ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 226 ศึกแวนโดเลีย ④ เหตุการณ์ไม่ปรกติ

ถนนสู่อาณาจักร

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

สหพันธรัฐคนแวนโดเลียเขตกลาง กองทัพแวนโดเลีย

「พื้นสั่นอีกแล้ว」 「มันค่อนข้างมากด้วยครั้งนี้……」

พื้นสั่นไปหลายครั้งแล้ววันนี้

คนอาจชิน แต่ยิ่งมันสั่นแรงขึ้นทหารก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

มีแม้แต่ม้าบางตัวที่ร้องเพราะเครียดออกมาขณะผู้ดูแลม้าทำให้พวกมันสงบ

「นี่ไม่ได้เป็นเพียงพื้นสั่น……」

เบเซกกัดเล็บที่เยินของนิ้วโป้งเขาระหว่างเขาจับหัววิตกกังวล

ข้างเขาเป็นคาซาโน่ดูมืดมนขณะจ้องแผนที่และจดหมายอย่าตั้งใจ

「ถ้าอย่างนั้น เราจะไม่ได้กำลังเสริมจากบ้านแน่นอน?」

「อืม พวกเขาบอกเราให้หนียิ่งไกลขึ้นจากที่ที่เราอยู่ เราถูกทำเป็นทหารหนีทัพ」

ทันทีที่พวกเขาพ่ายแพ้บนพรมแดน เบเซกและพรรคพวกไม่มีโอกาสชนะ

อย่างดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือเก็บแถวต่อสู้ให้เป็นแถวโดยไม่ถูกกวาดล้างหมดขณะเขาโดนดันกลับไปอยู่ฝ่ายเดียวและส่งกองกำลังแยกออกไปเพื่อทำให้ศัตรูช้าลงระหว่างถอยทัพ

「ฉันได้ยินมาว่าคนพวกนั้นจากอัลแตร์เริ่มโจมตีเต็มกำลังจากทางตะวันตก กองทัพหลักไม่น่ามีทหารเหลือแบ่ง」

「……มันน่าจะเป็นการกระทำของพวกสกปรกลิบาติส พวกเขาพูดสันติแต่ปากแต่จริงๆแล้วเก่งในการลวงหลอกคนอื่นหลังม่าน」

เบเซกประกาศกร้าวด้วยเสียงดังใส่โต๊ะ

คำพูดใหม่ไม่ออกมาจากเอกสารแม้เขาจะมองนานกว่านี้

「ฉันรวมคนจากยามและนักนักเลงจากหมู่บ้านแล้ว…… ในที่สุดจำนวนก็กลับไป 15,000 แต่คุณภาพทหารมันน่าเกลียด ถ้าปะทะฮาร์ดเลตต์ตอนนี้มันจะเป็นฆ่าตัวตายไม่ว่าดูยังไง」

เบเซกยกมือเพื่อให้คาสซาโน่รู้ว่าเขาเข้าใจและจากนั้นออกนอกเต็นท์

จากนั้นเขาชี้ไปทางใต้

「ดูสิ…… เราใกล้ภูเขาดาร์ดมากแล้ว เราถูกขับไล่มาไกลถึงที่แบบนี้」

ภูเขาเด่นตาปลายทางไกลๆที่นิ้วเบเซกกำลังชี้ไม่ได้สูงเท่าเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ แต่มันยังใหญ่เมื่อเห็นมันลางๆจากระยะไกล

ภูเขาสูงตะหง่านที่อยู่ระหว่างพรมแดนอัลแตร์และแวนโดเลีย มันก็เป็นจุดยุทธ์ศาสตร์หนึ่งที่กองทัพทั้งสองฝั่งสู้บนชีวิตและความตายหลายครั้งที่ตีนเขา

「ถ้าเราไม่หยุดพวกเขาที่นี่ เราไม่มีที่ไหนให้วิ่งไปแล้ว เราจะปล่อยให้พวกเขาวิ่งไปไกลถึงเมืองหลวงแวนโดเลีย」

「……สหายเบเซก คุณโยนชีวิตทิ้งเพื่อชาติได้มั้ย?」

คาซาโน่และเบเซกรู้ว่าประเทศของเขาทิ้งพวกเขาแล้ว

พวกเขาก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่พวกเขาถูกสั่งให้รุกรานดินแดนศัตรูด้วยกองกำลังด้อยกว่าอย่างมากมาย

「ถ้าเราหนีตอนนี้ ดินแดนพ่อจะไม่มีกำลังเหลือมาขับไล่เรา」

「นายน่าจะพูดถูก」

เบเซกเทียบภาพแถวธงดำที่เรียงกันทางเหนือและที่ราบกว้างที่อยู่หน้าเขา

「พวกเขาอาจทิ้งเรา แต่พวกเขายังคงเป็นดินแดนพ่อเรา เราแค่วิ่งหนีโดยไม่ได้สู้ไม่ได้」

「แม้นั่นหมายถึงมอบชีวิตนายเองเรอะ?」

พวกเขาทั้งสองคนรู้ความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมของกองทัพฮาร์ดเลตต์

แน่นอนว่าพวกเขาจะเสียชีวิตถ้าพวกเขาสู้อีกครั้ง

「เราสามารถรอดและหนีจากชาติและประเทศของเรา แต่เราต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสภาพยอมจำนน ฉันมันคนเล็กๆ…… ฉันทนบางอย่างแบบนั้นไม่ได้」

「อย่างนั้นเหรอ……」

มันเกิดขึ้นเมื่อคาซาโน่กำลังจะพูดบางอย่าง

「พื้นดินกำลังสั่น! มันสั่นเยอะอีกแล้ว!!」

การสั่นมันแรงพอทำให้ชายสองคนยืนดีๆไม่ได้และมันนานไป 20 วินาที

พวกเขาทั้งสองยิ้มไม่เต็มปากตอนเขาหาอะไรจับบนโต๊ะด้วยมือ

「ฉันพูดให้ดูเท่เมื่อฉันพูดมันด้วย แต่พระเจ้าของโลกเข้ามาแทรกเลย」

「เขาต้องบอกเราว่าอย่ามาคุยไร้ความหมาย บางทีพระเจ้าก็บอกเราให้เราสู้…… นอกจากสหาย แดนพ่อเราไม่รับรู้ตัวตนของพระเจ้า」

พวกเขาทั้งสองยิ้มให้กันอีกครั้ง

โดยใช้กองทัพจับมั่วๆรวมกันจากตามหมู่บ้านเมื่อพวกเขาตั้งแถวต่อสู้ พวกเขาเตรียมศึกที่น่าจะเป็นศึกสุดท้าย

 

 

–มุมมองเกอเกอร์–

ฝั่งโกลโดเนีย

หน่วยหลักของศัตรูหยุดเดินทัพแล้วในที่สุด

เราเตรียมเริ่มเปิดศึกอีกครั้งเมื่อลีโอโพลต์ยืนยันว่าศัตรูเข้าขบวนแถวป้องกัน

「ที่นี่ ที่ไม่มีเมืองหรือป้อมปราการ? มีกับดักบางอย่างมั้ย…… บางทีฉันไม่น่าถามด้วยซ้ำ」

ถ้ามีความเสี่ยงลีโอโพลต์ควรเตรียมการให้เหมาะสมแล้ว

หน่วยสอดแนมเฝ้าดูการเคลื่อนไหวศัตรูอยู่ตลอด ไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวน่าสงสัย พวกเขาใช้ภูมิประเทศซุ่มโจมตีไม่ได้ด้วยเหมือนกัน

「ถ้าอย่างนั้น พวกเขาแค่อยู่ดีๆอยากจัดศึกตัดสินนตรงนี้?」

「บางทีมันเหตุผลทางการเมือง」

ทริสตันที่ผมฝืนใจเขาให้มาทั้งๆที่ไม่อยากมา ออกความเห็นระหว่างอ่านหนังสือเขา

ซีเลียกำลังจะตีเขา แต่การสนทนามันจะไม่ไปไหนถ้าเขาสลบไปผมเลยให้เขาพูด

「ตั้งแต่แรก กองทัพที่อยู่ใต้สถานการณ์ปรกติจะถอยทัพชั่วคราวเพื่อรอกำลังเสริมหรือเตรียมอาวุธล้อมเมือง แต่พวกเขาแค่พุ่งเข้าตีเราอย่างไม่คิด มันแค่ไม่มีเหตุผลทางกลยุทธ์

「เพื่อให้เหตุผลแน่นขึ้นไปอีก อัลแตร์ทำการบุกเต็มที่ไม่นานจะทำให้พวกเขาแบ่งกำลังมาไม่ได้สักที่เลย」

มันดูเหมือนพวกเขาดิ้นรนที่แนวหน้าอื่นด้วย

ศัตรูหยุดวิ่งหนีและท้าทายเรา ถ้าอย่างนั้นเราแค่ต้องขยี้พวกเขาตรงๆ

ยังมีระยะอยู่กว่าจะถึงเมืองหลวงของแวนโดเลีย แต่ถ้าเรากำจัดคนนี้ที่นี่ จะไม่มีอะไรอื่นมาขวางทาง

แม้ว่ามันจะมีผลลัพธ์เป็นสัญญาหยุดโจมตี เราสร้างเงื่อนไขของการหยุดโจมตีได้

「การเตรียมการเสร็จแล้วเหรอ?」

「ทุกอย่างพร้อม」

ไมล่าเด้งยืนให้ตัวตรง

「เราจะพาชัยชนะมาสู่หัวหน้า」

มันดูเหมือนลูน่าพร้อมลุยด้วยเหมือนกัน

「หน่วยคุ้มกัน พร้อมและรอคำสั่ง!」

ซีเลียก็ยืนให้ตรงอย่างน่ารักด้วย

เรื่องดีที่ส่งเธอออกไปสู่สนามรบคือเธอชินกับกฎเกณฑ์ของกองทัพและท่ายืนเธอพัฒนา

หลังผอมๆและหน้าอกแน่นอนๆ ความเซ็กซี่มีกล้ามสุขภาพดีนุ่มๆและรูปลักษณ์ทำทั้งหมดผสมกันในร่างกายเดียว

ช่างเป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์

「อ-อืม……」

「มึ ขอโทษ」

ผมผมเริ่มจับหลังและตูดเธอเอง

มาเก็บเซ็กส์ไว้หลังจากสงครามเถอะ

「หลักๆแล้วเราชนะแล้วล่ะ!!」

อิริจิน่าที่เสียงดังสะท้านอากาศ

มันรู้สึกเหมือนมันจะไปถึงภูเขาดาร์ดเลย

「……มุน」

「ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ」

「ผมจะไม่แพ้ครั้งนี้」

แม็ก, กิโด้, และคริสตอฟก็พร้อมด้วย

ไม่มีอะไรมาขวางดาบผม

ครอลควรไม่เป็นไรเท่าทีเขาบอกว่าไม่เป็นไร

อืม ตอนนี้ มาเริมศึกเถอะ

「คย๊าา」 「โอ่ะว้า!」

「มุ……」

พื้นสั่นอีกครั้งหนึ่ง

ผมสังสัยว่ากี่ครั้งแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตำแหน่งได้เปรียบเราไม่ควรเปลี่ยนไป

ศัตรูส่งกองกำลังในขบวนแถวกว้างมีสองปีก

มีทหารออยู่ห้าพันหน้าหน้าเรา และจำนวนเกือบเท่ากันอยู่ทั้งสองฝั่ง

แม้ว่าจำนวนดูเหมือนพอๆกัน มันดูเหมือนพวกเขาหาทหารเอาระหว่างทาง เพราะผมเห็นว่าพวกเขาหลายคนใส่เกราะดูห่วยๆแม้จากไกลๆ

「พวกเขาคอยระวังทหารม้าอ้อมแล้วล้อมพวกเขา เพราะแนวหน้าดูแถวไม่หนาที่มีหอกอยู่ เราควรสามารถฝ่าพวกเขาเป็นสองซีกได้ถ้าเราตีฝ่า」

ลีโอโพลต์เห็นเป้าหมายและจุดอ่อนขบวนแถวศัตรูแค่จากการมองผ่านๆ

「เมื่อคิดถึงความคล่องตัวของทหารม้าธนู ไม่ใช่เราอ้อมไปหลังทั้งสองปีกได้เหรอ?」

ผมเห็นอยู่ว่าลูน่าคิดอะไร แต่ผมปฏิเสธข้อเสอ

ศัตรูระวังถูกอ้อมเป็นพิเศษ

การฝืนใช้กลยุทธ์ที่ศัตรูคอยระวังไม่ใช่ความคิดที่ดี

「อืมอืม ถ้าคิดได้ว่าศัตรูไม่ชอบอะไร ส่วนใหญ่ก็ชนะตลอดแหละ」

「พูดกับเอเกอร์ซามะให้สุภาพกว่านี้!!」

ผมมองลีโอโพลต์ระหว่างซีเลียและทริสตันมีปัญหาเล็กๆน้อยๆ

เขาพยักหน้าและออกคำสั่งทุกคน

「การโจมตีเราจะเกิดขึ้นกับด้านหน้า ทหารม้าธนูจะเน้นยิงแถวหน้าและทำให้พวกเขาแตกแถว ฉันไม่คิดว่าศัตรูมีทหารม้าเหลือ แต่ทำให้พวกเขาเป็นเป้าสำคัญที่สุดถ้าเกิดมีโผล่มา ทหารราบจะสนับสนุนโดยการโจมตีตรงๆ」

แผนง่ายแต่ระดับความยากนั้นสูง

ทหารม้าจะยิงจากข้างหลังขณะทหารราบไปข้างหน้า ดังนั้นมีโอกาสยิงพลาดโดนพวกเดียวกันถ้าฝึกมาไม่ดี

ถ้านั่นเกิดขึ้นทหารราบจะกังวลว่าจะโดนโจมตีและไม่สามารถสู้ได้ดีๆ

พลธนูต้องการทักษะและความแม่นยำเพื่อโจมตีให้โดนแค่ศัตรูเท่านั้นระหว่างทหารราบต้องกล้าหาญที่จะเชื่อใจพวกเดียวกันแและเน้นสู้ศัตรูหน้าพวกเขา

กองทัพผมทำทั้งสองอย่างนั้น

「บุกกกกก!!」

ทหารม้าธนูบุกศัตรูก่อน

ทหารม้าธนู 4000 คนพุ่งไปข้างหน้าระหว่างเตะฝุ่นขึ้นมาก็ลดกำลังใจศัตรู

「ป้องกัน! เข้าขบวนแถวป้องกันทหารม้า!」

เป็นธรรมดา กองทัพศัตรูจะไม่ให้ตีฝ่าและตั้งแถวหอกเพื่อป้องกันการโจมตี

อย่างที่คิด ศูตรูมีหน่วยที่มีทักษะอยู่ข้างหน้าที่พวกเขาใส่เกราะเหล็กและเคลื่อนไหวพร้อมกันหมด

「ทุกหน่วยหยุด ยิงสามชุด」

ทหารม้าธนูหยุดกระทันหันและยิงธนูใส่เป็นชุด

เหมือนที่ชื่อมันบ่งบอก หอกยาวมันยาวและหนักทหารเลยถือพวกมันกับถือโล่ดีๆไม่ได้

โล่ใหญ่ธรรมดาๆถูกนำมาตั้งปักพื้นเพื่อปกป้องร่างกายทหารบางส่วน แต่การเล็งช่องว่างที่ไม่ได้ป้องกันคืองานง่ายสำหรับชาติภูเขาที่เรียนใช้ธนูตั้งแต่ยังเด็ก

「กุว้า!」 「กว้า!!」

「พวกเขายิงแม่น! ซ่อนหลังโล่!!」

ทหารพยายามซ่อนหลังโล่อย่างสุดความสามารถแต่ไม่ใช่ก่อนที่ทหารมากมายจะถูกจัดการไปก่อน ขบวนแถวเริ่มเละอย่างช้าๆขณะที่เหล่าทหารเคลื่อนที่ออกจากแนวยิง

「มันเป็นเวลาดีที่ทหารม้าจะพุ่งเข้าตีแล้ว」

「ผมว่ามันไม่เป็นไรถ้าไม่มีปีกซ้ายหรือขวา」

ลีโอโพลต์เห็นด้วยและออกคำสั่ง

ณ เวลาเดียวกัน ทหารม้าตะโกนและพุ่งเข้าตี ระหว่างทหารม้าธนูเปลี่ยนจากยิงแนวนอนสู่การยิงมุมสูงใส่แถวศัตรู

หน่วยพลหอกที่แตกแถวหวังหยุดพวกเขาไม่ไหว

หอกที่ยื่นออกถูกฟันหักสะบั้นและทหารที่ถือพวกมันถูกแทงแทน

เพิ่มเติมจากนั้น ทหารที่ถือหน้าไม้ที่ปนอยู่กับทหารราบยิงผู้บัญชาการศัตรูตายทีละคนเพื่อทำให้ขั้นตอนเร็วขึ้น

ปรกติแล้ว ฝั่งป้องกันจะส่งทหารราบเพื่อเจอกับเรา

「บัดซบ! เราเคลื่อนไหวดีๆไม่ได้เพราะธนูมาไม่หยุดเลย!」

「ถ้าพวกเรามัวถือแต่โล่พวกเขาจะฝ่าด้านหน้า! เราควรเดินหน้า- เกว้!」

ทหารม้าธนูเล็งหน้าทหารราบที่ปะทะศัตรูอยู่ที่แนวหน้านิดหน่อยและยิงอย่างไม่หยุดยั้้ง

เพราะนั้น ทหารราบศัตรูค้างอยู่กับที่ในระหว่างโล่พวกเขาช่วยแนวหน้าไม่ได้

ทหารราบพยายามให้กำลังใจคนรอบๆแต่ตายจากลูกธนูที่ไม่เข้าหน้าก็เข้าหน้าอกและทหารสร้างผลลัพธ์ตรงข้ามกันแทน

ทริสตันใส่ที่คั่นหนังสือพิเศษจากขนนกในหนังสือเขาก่อนเขาปิดมัน

ณ เวลาเดียวกัน ปีกทั้งสองของศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนทหารแนวหน้า

พวกเขาน่าจะอ้อมเราและทำการตีวงล้อม

「ถ้าเราไม่อ้อม ทั้งสองปีกของพวกเขาที่มีแต่ทหารใหม่จะล้อมเราได้ การเคลื่อนไหวพวกเขาค่อนข้างช้า มาคอยตั้งใจดูก่อน」

ศัตรูพยายามประชิดทหารราบที่สู้อยู่จากทั้งสองฝั่งแต่ลีโอโพลต์รู้การเคลื่อนไหวพวกเขาล่วงหน้าแล้ว

「ทหารม้าธนู เปลี่ยนเป้าหมาย」

ทหารม้าธนูเปลี่ยนเป้าหมายครั้งละ 1000 คนและเริ่มยิงทั้งสองปีกศัตรู สาดธนูใส่ทหารที่เคลื่อนไหว

ทริสตันที่สังเกตอยู่ดูจริงจังชั่วครู่เดียวก่อนตาเขาชี้ลงเหมือนคนขี้เกียจ

มันหายากที่เห็นบางคนบนสนามรบดูผ่อนคลายแบบนั้น

「ปีกซ้ายอ่อนแอ เป็นพวกไร้ระเบียบสุดๆ」

เห็นได้ชัดว่าทริสตันมองขาดจากประสบการณ์ศึกป้อมปราการว่าศัตรูมีทหารมีทักษะอยู่คร่าวๆแค่ 5000 คนจากทั้งกองทัพ

「ทหาร 5000 ข้างหน้าเราเป็นทหารมีทักษะแน่นอน ซึ่งหมายถึงทหารที่สองปีกคือ 5000 ที่ทักษะน้อยกว่ากับอีก 5000 ที่ไล่เกณฑ์มาตามทาง」

「ทหารม้าหอกและหน่วยคุ้มกันจะตามฉันมาเพื่อบุกปีกขวา บอกกองทัพลอร์ดบริวารให้ปะทะปีกซ้าย」

ผมมองลีโอโพลต์ว่าทำได้มั้ย

「มันอยู่ในที่ผมคาดไว้ก่อนแล้วแม้ว่ากองทัพลอร์ดบริวารอาจแพ้ เราจะรับมือมันเมื่อมันเกิดขึ้นเอา มันจะไม่เป็นปัญหา」

เจ้าคนนี้ไม่มีความเห็นใจเลย

พวกเขาพยายามกันเต็มที่ด้วยนะรู้ไหม

「ทำเลยแล้วกันถ้าอย่างนั้น เราจะบุก ตามฉันมา」

ทหารม้าหอกบุกไปข้างหน้า ตีคู่ด้วยหน่วยคุ้มกันวิ่งกลางขบวนแถว

พลหอกควรรวมกันอยู่ข้างนอกของปีกขวาศัตรูเพื่อหยุดไว้ไม่ให้เราล้อมพวกเขา

ถ้าเราให้ทหารม้าธนูวิ่งทะลุพวกเขาแล้วโจมตีจากข้างใน มันจะยากที่ทหารม้าจะถูกหยุด

แนวหน้าศัตรูควรอยากชะลอการเคลื่อนไหวของเราแต่ตอนนี้กำลังต่อสู้กับทหารราบ เขาไม่ควรมีปัญญามาสนใจเรา

「เราจะตีฝ่าแล้วก่อกวนข้างใน คิดซะว่าแทงเจี๊ยวใส่ผู้หญิงสวยๆ!」

「「โอออออ้!」」

「ซั่มพวกมันซ้า!」 「ทำให้เธอน้ำพุ่งเหมือนคนบ้าเล้ย!」

「เออออ๋……」

ซีเลียหน้าแปลกๆเมื่อคนอื่นตะโกนคำพูดลามก

เอ่อ อย่าฟังมันจริงจัง

ดูอิริจิน่าเป็นตัวอย่าง เธอไปร่วมวงกับพวกผู้ชายและตะโกน ‘ซั่มซ้า’

เมื่อศัตรูเข้าใกล้ขึ้น ทหารม้าหอกพร้อมหอกระหว่างเร่งความเร็ว

ทหารฝ่ายตรงข้างขยับขยุกขยิกเหมือนจะทำบางอย่าง แต่สายเกินไปแล้ว

เราฝ่าทะลุปีกขวาและทำขบวนแถวแตก

แค่เมื่อเราแน่ใจว่าเราโจมตีเสร็จแล้ว มันเกิดขึ้น

「อุโออ้」 「โอ่ะว้า!」 「อะไรกันวะ-!!?」

มีเสียงดังสับสนจากพวกเดียวกันเมื่อพื้นดินสั่นแรงกว่าครั้งก่อน

「น-นี่มันสั่นหนักเลย」 「ฉันยืนไม่ไหว!」

ทุกคนหยุดระหว่างพุ่งบุกและทหารหลายคนตกม้า

แม้แต่ขาชวาร์ซยังขยับย้ายไปมาหาหลักเพื่อให้เขายืนอยู่ไหว

นี่ไม่ดีแล้ว

แผ่นดินไหวดำเนินต่อไป 30 วินาทีก่อนเงียบลง

เพราะไม่มีประสบการณ์กับเหตุการณ์แบบนี้เลย พวกม้าไม่เป็นระเบียบ ทำให้ขบวนแถวเราเละ

ไม่ต้องพูดถึงว่าเรากำลังจะพุ่งบุกใส่ขบวนแถวศัตรูด้วย ซึ่งหมายถึงเรามาหยุดกันหน้าทหารเมื่อมันเริ่มสั่น

「ต-ตอนนี้เป็นโอกาสเราแล้ว!!」

ผู้บัญชาการศัตรูและทหารม้าศัตรูวิ่งเข้าใส่เรา

เพราะพวกเขาอยู่ระหว่างป้องกันเลยยืนกันแบบหลักมั่นๆแล้ว การสั่นไม่มีผลกับพวกเขา

「จึ……. ตอนนี้ถอยก่ออน ออกคำสั่งเลย!」

「ค่ะท่าน!!」

ผมปล่อยการบัญชาการให้ซีเลียขณะผมเตรียมหยุดศัตรูที่เข้าหา

ชวาร์ซไม่ได้ละอ่อนพอจะลนลานนานแล้วก็เริ่มกลับมาพร้อมเมื่อมันหยุดสั่นแล้วด้วย

「เข้ามาเลย」

「อุโออออออ้!!」

ผมยกหอกเพื่อฟันศัตรูที่พุ่งบุกตรงๆ

แต่บางอย่างไม่ถูกต้อง

「เฮ้ ทำไมพวกเขามองอีกทางเมื่อบุก ดูถูกฉันเหรอ……」

ศัตรูวิ่งถอยหลังมาหาผม

ผมคิดว่าพวกเขาแค่ล้อเล่นแต่เมื่อผมดูว่าเขาดูอะไร ผมก็หยุดดูไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ทหารม้าศัตรูฟันใส่กันและเสียงเหล็กเบาๆดังก่อนเราหยุดมองหน้ากันโง่ๆ

「นั่นอะไร?」

「ไม่รู้เลย…… ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน」

ศัตรูและผมเรียงม้าคู่กันแล้วดูภาพที่คลี่คลายหน้าเราอย่างงงๆ

ศัตรูที่ล้อมและพวกเดียวกันหยุดทปะทะกันแล้วและไม่มีเสียงเหล็กดังมาให้ได้ยินแล้ว

ผมไม่โทษพวกเขา

「ภูเขาดาร์ด…… ระเบิดเหรอ……?」

ส่วนบนของภูเขาดาร์ดที่สูงหลายพันเมตรระเบิดดและควันมหาศาล…… ไม่ใช่สิ คำว่ามหาศาลไม่พอเอามาพูดถึงจำนวนควันที่ขึ้นมาจากด้านบนด้วย

และเมื่อตาทุกคนมองจุดนั้นบนภูเขา มันเกิดขึ้น

「โด่ะว้า!!」 「กุว้า!!」

แรงสั่นสะท้านแรงมากจนผมรู้สึกเหมือนโดยต่อยหน้า

เสียงดังสนันน่ากลัวดังพอที่ทำให้ปืนใหญ่เหมือนเงียบ

ชวาร์ซตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่สามารถุทนเสียงระเบิด อย่างไรก็ตามม้าของทหารศัตรูข้างผมดีดคนขี่ทิ้งและวิ่งหนี

ผมว่าผมยื่นมือช่วยเขายืนได้

มันไม่ได้ดูเหมือนเขาเป็นใครที่อยากสู้ตอนนี้อยู่ดี

เสียงมันช้ากว่าเมื่อเอามาวัดกับภาพระเบิดที่เกิดขึ้นบนภูเขา…… มีหลายอย่างที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้

「ดูสิ…… ท้องฟ้าเปิด」

「โอ้พระเจ้า…… ได้โปรดอย่าโมโห……」

มันเป็นวันที่ดีอยู่วันนี้แต่มีเมฆเยอะ

อย่างไรก็ตามเสียงสนั่นที่เกิดขึ้นดูเหมือนเป่าเมฆรอบภูเขาดาร์ดเปิดออก

ศูนย์กลางการระเบิดดูเหมือนเป็นยอดเขาที่คล้ายบางอย่างเหมือนเสาไฟปะทุก็เห็นได้

มันมัวๆผมเลยเห็นไม่ชัดแต่มันดูเหมือนทรงภูเขาก็เปลี่ยนด้วย

「หัวหน้า」

「เอเกอร์ซามะ」

「ฉ-ฉันแน่ใจว่าไม่มีอะไรให้กังวล!」

「พวกเธอปลอดภัยใช่มั้ย?」

ปีปี้, ซีเลีย, และแม้แต่อิริจิน่าวิ่งมาให้เห็นว่ากลัว

เมื่อมองดูสนามรบ ทหารฝั่งศัตรูและฝั่งเดียวกันทั้งสองปีกรวมถึงแถวหน้าหยุดต่อสู้และมองภูเขา 

「นั่นมันดังไม่น่าเชื่อเลย…… หนูนึกว่าหูแตกแล้ว」

ปีปี้ส่ายหัวระหว่างปิดหู

ผมรู้สึกไม่สบายใจด้วย

เราสมควรอยู่ 50 กิโลเมตรจากภูเขาตอนนี้

「ดูควันทั้งหมดดิ…… มันจะสูงไปอีกแค่ไหน?」

「ด้านบนภูเขาหายไปแล้วอ่ะ」

ซีเลียและอิริจิน่ากอดแขนผม

「รวมทุกคนก่อน การต่อสู้…… ไม่ได้ดูเหมือนเป็นไปได้」

ศัตรูและพวกเดียวกันเรียงแถวกันไหล่ชนไหล่พร้อมเอาอาวุธไว้ก่อนและมองภูเขาอ้าปากค้าง

「มันดูเหมือนอีกฝั่งก็คิดเหมือนกัน」

ทหารหลายคนก้าวมาข้างหน้าหลังการต่อสู้หยุดลง

จากหน้าตา พวกเขาต้องเป็นนายพลศัตรู แต่ไม่มีใครสนใจ

เรามีเจตนาจะกวาดล้างศัตรูตอนนี้เมื่อดูอะไรที่เกิดขึ้น……

เราควรจะไม่เป็นอะไร

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

เวลาเดียวกัน เมืองหลวงโกลโดเนีย

「ราชาของผม ลอร์ดฮาร์ดเลตต์กำลังสู้กับแวนโดเลียทางเขตใต้ด้วยตัวเอง ผมคิดว่าเราควรส่งกองทัพหลวง……」

อีริชก้าวไปหน้าราชาเพื่อขออครั้งที่เก้าให้กองทัพถูกส่งออกไป

อย่างไรก็ตาม คำตอบของราชายังเหมือนเดิม

「ไม่จำเป็น ไม่ใช่เขาดันศัตรูกลับแล้วเหรอ? ในความเป็นจริง บอกฮาร์ดเลตต์ว่าอย่าขยายการต่อสู้ไปมากกว่านี้」

อีริชทำหน้าบูดแล้วพูดอีกครั้ง

「แต่พระองค์ครับ ลอร์ดฮาร์ดเลตต์มีความได้เปรียบที่ท่วมท้นในการต่อสู้อยู่ตอนนี้ ถ้าเราส่งกำลังเสริม เรายึดดินแดนแวนโดเลียได้ด้วยเหมือนกัน……」

「ซ้ำไปซ้ำมาจริง!! ฉันจะไม่ทำ!」

ราชากำหมัดทุบโต๊ะ

อีริชไม่พูดมากไปกว่านี้

เมื่อเห็นว่าคู่อริโดนตำหนิ เคนเน็ธก้าวมาข้างหน้า ยิ้มอยู่ในใจระหว่างมีสีหน้านิ่งภายนอก

「การใช้อำนาจทางทหารมันไม่ฉลาด มันจะดีที่สุดที่เราจะใช้แผนการแทนการพึ่งพากำลังเพื่อยึดดินแดน…..」

ราชาหันไปมองเคนเน็ธและตะโกนใส่ในน้ำเสียงโมโหโทโส

「ไม่เข้าใจหรือไงวะว่าหมายถึงไม่ด้วยเหมือนกัน!? ไม่มีความจำเป็นต้องแทรกแซงกับเรื่องทางใต้!」

「ท่านครับ ผมอาจพูดมากไป……」

เคนเน็ธเงียบหลังจากตะลึงกับการดุที่ไม่คิดว่าจะโดนเลย

ราชาดื่มชาและดูเหมือนว่าใจเย็นลง อย่างน้อยความโมโหเขาดูเหมือนบรรเทาไปแล้วผิวเผินและน้ำเสียงกลับเป็นปรกติ

「ประเทศของฉันขยายมากไป มีศัตรูนับไม่ถ้วนในประเทศ แม้อย่างนั้นฉันยังสร้างศัตรูภายนอกอีก」

「มีศัตรู…… อยู่ในประเทศเหรอ?」

อีริชเอียงหัว

เขาคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ไม่ได้ดูเหมือนจะเข้าใจว่าราชาพูดถึงใคร

การกบฏเกิดขึ้นบ่อยกับดินแดนมากราโดเก่า แต่มันก็เหมือนกับแผนที่มีแต่แรกแล้ว และในที่สุดพวกเขาก็ถูกระงับไปแล้ว

เคนเน็ธก็ทำเหมือนกันและมองอีริชเงียบๆด้วย

「ศัตรูก็แอบมาอยู่ข้างฉันแล้ว ลืมเหตุการอัศวินคนนั้นเหรอ?」

「ห-เหตุการณ์นั้นมัน-…….」

「คุณหมายถึงความไม่ภักดีของพฤติกรรมอัศวินคนนั้นเหรอ……?」

เหตุการณ์ที่ราชาพูดถึงเกี่ยวข้องกับข่าวที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอัศวินหลวงที่ทำงานเป็นยามแล้วบ่นในบาร์ในเมืองและตะโกนไปทั่วว่าเงินค่าจ้างและตำแหน่งของเขาต่ำเกินไป

มันเห็นได้ชัดว่าเขาเมาไม่มีสติและทำไปใต้ผลลัพธ์ของแอลกอฮอล์ แต่ราชาเอาคำพูดเขาเป็นการก่อกบฏแและประหารเขาด้วยกันพร้อมครอบครัวทั้งหมดของเขา

「ในความเห็นจากผมน้อยๆ อัศวินคนนั้นไม่ฉลาดพอทำอะไรทะเยอทะยานเหมือนก่อกบฏหรอกครับ」

「นายพูดถูกที่สุด เขาไม่ฉลาดพอและนั่นทำไมเขากำลังถูกใช้โดยบางคนที่ฉลาด แน่นอนว่ามีคนที่มีอำนาจใช้เส้นสายอยู่หลังเขา วางแผนมาลอบสังหารฉัน」

อีริชพยายามอธิบายว่าทุกอย่างมันแค่เป็นการกระทำของอัศวินโง่ๆ แต่ราชาไม่ได้ดูเหมือนจะยอมรับเหตุผล

「มีการสืบสวนแบบทั่วถึงกับความสัมพันธ์คนหนุนหลังเขา แต่ไม่มีร่องรอยของการสมคบคิด การค้นหาของเจ้าหน้าที่ข้อมูลไปถึงไหน?」

「พวกเขาพูดว่าไม่มีอะไรถูกพบเลย เขาไม่ได้แค่หลบเค็นเน็ธ แต่ตาข่ายเจ้าหน้าที่ข้อมูลของฉันด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงไอ้เจ้านี้ฉลาดสุดขีด ฉันต้องทำให้แน่ใจว่าระวังซ้อนระวัง」

เคนเน็ธพยายาอธิบายว่าไม่มีความสัมพันธ์อะไรอยู่กับคนหนุนหลังของเขา แต่ราชาไม่ฟังเลย

「ตอนนี้มันเป็นเวลากำจัดปัญหาภายในให้สิ้นซาก และทำให้การปกครองของชาติมั่นคง ฉันไปมีสมาธิกับสงครามต่างประเทศไม่ได้ มันดีพอที่เป็นอย่างนี้ได้ในสภาพปัจจุบัน」

「「ค-……ครับท่าน」」

อีริชและเคนเน็ธต่างก็ผิดหวังกับคำตอบครึ่งๆกลางๆ

หลังจากราชาพูดเสร็จ เขาดึงอีริชไปข้างๆและกระซิบใส่หูของเขา

「เคนเน็ธมีทักษะในการใช้หัววางแผน การใช้แผนการเป็นสนามที่เขาเชี่ยวชาญ ดังนั้นให้ฉันรู้ทันทีถ้าเจอการกระทำที่เห็นแล้วไม่สบายใจของเขา」

ราชาดึงเคนเน็ธไปข้างๆต่อ

「อีริชมีกองทัพในมือ เขาน่าจะคิดกำจัดฉันถ้าเขาเริ่มก่อกบฏได้ คอยระวังอยู่ตลอดด้วย」

และจากนั้นราชาให้ทั้งสองคนเลิกเข้าเฝ้า

สีหน้าเครียดของราชาผ่อนคลายช้าๆเมื่อเขากลับไปห้องเขา

เขาเท้าเด้งเหมือนเขาเดินเด้ง

「พระองค์ ทำได้ดีมากวันนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ」

「โอ้ ขอโทษที่ให้รอ โรซาริโอ้」

คนที่คุกเข่าคำนับบนพื้นในห้องราชาเป็นผู้หญิงหนึ่งคน

ราชายกผู้หญิงขึ้นแล้วจูบด้วยไฟแรง

「อ๊าา พระองค์…… โรซาริโอ้จะตายถ้าท่านทำอย่างนั้น」

「อย่าพูดแบบนั้นเลย ฉันจะตายจากความเหงาถ้าฉันเสียเธอไป」

ราชาหยุดจูบโรซาริโอ้แล้วกอดเธอแน่นๆ

「ฉันพูดกับบริวารโดดเด่นที่สุดแล้วแต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฉันเหมือนกัน แต่คำขู่จะไปถึงพวกเขาในไม่นานแหละ……」

「โรซาริโอ้นั่นโง่เง่าเมื่อเทียบกันความคิดที่ชาญฉลาดของพระองค์ค่ะดังนั้นสถานการณ์ซับซ้อนแบบนี้ไม่มีเหตุผลกับหนูเลย」

หน้าเศร้าของราชาดีขึ้นเมื่อเขาพาพูดหญิงไปขึ้นเตียง

「นั่นทำให้เธอน่ารัก เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นที่เชื่อฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้ มาสร้างรักกันเถอะ」

「ได้โปรดประทานความรักให้หนูคืนนี้มากๆด้วยเหมือนกันนะคะ พระองค์……」

ผู้หญิงครางกับการเข้าหาเชิงใช้กำลังของราชา

ทันทีที่ของของราชาเข้าไปในเธอ เธอครางเหมือนแสดงละครอยู่เหมือนบางคนที่ร้องเมื่อโดนแทง

「พระองค์ลำแท่งของท่านมันสุดยอดไปเลยค่ะ….. หนูว่าหนูตายแน่!」

「มันน่ารักที่เธอพูดซื่อๆเหลือเกิน! เธอไม่รู้อะไรสักอย่างก็ไม่เป็นไร ฉัน……. ฉันจะปกป้องเธอ!」

ไม่นานราชาก็ไปถึงจุดสุดยอดและหลับบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย

โรซาลิโอ้มองหัวเขาด้วยสายตาเย็นชาและลูบหัวราชาเหมือนแม่ลูบลูก

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

เรื่องราวด้านข้าง: หาผู้ก่อเหตุ

ผมสบายๆอยู่ในห้องนั่งเล่นกับสาวๆ

พวกเธอบางคนกำลังมีความสุขกับชาและขนม, บางคนดูแลลูก, บางคนอ่านหนังสือเงียบๆ, บางคนเล่นกัน, และอิริจิน่ากำลังกินเนื้อย่างทั้งชิ้น

ทุกคนมีความสุขอย่างสงบสุข

อย่างไรก็ตาม เวลาที่สงบถูกก่อกวนโดยการกระทำป่าเถื่อนที่ไม่ยุติธรรม

  ปรื้ดดดดดดปิ๊~~

เสียงเปลี่ยนอารมณ์ในห้องทันใด มันไม่ได้ดังแต่มันดังพอที่ทุกคนได้ยิน

「「「「……」」」」

เวลาทุกคนหยุดลง

คนที่เล่นอยู่ก็หยุดเล่น ระหว่างมือนนน่าชักกลับโดยไม่ได้จับแก้วชา

อิริจิน่าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สะทกสะท้านและเคี้ยวเนื้อเธอต่อ

ทุกคนมองไปรอบๆและถาม ‘ใคร’ ด้วยสายตา

อย่างไรก็ตามไม่มีใครพูดอะไรเพราะกลัวไปกล่าวหาบางคนว่ามาตดหน้าผม

ตอนแรกพวกเธอไม่เอาประเด็นขึ้นมาก่อนและมีสมาธิอยู่กับการพูดที่พูดอยู่

ทุกคนเริ่มกลับไปทำอะไรที่ทำอยู่ก่อนเสียงตด

นั่นถูกแล้ว มันถูกต้องที่แกล้งงทำว่ามันไม่เกิดขึ้น

นั่นจะทำให้บรรยากาศสงบๆกลับมาอีกครั้ง…… หรือมันควรเป็นอย่างนั้น

「กุ……」

มันเหม็น กลิ่นเหมือนบางอย่างเน่า

ตดเหม็นๆประเภทนี้ค่อนข้างหายาก

「……อ๊าาา ให้ตายเหอะน่า! มันเหม็นสุดๆไปเลย!! ใครตด!!?」

ในที่สุดก็ทนไม่ได้ คาร์ล่าตะโกธโกรธๆและเป็นการเปิดประเด็น

「มันไม่ใช่ฉัน」

นนน่าเป็นคนแรกที่ปฏิเสธและดื่มชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แม้ว่า คิ้วเธอยังคงขมวดเพราะกลิ่น

「มันไม่ใช่หนูด้วย!」

ซีเลียก็พูดขึ้นมาและอิงมาซบผม

น่าน่า พี่รู้ว่าไม่ใช่หนู

นั่นควรพอแล้วสำหรับสาวๆที่ปฏิเสธการกระทำอย่างรุนแรง

「หม่าม๊าไม่เหม็น ถูกมั้ย?」

「ไม่~」 「ไม่เอาอึอึ๊~」

เมลและมาเรียร้องว่าบริษุทธิ์ระหว่างเล่นกับลูก

และการหาผู้ก่อเหตุเริ่ม

「ไม่ใช่มันโยกุริซังเหอร? มันเหม็นมาก」

「ม-ไม่ใช่เลย! ถ้าฉันต้องพูด มันน่าจะมาจากเธอ……」

「อะไรกัน มันไม่ใช่ฉันด้วย!?」

「กลิ่นแรงขนาดนี้ มันต้องมาจากเหนือลมแน่…… หมายถึงเป็นบางคนอยู่ใกล้ประตู……」

「ไม่ใช่ฉันนะ! ฉันไม่โกหก!」

ผมรับไม่ได้ถ้าตดเดียวสร้างความร้าวฉานมากขนาดนี้ระหว่างเรา

「ขอโทษ มันฉันเอง」

ถ้าผมทำ ไม่มีใครจะมีปัญหา

ผู้ก่อเหตุควรจะเป็นหนึ่งในสาวๆถ้าไม่ใช่ผม

และผมแน่ใจว่าไม่มีพวกเธอสักคนจะยอมรับมัน

「ห-ให้ตายเธอน่า หยาบอ่ะเอเกอร์ซามะ」

「ถ้ามันเอเกอร์ซามะก็ไม่เป็นไร……」

「หนูเห็นด้วยไม่ได้!」

ซีเลียแทรกเพื่อทำลายสันติชั่วคราวที่ผมสร้าง

「หนูอยู่ข้างเอเกอร์ตลอดเวลาและหน้าทุกคนยู่ก่อนกลิ่นมาทางเรา! หนูจะไม่ให้โทษเอเกอร์ซามะแน่นอน!」

ผมซาบซึ้งกับเจตนาดีแต่มันไม่จำเป็น…… แค่เมื่อผมสรุปการถกเถียงตรงนั้นแล้ว

สาวๆเริ่มเถียงกันอีกครั้ง

「กลิ่นมาจากตรงนั้น! ไม่ใช่มันแคทเธอรีนซังเหรอ!?」

「พูดอะไรน่ะ? คนที่ปฏิเสธเสียมากมายนั่นแหละทำมัน」

การจ้องกันทั้งหมดไร้สาระ

ผมแก้ปัญหานี้อย่างไรดี?

「ฮ่าฮ่าฮ่า มันเหม็น มันอร่อยและเหม็น!」

อิริจิน่ากินเนื้อต่อไม่รู้เรื่องความเอะอะที่เกิดขึ้น ถ้ามันเธอผมว่าเธอไม่ถือหรอก

「อิริจิน่า เธอเป็นคนที่ตด」

「อะไร!? หนูไม่ได้ทำสักหน่อย」

「ตูดเธอตดเองโดยที่เธอไม่รู้ ไม่ต้องกังวลน่า มันเกิดขึ้นกับทุกคน」

「……อ-อย่างนั้นเหรอ? ขอโทษ! ดูเหมือนตูดฉันตดเอง!」

ขอโทษด้วยะ อิริจิน่า ถ้ามันเธอ คนอื่นน่าจะไม่โทษเธอมาก ฉันจะไปดื่มกับเธอทีหลัง

「ฉันว่ามันเป็นไปได้ถ้าเป็นอิริจิน่าซัง」

「มันช่วยไม่ได้」

สาวๆสร้างสันติอีกครั้ง

「ฉันรับนั่นไม่ได้!」

คนที่แทรกแซงครั้งนี้คือไมล่า

「ฉันอยู่กับอิริจิน่าบ่อยจนฉันรู้ว่าเสียงที่เธอทำดังพอให้หยุดพูดดังนั้นถ้าเธอทำจะเห็นชัดๆ!」

「อืม นั่นก็จริง……」

「อิริจิน่าไม่ค่อยเหนียมอายด้วย……」

「ไม่ไมล่า นี่ไม่ใช่ที่-」

「ไม่ หนูจะไม่ให้คนไร้เดียวสากลายเป็นคนก่อเหตุเมื่อหนูเห็น เราควรหาคนทำจริง!」

โอ้ใช่ ไมล่าเป็นคนแบบนั้น

นั่นทำไมเธอมีชื่อเสียงว่าเข้มงวดเกินไปตอนเธอบังคับสร้างความสงบของประชาชน

「ตอนนี้ มายืนยันคำพูดทุกคนก่อน!!」

อะไรก็ช่าง ทำตามสบาย

พี่ไม่สนว่าใครทำ

หลังจากนั้น แม้แต่การสืบสวนเข้มงวดของไมล่าก็ไม่เปิดเผยคนตดจริงและคดีกลายเป็นปัญหาลึกลับที่ไม่ได้แก้

นั่นทำให้ผมจำได้ ปรกติเคซี่จะเอะอะในเวลาแบบนี้แต่ผมไม่เห็นเธอเลย

ครั้งสุดท้ายเมื่อผมเห็นเธอ เธอกินบางอย่างระหว่างหลีกอิริจิน่า

ผมมองดูรอบๆและเห็นแม่บ้านในลานหน้ากับกองไฟ

「เราจะปิ้งมันฝรั่ง」

「เราปิ้งไป 10 ลูกแล้ว…… แต่หายไปลูกนึง นั่นแปลกอ่ะ ไม่มีใครมาเลยสักนิด」

「ไม่ใช่วิญญาณคฤหาสน์เอาไปเหรอ? รู้มั้ยว่าอาหารหายไปบ่อยๆ? โดยเฉพาะคนที่ทำฟักทองอ่ะ」

ช่างเป็นเรื่องลึกลับ

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 163,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500

กองทัพ: 14,300 คน

ทหารราบ:7200 คน, ทหารม้า 800 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 3900 คน (กองทัพลอร์ดบริวาร: 1400)

ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก

ทรัพย์สิน: 470 ทอง

คู่นอน: 233, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท