ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 77 ใต้ดอกโบตั๋น

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 77 ใต้ดอกโบตั๋น

สตรีสูงศักดิ์ที่มางานเลี้ยงมักจะเตรียมชุดที่มีสีและแบบใกล้เคียงกระทั่งเหมือนกันอีกชุดหนึ่งไว้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว

เสื้อผ้าจะอยู่ที่สาวใช้ของตน เพียงแค่ส่งคนไปแจ้งสาวใช้ที่ดื่มชาอยู่ด้านนอก เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องที่เจ้าบ้านให้เข้าไปเปลี่ยนแค่นั้นก็พอ

เดิมก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อคิดถึงสาวใช้ของจวนอ๋องที่ทำพลาดซ้ำซ้อน ลั่วเซิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

นางไม่ได้ใสซื่อขนาดที่คิดว่าสาวใช้สองคนพลาดพลั้งจริงๆ

“น้องสี่ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คงไม่มีสาวใช้มือเท้าลื่นอีกใช่หรือไม่” ลั่วเซิงมองเว่ยเหวิน ถามอมยิ้ม

เว่ยเหวินโกรธมาก แต่นางทำได้เพียงแค่ยิ้มๆ “จะมีได้อย่างไร”

ครั้งสองครั้งก็แล้วไป หากยังมีสาวใช้ทำพลาดอีก สตรีสูงศักดิ์ในที่นี้ไม่ใช่คนหูหนวกตาบอด จวนผิงหนานอ๋องคงปลีกตัวจากเรื่องนี้ยาก

ไม่มีผู้ใดชอบที่จะไปเป็นแขกจวนคนอื่นแล้วยังต้องคอยกังวล มิหนำซ้ำคุณหนูสี่ลั่วลูกอนุคนหนึ่งก็ไม่ได้ขวางหูขวางตานาง นางวางแผนทำร้ายคุณหนูสี่ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร

“เช่นนั้นก็ดี” ลั่วเซิงยิ้มตอบเหมือนเดิม

ทั้งสองมองหน้ากัน ดูสุภาพและมีมารยาท แต่บรรยากาศกลับดูแปลกพิลึกอย่างไรไม่รู้

ลั่วฉิงเอ่ยปากพูดว่า “ให้ข้าไปเป็นเพื่อนน้องสี่เถอะ

เมื่อเห็นลั่วฉิงและลั่วเย่ว์จากไปโดยมีสาวใช้พาไป ลั่วเซิงก็ยิ้มให้เว่ยเหวินเบาๆ “ข้าจะไปเดินเล่นในสวน ไม่รบกวนท่านหญิงแล้ว”

“คุณหนูลั่วเชิญตามสบาย”

ลั่วเซิงก้าวเท้าเดินออกจากศาลา

จูหานซวงมองกลับมา ความเกลียดชังในดวงตาไม่ถูกปิดบังอีกต่อไป “ท่านหญิง ท่านดูท่าทีเย่อหยิ่งนั่นของนางสิ!”

เว่ยเหวินน้ำเสียเยือกเย็น “นางก็เป็นเช่นนี้มาตลอดมิใช่หรือ”

“แต่นางไม่เห็นแม้แต่ท่านในสายตา”

เว่ยเหวินยิ้มเย็นชา “แปลกตรงไหนกัน นางสนิทสนมกับองค์หญิงฉางเล่อ ข้าก็แค่ท่านหญิงคนหนึ่ง”

จูหานซวงยิ้มเหยียด “ก็แค่เอาขนไก่ไปทำลูกศร คิดว่าองค์หญิงฉางเล่อจะเห็นนางเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ หรือ ข้าว่าในสายตาขององค์หญิงฉางเล่อ ท่านเห็นนางเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อเท่านั้น”

เว่ยเหวินเดินออกไปช้าๆ พูดเสียงเบาว่า “แม้จะเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อ ตราบใดที่องค์หญิงยังชอบ เช่นนั้นนางก็สามารถเอาขนไก่ไปทำลูกศรได้ มิหนำซ้ำบิดาของนางเป็นแม่ทัพใหญ่ที่มีองครักษ์กำลังจิ่นหลินอยู่ใต้บังคับบัญชา นางอาละวาดกำเริบเสิบสานโดยไม่สนใจศักดิ์ศรี คนอื่นก็ทำอะไรนางไม่ได้จริงๆ”

สุดท้ายแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วคือคนถือหางให้ลั่วเซิง

ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังโปรดปรานแม่ทัพใหญ่ลั่ว ลั่วเซิงก็ยังสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานได้อีกหนึ่งวัน

ทว่าจะทำตัวกร่างแล้วอย่างไร แม้แม่ทัพใหญ่ลั่วจะมีอำนาจมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถบีบบังคับให้ครอบครัวที่ร่ำรวยมีหน้ามีตาแต่งงานกับบุตรสาวของเขาได้ และหากให้บุตรสาวแต่งงานกับครอบครัวที่ประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลอย่างแม่ทัพใหญ่ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องเห็นนางในสายตา

นี่ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าบิดาของนางยังมีอำนาจ ลั่วเซิงจึงแต่งออกได้ หากแม่ทัพใหญ่ลั่วหมดอำนาจในวันใด จุดจุบของลั่วเซิงคงเลวร้ายยิ่งกว่าสาวใช้ในจวนอ๋อง

เว่ยเหวินครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้เงียบๆ ความโมโหบรรเทาลงเล็กน้อย

“แต่ข้าก็ทนไม่ไหวอยู่ดี แม้แต่คุณหนูใหญ่เฉินนางยังลงมือได้อย่างง่ายดาย แล้วยังมีอะไรที่นางไม่กล้าทำอีก ไม่แน่ว่าวันไหนรังแกท่านหญิงเล่า” เห็นได้ชัดว่าจูหานซวงเจ็บใจแทนเว่ยเหวิน ความกังวลอีกเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมา

นิสัยไม่เกรงกลัวกฎหมายและศีลธรรมจรรยาของลั่วเซิงดันชอบไคหยางอ๋อง หากนางอาละวาดจะแต่งงานกับไคหยางอ๋องจะทำอย่างไร

แม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นคนที่องค์ฮ่องเต้โปรดปรานในยามนี้ หากฮ่องเต้ตกลงเล่า

ถึงครานั้น แม้นางจะตายก็ทำอะไรไม่ได้

แทนที่จะนึกเสียใจภายหลัง สู้หาโอกาสตอนนี้กำจัดนังคนชั่วนั่นเสียดีกว่า ดูซิว่านางจะคิดแผนชั่วๆกับไคหยางอ๋องได้อย่างไรอีก

เว่ยเหวินยอมรับว่าคำพูดของจูหานซวงทำให้นางยิ่งเกลียดชังลั่วเซิง แต่นางกลับรู้ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนสนิทคนนี้ นางพูดอย่างราบเรียบว่า “คนชั่วย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ ข้าเชื่อว่าคนพรรค์นี้กำเริบเสิบสานได้ไม่นานหรอก”

ตั้งแต่ที่ครอบครัวนางย้ายมาเมืองหลวง แม้แต่นางผู้เป็นท่านหญิงยังไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้ ลั่วเซิงมีสิทธิ์อะไรทำเช่นนั้นได้

จูหานซวงฝืนพยักหน้า ยื่นมือไปบังแสงที่สาดส่องใบหน้า “วันนี้แดดแรงจริงๆ เราไปเดินเล่นที่สวนไผ่เถอะ”

เว่ยเหวินพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก

ลั่วเซิงดูเหมือนกับว่ากำลังเดินเล่นอย่างไร้จุดหมาย แต่นางกลับจดจำรายละเอียดทุกอย่างในสวนไว้ในใจ

จวนผิงหนานอ๋องทำให้นางบ้านแตกสาแหรกขาด แค้นนี้ไม่ช้าไม่เร็วต้องชำระ การทำความรู้จักกับสถานที่อยู่อาศัยของศัตรูย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหาย

นางเดินเข้าไปในส่วนลึกของสวนโดยไม่รู้ตัวก่อนจะหยุดอยู่ข้างดอกโบตั๋น

ตามหลักแล้วช่วงดอกโบตั๋นบานได้ผ่านไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคนสวนของจวนอ๋องใช้วิธีอะไร โบตั๋นตรงหน้าต้นนี้จึงบานสะพรั่งโดดเด่นและงดงาม

พุ่มดอกไม้ที่สูงเกือบจั้ง ดอกไม้ดอกใหญ่ มีกลิ่นหอม สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่สวยหยาดฟ้ามาดิน

ลั่วเซิงอดชื่นชมครู่หนึ่งไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่าถึงเวลาที่ลั่วฉิงและลั่วเย่ว์กลับมาหลังจากจากไปพักหนึ่งแล้วก็หันหลังเดินกลับไป

ดอกโบตั๋นพุ่มนี้ดึงดูดสตรีสูงศักดิ์คนอื่นๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด ระหว่างทางที่กลับไปก็เจอคนทยอยเดินมาทางนี้เรื่อยๆ

เสียงพูดและหัวเราะของสตรีคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

“แหม คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่ยังมีโบตั๋นบานสะพรั่ง สวนของจวนข้าร่วงโรยไปหมดแล้ว”

“จวนข้าก็เช่นกัน”

“ถึงอย่างไรก็เป็นจวนอ๋อง แม้แต่ดอกไม้และต้นหญ้าธรรมดาๆ ก็ดูพิเศษ”

“นั่นน่ะสิ จวนอ๋องไม่เหมือนกันจริงๆ”

“เอ๋ นี่อะไรหรือ กรี๊ด…”

ลั่วเซิงหยุดฝีเท้าและหันหลังเพราะเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นกะทันหัน

สตรีสูงศักดิ์จำนวนหนึ่งบางคนปิดหน้าบางคนถอยหลัง บางคนยังล้มลงกับพื้นเนื่องจากตกอกตกใจ เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมาไม่หยุด

ลั่วเซิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับ

จู่ๆ ก็มีเสียงของสตรีนางหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “มีคนตาย…”

เสียงนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดวิตก ดึงดูดคนจากทุกสารทิศเร่งมาที่นี่

ลั่วเซิงก้าวเท้าเดินออกไป เห็นมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากใต้พุ่มดอกโบตั๋น

“เกิดอะไรขึ้น” เว่ยเหวินที่เร่งเดินทางมาถึงถามขึ้น

สตรีสูงศักดิ์สองสามคนหน้าซีด หน้าตาตื่นตกใจ หนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ใต้พุ่มดอกโบตั๋น… มีคนตาย!”

เว่ยเหวินหน้าเปลี่ยนสี โพล่งถามว่า “ใคร”

สายตาของสตรีสูงศักดิ์สองสามคนนั้นหยุดอยู่ที่สตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งที่ล้มลงบนพื้น

หลังจากที่พวกนางได้ยินเสียงกรีดร้องเห็นเพียงมือข้างหนึ่งก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ไหนเลยจะกล้าดูอีก

สตรีสูงศักดิ์ที่ล้มกับพื้นคือคนแรกที่พบความผิดปกติ บัดนี้ตกใจไม่เบาอย่างเห็นได้ชัด นางตัวสั่นพูดว่า “คะ คือคุณหนูใหญ่เฉิน!”

คำพูดของนางทำให้เกิดความปั่นป่วนทันที

ผู้ตายคือคุณหนูใหญ่เฉิน?

ปฏิกิริยาแรกของเหล่าหญิงสาวคือคิดว่าเป็นไปไม่ได้

พวกนางเจอคนตายรู้สึกหวาดกลัว แต่ในใจลึกๆ กลับไม่เคยคิดว่าผู้ตายคือสตรีสูงศักดิ์ที่มีฐานะเช่นเดียวกับพวกนาง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บ่าวและสาวใช้ของครอบครัวร่ำรวยจะตาย สำหรับพวกนางแล้วมือที่ยื่นออกมาจากพุ่มดอกโบตั๋นน่าจะเป็นคนใช้ของใครสักคนมากกว่า ใครจะไปคิดว่าจะเป็นคุณหนูใหญ่เฉิน!

ผู้ตายเป็นหนึ่งในกลุ่มของพวกนาง นี่ไม่ใช่เรื่องน่าวิตกธรรมดา แต่เป็นเรื่องน่าวิตกอย่างยิ่ง

ภายใต้ความวิตกใหญ่หลวง สตรีสูงศักดิ์บางคนที่กล้าหาญอดยื่นศีรษะไปดูไม่ได้

เจ้าของของมือข้างนั้นนอนอยู่ด้านหลังดอกโบตั๋นสีแดงเข้ม ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยว หากไม่ใช่คุณหนูใหญ่เฉินแล้วจะเป็นใคร!

กริชที่เอาชีวิตของคุณหนูใหญ่เฉินปักคาที่ท้องของนาง กริชฝังอัญมณีล้ำค่าเปล่งประกายเจิดจรัสภายใต้แสงแดดที่ส่องกระทบ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท