สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 90 ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 90 ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก

แม้จังซวี่ไม่ตั้งใจเล่าเรียน แต่ก็มิใช่ไร้สมองถึงขั้นคิดว่าเขากับองค์ชายควรได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน อย่างไรเขาก็แค่ไม่ชอบเรียน แต่ไม่ใช่คนโง่

โดยเฉพาะ…ชิ่งอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย!

เขาไม่กล้าเหลือบมอง ทำทีมองไม่เห็นชิ่งอ๋องเสียอย่างนั้น “พวกเราจะเทียบกับชิ่งอ๋องได้อย่างไร พวกเราไม่ทำความเข้าใจให้กระจ่างเอง จึงได้เกิดเหตุเข้าใจผิด คุณหนูโค่วอย่าได้ถือสา”

คนที่ตามจังซวี่มาล้วนเป็นลูกสมุนติดตามเขา ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ย่อมไม่เอ่ยอันใดอีก

“แต่ก็เป็นเพราะข้าทำไม่ถูก ประเมินความชื่นชม ‘วาดหนัง’ ของทุกคนน้อยเกินไป เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน เลือกฤกษ์ดี มิสู้ฤกษ์สะดวก วันนี้ก็วางขาย ‘วาดหนัง’ เล่มสองเลยแล้วกัน ลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้ไม่มาเก้อ”

ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ จังซวี่กลับไม่กล้ารับคำ “วันนี้ก็วางขายหรือ คือ…คือว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการของพวกท่านหรือ”

ซินโย่วฉีกยิ้มหวานกล่าวว่า “ความจริงก็เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ทำการค้าถือฤกษ์ยาม คิดรอฤกษ์งามยามดีออกวางขายหนังสือใหม่ แต่วันนี้มีลูกค้ามีเกียรติมากันมากมายเช่นนี้ ข้าว่าก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่สุดแล้ว ผู้ดูแลร้านเขียนประกาศออกไปปิดว่าหนังสือใหม่จะขายแล้ว เตรียมตัวกันให้ดี”

นักเรียนที่มาเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบกว่าปี อายุขนาดนี้ชอบไม้อ่อน ไม่ชอบไม้แข็ง โดยเฉพาะคนที่เอ่ยวาจาเป็นสาวหน้าหน้าตางดงามอายุไล่เลี่ยกัน โทสะจึงสงบลง

จังซวี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าซินโย่วให้เกียรติ จึงระงับท่าทางเอาเรื่องของตนลง ยังเผยรอยยิ้มกว้าง เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าซื้อแปดเล่ม ให้สหายที่มาด้วยกันวันนี้คนละเล่ม”

“ขอบคุณท่านที่อุดหนุน”

จังซวี่เหลือบมองไปทางชิ่งอ๋อง เตรียมจะหน้าหนาเข้าไปทักทาย แต่กลับพบว่าชิ่งอ๋องไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

ในใจเขาแอบชมตนเอง

ดังคาด แสร้งทำเป็นไม่เห็นชิ่งอ๋องนี้ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ต้องเข้าไปคำนับแล้ว!

สำหรับคนเช่นจังซวี่ เรื่องที่ขลาดกลัวที่สุดก็คือการสนทนากับบุคคลที่สถานะสูงกว่าตนเอง โดยเฉพาะคนที่อายุไล่เลี่ยกัน

หลิวโจวกับสือโถวสองคนงานหอบหนังสือจากโรงพิมพ์มาอย่างรวดเร็ว

จังซวี่ซื้อแปดเล่มอย่างสะใจ มอบให้สหายที่มาด้วยกัน หยิบเล่มหนึ่งเดินอ่านออกไป ก็เห็นต้วนอวิ๋นหลาง

เขารู้สึกว่าหนุ่มน้อยผู้นี้คุ้นตา ก็อดมองอีกทีไม่ได้

ต้วนอวิ๋นหลางประสานมือ “คุณชายจัง”

จังซวี่เลิกคิ้ว “เจ้ารู้จักข้า?”

ต้วนอวิ๋นหลางยิ้มละไม “ข้าเองก็เป็นนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน”

“ข้านึกออกแล้ว!” จังซวี่ตบหน้าผาก “เจ้ามักจะอยู่กับเมิ่งเฝ่ย”

สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีลูกหลานขุนนางชนชั้นสูงมากมาย หลานชายรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงไม่โดดเด่นพอ หลานชายจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเป็นที่สะดุดตากว่ามาก

โดยเฉพาะเมิ่งเฝ่ย เพราะไม่ตั้งใจเรียน จึงมักถูกเมิ่งจี้จิ่วตี แม้ว่าจังซวี่ไม้ได้คบหากับอีกฝ่ายสนิท แต่ก็พอจดจำได้ อย่างไรตอนจังโสวฝู่อบรมเขา เขาก็ยังพูดได้ว่าแม้ว่าเขาได้ที่โหล่ แต่หลานชายจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเองสอบได้ที่สองจากท้าย

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร วันนี้วันหยุดของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนไม่ใช่หรือ” ยามคุยกับต้วนอวิ๋นหลาง จังซวี่ก็มีทีท่าผ่อนคลายลงมาก

หรือว่าได้ยินว่าเขามาทวงความยุติธรรม จึงได้มาช่วย?

พอคิดเช่นนี้ จังซวี่ก็รู้สึกถูกชะตากับต้วนอวิ๋นหลางไม่น้อย

“เจ้าของร้านหนังสือเป็นน้องสาวข้า” ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร้านหนังสือชิงซงกับจวนรองเจ้ากรมไม่พูดก็เป็นที่รู้กันทั่ว อย่างน้อยก็มิใช่ความลับของบรรดาคนที่ชอบอ่านนิยาย ในเมื่อถูกจังซวี่เห็นเข้าแล้ว ต้วนอวิ๋นหลางย่อมไม่คิดปิดบัง

“โอะ เช่นนั้นก็ขออภัยแล้ว” จังซวี่มองซินโย่วทีหนึ่ง ก่อนจะขออภัยต่อต้วนอวิ๋นหลาง เรียกสหายเดินออกไป

“น้องชิง เจ้าร้ายกาจจริง!” ต้วนอวิ๋นหลางเห็นกับตาว่าซินโย่วพูดไม่กี่คำ ก็จัดการพวกนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนที่ไม่ควรมีเรื่องกลับไปได้ รู้สึกเลื่อมใสจากใจ

ผู้ดูแลร้านหูที่เพิ่งเขียนประกาศเสร็จก็มองมาทางต้วนอวิ๋นหลาง ในใจแอบบอกว่าต้องให้เจ้าบอกหรือ

เห็นซินโย่วมองมา ผู้ดูแลร้านหูรีบถามขึ้นว่า “ท่านเจ้าของร้าน ประกาศเขียนเสร็จแล้ว ท่านดูหน่อยว่าได้หรือไม่”

ซินโย่วดูแล้วก็พยักหน้า “ได้ เอาออกไปแปะได้”

หากหัวข้อประกาศเริ่มต้นด้วยประโยคว่าได้รับความโปรดปรานจากชิ่งอ๋องจึงวางขายล่วงหน้า คิดว่าคงจะยิ่งทำให้คนมาซื้อกันถล่มทลาย แต่พอนึกถึงคำเตือนของใต้เท้าเฮ่อก็แล้วไปดีกว่า

หาเงินไม่ใช่เป้าหมายแท้จริงที่นางเปิดร้านหนังสือ หากเดือดร้อนด้วยเรื่องไม่จำเป็นนี้ ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย

เพราะยิ่งเลื่อมใสเจ้าของร้านคนใหม่ ผู้ดูแลร้านหูจึงใส่ใจปฏิกิริยาของซินโย่วเป็นพิเศษ

เหตุใดจึงรู้สึกว่านางดูเหมือนเสียใจไม่น้อย มีตรงไหนเขียนได้ตกหล่นหรือไม่ ในใจผู้ดูแลร้านหูแอบคิดพึมพำแล้วก็เดินออกไป

“พี่รอง ไปคุยกันที่ห้องรับรอง”

ซินโย่วนำต้วนอวิ๋นหลางเดินเข้าไปในห้องรับรอง รินน้ำชาให้เขาแก้วหนึ่ง “วันนี้มีคนมาเอะอะโวยวาย พี่รองรู้เรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับพวกเขาอีกหรือไม่”

“เจ้าพูดถึงจังซวี่?”

ซินโย่วพยักหน้า “คนนิสัยเช่นจังซวี่ หากร้านหนังสือชิงซงตกเป็นเป้าสายตาของเขา วันหน้าเกรงว่าคงมีปฏิสัมพันธ์กันอีกไม่น้อย ข้าอยากทำความเข้าใจมากอีกสักหน่อย เอาไว้รับมือ”

“เขาชาติกำเนิดดี ปู่ของเขาเป็นโสวฝู่คนปัจจุบัน บิดาจากไปนานแล้ว จังโสวฝู่มีหลานชายคนนี้เพียงคนเดียว คนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนกล้ามีเรื่องกับเขาไม่มาก แม้ทุกครั้งจะสอบได้ที่โหล่ แต่อาจารย์ก็ทำอันใดไม่ได้”

“เขาสนิทกับไต้เจ๋อหรือ” ซินโย่วถามประเด็นอย่างไร้พิรุธ

“ไต้เจ๋อจวนกู้ชางป๋อ? พวกเขาสนิทกันมาก แต่ไต้เจ๋อไม่ได้เรียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน”

เดิมในแวดวงของต้วนอวิ๋นหลางก็คงไม่ได้เสวนากับไต้เจ๋อ นับประสาอันใดกับชื่อเสียงคุณชายไต้ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็โด่งดังมาก เล่าขานต่อๆ กันมา

“ว่ากันว่าพอไต้เจ๋อเข้ามาเรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็เป็นลม ตอนแรกกู้ชางป๋อไม่เชื่อ ตีเขาไปหลายครั้ง ปรากฏพอเขาเข้ามาเรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็อาเจียน ต่อมาเมิ่งจี้จิ่วไล่พวกเขาพ่อลูกออกไป”

ซินโย่วไร้วาจาจะเอ่ย

“น้องชิงเจ้าอย่าได้รู้สึกว่าเมิ่งจี้จิ่วยังมองข้ามไต้เจ๋อ อย่าเห็นว่าไต้เจ๋อมีชาติกำเนิดเพียงจวนป๋อแต่จวนกู้ชางป๋อเป็นตระกูลฝั่งมารดาของชิ่งอ๋อง…”

ซินโย่วตั้งใจฟัง ได้ข่าวสารมาหลายอย่างหนึ่ง จังซวี่ที่เรียนอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนสนิทกับไต้เจ๋อ สองคนนี้ไม่ชอบศึกษาหาความรู้ แต่ชอบอ่านหนังสือจำพวกนิยาย อีกเรื่องก็คือเมิ่งจี้จิ่วกล้าไล่กู้ชางป๋อ เป็นขุนนางซื่อมือสะอาด

ซินโย่วยังพบอีกเรื่องหนึ่งคือประโยชน์ของการได้ศึกษาในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต้วนอวิ๋นหลางนิสัยเปิดเผยจึงรู้เรื่องราวไม่น้อย

ตอนไปส่งต้วนอวิ๋นหลางกลับ ซินโย่วก็หยิบ ‘วาดหนัง’ ที่เพิ่งวางขึ้นชั้นหนังสือเล่มหนึ่งมาส่งให้เขา “พี่รองเอากลับบ้านไปอ่านสิเจ้าคะ”

แววตาต้วนอวิ๋นหลางส่องประกาย รับไว้อย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “ขอบคุณน้องชิง น้องชิงกลับบ้านไปกินข้าวกันไหม”

“ไม่ละ เปลี่ยนมาวางขายหนังสือใหม่วันนี้ ข้ายังต้องเฝ้าอยู่ที่ร้าน พี่รองบอกท่านยายให้ด้วย”

ต้วนอวิ๋นหลางรับปาก เดินออกจากร้านหนังสือก็ต้องตกใจ “น้องชิง หน้าป้ายประกาศคนเยอะมาก!”

ซินโย่วกระดกยิ้มมุมปาก

ฤกษ์ดีมิสู้ประสบวันดี มิใช่คำกล่าวลอยๆ มีกลุ่มนักเรียนมาเอะอะโวยวาย จะไม่ดึงดูดให้คนอยากรู้อย่างเห็นได้อย่างไร

ความอยากรู้อยากเห็นเป็นการโฆษณาที่ดีที่สุด

ร้านหนังสือหย่าซินฝั่งตรงข้าม

ผู้ดูแลร้านกู่มองคนมามุงหน้าร้านหนังสือชิงซง สีหน้าก็ดำทะมึนดังก้นหม้อดำ

ร้านหนังสือชิงซงช่างหน้าไม่อาย เหตุใดอยู่ๆ ก็วางขายหนังสือใหม่!

“ท่านผู้ดูแลร้าน พวกเราทำอย่างไรดีขอรับ” คนงานถามด้วยสีหน้าทุกข์ใจ

“จะทำอย่างไรได้ บอกให้โรงพิมพ์รีบส่งนิยายมาสิ พวกเราก็จะออกวางขายนิยายใหม่เช่นกัน!”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท