ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 71 ชายาเอกผิงหนานอ๋อง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 71 ชายาเอกผิงหนานอ๋อง

ลั่วเซิงเอ่ยปากขอไปด้วย ทำเอาทุกคนตกใจ

นางขอร้องเต็มปากเต็มคำเช่นนี้ได้อย่างไร

ท่านหญิงน้อยไปถวายพรให้ชายาเอก นางมีสิทธิ์อะไรตามไป เพราะนางหน้าด้านหรือ

ทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลกเงียบๆ

หลังจากเว่ยเหวินตกใจในทีแรกก็ปิดบังความรำคาญไว้อย่างดี พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา คุณหนูลั่วพักผ่อนที่นี่ดีกว่า หากรู้สึกเบื่อก็ไปชมดอกไม้ได้”

ลั่วเซิงยิ้มเบาๆ “ดื่มชาชมดอกไม้ไว้ทำทีหลังได้ ในเมื่อข้ามาที่นี่ในนามของสตรีจวนแม่ทัพใหญ่ก็ควรต้องแสดงความยินดีต่อพระชายาเอก ท่านหญิงคิดว่าใช่หรือไม่”

เว่ยเหวินขมวดคิ้วและเงียบไปครู่หนึ่ง พยักหน้าอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ “คุณหนูลั่วพูดถูก เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”

นางลืมไปว่าลั่วเซิงแตกต่างจากสตรีอื่น

สตรีสูงศักดิ์เหล่านี้ตามมารดาของตนเองมา เรื่องการเข้าสังคมย่อมมีฮูหยินออกหน้า แต่ลั่วเซิงกลับเป็นญาติฝ่ายหญิงที่สำคัญที่สุดของจวนแม่ทัพใหญ่

นางขอไปถวายพรชายาเอก เว่ยเหวินในฐานะที่เป็นเจ้างานย่อมไม่สมควรห้าม

เมื่อเห็นลั่วเซิงเดินออกจากศาลาพร้อมเว่ยเหวิน ลั่วเย่ว์ก็เรียกพี่สาม

ลั่วเซิงเหลียวหลังเผยรอยยิ้มปลอบประโลม “พี่รองและน้องสี่รอข้าที่นี่ ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา”

“แต่ว่า…” ลั่วเย่ว์จำคำกำชับของแม่ทัพใหญ่ลั่วได้ ทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็เงียบ

ท่านพ่อบอกว่าให้นางและพี่รองอยู่กับพี่สาม

ท่านพ่อพูดอ้อมๆ แต่นางรู้ว่าท่านพ่อกลัวว่าพี่สามจะสร้างปัญหาอีกจึงให้นางและพี่รองคอยจับตามอง

ทว่าก็เป็นเรื่องยากที่จะพูดต่อหน้าสาธารณะ

เมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมาที่ลั่วเย่ว์ ลั่วฉิงก็ดึงนางทีหนึ่ง “น้องสี่ นั่งลงเถอะ ประเดี๋ยวน้องสามก็กลับมา”

สิ่งที่น้องสามตัดสินใจแล้วย่อมไม่เปลี่ยนใจ จะให้นางและน้องสี่ไปพบชายาเอกผิงหนานอ๋องก็ไม่เหมาะสม แทนที่จะสร้างความวุ่นวายต่อหน้าทุกคน สู้รอน้องสามกลับมาดีกว่า

ที่นั่นมีเพียงผู้ใหญ่ น้องสามคงไม่สร้างความขัดแย้งกับพวกเขาหรอก… ลั่วฉิงคิดอย่างไม่แน่ใจนัก

เว่ยเหวินที่กำลังเดินไปก็กำลังคิดเช่นนี้เช่นเดียวกัน

ลั่วเซิงชอบเข้าสังคมตั้งแต่เมื่อใดกัน คงไม่ใช่คิดจะไปก่อเรื่องหรอกนะ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาเว่ยเหวินก็เย็นชาลง

หากเป็นเช่นนี้ นางไม่ปล่อยไปแน่!

ไม่สิ เดิมวันนี้จะมีละครสนุกๆ ให้ดูอยู่แล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เว่ยเหวินยกมุมปากเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

“พระชายา ท่านหญิงและคุณหนูลั่วมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินสาวใช้รายงาน พระชายาที่ยิ้มอยู่ก็อดชะงักไม่ได้

นางคิดว่าเป็นเวลาที่บุตรสาวควรมาแล้ว แต่คุณหนูลั่วนี่คือผู้ใดกัน

ญาติสตรีในจวนแม่ทัพใหญ่ร้างจากวงสังคมของสตรีชั้นสูงไปนาน ชั่วขณะพระชายาผิงหนานอ๋องก็นึกไม่ออกว่าคุณหนูลั่วที่สาวใช้พูดถึงคือใครจนเมื่อเห็นหญิงสาวชุดสีเขียวที่เดินข้างกายเว่ยเหวินเข้ามา

ใบหน้าของลั่วเซิงนี้สามารถจดจำได้ในทันที

ไม่ใช่เรื่องอื่น ฮูหยินในนั้นที่มีบุตรชายล้วนเคยกังวลว่าบุตรชายอันเป็นที่รักจะตกอยู่ในเงื้อมมืออำมหิตของคุณหนูลั่ว

ส่วนที่บุตรชายไม่ได้หน้าตาดีกระทั่งขี้ริ้ว สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีอยู่ ถึงอย่างไรในสายตาของผู้เป็นแม่ทุกคนบุตรชายของตนก็เป็นคนโดดเด่นที่สุด แม้ไม่ใช่คุณหนูลั่วก็มีนังหนูไร้ยางอายนับไม่ถ้วนจ้องจนน้ำลายไหล

การปรากฏตัวของลั่วเซิงทำให้ฮูหยินทุกคนที่อยู่ในนั้นชะงักงัน

พระชายาผิงหนานอ๋องปรายตามองเว่ยเหวินทีหนึ่ง

เว่ยเหวินคารวะ อธิบายว่า “คุณหนูลั่วอยากมาอวยพรให้ท่านแม่ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

ลั่วเซิงย่อเข่าเล็กน้อย พูดเสียงใสว่า “ขอให้พระชายาสมปรารถนาทุกสิ่ง อายุมั่นขวัญยืนดั่งต้นสนและนกกระเรียน”

เสียงของหญิงสาวสดใสชัดเจนราวกับไข่มุกน้อยใหญ่ตกลงมาบนจานหยกเข้าถึงหูทุกคนอย่างชัดเจน

เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ที่สุภาพและหนักแน่นมาโดยตลอดอดกระตุกมุมปากไม่ได้

อายุมั่นขวัญยืน แม้จะเป็นคำมงคล แต่ใช้กับพระชายาได้อย่างไรกัน

พระชายาผิงหนานอ๋องดูแลสุขภาพอย่างดี แม้จะมีอายุเกือบห้าสิบแล้ว แต่ดูเหมือนคนอายุสี่สิบ โดยปกติแล้วนางชอบฟังผู้อื่นชมว่านางยังอ่อนเยาว์

คุณหนูลั่วขอให้พระชายาผิงหนานอ๋องอายุมั่นขวัญยืน นี่มันเห็นพระชายาผิงหนานอ๋องเป็นหญิงชราชัดๆ

จุ๊ๆ เลี้ยงบุตรสาวได้ไม่เอาไหนเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วกังวลบ้างหรือไม่

ทว่าคุณหนูลั่วคิดคำว่าอายุมั่นขวัญยืนได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว กลับกลายเป็นว่าพระชายาผิงหนานอ๋องสุดจะทนได้

เหล่าฮูหยินที่กำลังคิดเช่นนี้ก็แอบเหล่มองสีหน้าของพระชายาผิงหนานอ๋อง

ตั้งแต่ที่พระชายาผิงหนานอ๋องเข้าเมืองหลวงก็มีชีวิตที่มีแต่คนรายล้อมยกย่องสรรเสริญ เคยรู้สึกอัปยศต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

ใช่แล้ว สำหรับพระชายาผิงหนานอ๋องแล้วนี่คือความอัปยศ

นางดูเหมือนคนอายุสี่สิบเท่านั้น อายุมั่นขวัญยืนที่ไหนกัน!

ในใจของพระชายาผิงหนานอ๋องหงุดหงิดมาก ทว่ากลับไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆ ได้

นี่คืองานเลี้ยงวันเกิดของนาง หากเรื่องแค่นี้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทุกคนคงหัวเราะเยาะ

แต่ว่านางยังคงโมโหมากอยู่ดี!

พระชายาผิงหนานอ๋องขอบคุณคำอวยพรของลั่วเซิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหลือบมองบุตรสาวทีหนึ่ง

เว่ยเหวินกัดปากเบาๆ อดกลั้นความโมโหพูดกับลั่วเซิงยิ้มๆ ว่า “คุณหนูลั่ว ข้าให้สาวใช้ส่งเจ้ากลับสวนดอกไม้นะ”

ลั่วเซิงแสดงสีหน้าประหลาด “ที่นี่ไม่มีที่ของญาติฝ่ายหญิงจวนลั่วหรอกหรือ”

เว่ยเหวินชะงัก อดมองพระชายาผิงหนานอ๋องไม่ได้

พระชายาผิงหนานอ๋องรักษารอยยิ้ม “เป็นไปได้อย่างไร คุณหนูลั่วนั่งที่นี่เถิด”

ลั่วเซิงยิ้ม “เด็กน้อยเช่นข้าไม่เหมาะที่จะนั่งที่นี่ ไม่ทราบว่าฮูหยินฉางชุนโหวมาแล้วหรือไม่เจ้าคะ”

ทันทีที่นางพูดขึ้น ทุกคนก็มองมาที่ฮูหยินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง

ฮูหยินคนนี้ดูไปแล้วยังไม่ถึงสามสิบ บุคลิกดูอ่อนโยน

ลั่วเซิงจึงรู้ว่าท่านนี้คือหยางซื่อฮูหยินของฉางชุนโหว

ตามที่หงโต้วเล่า คุณหนูลั่วไม่ชอบหยางซื่อมาก เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก ภรรยาใหม่ฉางชุนโหวคนนี้ให้กำเนิดบุตรสาวที่มีความสามารถและชื่อเสียงคนหนึ่ง มีครั้งหนึ่งถูกคนชมเชย คนๆ นั้นยังถือโอกาสเยาะเย้ยคุณหนูลั่วที่ไม่รู้วิชา

ทว่าคุณหนูลั่วได้ยินคำพูดนี้เข้า

คุณหนูลั่วตบคนๆ นั้นยกหนึ่งอย่างไม่เกรงใจและพลอยเกลียดครอบครัวของฉางชุนโหวไปด้วย

ลั่วเซิงมองหยางซื่อแล้วยิ้มให้เล็กน้อย

คุณหนูลั่วเกลียดคนผู้นี้ นางเองก็เกลียดเช่นกัน

ไม่ใช่เรื่องอื่น แค่เรื่องที่คนผู้นี้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตนเองหลังจากพี่หญิงใหญ่ล้มป่วยและจากไปไม่ถึงครึ่งปี นางก็ชอบอีกฝ่ายไม่ลง

ข้างกายหยางซื่อมีที่ว่างพอดี ลั่วเซิงเดินตรงเข้าไป ยิ้มถามว่า “ฮูหยินหยางรังเกียจหรือไม่หากข้าจะนั่งที่นี่”

หยางซื่อหนังตากระตุก พูดยิ้มๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ว่า “ไม่รังเกียจแน่นอน”

อันที่จริงนางเองก็ไม่เข้าใจว่าแม่นางน้อยคนหนึ่งมานั่งข้างนางเหมาะสมตรงไหน แต่นางก็ไม่กล้าถาม

ชื่อเสียของคุณหนูลั่ว นางเคยได้ยิน

ตอนนี้สิ่งที่นางรู้สึกโชคดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือบุตรชายสองคนมีอายุยังไม่ถึงสิบขวบ ไม่ต้องกังวลว่าคุณหนูลั่วจะเข้าหานางเพราะบุตรชาย

ลั่วเซิงนั่งเงียบๆ นางดื่มชาและทานผลไม้อย่างเรียบร้อย

เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้ว ลั่วเซิงมีทีท่าว่าจะทานอาหารจนจบงาน เว่ยเหวินก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

หากลั่วเซิงอยู่ที่นี่ เช่นนั้นแผนการที่คิดไว้ก็เสียเปล่าน่ะสิ…

เว่ยเหวินแอบส่งสายตาให้สาวใช้คนหนึ่ง

สาวใช้ปะปนอยู่ในกลุ่มสาวใช้ยกน้ำแกงสี่ห้าคน พวกนางยกน้ำแกงหวานที่แบ่งเสร็จแล้วให้ลั่วเซิง

มือขาวเนียนและงดงามคู่หนึ่งกับน้ำแกงหวานที่มีกลิ่นหอมและน่าเอร็ดอร่อยถ้วยหนึ่ง

น้ำแกงหวานเพิ่งถูกยกไปข้างหน้าลั่วเซิง จู่ๆ มือคู่นั้นก็สั่น

มือขาวเนียนและงดงามยิ่งกว่าขยับเบาๆ น้ำแกงหวานถ้วยนั้นก็ร่วงบนใบหน้าของฮูหยินฉางชุนโหว

ฮูหยินฉางชุนโหวผู้อ่อนโยนส่งเสียงกรีดร้องทันที

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท