ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 27 ชวนดื่มสุรา

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 27 ชวนดื่มสุรา

“ปลอมขึ้นมาเองงั้นหรือ” หงโต้วทำมือทาบอกพลางถอนใจด้วยความโล่งอก “ถ้าอย่างนั้น บ่าวค่อยวางใจได้หน่อย”

การปลอมจดหมายไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคุณหนู ขอเพียงแค่ไม่มีนังตัวดีไร้ยางอายมาแย่งความโปรดปรานกับนางก็พอแล้ว

มุมปากของลั่วเซิงกระตุกเล็กน้อย

ครั้นเมื่อนางเป็นท่านหญิงชิงหยางมีสาวใช้ถึงสี่คน ทุกคนล้วนโดดเด่นและมีความสามารถ แต่กลับไม่มีผู้ใดมีเอกลักษณ์เท่าหงโต้ว

แต่เอกลักษณ์ประมาณนี้เหมาะสมกับนางนัก

แต่เมื่อนึกถึงตรงนี้ ลั่วเซิงก็นิ่งเงียบอีกครั้ง

บ้านแตกแยก สาวใช้ทั้งสี่ของนางคงไม่อยู่แล้วกระมัง ญาติมิตรที่นางอาลัยมากที่สุดจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

นี่คือเหตุผลที่นางอยากปลีกตัวออกจากเมืองจินซาโดยเร็ว ไม่มีข้ออ้างใดที่เหมาะสมไปกว่าการกลับเมืองหลวงเพื่อสืบหาความจริง

ฉะนั้นจึงไม่ลังเลที่จะปลอมแปลงจดหมายของแม่ทัพใหญ่ลั่วขึ้นมา

เรือนเล็กที่ลั่วเซิงอาศัยอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยค่ำคืนอันเงียบสงบ แต่ศาลาแปดเหลี่ยมเต็มไปด้วยความคึกคัก

“พี่รองรังแกกันหรือ ทำไมข้าต้องไปส่งน้องลั่วด้วย” คุณชายสามเซิ่งนั่งลงอย่างผ่าเผย ไม่พอใจกับข้อเสนอของคุณชายรองเซิ่งอย่างมาก

คุณชายรองเซิ่งยิ้มและโบกพัด “จะให้น้องสี่เป็นคนส่งคงไม่ดีกระมัง เจ้ารูปร่างสูงใหญ่เหมาะสมนัก”

คุณชายสี่เซิ่งอายุยังไม่ถึงสิบห้า ถือว่าเป็นเพียงเด็กโตครึ่งเดียว

“อันที่จริง ข้าไปส่งพี่สาวได้นะ” คุณชายสี่เซิ่งดูค่อนข้างกระตือรือร้นหลังจากได้ยินคำพูดของคุณชายรองเซิ่ง

ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเดินทางไกลมาก่อนเลย นับประสาอะไรกับเมืองหลวงที่หรูหราและคึกคักนั้น การไปส่งพี่ลั่วจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

“อย่าแม้แต่จะคิด” คุณชายรองเซิ่งหุบพัดเคาะศีรษะของคุณชายสี่เซิ่ง แต่ยังจ้องคุณชายสามเซิ่งต่อ

คุณชายสามเซิ่งเม้มริมฝีปาก “ไม่ใช่นอกจากข้าก็เหลือเพียงน้องสี่เสียหน่อย พี่ใหญ่ พี่รองก็ไปส่งได้นี่”

คุณชายใหญ่เซิ่งกำหมัดไอเสียงเบา “การสอบระดับท้องถิ่นใกล้เข้ามาแล้ว เกรงว่าข้าจะไปไม่ได้”

“ใช่แล้ว ข้ากับพี่ใหญ่จะเข้าร่วมจะไปร่วมการสอบระดับท้องถิ่น ไปไหนไม่ได้เลย”

ในเวลานี้ คุณชายสามเซิ่งก็ผุดความคิดขึ้นมาทันที “สุภาษิตกล่าวไว้ว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่มก็ไม่เท่าเดินทางหมื่นลี้ พี่ใหญ่ พี่รอง ถือโอกาสนี้ส่งน้องลั่วเข้าเมืองหลวงไปเปิดหูเปิดตาก็ถือโอกาสคุ้นชินกับการสอบระดับเมืองหลวงของปีหน้าล่วงหน้า”

คำพูดนี้ดูไพเราะน่าฟังอย่างมาก แต่ต้องผ่านการสอบระดับท้องถิ่นก่อนถึงจะเข้าสู่การสอบระดับเมืองหลวงและการสอบระดับท้องถิ่นในทุกๆ สามปี ไม่ใช่ผ่านได้ง่ายๆ

ดวงตาของคุณชายรองเซิ่งเป็นประกายและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ก็จับฉลากแล้วกัน”

“ได้ จับฉลากเถอะ!” คนแรกที่เห็นด้วยคือคุณชายสี่เซิ่ง

“ไปไกลๆ เลย”

ผ่านไปชั่วครู่ คุณชายสามเซิ่งก็ร้องตะโกนอย่าโศกเศร้า “ทำไมคนที่โชคร้ายต้องเป็นข้าเสมอ!”

คุณชายใหญ่เซิ่งกับคุณชายรองเซิ่งยิ้มและแสดงความเคารพกับคุณชายสามเซิ่ง “ความปลอดภัยของน้องหญิงต้องรบกวนน้องสามแล้ว”

วันรุ่งขึ้น คุณชายสามเซิ่งเสนอตัวส่งลั่วเซิงกลับเมืองหลวง ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งพยักหน้าชื่นชม และพอออกจากเรือนฝูหนิงก็ถูกฮูหยินรองเรียกไว้

ว่ากันว่า หลังประตูปิดสนิท ฮูหยินรองใช้ไม้ปัดขนนกไล่ตีคุณชายสามที่กุมศีรษะหนีหัวซุกหัวซุน

“พี่ชายทั้งหลายล้วนไม่เต็มใจหรือ” ลั่วเฉินนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ดวงตาที่ราวกับอัญมณีสีดำเริ่มมืดมนลง

ฝูซงหดศีรษะ

สัญชาติญาณบอกว่า คุณชายโมโหแล้ว

แม้เขาจะเป็นบ่าวรับใช้ของจวนสกุลเซิ่ง แต่รับใช้ลั่วเฉินมานาน หัวใจของเขาจึงโน้มเอียงมานานแล้ว จึงรีบเล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาให้ฟัง “คุณชายสามพูดหลุดปากว่าจับฉลากได้…”

ลั่วเฉินเม้มริมฝีปากแล้วถามต่อ “นางจะไปเมื่อใด”

เนื่องจากโกรธเคืองลั่วเซิงจึงไม่ได้ถามนาง

“นางรึ” ฝูซงตกตะลึงครู่หนึ่ง

ใบหน้าของลั่วเฉินมืดมนลงเล็กน้อย ไม่เต็มใจเอ่ยสามพยางค์นี้ออกมา “พี่สาวข้า!”

ฝูซงเข้าใจในทันที “เอ่อ ท่านก็ไปถามคุณหนูสิขอรับ ได้ยินมาว่าเดินทางพรุ่งนี้ ฝั่งนั้นเริ่มเก็บของกันแล้ว”

ลั่วเฉินนั่งครู่หนึ่งแล้งสั่งว่าคู่ “ไปบอกนางว่าคืนนี้เตรียมอาหารเต็มโต๊ะไว้ให้ข้าด้วย”

ฝูซงเหลือบมองลั่วเฉินด้วยความประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายเอ่ยปาก ก่อนหน้านี้คุณหนูหลานนอกส่งอะไรมาให้กินก็กินอันนั้น

เพราะที่ส่งมานั้นอร่อยทุกอย่าง!

ฝูซงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวแล้วไปถ่ายทอดข้อความกับทางฝั่งลั่วเซิง

ให้ทำอาหารเต็มโต๊ะหรือ

พอได้ยินคำขอของลั่วเฉิน ลั่วเซิงก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล

พรุ่งนี้นางจะเดินทางออกจากเมืองจินซาแล้ว ทำตามคำขอเล็กๆ น้อยๆ ของน้องชายก็ไม่ได้นักหนาอะไร

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ลั่วเซิงก็คิดรายการอาหารไว้หมดแล้ว และสั่งให้หงโต้วเริ่มเตรียมวัตถุดิบ

เมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก พวกคุณชายเซิ่งทั้งสี่ก็ได้รับคำเชิญจากลั่วเฉินให้มาดื่มสุรา

สี่พี่น้องมาถึงเรือนของลั่วเฉินด้วยกันแล้วเดินเข้าประตูเรือน ก็มองเห็นลั่วเฉินยืนรออยู่ข้างกองไม้ไผ่สีเขียว

คุณชายรองเซิ่งยิ้มเอ่ย “น้องชายจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว นึกอย่างไรถึงชวนพวกพี่มาดื่มสุราได้”

ลั่วเฉินทำท่าทางเชื้อเชิญและยิ้มบางเอ่ย “พรุ่งนี้พี่สาวข้าจะเดินทางไกล ตลอดทางต้องรบกวนพี่สามดูแล วันนี้ข้าเลยอยากดื่มขอบคุณพี่ชายทั้งหลาย”

คุณชายรองเซิ่งอมยิ้มเล็กน้อยและสบตากับคุณชายใหญ่เซิ่ง

น้องชายหลานนอกใส่ใจน้องหญิงหลานนอกตั้งแต่เมื่อใดกัน

แต่คุณชายสามเซิ่งกลับไม่ได้คิดมาก โอบไหล่ของลั่วเฉินแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ ข้าคงต้องจัดหนัก พรุ่งนี้ออกเดินทางคงไม่สบายเช่นนี้แล้ว”

ห้องโถงบุปผาจัดเตรียมอาหารไว้เสร็จแล้ว พวกเขาก็สัมผัสถึงกลิ่นหอมทันทีที่ก้าวเข้ามา

“อาหารอะไรน่ะถึงหอมขนาดนี้” คุณชายสามเซิ่งจมูกขยับ

“พี่ชายทั้งหลายเชิญนั่ง”

พวกคุณชายเซิ่งทั้งสี่นั่งลงและรับผ้าเช็ดหน้าจากบ่าวมาเช็ดมือแล้วเหลือบมองอาหารบนโต๊ะ

มิใช่ความผิดของพวกเขาที่อดทนรอไม่ไหว แต่กลิ่นหอมนั่นเย้ายวนเสียจริงๆ

กลิ่นพริกทอดผสมกับพริกไทยส่งกลิ่นหอมฉุนกระตุ้นจมูกของพวกเขา ทำให้อยากกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

ลั่วเฉินยิ้มและเปิดฝาถาดลายครามหนึ่งในนั้นด้วยตัวเอง ด้านในปรากฏปลาทั้งตัวที่ราดด้วยน้ำมันสีแดงสด โดยมีพริกแดงสดและหัวหอมสีเขียวกระจัดกระจายอยู่ด้านบน

หลังจากเห็นอาหารจานนี้ พวกคุณชายใหญ่เซิ่งรู้สึกผิดหวัง

จินซาตั้งอยู่ทางตอนใต้ ปลาเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไป แต่จะทำให้อร่อยนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปลาทั้งตัว เกรงว่ารสชาติจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ลั่วเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พี่ชายทั้งหลายลองชิมปลาจานนี้ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

พวกเขาไว้หน้าน้องชายโดยคีบปลาเข้าปากแล้วก็ตกตะลึงในทันใด

เนื้อปลาสดนุ่มจนปลายลิ้นสั่น แต่เนื้อปลาทุกชิ้นดูดซับกลิ่นหอมของน้ำมันจากพริกและพริกไทยได้เป็นอย่างดี

ทั้งสดและอร่อย ราวกับจุดแข็งทั้งสองที่ขัดแย้งกันจะผสมผสานกันอย่างลงตัวบนปลาตัวนี้

คุณชายรองเซิ่งอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “ปลาน้ำแดงนี่สุดยอดมากจริงๆ…”

ลั่วเฉินมองเขาด้วยรอยยิ้มและแก้ไขว่า “นี่ไม่ใช่ปลาน้ำแดง แต่เป็นปลาทอดต่างหาก”

คุณชายรองเซิ่งอยากพูดคุยเรื่องปลาทอดจานนี้กับน้องเล็กต่อกลับเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนสีหน้าในพริบตา

เขาก้มมองจึงอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา “เจ้าสามกินปลาไม่คายก้างหรือ”

พูดเพียงสองประโยค ปลาก็หมดไปแล้วครึ่งตัว!

หลังจากพายุโหมกระหน่ำ จานบนโต๊ะดูเละเทะไร้ระเบียบ แต่ไม่มีใครแตะสุราเลย

คุณชายสามเซิ่งลูบท้องที่ยังกินไม่อิ่ม เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักว่า “น้องชายสั่งอาหารโต๊ะนี้มาจากที่ใดหรือ ร้านอู่เซียนไจหรือร้านอีผิ่นจวี ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ ร้านพวกเขาทำรสชาติแบบนี้ออกมาไม่ได้ นอกเสียจากเพิ่งเปลี่ยนแม่ครัวใหม่”

เด็กหนุ่มเหลือบมองพี่ชายทั้งหลายพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาวข้าทำอาหารทั้งโต๊ะนี้น่ะ”

หึๆ เขาเป็นคนเดียวที่รังเกียจลั่วเซิงได้ คนอื่นอย่าหวัง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท