะให้ตั๋วคุณขนาดไหน แต่นั้นก็คือมีใจแต่ไม่มีกำลัง มีคำๆ หนึ่งก็คือมีใจมากกว่ากำลัง นั้นคือคำเปรียบเทียบที่ดีที่สุดสำหรับเขา”
เจินจาหนานเน้นเสียงของคำว่า”กำลัง” เพื่อที่สื่อความหมายของมัน
“หึหึ คุณมันคือพวกตั๋วผีที่บกพร่องเรื่องไต ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่มีกำลัง แนะนำให้คุณกินลิ่วเว่ยตี้หวางหวาน(บำรุงตับ ไต เสริมหยิน)รักษาภาวะไตบกพร่องโดยไร้น้ำตาล”หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง
หน้าของเจินจาหนานแดงเหมือนกระดองปูที่นึ่งสุกแล้ว สะบัดมือแล้วพูดอย่างโกรธเคือง:”คุณว่าใครไตบกพร่อง ฉันไม่เคยเป็นภาวะไตบกพร่อง แต่ละครั้งก็เกินสองชั่วโมงทุกครั้ง!”
“นั้นเป็นเพราะคุณกินยาเม็ดสีฟ้าเข้าไปต่างหากหล่ะ ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะคุณมีโรค รีบไปตรวจดูที่โรงพยาบาลเถอะ อีกอย่าง คุณเป็นภาวะไตบกพร่องจริงๆ ดังนั้นอย่าหลักเลี่ยงคุณหมอเลย”
เฉินเสี่ยวถงฟังแล้วหน้าแดงนิดๆ พูดเบาๆ ที่ข้างๆ หูของหลี่โม่ว่า”คุณร้ายเกินไปแล้ว พูดเรื่องบ้าบออะไรออกมาเนี่ย”
“พูดเรื่องที่ดีต่อเขาทั้งนั้น คนบางคนหน่ะ ตัวเองมีโรคแต่กลับไม่รู้ อีกอย่าง บัตรของเขาหน่ะเราแค่ดูผ่านๆ ก็พอ เขาจะได้รีบไสหัวไปซะที”
หลี่โม่เริ่มรำคาญที่เห็นเจินจาหนานอยู่ต่อหน้าเขา เขารู้สึกว่าอย่างนี้ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาจริงๆ
เฉินเสี่ยวถงมองตั๋วอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งใจว่าดูเสร็จก็จะให้รีบไปซะ แต่ว่าหลังจากดูตั๋วแล้วเฉินเสี่ยวถงก็ชะงักทันที
เห็นท่าทางตลึงของเฉินเสี่ยวถงแล้ว เจินจาหนานก็พูดอย่างได้ใจว่า“เป็นไงหล่ะ ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม? ดูให้ดีๆ นะ ของผมหน่ะเป็นตั๋วVIP room No. 1!”
“ไม่มีทาง ตั๋วVIP room No. 1
อยู่ในมือของเราต่างหาก”
เฉินเสี่ยวถงเบิกตากว้าง พยายามมองตั๋วที่แกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าและพูดอย่างร้ายกาจ: “นี่คือตั๋วปลอม ของคุณมันต้องเป็นตั๋วปลอมแน่ๆ ”
ในความคิดของเฉินเสี่ยวถง ตั๋วนั้นเป็นตั๋วที่กงซุนจุนส่งมาเพื่อแทนคำขอโทษโดยเฉพาะ ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอม
เจินจาหนานคนที่อยู่ตรงหน้านี้แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี คงอยากจะใช้ตั๋วปลอมมาก่อเรื่องแน่ๆ หรืออยากจะเอาตั๋วปลอมมาเปลี่ยนตั๋วจริงก็อาจจะเป็นไปได้
เจินจาหนานเงยหน้าแล้วหัวเราะออกเสียงเหมือนหมู ในขณะนี้ เขารู้สึกสะใจที่สุด และรู้สึกว่าเขาอยู่ไม่ไกลที่จะได้ตบหน้าของหลี่โม่อย่างรื่นเริง
ในความคิดของเจินจาหนานนั้น เขาคิดจูเจียนเฉียงไม่มีทางที่จะหลอกหรือทำร้ายเขาแน่นอน ตั๋วที่ให้เขาเป็นตั๋วจริงแน่นอน จูเจียนเฉียงยังพูดอย่างชัดเจนอีกว่าให้เขาแก้แค้นแทน ยิ่งจูเจียนเฉียงต้องการแก้แค้น ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาตั๋วปลอมมาให้เขา เพราะฉะนั้นตอนนี้ในใจของเจินจาหนานเต็มไปด้วยความมั่นใจ รู้สึกว่าตานี้เขาชนะแน่นอนพร้อมทั้งสามารถเหยียบหลี่โม่ไว้แทบเท้าได้
เจินจาหนานเงยหน้าพูดด้วยความไม่สบอารมณ์: “คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าของผมเป็นตั๋วปลอม มีหลักฐานหรือเปล่า ของผมเป็นของจริงล้านเปอร์เซ็นต์ ของพวกคุณต่างหากที่เป็นของปลอม
กู้คนสวย คุณอย่าไปหลงกลคำพูดของผู้ชายที่ชอบเกาะแต่ผู้หญิงกินหล่ะ เพราะถ้าหากพวกคุณไปถึงงานคอนเสิร์ตแล้วโดนจับได้ว่าเป็นตั๋วปลอม ถึงตอนนั้นก็จะอับอายน่าดูเลย ไม่แน่อาจจะเป็นข่าวใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองฮ่านอีก”
เฉินเสี่ยวถงโกรธเคืองอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเจินจาหนานพูดมั่วซั่ว
“ตั๋วที่คุณถือเป็นของตั๋วปลอม ตั๋วปลอม ตั๋วปลอม ต่อให้คุณพูดเยอะขนาดไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่คุณมีตั๋วปลอมได้หรอก”
เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยความโมโห
เจินจาหนานชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเยาะเย้ย: “เรามาเดิมพันกันได้ ว่าตั๋วที่อยู่ในมือของผมคือตั๋วจริง”
“คุณจะเดิมพันอะไร? พูดมาให้ผมดูก่อนว่ามันคุ้มค่าที่ผมจะเดิมพันหรือเปล่า”
หลี่โม่มองเจินจาหนานด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
เจินจาหนานชั่งใจเล็กน้อย แล้วล่วงกุญแจรถออกมา ซึ่งเป็นรถLamborghiniสีแดง แล้วพูดว่า“ถ้าตั๋วของคุณเป็นของจริง รถLamborghiniเป็นของฉันมอบให้คุณ แต่ถ้าของผมเป็นของจริง คุณต้องหย่ากับเธอทันที เป็นไง!”
“หึหึ คุณว่าเป็นไงครับ?”
หลี่โม่ให้เฉินเสี่ยวถงเป็นคนตัดสินใจ
เฉินเสี่ยวถงเชิดหน้าแล้วพูดว่า”เดิมพันแน่นอน คุณจะยืนยันยังไงว่าตั๋วคุณเป็นของจริง?”
“เรื่องยืนยันหน่ะง่ายๆ เพื่อนผมเป็นพนักงานเช็คตั๋วของงานคอนเสิร์ต เอาตั๋วของพวกคุณออกมาสิ ผมถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนผม ก็จะรู้ได้ในทันทีว่าของใครเป็นของจริง”
หลี่โม่หยิบตั๋วออกมาอย่างไม่ลังเล ตั๋วนี้ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือปลอมเขาก็ไม่เสียหายอะไร เพราะเมื่อกี้เจินจาหนานไม่ได้พูดชื่อ เพียงแค่พูดกับเฉินเสี่ยวถงเท่านั้น ซึ่งเขากับเฉินเสี่ยวถงก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว
เจินจาหนานถ่ายรูปตั๋วทั้งสองด้าน ส่งให้เพื่อนตัวเองด้วยความมั่นใจ
ไม่นานโทรศัพท์ของเจินจาหนานก็ดังขึ้น เจินจาหนานยกยิ้มมุมปาก รับโทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงพูดอย่างเสียงดัง “รูปตั๋วที่ส่งให้เมื่อกี้เป็นของปลอมใช่ไหม”
“ตั๋วปลอม?”
เสียงในโทรศัพท์พูดด้วยความสงสัย
เจินจาหนานหัวเราะเสียงดังชี้หลี่โม่แล้วพูดอย่างได้ใจว่า: “ตอนนี้คุณคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วสิ ยังไม่ยอมรับอีกหรอว่าคุณเอาตั๋วปลอมหลอกคน”
คนในโทรศัพท์ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่แล้วพูดอย่างเสียงดัง :”เจินจาหนาน แกคุยกับใครอยู่เหรอ ตั๋วปลอมอะไร? รูปที่ส่งมาเมื่อกี้คือตั๋วของVIP room No. 1
ไปเจอที่ไหนเหรอ นั่นมันเป็นตั๋วจริง ไม่ใช่ตั๋วปลอมแน่นอน!”
แกอยากซื้อตั๋วใบนั้นใช่ไหม?
รีบถามราคาดูว่าเท่าไหร่ ถ้าแกไม่เอาก็ช่วยฉันซื้อไว้หน่อย ฝั่งฉันมีลูกค้ารายใหญ่อยากได้ตั๋วVIP room No. 1
ให้ราคาสูงมาก แค่ทำแป๊บเดียวก็ได้หลายแสนแล้ว”
เสียงในโทรศัพท์พูดอย่างไม่หยุด แต่เจินจาหนานยืนแข็งไปทั้งตัวแล้ว อยากจะโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งทันที
นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน
ทำไมตั๋วในมือของหลี่โม่เป็นของจริง งั้นตั๋วของเขาก็เป็นของปลอมหน่ะสิ?
จูเจียนเฉียงนี่มันโกงตัวพ่อชัดๆ
“หยุดพูดจาไร้สาระ ฉันวางสายก่อนละ”
เจินจาหนานกดวางสายทิ้ง พูดด้วยความหอบว่า:“ตั๋วในมือคุณเป็นของจริงได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นของที่เขาส่งมาให้ผมใช้แทนคำขอโทษ ของที่เขาใช้มาขอโทษคุณคิดว่าว่าเขากล้าเอาของปลอมมาให้ผมงั้นเหรอ เฮ้ย ที่ผมพูดเป็นความจริงหมด แต่คุณไม่เชื่อแน่นอน”
หลี่โม่พูดอย่างไม่ใส่ใจ