ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 60 พ่อลูกผูกพันด้วยใจ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 60 พ่อลูกผูกพันด้วยใจ

“เซิงเอ๋อร์ นี่คือนายบำเรอคนใหม่ของเจ้าหรือ” แม่ทัพใหญ่ลั่วหลุดปากเอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยเสียงแหบและทุ้มต่ำ

คำว่า ‘ท่านลุงเขย’ ที่คุณชายสามเซิ่งจะเอ่ยออกไปด้วยความยินดีพลันติดอยู่ในลำคอ เกิดความสงสัยในใจขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ เหล่าอี๋เหนียงของน้องหญิงก็คาดเดาเช่นนี้ ยามนี้ท่านลุงก็กล่าวเช่นนี้อีกหรือว่าเขาในสายตาคนอื่นเทียบกับตอนที่ตนเองส่องกระจกแล้วยังหน้าตาดีกว่ามาก

ลั่วเซิงมองคุณชายสามเซิ่งแล้วแนะนำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่คือญาติผู้พี่สามของข้าเจ้าค่ะ”

คุณชายสามเซิ่งรีบยิ้มออกมาทันที “ท่าลุงข้าคือซานหลางตระกูลเซิ่งขอรับ”

“ซานหลางตระกูลเซิ่งหรือ” สมองของแม่ทัพใหญ่ลั่วที่หมดสติไปนานค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโตขนาดนี้แล้ว ครั้งก่อนที่เจอยังเป็นเด็กอยู่เลย”

“ลุงเขยไม่ได้กลับไปนานมากแล้ว”

“ใช่แล้ว…” แม่ทัพใหญ่ลั่วเพิ่งฟื้นความทรงจำก็เหลือบมองเห็นลั่วเซิง

บุตรสาวที่เหมือนต้นไป่หยางยืนอยู่บริเวณหัวเตียง ดูสงบเงียบแบบที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็น

สติสัมปชัญญะของแม่ทัพใหญ่ลั่วฟื้นคืนเต็มที่แล้ว “เซิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้อยู่ที่จวนท่านตาหรือ”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ภายในห้องก็เข้าสู่ความเงียบที่แปลกประหลาดในทันที สายตาทุกคู่พุ่งไปที่ลั่วเซิง

อี๋เหนียงทุกคน : อุ๊ย ที่แท้คุณหนูก็หนีกลับมานี่เอง! ก็บอกแล้วไงว่าล่วงเกินคุณหนูไม่ได้ แม้แต่นายท่านยังคุมคุณหนูไม่ได้เลย…

ลั่วเย่ว์คลายความโกรธลงเล็กน้อย

ท่านพ่อฟื้นแล้ว ดูซิพี่สามจะอธิบายเรื่องที่หนีกลับมาเมืองหลวงว่าอย่างไร

แต่แม่นางน้อยก็ลังเลขึ้นมาทันที : แต่หากพี่สามไม่กลับมา ตอนนี้ท่านพ่อก็คงยังไม่ฟื้น ไม่แน่ว่าอาจจะ…

ขณะที่พวกนางทำได้แค่มองท่านพ่อที่หมดสติอย่างกังวลใจ ขณะที่พี่บุญธรรมทั้งหลายจนปัญญา ความรู้สึกเหล่านั้นช่างกดดันและสิ้นหวังเหลือเกิน

เช่นนี้แล้ว พี่สามหนีกลับมาก็เป็นเรื่องที่ดีสินะ…ทันใดนั้นลั่วเย่ว์ก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ลั่วเซิงเหวี่ยงแส้ตรงหน้าเด็กเฝ้าประตูขึ้นมา

ความจริงแล้ว พี่สามเหวี่ยงแส้ฟาดคนยังมีความกล้าหาญและสง่างามอยู่บ้าง

ทันใดนั้นลั่วเย่ว์ก็สับสนขึ้นมา

หึ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ขอร้อง อย่างมากก็รอให้พี่สามถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษค่อยส่งผลไม้ไปให้

เวลานี้คุณชายสามเซิ่งกังวลใจอย่างยิ่ง

ลุงเขยคงจะไม่ลงโทษน้องหญิงหรอกนะ

แต่น้องหญิงเดินทางจากแดนไกลเพื่อกลับมาบ้าน ตลอดทางลำบากมากนัก

คุณชายสามเซิ่งนึกถึงพวกขาหมู บะหมี่ผัด ไก่น้ำเต้า…ฮือๆๆ หากเคยกินของพวกนี้แล้วไปกินอย่างอื่นก็ลำบากเกินไปแล้ว นึกไม่ออกจริงๆ ว่าน้องหญิงอดทนได้อย่างไร

“เดิมทีอยู่ที่จวนท่านตา ตอนนี้กลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย

แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าเคร่งขรึมลง “เจ้าแอบหนีกลับมาหรือ”

เด็กน้อยนี่ช่างกำเริบเสิบสานเสียจริง! ชอบทำให้คนเป็นห่วง!

เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วกระวนกระวายใจ ศีรษะก็ปวดขึ้นมาเป็นระยะๆ

ภายใต้การจับจ้องของทุกคน คุณหนูลั่วที่สงบนิ่ง จู่ๆ ก็ยกแขนเสื้อปิดหน้าพลางเอ่ยเสียงสะอื้น “หนึ่งเดือนที่ผ่านมา จู่ๆ ข้าก็ฝันว่าท่านพ่อเกิดเรื่อง หลังจากตื่นเหตุการณ์ในฝันก็ปรากฏชัดเจนขึ้นราวกับเคยเกิดขึ้นมาก่อน ลูกจะสบายใจได้อย่างไร พอกลับมา นึกไม่ถึงว่าท่านพ่อจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ…”

ลั่วเซิงร้องไห้ครู่หนึ่งก็เอาแขนเสื้อลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อยมองแม่ทัพใหญ่ลั่ว “ลูกไม่ได้หนีกลับมา แต่สวรรค์ทนเห็นท่านพ่อเกิดเรื่องแล้วลูกกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยไม่ได้จึงเรียกให้ลูกกลับมาเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ขอบตาแดงขึ้นมา เอ่ยเสียงสั่น “นี่คือพ่อลูกผูกพันด้วยใจ ลูกพ่อลำบากแล้ว”

ทุกคน “…”

“ท่านเพิ่งจะฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก พักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงเอ่ย

แม่ทัพใหญ่ลั่วเริ่มทนไม่ไหวบ้างแล้วจริงๆ

หมดสติไปเป็นเดือน บาดแผลที่ถูกแทงก็ยังไม่ดีขึ้นทั้งหมด ทั่วทั้งตัวก็ไม่มีตรงไหนสบาย เพิ่งเอ่ยไปไม่กี่คำก็เหนื่อยหอบแล้ว

“ผิงลี่”

“อยู่นี่ขอรับ”

“เจ้าเข้าวังแทนข้า นำข่าวที่ข้าฟื้นคืนสติแล้วไปกราบทูลฝ่าบาทที”

“ขอรับ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วค่อยๆ กวาดสายตาไปยังบรรดาบุตรบุญธรรมและบุตรสาวแล้วหลับตาลงนอน

เหลือแค่อี๋เหนียงสองท่านดูแลปรนนิบัติแม่ทัพใหญ่ลั่ว คนอื่นต่างออกจากห้องไปหมด

“พี่ชายใหญ่ช้าก่อน” ลั่วเซิงตะโกนเรียก

ผิงลี่ที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินแล้วหันหลังมามองนาง “คุณหนูสามมีเรื่องอะไรหรือ”

“ข้าอยากรู้รายละเอียดเรื่องการลอบสังหารท่านพ่อ”

ก่อนหน้านี้แม่ทัพใหญ่ลั่วสถานการณ์คับขันจึงไม่มีเวลาให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ก็ควรทำให้กระจ่างได้แล้ว

ผิงลี่ดูเหมือนค่อนข้างลำบากใจ มองไปยังลั่วอิงและพี่น้อง

ลั่วฉิงเอ่ยถามขึ้น “วันนั้นท่านพ่อดื่มเหล้าอยู่ในศาลา ซือหนานก็เข้าไป บอกว่าน้องสามมีของสิ่งหนึ่งฝากไว้ให้เขาเอามาให้กับท่านพ่อ ท่านพ่อประมาทไปชั่วครู่ทำให้ซือหนานเข้าประชิดตัวได้ ซือหนานนำปั่นปักผมหยกที่วางอยู่ในกล่องผ้าให้ดู เขาใช้โอกาสที่ท่านพ่อหยิบปิ่นหยกขึ้นมาดูอย่างละเอียด ใช้กริชที่ซ่อนอยู่ข้างใต้กล่องผ้าทำร้ายท่านพ่อ…”

“ปิ่นหยกหรือ”

ลั่วฉิงเผยสีหน้าค่อนข้างแปลกใจ “น้องสามไม่รู้หรือ ปิ่นหยกอันนั้นเป็นของที่ท่านแม่ปักตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ต่อมาเก็บไว้ให้เจ้า วันนั้นเป็นวันครบรอบของท่านแม่…”

“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดปิ่นหยกอันนั้นถึงได้มาอยู่ในมือซือหนาน” ลั่วเซิงมีไหวพริบมากในการตอบคำถามของลั่วฉิง

“ต้องเป็นเจ้าคนร้ายสมควรตายนั่นแน่ที่กล้าขโมยปิ่นหยกของพี่สาม!” ลั่วเย่ว์กัดฟันด่าทอ

ลั่วเซิงมองไปยังผิงลี่ “จัดการซือหนานอย่างไร”

“ขังคุกองครักษ์จิ่นหลิน”

“แล้วถามเหตุผลที่ลอบสังหารท่านพ่อมาได้แล้วหรือไม่”

ผิงลี่ยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูสามไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ พวกข้าจะสอบปากคำอย่างละเอียด เมื่อถึงเวลานั้นจะมารายงานท่านพ่อบุญธรรม”

นี่หมายความว่าไม่อยากบอกอะไรลั่วเซิงมากนัก

“แต่ข้าอยากรู้” ลั่วเซิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

คุณชายซือคือคนที่คุณหนูลั่วฉุดมาจากตลาด สุดท้ายกลับรอจนได้โอกาสที่ดีที่สุดลอบสังหารแม่ทัพใหญ่ลั่ว นี่คือหนึ่งในการทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้

ผิงลี่เงียบลงชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้น “ตามเหตุการณ์ที่ได้สอบปากคำมา เมื่อสิบกว่าปีก่อนบิดาของซือหนานถูกองครักษ์จิ่นหลินจับกุมหลังจากนั้นก็บ้านแตกสาแหรกขาด เหลือเพียงแค่ซือหนานที่ยังเด็กกับบ่าวรับใช้หนึ่งคน ซือหนานมีความคิดที่จะแก้แค้นให้บิดามาตลอด สองปีก่อนบังเอิญถูกคุณหนูสามพากลับมาที่จวนแม่ทัพใหญ่ลั่ว…”

“เช่นนั้นพี่ชายใหญ่ไปทำธุระเถอะ ข้าไปพบเขาก่อน”

“คุณหนูสามจะไปที่คุกทำไม สถานที่แบบนั้นรังแต่จะแปดเปื้อนนัยน์ตาเสียเปล่า”

ลั่วเซิงยิ้มเย็น “เขาลอบสังหารท่านพ่อข้า ทั้งยังหลอกข้าจนหัวหมุน จะให้เขาได้เปรียบไม่ได้สิ”

สีหน้าของผิงลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยเตือนว่า “รอให้พวกข้าสอบปากคำซือหนานเสร็จเมื่อใด รับรองว่าจะทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตายแน่ คุณหนูสามไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง”

ก้นบึ้งนัยน์ตาของลั่วเซิงมีประกายเย้ยหยันพาดผ่าน

นางไม่เชื่อเหตุผลที่ผิงลี่บอก

องครักษ์จิ่นหลินคือหูตาของโอรสสวรรค์ มีอำนาจในการลาดตระเวนและจับกุม หลายปีมานี้มีขุนนางถูกองครักษ์จิ่นหลินจับกุมแล้วบ้านแตกไปไม่รู้เท่าใด หากเป็นเพราะเหตุผลนี้จริงๆ เหตุใดผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนกว่ายังสอบปากคำซือหนานไม่เสร็จเสียที กระทั่งกลัวว่านางจะวู่วามลงมือหนักกับซือหนานงั้นหรือ

ที่ผิงลี่ทำคือการปลอบนางเหมือนที่เคยทำกับคุณหนูลั่วในอดีต

“งั้นก็ได้” เมื่อลั่วเซิงเอ่ยสามคำนี้ออกมาก็ได้เห็นสีหน้าผ่อนคลายที่ยากจะสังเกตเห็นจากผิงลี่ได้จริงๆ ด้วย

มุมปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้ารับรองว่าจะไม่ลงมือ ค่อยให้พี่ชายห้าไปเป็นเพื่อนข้า เช่นนี้พี่ใหญ่คงยินยอมใช่หรือไม่”

ผิงลี่พยักหน้าอย่างจำใจ

พ่อบุญธรรมฟื้นขึ้นมา น้ำหนักในคำพูดของน้องสาวบุญธรรมคนนี้ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว กล่าวถึงตรงนี้ หากไม่ตอบตกลง เกรงว่าต้องแตกหักเป็นแน่

“น้องสี่ น้องห้า พวกเจ้าไปเป็นเพื่อนคุณหนูสามเถอะ” ผิงลี่ส่งสายตาให้ฉีซื่อเล็กน้อย

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท