*เปลี่ยนมือปราบปีศาจเป็นมือปราบมาร
โอนิซึกิ อาโอย เป็นหนึ่งในนางเอกหลักของเกม ‘หิ่งห้อยรัตติกาล’ เธอเป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูลโอนิซึกิ โดยในตอนเริ้มเกม เธอจะมีอายุ 16 ปี มีสีประจำตัวคือ ชมพูอ่อนโทนเดียวกับดอกซากุระบาน ส่วนสีผม กับสีตา ก็สีเดียวกันแต่เป็นคนละเฉด มีดวงตาที่ดูง่วงๆชวนฝัน ส่วนรูปร่างเธอก็มีน้ำมีนวล ส่วนเว้าส่วนโค้งเห็นชัดเรียกว่าละขั้วกับอาเจ๊ที่หุ่นผอมเพรียวเลย เป็นหนึ่งในนางเอกที่ช่วยปลอบประโลมน้องชายของชั้นมากที่สุดของเกมนี้เลย
ในด้านลักษณะนิสัยนั้นก็ตรงกันข้ามกับรูปร่าง ทั้งใจแคบ จองหอง เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ปากหมา เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรทัดฐานของโอนิซึกิ และหนึ่งในความแปลกของนางคือสามารถใส่เดี่ยวกับ โยวไคชั้นภัยพิบัติ ได้โดยที่ใช้แค่หมัดลุ่นๆ เพราะแค่ขี้เกียจจะเรียนวิชาองเมียว หรือ ไสยเวทย์ จนเป็นที่มาของฉายา ‘องค์หญิงกอลิล่าอมชมพู’ จากเหล่าแฟนๆ
และด้วยที่เธอคิดจะทำอะไรก็ทำได้ง่ายเลยเป็นคนนิสัยแย่ที่ไม่เห็นหัวพวกคนธรรมดาที่ไร้ความสามารถที่รู้จักแต่คำว่าความพยายาม สนแต่พวกที่เก่งเข้าตานางเท่านั้น เพราะแบบนั้นในเนื้อเรื่องเกมเธอเลยรู้สึกสนใจในตัวพระเอกที่พลังแข็งแกร่งโดยไม่สนว่าจะมาจากครอบครัวชาวนาก็ตาม แล้วเข้ามาปฏิสัมพันธ์(แกมบังคับ)กับตัวพระเอกโดยที่ถ้าอยากจะปักธงนางได้หลังจากที่ต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปกับนาง เรียนรู้อดีตของนางแล้วช่วยเยีวยาบาดแผลทางใจได้ อนึ่งในฉากจบแบบแย่ของน้องนางนั้นเป็นที่โปรดปรานของท่านชายสายมาโซเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณจะโดนเธอจับขึ้นคร่อมแล้วรีดจนแห้ง โดยไอ้ฉากนั้นหน้าอกหน้าใจน้องแกมันเด้งดีสุดๆไปเลยให้ตายสิ
…ส่วนเนื้อเรื่องพื้นหลังของนางก็ค่อนข้างหนักทีเดียวถึงระหว่างเข้ารูทนางเพื่อรู้เรื่องนี้คุณเธอก็จะค่อยๆกลายสภาพเป็นสาวยันก็เหอะ
เรื่องมันเกิดในตระกูลโอนิซึกิที่แก่งแย่งอำนาจกันอย่างสงบสุข อาเจ๊กับองค์หญิงกอลิล่านั้นเป็นพี่น้องคนละแม่ โดยอาเจ๊เกิดจากความรักของพ่อชั้นต่ำหัวหน้าตระกูลที่หนีไปอยู่กินกับสาวชาวไร่ ส่วนองค์หญิงนั้นแน่นอนว่าด้วยความจำใจกับภรรยาที่ตระกูลหามาให้ แทรกเล็กน้อยว่าการที่อาเจ๊นั้นผอมเพรียวก็มาจากการขาดสารอาหารในช่วงวัยเด็กของนาง(เป็นทฤษฐีที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย)
แต่ด้วยที่เธอดันเกิดมาด้วยพลังวิญญาณที่มหาศาลจนสามารถจัดการกับโยวไคชั้นสูงสุดได้โดยไม่ต้องพยายามมันต้องไปขวางหูขวางตาไอ้พ่อชั้นต่ำกับลูกสุดรักของแกในอนาคตเป็นแน่
ทำให้ในการฝึกภาคสนามของมือปราบมารที่จะมาถึงของเธอนั้นถือเป็นโอกาศอันดียิ่ง มันเลยส่งเธอกับผู้ติดตามน้อยนิดไปในรังโยวไคที่มันโกหกว่ามีแต่พวกปลาซิวปลาสร้อย
ผนวกเข้ากับที่ว่าไอ้เกมนี้มันเป็นเกมสำหรับผู้ใหญ่ไม่พอเนื้อเรื่องยังโทนมืดมนอีกก็คงจะเดากันได้ไม่ยากว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
แรกเริ่มเลยคือเหล่าผู้ติดตามของเธอนั้นโดนกินไปทีละคนสองคน ถึงพวกที่ตามมาจะมีฝีมือในการจัดการกับพวกโยวไคแต่ก็ไม่อาจต้านทั้งปริมาณและความสามารถของเหล่าโยวไคชั้นสูงในรังได้ ใช่ชั้นสูง
ถึงในตอนนั้นเธอจะเป็นเด็กอายุ 10 ขวบแต่ด้วยสายเลือดของเธอที่ผ่านการสืบทอดพลังมารุ่นต่อรุ่นก็ทำให้เธอดิ้นรน ฉีกกระชากฝูงโยวไคนับไม่ถ้วนจนหลบหนีออกมาได้
…แล้วที่รอเธออยู่ก็คือเหล่ามือสังหารที่ของพ่อชั้นเลวมันส่งมาดักรอ แต่ชะตาเธอก็ยังไม่ขาดเพราะคนที่ตายเป็นพวกมือสังหารที่โดนเหล่าโยวไคที่เหลือรอดแล้วตามเธอออกมากินไปแทน แน่นอนว่าหลังจากนี้เหล่าผู้เล่นก็จะได้เห็น cg อันหนักอึ้งของเด็กสาวที่ต้องเสียครั้งแรกให้เหล่าเหล่าโยวไคอัปลักษณ์
แต่เธอก็ยังอดทนจากการโดนรุมกินโต๊ะสามวันสามคืนแล้วหนีรอดกลับมาได้ หลังจากนั้นเธอก็ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลที่อยู่ฝั่งเดียวกับเธอ แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ในแผนของคุณพ่อชั้นต่ำอยู่ดี เพราะเท่านี้องค์หญิงกอลิล่าก็ต้องโดนตัดสิทธิในการเป็นหัวหน้าตระกูล ไม่ใช่เพราะฝีมือแต่เพราะหน้าตาทางสังคม ไม่มีใครในตระกูลมือปราบมารอันเลื่องชื่ออยากได้หัวหน้าที่เคยเสียครั้งแรกให้โยวไค
“หืม นี่เจ้าอย่าบอกนะว่ากำลังเชยชมความน่ารักของข้าอยู่งั้นเหรอถึงได้จ้องกันเป็นกระต่ายติดสัดแบบนั้นนะ”
เด็กสาวที่กำลังนั่งอ่านคัมภีร์ไม้ไผ่ตรงหน้าก็พูดแหน็บออกมาด้วยร้อยยิ้ม ระหว่างที่ชั้นกำลังคุกเข่าแล้วรำลึกถึงเซ็ตติ้งในเกมของเด็กสาวตรงหน้า นี่ใส่หน้ากากอยู่ก็รู้ว่ามองด้วยเรอะ แต่อย่างว่าไอ้พวกมือปราบมารที่มองไกลเป็นโลได้แค่นี้คงของตาย
คิดว่าหลังจากจบรายงานกับพวกผู้อาวุโสแล้วจะได้พักกินข้าวแล้วนอนหลับให้สบายหลังจากโต้รุ่งมาวันนึง ดันโดนลากมาคุ้มกันในห้องสุดหรูแบบญี่ปุ่นในโซนที่พวกข้ารับใช้โดนห้ามเข้าซะได้
เป็นห้องกว้างประมาณ 20 เสื่อ ที่ประตูกระดาษมีลวดลายวาดอยู่ ที่ผนังกลางห้องก็มีรูปภาพแขวน แล้วก็มีพวกไหที่ตั้งบนฐานสีทอง แท่นข้างๆก็มีภาชนะเผาเครื่องหอมกำลังส่งกลิ่นสดชื่นออกมาพร้อมควันจางๆ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เหมือนจะวางส่งๆ แต่ถ้าดูดีๆมันจะถูกวางเพื่อใช้กางอาณาเขตบดบังสายตาและสะท้อนอาคมต่างๆ
“…ขออภัยที่ข้าทำให้องค์หญิงรู้สึกไม่สบายใจ ข้าเพียงแค่อยากทราบสาเหตุที่ท่านพามาที่นี่เท่านั้นเองขอรับ”
ตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบราวเครื่องจักรไร้อารมณ์และพยายามไม่ให้เสียมารยาท ถึงอาจจะต่างกับตอนเกมเริ่มแต่น้องนางก็นับเป็นผู้สาวที่กับระเบิดเยอะมาก คือแบบไอ้เรามันแค่ตัวประกอบไร้ชื่อ A เองนะ พ่อพระเอกที่ทำให้นางตาลุกวาวกำลังรอน้องอยู่นะครับช่วยรีบๆลืมหน้ากันสักทีเหอะ
(…ถ้าให้ดีอย่าเรียกกันอีกเลยเหอะแค่นี้ก็จะเครียดลงกระเพาะอยู่แล้ว แต่ไม่สิบางรูทมันอาจทำให้กระเพาะมีรูแบบตรงตัวได้เลยนี่หว่า…)
แค่คิดถึง ฉากกระตุกจิตผู้เล่นหมายเลข 46 ‘อาโอย ทานละนะคะ’ ก็ทำเอาคลื่นไส้แล้ว ไม่ได้มีอะไรมากมายก็แค่น้องแกแค่รักตัวเอกปานจะกลืนกินแบบตรงตัว…แต่ไอ้นักวาดที่ลงดีเทลละเอียดยิบไม่พอ ฉากบรรยายคนเขียนยังใจดีบอกสะละเอียดยิบเลยตอนน้องแกกำลังกินซอยจุ๊เนี้ย
ส่วนทำไมน้องแกจำชั้นได้ก็เพราะดันดวงซวยไปอยู่ในเหตุการณ์ในอดีตของน้องแกอย่างช่วยไม่ได้นั่นเอง
ไอ้เราดันได้เป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ไปด้วยนั่นเอง พอรู้ว่าถ้าต้องติดตามองค์หญิงกับระเบิดไปต้องกลายเป็นอาหารให้พวกโยวไคแน่ๆ ก็เลยทั้งสร้างเรื่องป่วยแต่ก็เหลวไม่เป็นท่าแล้วไอ้พวกข้ารับใช้มันก็โดนลงคำสาปให้หนีไปไหนไม่ได้อีกสุดท้ายก็เลยต้องตามไปแต่โดยดี
แต่พอรู้เนื้อเรื่องอดีตน้องแกจากในเกมก็เลยเตรียมอุปกรณ์ล่วงหน้าไว้เยอะไม่พอยังคอยตื่นตัวอยู่ตลอดทำให้ตอนที่โดนโจมตีเลยใช้โอกาสระหว่างที่พวกเพื่อนๆกำลังโดนพวกสัตว์ประหลาดกินกันอยู่นั้น ก็หลบไปซ่อนอยู่ในป่าได้
แต่ปัญหาไม่ได้จบที่ตรงนั้นเพราะไอ้พวกข้ารับใช้มันหนีจากตระกูลที่ลงคำสาปไม่ได้ ไม่โดนเชือดไก่ให้ลิงดู ก็โดนเอาไปเป็นวัตถุดิบสำรกับการทดลอง แต่ที่แน่ๆเลยคือโดนโบ้ยให้เป็นแพะว่าทำองค์หญิงกอลิล่าตาย
แล้วระหว่างที่กำลังสิ้นหวังอยู่ ก็มาถึงฉากที่องค์หญิงขยับไม่ได้เพราะโดนพวกมือสังหารใช้พิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทเล่นงาน แล้วพวกนักฆ่าก็ตีตั๋วเที่ยวในท้องพวกโยวไคที่ตามน้องแกมา มาถึงตรงนี้ก็เลยลองเดิมพันจะช่วยน้องแกให้รอดดู
ในตอนที่องค์หญิงจะโดนรุมกินโต๊ะ ชั้นก็เลยปาทั้งระเบิดควัน ระเบิดแสง ระเบิดเหม็น เพื่อรบกวนประสาทสัมพัสของพวกโยวไค แล้วรีบไปแบกน้องแกขึ้นหลังหวังจะพาหนีออกจากป่าให้ได้ ส่วนเรื่องสู้นะเหรอ ไม่มีหวังจะชนะหรอก ยิ่งต้องแบกเด็กบนหลังไม่พอยังเจ็บหนักจากตอนหนีจากพวกโยวไคตั้งกะรอบแรกแล้วด้วย
…เพื่อไว้หน่อยว่าที่ช่วยน้องแกไม่ใช่ด้วยเพราะมีจิตใจดีหรืออยากช่วยนางเอกที่ชอบอะไรหรอกแค่ถ้าปล่อยไว้ก็มีแต่ตาย สู้เสี่ยงไปช่วยแล้วถ้ารอดกลับไปได้นอกจากจะไม่โดนฝ่ายที่อยากให้องค์หญิงกอลิล่าขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลปิดปากฆ่าและอาจได้ช่วยรักษาแผลให้ด้วย
หลังจากเล่นซ่อนแอบกับพวกโยวไคกันสามวันสามคืน องค์หญิงกอลิล่าที่ฟื้นตัวจากพิษก็ลุกขึ้นมาจัดการพวกโยวไคที่ตามมาได้ในหมัดเดียวจนรอดกันมาได้ ถึงชั้นจะปางตายแล้วก็เถอะตอนนั้น
นั่นคือเรื่องเมื่อสามปีก่อน ที่ทำให้ตัวประกอบไร้ความสามารถอย่างชั้นโดนองค์หญิงกอลิล่าจำได้ ไม่พออยู่ๆเธอก็เริ่มเอาชั้นไปทำภารกิจด้วยบ้าง สอนวิชาองเมียวบ้าง ไสยเวทย์บ้าง โยนอุปกรณ์มาให้บ้างก็มี
…คิดแค่อยากได้ความช่วยเหลือจากฝั่งขององหญิงกอลิล่า แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าคุณเธอจะให้ความสนใจกันมากแบบนี้ คือมันก็มีไม่ใช่เหรอคนที่องหญิงควรมอบความสนใจให้ในอนาคตอีก 3 ปีต่อจากนี้ตอนเนื้่อเรื่องเกมเริ่มเนี้ย
“ข้ามันไม่น่าดึงดูดกับเพศตรงข้ามขนาดนั้นเลยเหรอ เจ้าถึงได้ตอบตายด้านแบบนั้นนะ”
องค์หญิงกอลิล่าโลลิพูดออกมาเศร้าพร้อมถอนหายใจให้กับคำตอบเฉือยฉาของชั้น หืม เมื่อกี้กิโมโนเธอมันกระเพื่อมด้วยหน่อยนึง ประมาณ C นิดๆใช่ไหมนะ
“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นหรอกขอรับองค์หญิง ผู้คนนั้นลือกันว่าความสง่างามของท่านนั้นเป็นที่หนึ่งในแผ่นดิน แม้มองห่างเป็นพันไมล์ก็ยังไม่อาจทอนความงามของท่านได้”
ข่าวลือ หรือจะเรียกว่าชื่อเสียงเธอที่พวกผู้เล่นมันคุยกันอะนะ ถึงคำพูดแบบนี้ไม่มีทางเพิ่มค่าความชอบองหญิงผู้นี้ได้แน่นอน สู้ตอบๆไปให้โดนแขวะเอาดีกว่า
“แหม ดีใจจริง แต่เจ้าไม่มีหัวคิดคำชมเองเลยเหรอถึงต้องไปยืมคำคนอื่นเขามานะ”
แล้วก็มาตามคาด แขวะกลับอย่างไวไม่ต่างกับในเกมเลย ก็ต้องตอบกลับไปแบบไร้อารมณ์ตามแบบพวกข้ารับใช้เช่นกัน
“ขอเสียมารยาทขอรับแต่ข้าคิดว่ายืมความคิดเห็นของคนหมู่มากมามันจะกล่าวถึงความงดงามของท่านได้มากกว่าคำพูดของข้ารับใช้ต่ำต้อยแบบข้านะขอรับ”
เตรียมคำตอบแบบนี้มานานละ เพราะไม่รู้ว่าถ้าไปพูดพล่อยๆแล้วเผลอไปเพิ่มหรือลดค่าความชอบของสาวๆนางเอกในเกมเข้าจะเกิดอะไรบ้าง แตถ้าให้ดีก็ไม่อยากแม้แต่จะคุยกับพวกนางเอกหลักในเกมนี้เลยก็เหอะน่ากลัวออก
“ให้ตายเถอะเจ้าก็เป็นซะแบบเนี้ย ไม่สนุกเลย”
องหญิงลงไปนอนให้ระดับสายตาเท่ากันแล้วใช้สายตาแหย่ใส่ ไอ้ชั้นก็ไม่อย่างยุ่งทำเนียนมองไปทางอื่นผ่านหน้ากาก
ถึงหน้ากากที่ข้ารับใช้ใส่จะมีอาคมกันการรับรู้ไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีผลกับกอลิล่าตรงหน้า ถึงเธอจะเป็นสายกายภาพแล้วใช้อาคมได้แค่ขั้นต้น…แต่เป็นอาคมคนต้นที่เกร่งกว่าท่าพิเศษหลายตัวละครก็เถอะ
“..ใช่ใช่ โทโมเบะ เครื่องรางที่ให้ไปหายไปไหนซะแล้วละ เหมือนข้าเคยสั่งให้เจ้าใส่ไว้ตลอดไม่ใช่เหรอ”
หลังจากที่เธอเงียบไปแป๊ปนึง ก็พูดออกมาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้…ไม่เนียนเลยยัยกอลิล่านี่
(เข้าเรื่องจนได้สินะ…หาแทบตายก็หาไม่เจอมันหายไปไหนฟร่ะ)
ไอ้เครื่องรางนั่นก็คิดว่ามันไม่น่ากระเด็นไปไกลแต่หาให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ
ถึงมันจะไม่ใช่ของลงอาคมอะไรไว้ก็เหอะแต่พอมันเป็นของที่ได้มาจากลูกสาวของตระกูลปราบมารชื่อดัง ไม่ดิของโลกที่เหล่าตัวเอกหญิงชอบคิดไปเอง แล้วดันทำหายอีกมันโคตรจะอันตรายเลย
(เดี๋ยวๆ ไอ้เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เข้ารูทนางเลยไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นไม่หรอกมั้ง ใช่ๆยังปลอดภัยอยู่นา…ใช่ป่าวว่ะ)
ไม่ใช่ว่าเกลียดองค์หญิงหรอกแต่คือไม่อยากเสี่ยงเจอฉากจบยันเดเระเหมือนในเกมอ่ะ แล้วน้องแกก็คงชอบเราเหมือนแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งแหละมั้ง ใช่ต้องใช่แน่ๆ
“ขออภัยอย่างยิ่งขอรับที่รักษาของขององค์หญิงไว้ไม่ได้…หลังจบศึกไม่ว่าข้าจะหาขนาดไหนก็ไม่อาจหาเครื่องรางเจอได้เลย”
แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะไม่พูดว่าได้ โอนิซึกิ ฮินะ ช่วยชีวิตไว้ เพราะในเกมถ้าผู้เล่นดันไปคุยกับอาเจ๊หลังเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับยัยกอลิล่าละก็ คุณจะได้กลายเป็นหมอนข้างส่งตรงถึงห้องใต้ดินในทันที
“แล้วเจ้าก็เลิกหาแล้วกลับมาเหรอ เป็นของที่ข้าให้ไปแท้ๆ นี่อยากโดนทำโทษขนาดนั้นเลยเหรอ”
องหญิงส่งยิ้มที่ไม่ยิ้มมาพร้อมปล่อยพลังวิญญาณมหาศาลใส่ …ชิบหายแล้วถ้าเธอโกรธขึ้นมาตัวเป็นรูในไม่กี่วิแน่ แล้วแค่ปล่อยพลังวิญญาณก็หนาแน่นจนจะอ้วกแล้วเนี้ย
“…ดะ ได้โปรดเมตตาที่ข้ารับใช้ผู้นี้ไม่สามารถรักษาของของท่านได้ ได้โปรดให้โอกาศด้วยเถอะองค์หญิง ครั้งหน้าข้าจะทำให้ดีกว่านี้แน่นอนขอรับ… ”
นี่แหละวิธีที่จะทำให้ยัยกอลิล่าหมดสนใจ ก้มหัวอ้อนวอนขอความเมตตา แล้วทำทีท่าให้น่าสมเพชเข้าไว้เพียงเท่านี้องค์หญิงจอมเย่อหยิ่งนี่ก็น่าจะหมดสนใจแล้วไล่คุณออกไปราวกับหนอนแมลงนั่นเอง ช่วยรีบๆไล่ออกไปที่เถอะสยองจะแย่แล้วเนี้ย
“…ตัวสั่นเป็นลูกแกะเลยนะ น่าสมเพช เจ้านี่มันน่าสมเพชจริงๆ”
ครับ ดังนั้นช่วยรีบๆไล่ออกไปจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ
“…เห้อ ช่วยไม่ได้จะเว้นไว้ให้ครั้งนี้หนนึงละกัน ไว้คราวหน้าที่เจ้ามาคุ้มกันห้องนี้ข้าจะสอนวิชาค้นหาสิ่งของให้ตอนว่างๆละกัน สำนึกบุญคุณซะด้วยละ”
ยัยกอลืล่าถอนหายใจแล้วพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมมองส่งด้วยสายตาดูถูก… ราวกับทำบุญทำทานให้พวกขอทาน
…ฮะฮะ รอดวุ้ย
*
มุมมองของเด็กสาว
หลังจากชายหนุ่มปิดประตูเลื่อน เด็กหญิงก็บ่นพึมพำ
“เจ้าไม่ผิดหรอกครั้งนี้ เพราะงั้นข้าจะยกโทษให้”
พลันเธอหันไปทางมุมห้องแล้วแสยะยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าแอบดูคนอื่นมันต่ำทรามหรอกเหรอท่านพี่”
พูดจบเด็กหญิงก็สะบัดนิ้วแล้วเปลวไฟก็พุ่งออกมา
‘จี๊ด จี๊ด จี๊ด..!!’
เปลวไฟพุ่งไปหาหนูที่ซ่อนอยู่ตรงมุม จนกรีดร้องกลางเปลวเพลิงพลางกลิ้งไปมากับพื้น โดยที่พื้นไม่มีแม้แต่รอยไหม้แม้แต่น้อย
องค์หญิงอันดับสองของโอนิซึกิยิ้มเยาะให้กับชิคิงามิผู้น่าสงสารที่ไหม้เป็นตอนตะโก แล้วเธอก็สะบัดนิ้วอีกครั้ง ไม่นานแมวสีดำที่ครางออกมาราวกับเพิ่งตื่นนอนปรากฏมาบนตักของเธอ แล้วมันก็ค่อยเดินไปคาบซากหนูตายตัวนั้น
”เอามันไปส่งคืนเจ้าของที่ได้ไหม”
พูดจบแมวตัวนั้นก็หายไปราวกับหมอก
“แล้วอยากจะโดนเผาอีกตัวด้วยรึไงทำไมยังอยู่อีกละ”
ถึงเธอกับมันนั้นจะมีจุดประสงค์คล้ายกัน แต่ก็ใช่ว่าเด็กสาวจะอยากญาติดีด้วย เพราะเธอไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาที่ได้อยู่กับ เขา สองต่อสอง
‘…..’
ไม่นานไอปีศาจที่อยู่บนเพดานก็ค่อยๆจางหายไป
“…ไม่นึกเลยว่าเขตอาคมอันนี้ก็ยังฝ่ากันมาง่ายแบบนี้ ถึงจะน่ารำคาญก็เถอะแต่คงต้องเรียนรู้เพิ่มอีกนิดละมั้ง”
เด็กสาวถอนหายใจจริงๆครั้งแรกของวันนี้ พลางคิดว่าถ้าแค่ฆ่าพวกถ้ำมองให้หมดจะเร็วกว่าที่มาเรียนรู้เรื่องจุกจิกพรรค์นี้ แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเธอเลยต้องมานั่งเรียนและขัดเกลาวิชาพวกนี้
“ถึงจะยุ่งยากแต่ก็ช่วยไม่ได้ ไม่งั้นก็คอยเฝ้ามองเขาในตอนสำคัญๆไม่ได้พอดี”
เครื่องรางที่เด็กสาว‘มอบให้’เขาใส่นั้นแอบซ่อนอาคมควบคุมจิตใจและอาคมสังเกตุการณ์ ไว้อย่างแยบยล เพียงแต่เด็กสาวนั้นไม่เหมือนพวกผู้หญิง‘ชั้นต่ำ’ รอบตัว ‘เขา’ อาคมควบคุมจิตใจของเธอนั้นไม่ใช่การล้างสมองให้เขาทำตามที่เธอต้องการ มันเป็นเพียง อาคมชักจูงจิตใจให้มีชีวิตรอดทำให้เขาไม่สิ้นหวังต่อหน้าอุปสรรค ส่วนอาคมสังเกตุการณ์ก็ไม่ได้ใช้เฝ้ามองเขาตลอดทั้งวันเหมือนพวกโรคจิต เธอเพียงแค่อย่าเห็นภาพของ’เขา’ตอนดิ้นรนเอาชีวิตรอดเท่านั้นเอง แต่เธอก็ยอมรับว่าตัวเองนั้นค่อนข้างไม่ปรกติพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับ’เขา’
…และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขารอดจากการที่หมานั่นสะบัดหางใส่ได้ เพราะมันทำให้เขาขยับตัวหลบและไม่โดนมันโจมตีเข้าแบบตรงๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ให้ตายเถอะ ถึงจะช่วยไม่ได้เพราะเป็นฝึกเป็นแค่ข้ารับใช้มาก็เถอะ แต่มาเกือบตายกับอีแค่เศษเดนแบบนั้นนั้นนี่ยังใช่ไม่ได้เลยจริงๆ”
มือปราบมารกับข้ารับใช้ แค่ในด้านการฝึกสอนก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว เพื่อเน้นความต่างชั้นกันของทั้งสองนั้นเอง แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาว
“ข้าจะปั้นเจ้าอย่างดีดังนั้นรีบๆเก่งขึ้นไวๆละ”
ตัวเธอนั้นเป็นอัจฉริยะ มีความสามารถ ไม่ต้องใช้ความพยายามก็ยังสามารถปราบ โยวไคชั้นภัยพิบัติ ได้โดยใช้แค่การเสริมพลังกายโดยไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเลยดังนั้นสำหรับเธอพวกคนธรรมดาสามัญเลยน่าเบื่อสำหรับเธอมาก
ยกเว้นแค่เขาเท่านั้น วันนั้นในตอนที่เด็กสาวสิ้นหวังรอความตาย สภาพของข้ารับใช้ที่เข้ามาช่วยตัวเธอในสถานการณ์ที่แม้แต่ผู้ปราบมารเจนศึกก็ยังหวาดหวั่น สภาพของเขาที่เต็มไปด้วยบาดแผล ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งตัว แต่ก็ยังไม่ทิ้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เป็นได้แค่ภาระ สภาพของเขาในตอนนั้นทำให้เด็กสาวนั้นรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตัน และยึดติดกับเขา
…แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ
“ใช่ ยังไม่พอ เจ้ายังดีไม่พอ อย่าว่าแต่ความพิเศษเลย พวกปลายแถวก็ยังไม่ใกล้เคียง”
…เพราะงั้นข้าจะเป็นคนคอยฟูมฟักเจ้าเอง
“ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิเศษเอง แล้วเมื่อถึงตอนนั้นที่พวกเราได้ยืนเคียงข้างกัน ในตอนที่ข้าพร้อมยกทุกอย่างให้…”
เด็กสาวหัวเราะคิกคัก..ราวกับเสียงนกร้อง น่าเอ็นดูแต่ก็ทำให้รู้สึกขนลุก
“เพราะอุตส่าห์คำนวณแล้วว่าเจ้าจัดการได้เลยปล่อยให้ไปคนเดียว ทั้งๆที่ถ้าเจ้าสู้สุดชีวิต เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไอออกมาเป็นเลือด และท้ายที่สุดเจ้าก็จะชนะแบบเฉียดฉิว แล้วจะได้ก้าวขึ้นมาใกล้ข้าอีกขั้นนึงแท้ๆ”
ทั้งที่คิดไว้แบบนั้นแต่ยัยพี่นั่นดันมาขวางซะได้
“ให้ตายเถอะยัยโรคจิตนั่นก็ชอบจุ้นไม่เข้าเรื่องเหลือเกิน ไม่มีอย่างอื่นทำรึไงกันนะ”
เลิกคิดเรื่องยัยพื่นั่นดีกว่า เอาเวลามาคิดถึงอนาคตกับเขายังดีเสียกว่า แต่อาคมค้นหางั้นเหรอ ก็ไม่ได้คิดจะหยุดแค่นั้นอยู่แล้ว
“ข้าจะสอนเจ้ากับมือเองเพื่อให้เจ้าก้าวผ่านทุกอุปสรรคที่เจอเอง เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังสินะ”
และท้ายที่สุดเขาก็จะผ่านพ้นมันได้ สร้างชื่อ จนกลายเป็นวีรบุรษ เด็กสาววาดฝันภาพในอนาคต
“ผู้ชายที่ข้ารักมันไม่มีทางเป็นแค่คนธรรมดาไร้ชื่ออยู่แล้ว”
ใบหน้าของเธอนั้นเป็นใบหน้าที่บริสุทธิ์พุดพ่องของหญิงสาวที่กำลังมีความรักเพียงแต่ดวงตาของเธอกลับมืดมิดไร้แวว
***
วอจบแล้วเวลาว่างกลับมาแล้ว ฮา