ณ หน้าประตูบ้านที่เด็กชายคุ้นเคย ขณะนี้เด็กชายที่อยู่หน้าประตูบ้าน รู้สึกไม่ดีมากนัก เนื่องจาก บรรยากาศรอบๆบ้านที่อึมครึม ในช่วงเวลาดึก
“แม่ครับ พ่อครับ ผมกลับมาแล้ว”
เด็กชายที่พึ่งกลับมาจากบ้านในช่วงเวลาดึกเพราะเล่นบอลกับเพื่อนจนลืมเวลา
ได้ยืนอยู่หน้าบ้าน รอพ่อแม่ของเขามาเปิดประตูให้ แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆจากในบ้าน
เด็กชายจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในบ้าน ภาพที่เด็กชายเห็นคือ ภายในบ้านไม่มีแสงใดๆ บรรยากาศภายในบ้านที่เงียบงัน ทำให้มาโมรุรู้สึกอึดอัด
“แม่ครับ พ่อครับ “
เด็กชายขานเรียกพ่อแม่ของเขาและหวังว่าจะได้รับการตอบกลับจากพวกเขา
แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใดๆเช่นเคย ทำให้เด็กชายรู้สึกอึดอัดใจขึ้นไปอีก
เด็กชายจึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องครัวเพื่อที่จะหาอาหารที่พ่อแม่ทำเผื่อไว้ให้เหมือนทุกๆครั้ง
พอเด็กชายถึงห้องครัวและเปิดไฟ ภาพที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพที่เขาเห็นเป็นประจำแต่เป็นห้องที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดง ข้างๆกันมีร่างไร้วิญญาณของพ่อแม่ทั้งสองท่านนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร
เด็กชายที่เห็นภาพสะเทือนใจ ก็ทำให้มาโมรุร็สึกช็อคมากๆ ทำให้เด็กชายยืนอึ้งอยู่ที่นั้นไม่ขยับไปไหน
ภาพความทรงจำที่ดีค่อยๆผุดเข้ามาในหัว
“พ่อ……แม่….” เด็กชายพูดด้วยเสียงสั่น และน้ำตาที่ค่อยๆเอ่อล้นออกมา
“ที่พวกท่านต้องเป็นแบบนี้ เป็นความผิดของเราที่กลับบ้านช้าหรอ ….”
“ถ้าเรากลับบ้านไวกว่านี้พวกเขาคงจะล็อกประตูบ้านไปแล้ว และพวกเขาก็จะไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้สินะ…”
เด็กชายยืนก้มอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน จนเด็กชายเริ่มตั้งสติได้ เลยวิ่งไปหาคนมาช่วย
หลายวันผ่านไป
เด็กชายสวมชุดสูทดำยืนก้มหน้าอยู่หน้ารูปของทั้งสองท่าน
รอบๆตัวของเด็กชายมีเสียงคนพูดคุยกันอยู่ทุกทิศทาง
“อายุน้อยแท้ๆ แต่มาเสียพ่อแม่แบบนี้จะอยู่ได้รึเปล่าเนี่ย”
“เป็นเด็กที่โชคร้ายอะไรขนาดนี้”
ความเศร้าในใจของเด็กชายยังคงอยู่และจะไม่หายไปไหนในเร็ววัน
งานศพดำเนินต่อไปจนจบพิธี เด็กชายนั่งอยู่คนเดียว
ด้านหลังของมาโมรุมีคนสองคนเดินเข้ามาหาเด็กชายจากด้านหลัง
มือของคนด้านหลังค่อยๆยื่นมือเข้ามาจับหัวของเด็กชาย
“นี่หนุ่มน้อย อยู่คนเดียวคงเหงาใช่มั้ยล่ะ เข้ามาเป็นลูกชายของลุงสิ”
เด็กชายหันหน้าไปที่ต้นเสียง เบื้องหน้าของเด็กชาย มีคู่สามีภรรยานั่งมองลงมาที่ตัวเขาอยู่
“จะไม่เป็นอะไรหรอครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เชื่อใจลุงสิ “
“ใช่แล้วจ๊ะ ที่บ้านพวกเรามีลูกอยู่อีกคนด้วยนะ จะได้ไม่เหงา”
เด็กชายนั่งคิดอยู่ซักพักแล้วตัดสินใจว่าจะตามครอบครัวนี้ไปและจะไม่ยอมเสียครอบครัวเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
หลังจากนั้นหลายวัน พ่อแม่ก็พามาโมรุไปรู้จักกับยูกิ และเพราะยูกิคอยมาเล่นกับมาโมรุตลอดทำให้มาโมรุกลับมารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ชาย ทำไมไม่เข้าห้องหรอ”
มาโมรุในวัยเด็กยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หันกลับมาที่เสียงเรียกของยูกิ
แล้วยูกิก็เดินเข้ามาใกล้มาโมรุ
“พี่ชาย ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ “
“ไม่มีอะไรหรอก” มาโมรุพูดพร้อมยื่นมือไปลูบหัวยูกิ
“หนูไม่เชื่อพี่ชายหรอก พี่จ๋าน่ะต้องกลัวผีแน่ๆ งั้นคืนนี้หนูจะนอนด้วยเอง!”
มาโมรุยิ้มตอบยูกิ หลังจากนั้นยูกิก็เปิดประตูแล้วดึงแขนมาโมรุเข้าห้องนอนไป
หลังจากคืนนั้น ประตูห้องของมาโมรุก็ถูกเปิดไว้ตลอดทำให้ยูกิเข้าไปนอนในห้องมาโมรุได้เลย
ถึงจะน่าแปลกใจ แต่ตอนนั้นยูกิก็ไม่ได้คิดอะไร
และสองพี่น้องก็นอนด้วยกันแบบนั้นทุกครั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
“นี่ มาโมรุน โฮ้ย ตื่นสิ”
“โฮ้ยยย!”
เสียงที่คุ้นเคย ทำให้ภาพฝันทั้งหมดดับลง และมาโมรุก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
ที่ห้องทำงานของมาโมรุ ไฟห้องที่เคยปิดไว้ กลับถูกเปิดให้สว่าง
รุ่นพี่อุซากิยืนเท้าเอวอยู่ที่เบื้องหน้าของมาโมรุ
“ตื่นได้ซักทีนะ กว่าจะตื่นก็จะหมดพักเที่ยงแล้วนะ”
มาโมรุยังมีอาการมึนงงจากการพึ่งตื่นอยู่ มาโมรุจึงแค่มองที่อุซากุต่อไป
“นี่ตื่นซักทีๆๆๆ เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวนะ!” อุซากิที่ยังไม่หยุดความพยายามที่จะปลุกเจ้าขี้เซา
ได้คิดวิธีสุดท้ายที่จะปลุกมาโมรุ โดยการพยุงตัวมาโมรุขึ้นและแบกมาโมรุไปที่ ห้องหัวหน้า
แต่ระหว่างทางมาโมรุก็ถามคำถามกับอุซากิ
“นี่รุ่นพี่จะพยุงผมไปไหนหรอ”
“เอ๊ะ….มาโมรุ…ตื่นตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”
“สักพักได้ครับ’
“นี่รู้รึเปล่าว่าชั้นกำลังจะเอาไปส่งหัวหน้าเลยน้า”
“รุ่นพี่โหดร้ายเกินไปแล้ว”
“ก็นายน่ะไม่ยอมตื่นเองนะ อุตส่าห์ตื่นเช้ามาเข้างานทันได้ทั้งทีแต่มานอนในที่ทำงานเนี่ย ไม่ได้เรื่องเลยนะ” อุซากิปล่อยตัวมาโมรุและเอามือเคาะหัวมาโมรุเบาๆ
“รุ่นพี่เนี่ยเป็นแม่ผมหรอครับ”
“จะมองอย่างงั้นก็ได้น้า เอ๊ะ หรือว่ามาโมรุนจะมองเค้าเป็นเจ้าสาวน้า”
“รุ่นพี่ครับ…ผมว่ารุ่นพี่ควรจะตื่นได้แล้วนะครับ”
“ทำไมถึงยังไม่ยอมรับชั้นหรอ…กระซิกๆ”
“ผมไม่คุยด้วยนะครับ”
“เค้าผิดไปแล้ววมาโมรุนน ยกโทษให้รุ่นพี่เถอะน้า”
“ผมยกโทษให้ก็ได้ครับ เห็นว่ารุ่นพี่เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพ….. รึเปล่านะ?”
“มาโมรุ…นี่เธอยังนับถือชั้นอยู่จริงๆด้วย ซาบซึ้งใจจริงๆ”
“รุ่นพี่เนี่ยเป็นโรคหลงตัวเองระยะสุดท้ายสินะครับ ตั้งแต่ผมรู้จักกับรุ่นพี่มาเนี่ย รุ่นพี่มักจะหลงตัวเองตลอดเลยนะครับ”
“ก็เพราะว่า มาโมรุนน่ะยอมเล่นอะไรแบบนี้กับชั้นไงล่า เป็นโชคดีกับชั้นสุดๆเลยนะที่ได้มาเจอกับรุ่นน้องที่น่าร้ากแบบมาโมรุน่ะ”
“เป็นโชคร้ายของผมด้วยครับ….มากๆด้วย..”
“ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้วว”
“เห้ยทำไมไม่เข้าห้องเรียนไปวะ แกทำให้ชั้นสายนะไอ้ลูกหมา!”
มาโมรุในวัยมัธยมถูกผลักไปกระแทกกำแพง
“เฮ้ ตรงนั้นทำอะไรกันน่ะ! ไอพวกเด็กเวรอีกแล้วหรอ!”
“แย่แล้วมีคนมา”
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กเรียนดี!”
หลังจากเสียงของเด็กผู้หญิงคนนึงดังขึ้น ทำให้เหล่าเด็กอันธพาลหนีไป
“นี่เป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ”
“นี่ โดนแกล้งแบบนี้แต่บอกว่าไม่เป็นอะไรหรอ อย่าไปยอมเจ้าพวกนั้นสิ”
“ผมไม่ได้ยอมพวกนั้นซักหน่อยนี่ครับ…”
“แล้วแบบนั้นเรียกว่าอะไรล่ะเจ้าบ้า!”
“ผมแค่..ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับคนแบบนั้นนี่ครับ พวกคนที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อความพอใจของตนเอง”
“เด็กคนนี้ไม่ไหวแล้วต้องพาไปแจ้งอาจารย์ด่วนๆเลย ไม่งั้นต้องโดนแกล้งต่อไปเรื่อยๆแน่ อ๊า!! น่าหงุดหงิดชะมัด เด็กอ่อนแอแบบนี้ยังจะแกล้งกันอีก!”
หลังจากที่เด็กสาวพูดจบก็ดึงมือมาโมรุไปที่ห้องพักครูในทันที
และวันนั้นเด็กทั้งสองคนนั้นก็โดนพักการเรียน ไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นแกล้งมาโมรุแต่เป็นเพราะเด็กคนนั้นไม่ได้แกล้งแค่มาโมรุคนเดียว
แต่ทว่ามาโมรุก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นและลืมไปในที่สุด
หลังจากจบเหตุการณ์นั้นไม่กี่วัน มาโมรุก็ทำตัวตามปกติทุกอย่าง อย่างเช่นตอนนี้ มาโมรุนั่งอยู่ที่บันไดทางลงตึก และเริ่มแกะกล่องข้าวกิน
“เฮ้เด็กที่กินข้าวอยู่คนเดียวตรงนั้นน่ะ!”
มาโมรุที่นั่งกินข้าวอยู่คนเดียวได้ยินเสียงที่เคยได้ยินแล้วหนึ่งครั้ง ก็หันหลังกลับไปยังต้นเสียง
ภาพที่มาโมรุเห็นคือรุ่นพี่ปีคนที่เคยเจอเมื่อสองวันก่อนที่วิ่งมาที่ตัวเขา รุ่นพี่คนนั้นที่ยืนเท้าเอวอยูด้านหน้า และมองลงมาที่มาโมรุ
“นี่นายน่ะ ทำไมมานั่งกินข้าวคนเดียวตรงนั้นหล่ะ” รุ่นพี่คนนั้นที่ยืนเท้าเอวอยูด้านหน้าของมาโมรุ และมองลงมาที่ตัวเขา
“ผมก็แค่กินตรงนี้ตามปกตินี่ครับ”
“ไม่เหงาหรอ”
“ไม่เหงาหรอกครับ”
“หืมม งั้นเดี๋ยวต่อไปนี้รุ่นพี่คนนี้จะอยู่ข้างๆนายเองง”
“ว่าแต่ นายชื่ออะไรหรอ?”
“ชิราโฮชิ มาโมรุครับ”
“หืม…มาโมรุ!”
“นี่รุ่นพี่เริ่มมาก็เรียกชื่อเลยหรอครับ”
“ไม่ได้หรออ?”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ”
“งั้นต่อไปก็…คุณ สา มี”
“ไม่ได้ครับ กรุณาตื่นจากฝันด้วยครับ”
“บ้าจริง อ๊ากกก นายนี่มันหักขาคนเก่งจริงๆ นี่รู้มั้ยว่าชั้นน่ะเป็นเด็กระดับท็อปเลยนะ นายน่ะต้องหลงเสน่ห์ชั้นจนหัวปักหัวปำสิ!”
“รุ่นพี่เนี่ยหลงตัวเองเป็นกับเขาด้วยสินะครับ แล้วก็ผมคิดว่าผมไม่น่าจะหลงอะไรรุ่นพี่ได้หรอกครับ ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆครับว่าทำไมผมถึงต้องไปหลงรุ่นพี่ครับ”
“เจ้าหมอนี่กินแต่ผักรึไงกันนะ”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ “
“ไม่มีอไรหรอกก”
“งั้นตามใจรุ่นพี่ครับ”
หลังจากนั้นมาโมรุก็ถูกรุ่นพี่ตามติดตัวตลอดเมื่อถึงเวลาว่าง
เวลาว่างในโรงเรียนของมาโมรุก็ถูกแทนที่ด้วยความวุ่นวายที่รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนสร้างให้
กลับมาที่เหตุการ์ณปัจจุบัน
บนรถที่เคลื่อนตัวอยู่ริมถนน ข้างทางที่เริ่มเย็น
“รุ่นพี่เนี่ยไม่เคยทำให้ผมว่างจริงๆครับ”
“หืม…นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมาหรอ อยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา”
“นิดหน่อยครับ”
“หยุดคิดเรื่องนั้นได้แล้วน่า ตอนนี้ต้องคิดเรื่องงานก่อนนะ เดี๋ยวเราต้องลงพื้นที่แล้ว”
“กะทันหันจังเลยนะครับ “
“อยู่ๆก็เกิดเหตุพอดีน่ะสิ หัวหน้าก็มาไม่ทันเลยฝากพวกเราไว้ก่อน”
“แล้วพวกตำรวจล่ะครับ”
“เห็นว่าไปรอก่อนแล้วน่ะ นี่มาโมรุ…เห็นว่างานนี้น่าจะยาวนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..ผมว่าผมทำไหวอยู่แล้วครับ ก็รุ่นพี่ในตอนนี้น่ะพึ่งได้จริงๆแล้วนี่”
“หืม มาโมรุเนี่ยพูดชมกันเป็นด้วยนี่นา” อุซากิกระซิบ
มาโมรุที่ไม่ได้ยินคำพูดของอุซากิ ก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์และส่งข้อความไปหายูกิ
(ยังไม่อ่าน)[ขอโทษนะยูกิ พรุ่งนี้พี่คงจะไปส่งที่โรงเรียนไม่ได้แล้ว]>
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว มาโมรุก็ปิดมือถือเก็บใส่กระเป๋า
“นี่ส่งข้อความเป็นลางแบบนั้นไปจะดีหรอ”
“ผมก็แค่บอกว่าพรุ่งนี้ไปไม่ได้แค่นั้นเองครับ”
“การใช้คำพูดของมาโมรุบองครั้งก็เข้าขั้นวิบัติเลยนะเนี่ย เข้าไปแก้เลยนะ”
“งั้นก็ได้ครับ”
หลังจากที่อุซากิแนะนำให้มาโมรุไปแก้คำพูด ก็หยิบมือถือเปิดแชทตามรุ่นพี่สั่ง
อุซากิที่จ้องมองมาโมรุอยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายชุดดำใส่ชุดมิดชิดไม่เห็นแม้แต่หน้า
ชายคนนั้นหันมาที่พวกเขาทั้งสองและหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่อุซากิจะรู้สึกตัวว่านี่ไม่ดีแน่ เลยดึงตัวมาโมรุมานอนราบกับเบาะรถ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียง
ปั้ง เพล้ง กระที่ถูกยิงเข้ามาในรถแล่นผ่านกระจกซ้ายทะลุไปกระจกขวา
“คนขับรถเร่งความเร็วด่วน!!” อุซากิตะโกนบอกคนขับรถ
และรถก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น จนสลัดรถคันนั้นไปได้
“มาโมรุ เรียกตำรวจที!”
“คงไม่ได้แล้วล่ะครับ มือถือตกกระทบกับพื้นแล้วพังไปแล้วน่ะครับ”
“บ้าจริง!! มือถือชั้นก็ไม่มีตังในเครื่องด้วย เจ้าบ้านั่นหลุดรอดไปได้พอดี”
“ลองขอยืมคนขับรถดีมั้ยครับ”
“ผมไม่ได้เอามือถือมาด้วยน่ะสิครับ คุณหนูทั้งสองท่าน”
“งั้นเจ้านั่นก็หลุดไปได้สินะ บ้าจริง!”
“เอาเป็นว่า เราไปที่ที่ตำรวจรออยู่กันเถอะครับ”