ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 4 จิตสังหารคุกรุ่น

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 4 จิตสังหารคุกรุ่น

ผ้าขาวยาวจั้งกว่าโบกสะบัด ถูกลั่วเซิงเอื้อมมือออกไปคว้าเอาไว้และจ้องอย่างครุ่นคิด

หงโต้วสีหน้าย่ำแย่อยู่บ้าง รีบเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “คุณหนู บ่าวจะเผาของอัปมงคลนี้ทิ้งเสียตอนนี้เลย”

ลั่วเซิงเข้าใจแล้ว “นี่คือผ้าขาวที่ข้าใช้แขวนคอใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตอนนั้นวุ่นวายจนลืมไปเลย คิดว่ามีคนเก็บไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหล่นอยู่ที่นี่…” หงโต้วอธิบายด้วยเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบผ้าขาวในมือของลั่วเซิง

ลั่วเซิงจับผ้าขาวไว้แน่น แววตากวาดมองของตกแต่งภายในห้องและเงยมองคานบ้าน

หงโต้วสะดุ้ง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “คุณหนู ท่าน ท่านไม่ได้คิดสั้นใช่หรือไม่เจ้าคะ”

ดวงตาของลั่วเซิงจดจ้องไปที่ใบหน้าของหงโต้วพลางเอ่ยถามเสียงราบเรียบ “ข้าเป็นคนคิดสั้นอย่างนั้นหรือ”

“ไม่เจ้าค่ะ แม้คุณชายรองซูจะใบหน้าหล่อเหลา แต่หนุ่มเมืองหลวงที่หล่อเหลากว่าเขา ท่านล้วนเกี้ยวพาราสีมาหมดแล้ว ท่านจะคิดสั้นเพราะเด็กบ้านนอกผู้นี้ได้อย่างไร”

มุมปากของลั่วเซิงกระตุกเล็กน้อย

ตกลงคุณหนูลั่วผู้นี้เป็นคนแบบใดกันแน่ เปิดหูเปิดตานางนัก

“คุณหนู ส่งผ้าขาวมาให้บ่าวเถิด”

ลั่วเซิงเพิกเฉยต่อคำวิงวอนของหงโต้ว นางสะบัดมือ ปลายด้านหนึ่งของผ้าขาวได้พาดผ่านคานบ้านและห้อยลงมา

หงโต้วขนลุกซู่ รีบวิ่งเข้าไปกอดลั่วเซิงเอาไว้

ลั่วเซิงตบศีรษะของสาวใช้ พร้อมกับสั่งว่า “รีบไปเอาเก้าอี้ที่ใช้แขวนคอตายมาเร็ว”

หงโต้วปล่อยมือโดยไม่รู้ตัวและยกเก้าอี้เล็กทรงกลมมาวางตรงด้านล่างที่ผ้าขาวห้อยลงมา

หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างครบแล้ว สาวใช้ก็ตบหน้าตัวเอง “ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย”

เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ลั่วเซิงโค้งมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย

นางมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าแม้สาวใช้จะมีข้อเสียอยู่มาก แต่นางปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด

นี่คือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุดในตอนนี้

ลั่วเซิงเหยียบขึ้นบนเก้าอี้ทรงกลม

หงโต้วตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ กอดขาของลั่วเซิงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “คุณหนู ท่านจะตายอีกรอบหรือเจ้าคะ”

เสียงอันสงบนิ่งดังมาจากด้านบน “ไม่แน่นอน ข้าแค่อยากพิสูจน์การคาดเดาของข้าน่ะ คลายมือที”

หงโต้วปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว เงยหน้ามองลั่วเซิงที่ยืนอยู่บนเก้าอี้และเอ่ยถามด้วยท่าทางนิ่งอึ้ง “ท่านจะพิสูจน์อะไรหรือเจ้าคะ”

ลั่วเซิงจับตรงตำแหน่งที่ผ้าขาวฉีกขาด

ผ้าขาวมีจุดหนึ่งมัดเงื่อนตาย เห็นได้ชัดว่ามันถูกมัดขณะแขวนคอ และบริเวณฉีกขาดคือตำแหน่งที่คนช่วยชีวิตลั่วเซิงตัดผ้าขาด

ลั่วเซิงจับตรงตำแหน่งผ้าขาดไว้ ผ้ากลับมาเป็นรูปทรงกลมอีกครั้ง

หงโต้วจ้องการเคลื่อนไหวของลั่วเซิงด้วยความหวาดกลัว พร้อมที่จะเข้าช่วยนางทุกเมื่อ

ก่อนหน้านี้ นางก็คือคนที่ช่วยชีวิตคุณหนูไว้ บัดนี้จึงพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง

ลั่วเซิงสะบัดผ้าขาว น้ำเสียงดูเย็นชาขึ้นมา “สามวันก่อน ข้าใช้ผ้าขาวผืนนี้และเหยียบบนเก้าอี้ทรงกลมตัวนี้ แขวนคอตายหรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“มองออกแล้วหรือไม่” ลั่วเซิงโน้มตัวไปข้างหน้าและเข้าใกล้ผ้าขาว

หงโต้วพยักหน้าอย่างระมัดระวัง แววตาดูงุนงง

หากนางตอบว่ามองไม่ออก คุณหนูจะตายต่อหน้านางหรือไม่

ลั่วเซิงมองคำตอบในดวงตาของสาวใช้ออกจึงไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ชี้ไปยังผ้าที่ห้อยอยู่บริเวณอกแล้วเอ่ยว่า “ผ้าขาวอยู่ในตำแหน่งนี้ หากข้าอยากแขวนคอตายจะต้องงอเข่า จะไม่ดูลำบากตัวเองไปหน่อยหรือ”

หงโต้วตกตะลึงและอดเห็นด้วยไม่ได้ “ใช่เจ้าค่ะ ดูลำบากเกินไป”

จะฆ่าตัวตายทั้งทีจะเลือกท่าที่ไม่สบายอย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูของนางไม่เคยทำให้ตัวเองต้องลำบาก

ลั่วเซิงเดินลงจากเก้าอี้ทรงกลม ปล่อยให้ผ้าขาวโบกสะบัด แววตาดูเคร่งขรึมขึ้นมา “หงโต้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ไม่ใช่ข้าจะแขวนคอตาย แต่มีคนจ้องทำร้ายข้า”

“จริง จริงหรือเจ้าคะ” หงโต้วลิ้นพันกัน

ลั่วเซิงมองไปที่หงโต้วด้วยสีหน้าจนปัญญา “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากตายหรือไม่ ข้าจะไม่รู้หรือ”

หงโต้วคลายสงสัยและอดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ

ปลายนิ้วที่เย็นเยือกตกลงบนริมฝีปากของนาง กลืนเสียงอันตื่นตกใจกลับไป

ดวงตาของหงโต้วเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธแค้นจึงเอ่ยถามว่า “คุณหนู ตกลงใครคิดทำร้ายท่านหรือ ช่างบังอาจสิ้นดี!”

ลั่วเซิงเองก็ครุ่นคิดคำถามนี้เช่นกัน

บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่ทัพใหญ่ลั่ว แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนสกุลเซิ่งก็ไม่อาจอาศัยความเป็นผู้อาวุโสวางมาดใส่ กลับมีคนลอบสังหารคุณหนูลั่วถึงห้องนอนของนาง

ลมเย็นของต้นฤดูใบไม้ผลิโบกพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ผ้าขาวที่แขวนห้อยอยู่พลิ้วไหว ภายในห้องราวกับมีจิตสังหารที่มองไม่เห็นพรั่งพรูเข้ามา

หงโต้วเนื้อตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวและโกรธจัดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร “คุณหนู พวกเราต้องหาตัวผู้ร้ายแล้วฆ่ามันให้ตาย!”

ลั่วเซิงพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น”

นางเคยตายมาแล้วจึงยิ่งหวงแหนชีวิต ต้องหาคนที่คิดร้ายกับลั่วเซิงให้ได้

“นั่ง” ลั่วเซิงชี้ไปที่เก้าอี้ทรงกลม

หงโต้วไม่รังเกียจเก้าอี้ทรงกลมที่คุณหนูของตนเหยียบขึ้นไปแขวนคอและนั่งลงไปเต็มก้น

ลั่วเซิงทำมือเท้าคาง สีหน้านิ่งสงบ” ถ้าอย่างนั้นก็พูดเรื่องข้าแขวนคอตายก่อน”

หงโต้วตกตะลึง จ้องมองสีหน้านิ่งสงบของลั่วเซิงและในที่สุดก็เอ่ยถามความสงสัยที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจ “คุณหนู ท่านจำไม่ได้หรือ”

ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ใช่แล้ว ข้าจำอะไรไม่ได้เลย”

หงโต้วปิดปากอุทานด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร”

ลั่วเซิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและเอ่ยว่า “น่าจะไปถึงประตูนรก แล้วเผลอดื่มน้ำเบญจรส[1]ไปหลายอึกน่ะ”

“มียายเมิ่งเคี่ยวน้ำแกงข้างสะพานไน่เหออยู่จริงๆ หรือเจ้าคะ”

ลั่วเซิงมองไปที่หงโต้ว แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หงโต้ว เจ้าจงจำไว้ไม่ว่าข้าจะจำได้หรือไม่ ข้าคือนายของเจ้าตลอดไป”

หงโต้วแสดงสีหน้าตกใจ ไม่กล้าถามต่อและเล่าเหตุผลที่ลั่วเซิงแขวนคอตาย

“เมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา พวกเรามาถึงเมืองจินซา ท่านพบคุณชายรองซูโดยบังเอิญและอยากรู้จักเขา แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ หลังจากนั้นหลายครั้ง ท่านจึงไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งบอกว่าท่านสนใจในตัวคุณชายรองซู…”

“ข้าพบท่านยายเมื่อใด” ลั่วเซิงขัดจังหวะหงโต้ว

“สามวันก่อนเจ้าค่ะ”

ดวงตาของลั่วเซิงกะพริบเล็กน้อย “แล้วอย่างไรต่อ”

“จากนั้นก็ถูกปฏิเสธ!” หงโต้วเอ่ยด้วยความโกรธจัด “ฮูหยินผู้เฒ่าใจไม่ยินยอม ท่านจึงโกรธ กลับมาร้องไห้…แล้วท่านก็พักผ่อน บ่าวเห็นว่าผิดปกติ ถึงพบว่ามีคนห้อยอยู่ใต้คานบ้าน…”

กล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าของสาวใช้ซีดขาว เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัว

“ทราบได้อย่างไรว่าผิดปกติ” ลั่วเซิงพบช่องโหว่

หงโต้วลูบบริเวณหน้าอก “ท่านชอบนอนกลางวัน บ่าวจึงถือโอกาสนี้ไปซื้อของเล่นกับหาบเร่หลังตลาดเดินไปครึ่งทางถึงรู้ว่าลืมพกเงินออกมาด้วยเลยเดินกลับเรือน เดิมทีบ่าวไม่กล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน แต่บ่าวกลับไม่ได้ยินเสียงขึ้นจมูกของท่านจากด้านนอก รู้สึกแปลกๆ จึงเดินเข้ามาดู”

ลั่วเซิงใบหน้าค่อนข้างแข็งทื่อ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณหนูลั่วมีนิสัยนอนกรน

จึงอธิบายได้ไม่ยากว่าเหตุใดนางถึงพบว่าสาวใช้คนอื่นๆ นอนเฝ้าอยู่ด้านนอกและไม่ค่อยเดินเข้ามาในห้อง หากเปลี่ยนเป็นนาง นอกจากสาวใช้ประจำตัวก็ไม่อยากให้สาวใช้คนไหนเข้าใกล้เช่นกัน

ลั่วเซิงเรียบเรียงความคิดและถามขึ้นอีกครั้ง “มีใครมาตอนที่ข้าพักผ่อนหรือไม่”

“มีเจ้าค่ะ!” หงโต้วนับนิ้ว “คุณชายเล็กเคยมา คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองก็เคยมาเจ้าค่ะ”

คุณชายเล็กหมายถึงลั่วเฉิน น้องชายแท้ๆ ของลั่วเซิง คุณหนูใหญ่คือเซิ่งจยาอวี้ คุณหนูรองคือเซิ่งจยาหลาน น้องสาวต่างมารดาของเซิ่งจยาอวี้

“เล่าเหตุการณ์ที่พวกเขามาถึง รวมถึงสิ่งที่พวกเขาพูดด้วย”

[1] น้ำเบญจรส มีอานุภาพ ทำให้ลืมความจำในอดีตได้อย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือความทรง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท