ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 23 ตอบแทนน้ำใจซึ่งกันและกัน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 23 ตอบแทนน้ำใจซึ่งกันและกัน

ลั่วเซิงกลับเรือนราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ขณะที่เซิ่งจยาอวี้คุกเข่าหน้าฮูหยินใหญ่เซิ่ง พลางร้องไห้ไม่หยุด

“ท่านแม่ ล้วนเป็นเพราะลูกไร้ประโยชน์ หยุดพี่หญิงไม่ได้…”

ฮูหยินใหญ่เซิ่งมองบุตรสาวที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำก็รู้สึกสงสารและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน

เดิมคิดว่าเรื่องน่าอับอายของเซิ่งจยาหลานถูกปกปิดไว้แล้ว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรู้กันทั่วไป ทำไมเด็กน้อยพวกนี้ถึงทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจได้เช่นนี้!

หลังจากอึดอัดไปสักพัก ฮูหยินใหญ่เซิ่งลุกขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสกุลเซิ่ง ตามข้าไปหาท่านย่าของเจ้าเถอะ”

เซิ่งจยาอวี้เดินตามฮูหยินใหญ่สกุลเซิ่งไปยังเรือนฝูหนิง

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งชินกับอาหารที่ลั่วเซิงส่งมาในสองวันนี้ วันนี้นางไม่ได้ส่งมา ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งกำลังรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่นั้นก็ได้ยินสาวใช้ใหญ่ชื่อไฉ่สยาบอกว่าฮูหยินใหญ่มา

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเงยหน้าขึ้น “เชิญเข้ามา”

ไม่นาน ฮูหยินใหญ่ก็พาเซิ่งจยาอวี้เข้ามา

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของเซิ่งจยาอวี้ก็พลันขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”

“ยังไม่ขอโทษท่านย่าอีกหรือ” ฮูหยินใหญ่ตำหนิ ก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งฟัง

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งฟังจบก็พลันหน้าเขียว

เพิ่งสงบสุขไปไม่กี่วัน เหตุใดเกิดปัญหาอีกแล้ว!

นับตั้งแต่หลานสาวนอกมา สกุลเซิ่งก็ถูกผู้คนหัวเราะเยาะไปแล้วไม่รู้กี่หน แต่ส่วนใหญ่ก็แค่เยาะเย้ยสกุลเซิ่งที่โชคร้าย ได้คุณหนูหลานนอกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เรื่องตลกของครั้งนี้คือสกุลเซิ่งก่อขึ้นเอง

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งรู้สึกอับอายจนโกรธจัด มองฮูหยินใหญ่ตาแข็ง “สะใภ้ใหญ่ควรรับผิดชอบเรื่องนี้มากที่สุด”

ฮูหยินใหญ่ก้มศีรษะยอมรับความผิด “จริงๆ แล้วเป็นเพราะข้าดูแลจวนไม่ดี ทำให้บ่าวรับใช้พูดจากันไปมั่วซั่วจนเกิดเรื่องวันนี้ขึ้น”

หากไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่พูดเหลวไหวว่าคุณหนูหลานนอกผลักเซิ่งจยาหลานลงทะเลสาบและไม่ยอมรับนาง วันนี้เรื่องของคุณหนูรองซูมาแก้แค้นแทนเซิ่งจยาหลานก็คงไม่เกิดขึ้น

หลังจากวันนั้น บ่าวรับใช้ที่รู้ความจริงล้วนถูกสั่งให้ปิดปากเงียบ มีเพียงบ่าวรับใช้ที่เห็นคุณหนูหลานนอกและคุณหนูรองตกลงไปในสระน้ำ แต่ไม่รู้เรื่องจริงเอามานินทากันลับหลัง

โลกนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ข่าวลือเล็ดลอดออกไปนอกสกุลเซิ่งอย่างรวดเร็ว ยามที่ฮูหยินใหญ่สกุลเซิ่งรู้ ข่าวลือก็แพร่ออกไปเกินกว่าจะหยุดยั้งแล้ว

เพื่อชื่อเสียงของสกุลเซิ่ง นางไม่สามารถยืนยันความจริงได้ ต้องจัดการกับบ่าวรับใช้ที่ชอบนินทา ฮูหยินใหญ่เซิ่งจึงได้แต่หวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไปโดยเร็ว

ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าคุณหนูหลานนอกจะเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้เพียงนิด กระทั่งชี้แจงเรื่องราวออกมาขณะอยู่ข้างนอก

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งดูเหมือนจะเดาความคิดของฮูหยินใหญ่ออกจึงมองนางพลางเอ่ย “ปลูกแตงได้แตง ปลูกถั่วได้ถั่ว เรื่องวันนี้ไม่อาจโทษลั่วเซิงได้”

“สะใภ้เข้าใจเจ้าค่ะ”

แต่เซิ่งจยาอวี้ดูไม่ค่อยพอใจนัก “ท่านย่า พี่สาวหลานนอกไม่เคยคิดถึงชื่อเสียงของตระกูลเราเลย…”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งหน้าตึง “จยาอวี้ ในใจเจ้าคิดว่า หากพี่สาวที่เสียชื่อเสียงอยู่แล้ว เพิ่มความน่าอับอายเข้าไปอีกเรื่องก็คงไม่เป็นอะไรงั้นหรือ”

เซิ่งจยาอวี้ชะงัก ก้มหน้าลง

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางมีความคิดเช่นนั้นจริงๆ

อย่างไรลั่วเซิงก็ชื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว แบกรับชื่อฉาวโฉ่เพิ่มอีกสักเรื่องจะมีอะไรเสียหาย ก็ยังดีกว่าเอาสกุลเซิ่งเข้าไปแบกรับนัก

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งส่ายศีรษะ “นี่เพราะย่ากับพ่อแม่ตามใจเจ้าเกินไป”

“ท่านย่า” เซิ่งจยาอวี้ตกใจ พลางเงยหน้าขึ้น

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งหน้ายิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม มองหลานสาวด้วยสายตาผิดหวัง “ย่าคิดว่าการรู้เรื่องดีชั่วนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าควรจะเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก ที่พี่สาวหลานนอกของเจ้ามาถึงเมืองจินซามีชื่อเสียงไม่ดี เพราะคำพูดและการกระทำของเขาเอง นั่นคือผลที่เขาควรจะแบกรับ แต่เรื่องของเซิ่งจยาหลานคือการใส่ร้าย เจ้าจะสาดโคลนใส่นาง แต่ไม่ยอมให้นางหลบหรือ”

“ข้า…” เซิ่งจยาอวี้อ้าปาก แต่พูดไม่ออก

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเสียงเข้มขึ้น “จยาอวี้ จำไว้ ชื่อเสียงในสายตาผู้อื่นแย่นั้นไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการโกหกตัวเอง!”

เซิ่งจยาอวี้ถูกตำหนิจนอับอาย ก้มมองพื้นราวกับอยากหาที่ซ่อน

จริงๆ แล้ว นางแย่อย่างที่ย่าว่าไว้เช่นนี้เลยหรือ

น้ำตาจากความเจ็บปวดไหลออกมาจากหางตาของเซิ่งจยาอวี้

ฮูหยินใหญ่ถอนใจ “ท่านวางใจได้เจ้าค่ะ หลังจากนี้สะใภ้จะดูแลบุตรสาวคนนี้ให้ดี”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “บ่าวรับใช้ที่ควรขายก็ขายเสีย คนที่ควรลงโทษก็ลงโทษไป ข้าไม่อยากเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เมียเจ้าใหญ่ ข้าให้เจ้าดูแลจวนก็เพื่อให้ข้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่ใช่เพื่อให้ข้ากังวล”

หลังจากส่งฮูหยินใหญ่และบุตรสาวกลับไป ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งสั่งให้ไฉ่สยาเรียกลั่วเซิงมา

“เซิงเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเรียกเจ้ามา”

ลั่วเซิงตอบทันที “เป็นเพราะเรื่องที่ทะเลาะกับคุณหนูซูหรือเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งส่ายศีรษะ “ไม่ใช่”

ลั่วเซิงงุนงง

ไม่ใช่เช่นนั้นแล้วจะเป็นอะไร

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งส่งเสียงไอ แสดงท่าทีไม่สนใจมากนัก “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้ายังจะส่งอาหารมื้อกลางวันมาอีกหรือไม่”

ลั่วเซิงเหม่อลอย

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอธิบายด้วยท่าทีจริงจัง “การประหยัดเป็นแบบแผนของสกุลเซิ่ง หากครัวใหญ่ส่งอาหารมาเยอะแล้วเจ้าก็ส่งมาอีก มันจะเป็นการสิ้นเปลืองมิใช่หรือ”

ลั่วเซิงยกมุมปากเล็กน้อย

พอเห็นท่าทางจริงจังของฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง นางก็เกือบจะเชื่อแล้ว

“อาหารกลางวันไม่ส่งมาแล้วเจ้าค่ะ เซิงเอ๋อร์ยังมีเรื่องอื่นต้องทำ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งได้ยินพลันกุมหัวใจ

“ท่านยายไม่สบายหรือเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งถอนหายใจยาว “เรื่องของเซิ่งจยาหลานทุกคนต่างรู้กันไปทั่ว จวนสกุลเซิ่งเสียหน้า พอยายคิดถึงเรื่องนี้ก็กินข้าวไม่ลง อนาคตไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษแล้ว…”

เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ลั่วเซิงจึงยอมแพ้ ก่อนจะเอ่ย “ส่งเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งหยุดทันที ก่อนถอนใจพลางกระแอมไอเสียงเบาเอ่ย “หมูสามชั้นน้ำแดงเป็นอาหารที่เหมาะกับคนอายุมากที่ฟันไม่ดี”

ลั่วเซิงหลุบตาลง “เช่นนั้นก็ทำหมูสามชั้นน้ำแดง”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งจึงพอใจแล้วปล่อยหลานนอกออกไป

หลังจากเหตุการณ์ตึงเครียด หากไม่หาอะไรอร่อยๆ กินเพื่อผ่อนคลาย ชีวิตนั้นจะยากลำบากเกินไป

หลังลั่วเซิงกลับห้องก็ตกอยู่ในภวังค์สักพัก

ลั่วเซิงคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งจะตำหนิตน แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้

ท่านมอบลูกท้อแก่เรา เราตอบแทนท่านด้วยหยกงาม หากฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งใจกว้างแล้วก็ทำหมูสามชั้นน้ำแดงอร่อยๆ สักหม้อหนึ่งแล้วกัน

ลั่วเซิงเดินเข้าห้องครัวเล็กและเริ่มทำหมูสามชั้นน้ำแดง

หมูสามชั้นน้ำแดงจะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก แต่หากจะทำให้อร่อยต้องใช้ทักษะมากมาย

ขั้นแรกคือการเลือกเนื้อหมู เลือกหมูสามชั้นที่มีไขมันและเนื้อไม่ติดมันเจ็ดชั้นเท่านั้นรวมทั้งหนังด้วย เพราะขาดไปชั้นเดียวจะทำให้รสชาติเสีย

ลั่วเซิงแช่เนื้อหมูสามชั้นที่หั่นเป็นชิ้นเท่าๆ กันในน้ำเย็นนำเลือดออก จากนั้นจึงใส่ลงในหม้อไฟแล้วผัด

หงโต้วที่ยืนมองอยู่ข้างกายอดถามไม่ได้ “คุณหนู ทำไมย่างหมูไม่ใส่น้ำมันหรือเจ้าคะ”

“ไม่ใส่น้ำมัน ไม่เติมน้ำ เช่นนี้เนื้อถึงจะอร่อย” ลั่วเซิงอธิบาย รอจนเนื้อหมูเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจึงใส่น้ำร้อนพร้อมต้นหอม ขิง และน้ำส้มสายชูแล้วรอจนน้ำเดือดก็สั่งให้หงโต้วหยิบกระบวยตักฟองออก

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม จนน้ำไม่มีฟองอีกต่อไป ลั่วเซิงจึงสั่งให้หยุด

ใส่ก้านหน่อไม้ฝรั่ง ปิดฝา ใช้ไฟอ่อนตุ๋นไว้พอสมควร รอจนใช้ตะเกียบจิ้มเนื้อได้ง่ายแล้วใส่น้ำตาลปี๊บ หลังจากเคี่ยวจนน้ำลดลงแล้ว หม้อหมูตุ๋นสีเหลืองใสอำพันก็พร้อมแล้ว

หมูสามชั้นน้ำแดงที่ทำเสร็จแล้วใส่ลงในโถดินเผาสีดำ โรยหัวหอมซอยละเอียด ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “ไปส่งที่เรือนฝูหนิงเถิด”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท