สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 83 ทะนุถนอม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 83 ทะนุถนอม

เฮ่อชิงเซียวมองดูสาวน้อยที่ตั้งใจค้นหาคำตอบ ก็ยิ้มเอ่ยว่า “คุณหนูโค่วดึงดันอยากรู้คำตอบ ไม่กลัวว่าสูญเสียอิสรภาพถูกจองจำจริงหรือ”

หากเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงดีใจแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ไปแล้วกระมัง

ซินโย่วหลุบตาลงมองน้ำชาใสในแก้วตรงหน้า “ก่อนหน้านี้ที่ลงมือกับใต้เท้าเฮ่อ ใต้เท้าเฮ่อก็มิได้เอาเรื่องข้า”

ในใจนางรู้ดีว่าครั้งนี้เฮ่อชิงเซียวไม่ได้มาจับกุมนาง จึงได้ถือโอกาสถาม

พอคิดเช่นนี้ พฤติกรรมนางก็เหมือนว่า…ได้คืบเอาศอก?

ซินโย่วรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผะผ่าว

เฮ่อชิงเซียวพลันรู้สึกได้ว่าสาวน้อยที่แต่ไรมาดำรงท่าทีสุขุมสงบนิ่งตรงหน้าเขาผู้นี้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาบอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนไปอย่างไร แต่กลับเทียบกับท่าทางเคร่งเครียดก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่า

“เป็นเพราะ…” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง เดิมคิดว่าจะหาเหตุผลอ้างไปอย่างนั้น แต่พบสบตากระจ่างใสคู่นี้แล้ว กลับเอ่ยความคิดแท้จริงของตนเองออกมา “ศาลซุ่นเทียนหรือกรมอาญาจัดการคดีชาวบ้าน แต่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินส่วนใหญ่ปฏิบัติงานตามพระบัญชา เรื่องพวกนี้หาเหตุผลแทรกแซงสืบได้ หรืออาจจะทำเป็นไม่เห็นก็ได้ ข้าไม่เห็นว่าการจับคุณหนูโค่วส่งเข้าคุกจะน่าสนใจอันใด”

ซินโย่วได้ยินเช่นนี้ มือที่กุมแก้วชาก็กำแน่น เหลือบตาขึ้นสบตากับเฮ่อชิงเซียว “การตายของโจวทงไม่เกี่ยวข้องกับข้า”

แม้ว่าได้รับการเตือนจากนาง เหมียวซู่ซู่จึงได้ป้องกันตนเองสังหารโจวทงกลับแทน หากจะว่าไป การตายของโจวทงก็เกิดเพราะความละโมบและโหดเหี้ยมของโจวทงเอง

คำตอบนี้ทำให้เฮ่อชิงเซียวคาดไม่ถึง แต่แววตาสาวน้อยเหมือนมิได้กล่าวเท็จ ทำให้แววตาลึกๆ ของเขามีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว

“คุณหนูโค่วอดทนรอสักหน่อย การตายของบิดาท่านในปีนั้น ข้าจะบอกท่านเอง”

ซินโย่วยกกาน้ำชารินน้ำชาให้เฮ่อชิงเซียวอีกแก้ว “ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ”

ความเข้าใจผิดนี้ทำให้เรื่องของนางกับมารดาไม่ถูกเปิดเผย ยังจะได้สืบเรื่องการตายของบิดาโค่วชิงชิงว่าใช่อุบัติเหตุหรือไม่ นับว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว

เฮ่อชิงเซียวยกน้ำชาจิบไปสองคำก็วางแก้วลง “เช่นนั้นก็ไม่รบกวนคุณหนูโค่วแล้ว”

ซินโย่วลุกขึ้น “ข้าไปส่งใต้เท้าเฮ่อเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธ ซินโย่วมาส่งเขาที่ประตูมุม กล่าวคำอำลา

จากนั้นซินโย่วก็มองใต้เท้าเฮ่อเดินเข้าร้านหนังสือไป

ซินโย่วยืนนิ่งอยู่ที่ประตูครู่หนึ่งก็หันกลับเรือนตะวันออก

เสี่ยวเหลียนกำลังเก็บของอยู่ที่โต๊ะหิน

แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงกระจ่างสว่างตา โต๊ะหินที่เก็บเรียบร้อยก็สะอาดสะอ้าน มองไม่ออกว่าเมื่อสักครู่มีคนมาคุยกันอยู่ที่นี่

ซินโย่วนั่งลงแล้วก็เรียกเสี่ยวเหลียนให้ลงนั่งด้วย

“เสี่ยวเหลียน ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ถามละเอียด บิดาคุณหนูโค่วเกิดอุบัติเหตุตกน้ำตอนเดินทางไปรับตำแหน่ง เขาไปที่ใด”

แม้เสี่ยวเหลียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดซินโย่วถามถึงเรื่องนี้ แต่ก็ตอบทันทีว่า “ได้ยินนายหญิงว่า นายท่านไปหว่านหยาง”

เป็นหว่านหยางดังคาด

มิน่าทิศทางการสืบสวนของใต้เท้าเฮ่อในฐานะเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจึงลงคูออกนอกเส้นทางได้เช่นนี้

แต่ซินโย่วไม่คิดเอ่ยอันใด หากได้รับการตรวจสอบจากใต้เท้าเฮ่อแล้วพบว่าการตายของบิดาโค่วชิงชิงมีเงื่อนงำ ก็นับว่านางได้ตอบแทนคุณหนูโค่วแล้ว

เส้นทางการแก้แค้นอันยากลำบากนี้ ยิ่งก้าวเดินต่อไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานะโค่วชิงชิงปกป้องนางได้มาก

“ไม่มีอันใด ช่วยไปหยิบ ‘บันทึกโบตั๋น’ มาให้ข้าหน่อย”

เสี่ยวเหลียนรับคำ ไม่นานก็หยิบ ‘บันทึกโบตั๋น’ มา เป็น ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มสะอาดสะอ้านที่ร้านหนังสือตีพิมพ์ใหม่

ซินโย่ววางนิยายไว้บนโต๊ะหิน ค่อยๆ นั่งอาบแดดฤดูใบไม้ผลิพลิกอ่านไปเรื่อยๆ

เฮ่อชิงเซียวกลับถึงที่ทำการ ลูกน้องก็นำเรื่องใหม่มารายงาน

โจวทงเคยไปจวนกู้ชางป๋อ แม้ว่าสืบได้เพียงครั้งเดียว แต่สถานะโจวทงมีสายสัมพันธ์กับจวนกู้ชางป๋อได้ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกพอสมควรแล้ว

เฮ่อชิงเซียวครุ่นคิดถึงข่าวที่เพิ่งได้รับมา ในใจพลันรับรู้ขึ้นมา “สืบไปถึงเดือนสี่ จวนกู้ชางป๋อมีความเคลื่อนไหวผิดปกติอันใดหรือไม่ โดยเฉพาะมีคนออกจากเมืองหลวงหรือไม่ ระวังอย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว”

โจวทงเป็นคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เขาสืบละเอียดเพียงใดก็จะไม่มีผู้ใดสนใจ กู้ชางป๋อไม่ใช่ชนชั้นสูงธรรมดา น้องสาวกู้ชางป๋อคือพระสนมซูเฟยที่กุมอำนาจวังหลัง หลานชายเขาก็คือชิ่งอ๋อง ท่านหนึ่งถืออำนาจดุจฮองเฮา ท่านหนึ่งหลายคนแอบให้การยอมรับกันว่าเป็นรัชทายาท

เขาไปตรวจสอบจวนกู้ชางป๋อ หากไม่ทันระวังอาจะนำภัยมาสู่ตัวได้

“ช้าหน่อยได้ อย่าให้คนเข้าร่วมสืบมากนัก”

กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินย่อมมิใช่แผ่นเหล็กที่ไร้ช่องโหว่ คนไม่ยินดีที่เขากุมอำนาจเป่ยเจิ้นฝู่ซือก็มีไม่น้อย ทุกคนรู้ว่าตำแหน่งเขานี้ต้องเป็นคนรู้พระทัยของฮ่องเต้ แต่ความจริงก็คือถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ตกว่าเหตุใดทรงตัดสินพระทัยเลือกเขา

ก่อนฟ้าจะมืด เฮ่อชิงเซียวก็กลับถึงจวนฉางเล่อโหว

จวนฉางเล่อโหวมีพื้นที่กว้างขวางมาก เทียบกับจวนโหวทั่วไปแล้วยังใหญ่โตกว่าเล็กน้อย การก่อสร้างก็งดงามหรูหรา กลุ่มบ่าวเดินมาคำนับเฮ่อชิงเซียวตลอดทาง

มุมปากเขาเผยรอยยิ้มบางพลางพยักหน้า แต่แววตากลับไร้รอยยิ้ม จนกระทั่งสตรีผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น

สตรีผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน ยังมองเห็นความงามในวัยสาวได้อยู่

“ท่านโหวยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็นกระมัง บ่าวห่อเกี๊ยวไส้ผักจี้ไช่ ต้มให้ท่านโหวสักชามดีหรือไม่”

เฮ่อชิงเซียวยิ้มจากใจ “ขอบคุณน้ากุ้ย”

ไม่นาน เกี๊ยวน้ำร้อนกรุ่นก็มาวางอยู่บนโต๊ะ

เกี๊ยวไส้ใหญ่เปลือกบาง ลอยอยู่ในชามที่โรยด้วยต้นหอมสีเขียวสดและน้ำมันพริกแดงมัน ข้างๆ ยังมีถ้วยตะไลซอสเปรี้ยวและยำไก่ฉีกเย็นอีกจาน

เฮ่อชิงเซียวกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง แต่กลับชอบกิน ชิมน้ำแกงไปคำหนึ่งก่อน ใบหน้าขาวละมุนดังหยกงามก็พลันแดงระเรื่อ

สตรีวัยกลางคนเห็นแล้วก็อดเอ่ยไม่ได้ “ท่านโหวกินเผ็ดให้น้อยลงหน่อยดีกว่า ทำลายกระเพาะเจ้าค่ะ”

“ข้าทราบแล้ว” เฮ่อชิงเซียวยิ้มรับคำ เริ่มกินคำโตๆ

สตรีวัยกลางคนมองดูเงียบๆ ในใจแอบถอนหายใจ

จวนโหวกว้างใหญ่เพียงนี้มองดูแล้วดังช่อบุปผางาม แต่ผู้ใดจะรู้ว่าการเป็นท่านโหวนั่นไม่ง่ายเลย

จวนใหญ่โตอลังการที่ฮ่องเต้พระราชทานก็ต้องดูแล บ่าวไพร่กลุ่มใหญ่ล้วนได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ก็ต้องเลี้ยงดูแล ต้องการเงินทองไม่น้อย แต่นอกจากเบี้ยหวัดแล้ว ท่านโหวก็ไม่มีรายได้อื่น ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็ไม่ได้กอบโกยเงินทองดังที่ทุกคนคิด

เป็นถึงท่านโหว เกรงว่าแม้แต่เงินแต่งภรรยาก็คงหามาไม่ได้

สตรีวัยกลางคนอดแอบคิดไม่ได้ นี่คงไม่ใช่ว่าเป็นจุดประสงค์ของฮ่องเต้กระมัง

ท่านโหวแต่งภรรยาไม่ได้ ก็จะได้ตัดตอนทายาทสืบสกุลของพี่น้องร่วมสาบานของฮ่องเต้ที่ร่วมก่อตั้งแผ่นดินมาด้วยกัน จะได้ตัดภัยแต่ต้นลมให้หมดสิ้น

เวรกรรมๆ นางเป็นเพียงบ่าว ไม่ควรมีความคิดอกตัญญูต่อเจ้าเหนือหัวเช่นนี้

แต่…

สตรีวัยกลางคนรู้สึกสงสาร มองดูชายหนุ่มกินคำโตๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากฮองเฮายังอยู่ ท่านโหวก็คงไม่ต้องลำบากเพียงนี้

เดิมนางเป็นคนของฮองเฮา ฮองเฮาสงสารท่านโหวที่ยังแบเบาะ ส่งนางมาดูแลเด็กน้อยน่าสงสารไร้บิดามารดา

พริบตาเดียว ท่านโหวก็เติบใหญ่แล้ว ฮองเฮาหายสาบสูญไปสิบกว่าปีแล้ว

ฮองเฮา…ยังมีพระชนม์ชีพอยู่หรือไม่

“น้ากุ้ย…”

สตรีวัยกลางคนพลันได้สติคืนมา “ท่านโหว มีอันใดหรือเจ้าคะ”

ใบหน้าชายหนุ่มใต้แสงโคมไฟงามอร่าม สีหน้าผ่อนคลายเอ่ยว่า “ข้าว่าเกี๊ยวไส้ผักจี้ไช่อร่อยมาก น้ากุ้ยกำลังคิดอันใดอยู่ มีความในใจหรือ”

“เปล่า ไม่มีเจ้าค่ะ” สตรีวัยกลางคนปฏิเสธทันทีด้วยสัญชาตญาณ มองดูชายหนุ่มที่งามยิ่งกว่าหญิงสาว เปลี่ยนไปเอ่ยเรื่องอื่นว่า “มีความในใจเรื่องหนึ่ง”

เฮ่อชิงเซียวเผยสีหน้าตั้งใจฟัง

“ท่านโหวได้วัยแต่งภรรยาแล้ว มีคุณหนูที่พึงพอใจบ้างหรือไม่”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท