เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า – ตอนที่ 222 ภูผานทีหมื่นลี้หนึ่งกระบี่ซ่อน

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 222 ภูผานทีหมื่นลี้หนึ่งกระบี่ซ่อน

ภายในลานบ้าน

ทันทีที่เฉาหลันลุกขึ้น กระบี่นับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ในลานบ้านต่างก็ส่งเสียงดังชิ้งๆ

ปราณกระบี่เดือดพล่าน ประตูเปิดออกกว้าง

‘กระบี่ซ่อน’ เป็นศาสตร์ที่ลี้ลับยิ่ง สร้างขึ้นเป็นโลก เปิดทางลัดขึ้น มองไปแทบจะไม่ต่างอะไรกับวิชาคุมกระบี่ของนักกระบี่ปกติ แต่ในนั้นมีสุดยอดความลี้ลับ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระบี่จำนวนมากที่ลอยอยู่ในจวนตอนนี้เป็นกระบี่บินที่เด็กสาวนำออกมาเช็ดถูจากกระบี่ซ่อนทุกวัน

บำรุงกระบี่พันวัน เพื่อใช้กระบี่เวลาเดียว

กระบี่บินส่งเสียงร้องดัง

ภายในลานบ้าน หนิงอี้หน้าซีดขาว ในลมหายใจยังมีเสียงร้องเจ็บปวด เผยฝานที่สองมือกดหลังหนิงอี้มีสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการ ‘ถอนรากกลิ่นอายมรณะ’ จะเบนสมาธิไปไม่ได้ นางทำเต็มที่ก็ได้แค่ใช้สมาธิเสี้ยวหนึ่ง

ในบ่อเทพ

หนิงอี้ที่สิ้นจิตสำนึกไป ดวงจิตหนึ่งรวมเป็นร่างคนลอยอยู่บนฟ้าบ่อเทพ อาภรณ์สะบัดแม้ไร้สายลม ไอสีดำลอยออกไป กระจายไปช้าๆ

หยกขาวที่บีบแตกกำลังลบล้างกลิ่นอายมรณะไปทีละนิด…กลิ่นอายมรณะพวกนี้กัดกินอวัยวะภายในของหนิงอี้ ยากจะกำจัดทิ้งได้ ได้แต่อาศัยวิชาลับของภูเขาม่วงมากำราบไว้

เซียนกระบี่หญิงที่เอาฝ่ามือกดหน้าผากของหนิงอี้เบาๆ เงยหน้าขึ้น เหมือนจะมองเห็นภาพที่เกิดขึ้นข้างนอก

ดวงจิตของผู้อาวุโสฉู่เซียวหายไปแล้ว

เซียนกระบี่หญิงสูดลมหายใจเบาๆ นิ้วมือหนึ่งกดระหว่างคิ้ว เอ่ยคำหนึ่งเงียบๆ

“ไป”

คำว่า ‘ไป’ ระเบิดออกในลานบ้าน

กระบี่บินกลุ่มหนึ่งฟันออกไปเหมือนอักษรกันอย่างครึกโครม หัวหางเชื่อมกัน พลังกลมอิ่มเอิบ

ปลายกระบี่ต่อกับด้ามกระบี่ เชื่อมกันทีละเล่มพุ่งชนป้ายหน้าประตูจวนแตก ชิง ‘กรอบ’ ออกมา ชั่วอึดใจเดียว ประตูไม้ระเบิด พลังกระบี่มหาศาล ไอสังหารน่าเกรงขาม ถาโถมเข้ามาเหมือนธารน้ำใหญ่

เฉาหลันที่เพิ่งลุกขึ้นพลันถูก ‘แม่น้ำกระบี่’ สายนี้พุ่งใส่ศีรษะ

เฉาหลันมีใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาเดินหน้าต้านกระบี่บินนับไม่ถ้วน

เขายกมือข้างหนึ่ง แหวกเป็นคลื่นกระบี่ตรงช่วงเอว คว้าธารน้ำใหญ่ปราณกระบี่ที่รวมกันเป็นมังกรนี้ไว้ ก่อนยกเท้าเหยียบลง ทั้งแม่น้ำกระบี่ถูกเหยียบแตกกระจายออก กระบี่บินเต็มฟ้าลอยสูงดุจดารา เล่มที่หันปลายกระบี่มาเล็งที่มังกรจู๋หลงแดนอุดรคนนี้ ก่อนจะถาโถมลงมาทันควัน

ปราณกระบี่รวมกันเป็นกรง เฉาหลันทำท่าสองมือเป็นเปิดหน้าต่าง ทว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ความใสสะอาด

แต่เป็นคลื่นปราณกระบี่ที่สอง

ปราณกระบี่ระลอกที่สองมาอย่างไม่มีสัญญาณใดๆ โหมซัดสาดเข้ามากระแทกผู้บำเพ็ญพเนจรแดนอุดรคนนี้ซวนเซ จนเมื่อยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ซ้ายขวาหน้าหลังบนล่างมีแต่กระบี่บินวนเวียน บดบังฟ้าบังดวงตะวันจนมืดครึ้มไปหมด

“ดี คุมกระบี่ดรรชนีสังหารดี”

เฉาหลันยืนอยู่กลางโลกปราณกระบี่ ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่เฉียดผ่านชุดคลุมแดง

บุรุษหนุ่มโคลงเคลงก่อนจะยืนนิ่งโดยพลัน ไอร้อนระอุในตัวเปิดๆ ปิดๆ เหมือนมังกรเฒ่าหายใจ เกิดประกายไฟลอยขึ้นในอากาศหลายลูก กระบี่ที่คิดจะแทงเข้ามาในระยะสามฉื่อรอบตัวเขาเจ็ดแปดเล่มพลันถูกประกายไฟหมุนวน ตัวกระบี่ถูกย้อมเป็นสีแดง จากนั้นชนกับหัวไหล่เขา เอวด้านหลัง ก่อนจะสลายเป็นผุยผงทั้งหมด

เขาสูดลมหายใจยาว มองชายหญิงในลานบ้านพลางหัวเราะเสียงเบา “กระบี่ซ่อนหลายร้อย คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร ฝีมือเช่นนี้ สูงกว่าตะพาบเขาศิลาเต่าไม่รู้เท่าไร”

เด็กสาวหรี่ตาลง ไม่ได้ตอบ

บุรุษสวมงอบหนุ่มที่มีประกายไฟรอบตัวทำปางมือหนึ่ง

เฉาหลันเป็นคนแบบใด

ดูจากลักษณะการพูดและกระทำของเขา เป็นเพียงบุรุษหยาบกระด้างที่ออกท่องยุทธภพ ทว่าตอนนี้การทำปางมือนี้กลับละเอียดยิ่ง นิ้วโป้งกดที่ลายมือข้อที่สามของนิ้วนาง นิ้วชี้งอดันข้อแรกของนิ้วโป้ง อีกสามนิ้วที่เหลือกำเป็นหมัด

นอกปราณกระบี่หลายชั้น เด็กสาวที่นั่งบนเก้าอี้กลองเอวเห็นปางมือนั้นแล้วก็ม่านตาหรี่แคบลงนิดๆ

“มนตร์ประกายแสงของเขาวิญญาณ…”

เฉาหลันอยู่กลางปราณกระบี่ แต่การได้ยินก็ยังชัดเจน เขาทำปางมือ ไม่รีบร้อนลงมือ แค่เอ่ยเบาๆ “เจ้ารู้จักด้วยรึ เป็นมนตร์ประกายแสงของเขาวิญญาณจริงๆ”

“วิชาเขาวิญญาณไม่เผยแพร่ให้คนนอก เจ้าได้มาจากที่ใด” เผยฝานจ้องเฉาหลันพลางถามทีละคำ

“แน่นอนว่าข้าเรียนมาอย่างถูกต้อง” บุรุษสวมงอบยิ้ม “ข้าเคยไปเยือนบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาศักดิ์สิทธิ์มาเยอะ บุตรศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่กลัวถูกทุบตี ปิดประตูหนีไม่ยอมออกมา มีเพียงเขาวิญญาณที่เป็นข้อยกเว้น ดังนั้นข้าเลยจ่ายไปเล็กน้อย ติดตามฆราวาสเขาเสียวซานแห่งเขาวิญญาณฝึกฝนอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้ารำคาญนักกระบี่ที่มีอานุภาพสังหารแข็งแกร่งยิ่งที่สุด ผู้มีคุณธรรมสูงส่งท่านนั้นได้สอนวิชานี้ให้ข้า ปางมือนี้ใช้ทำลายโลกวิชาดรรชนีสังหารของนักกระบี่โดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่มนตร์ประกายแสง แต่ยังมี ‘ปางวารีเทพมหากรุณา’ ‘มนตร์ไภษัชยคุรุ’ ‘มนตร์มหาเมตตา’ ข้าเรียนมาเยอะเลย เจ้าอยากจะดูทีละอย่างหรือไม่”

เฉาหลันบีบปางมือแตก

ตัวอยู่ในเงามืดกลับเปล่งแสงสว่างจ้า

โลกปราณกระบี่ของเผยฝานห่อหุ้มเฉาหลัน ตอนนี้เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

มังกรจู๋หลงแดนอุดรทำปางมืออีกครั้ง นิ้วชี้มือขวากดนิ้วชี้มือซ้าย สองมือสลับกันกำเป็นหมัด นิ้วโป้งวางระนาบบนนิ้วชี้มือขวา

มนตร์มหาเมตตา!

เมื่อทำปางมือนี้ ใต้เท้าเฉาหลันระเบิดเป็นใยแมงมุม อักขระสีทองลอยขึ้น กระเพื่อมเหมือนน้ำหมึกสีทอง

กระบี่แตก กระบี่ยาวหลายร้อยเล่มที่ลอยอยู่บนฟ้าดินรับภาระอย่างหนักและเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านภายใต้ปางมือนี้

เฉาหลันสะบัดสองมือ แขนเสื้อใหญ่ตกลง

เขากลับไปนั่งข้างหลังช้าๆ โบกแขนเสื้อ นั่งลงบนเก้าอี้หิน ยิ้มตาหยีมองเด็กสาวเผยฝานทางนั้นของลานบ้านพลางถามเสียงเบา “เป็นอย่างไร”

กระบี่สลายหายไปแล้ว

เผยฝานมองเถ้าถ่านกระบี่ที่ตกลงมาเต็มฟ้าเงียบๆ เถ้าถ่านไหม้โปรยปราย

ครั้งนี้ตนใช้กระบี่สามร้อยเล่มในกระบี่ซ่อน เดิมทีอยากจะขังมังกรจู๋หลงตัวนี้ไว้ ปรากฏว่าอีกฝ่ายใช้ปางมือทำลายลง

เฉาหลันกลับไปนั่งเก้าอี้หินกลองเอว กลิ่นอายพลังยังคงแผ่ขยาย ผ้าปิดหน้าและงอบของเขาพลิ้วไหวไปตามคลื่นลมร้อน

อุณหภูมิทั้งลานบ้านร้อนระอุขึ้นมา

การทำลายกระบี่บินเมื่อครู่ไม่ได้ใช้แค่มนตร์มหาเมตตา

เถ้าถ่านกระบี่บินชิ้นหนึ่งตกลงบนบ่าเด็กสาว นางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในนั้น สายตาที่มองเฉาหลันมีความหวาดกลัวเพิ่มมาสามส่วน…นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน เป็นผู้บำเพ็ญที่มีสายเลือดยอดปีศาจเผ่าปีศาจหรือ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีวิชาลับพรสวรรค์ขนาดนี้

ระยะห่างระหว่างสองคนแค่สามจั้ง

ระยะห่างสามจั้ง แค่เอื้อมก็ถึงแล้ว

สำหรับเฉาหลัน การทำลายกระบี่บินเมื่อครู่ทำให้เขาได้อิสระอีกครั้ง นักกระบี่สองใต้ฟ้าแม้จะมีจำนวนน้อย แต่อานุภาพสังหารเป็นที่ประจักษ์ สำหรับนักกระบี่บินที่ฝึกวิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหารแล้ว ขอแค่เข้าใกล้ในระยะสามฉื่อก็จะสร้างแรงกระทบกระเทือนได้อย่างรุนแรงยิ่ง

เฉาหลันรู้แก่ใจดีว่าด้วยกายจิตของตนและยังมีประสบการณ์การต่อสู้ หากเข้าไปในระยะสามฉื่อรอบตัวหญิงคนนี้จริงๆ ขอแค่หมัดเดียว กำลังของหมัดเดียวก็สังหารเด็กสาวแซ่เผยคนนี้ได้

ไม่เกินจริงไปเลย

สำหรับคนคลั่งยุทธ์แล้ว ไม่มีคำว่าสงสารสตรี หากเขาออกมือแล้ว ก็จะไม่มีวันหยุด

การเคารพคู่ต่อสู้มากที่สุดของเฉาหลันคือการสู้เต็มที่

แต่เขาไม่ได้เดินหน้าไป กลับนั่งลงบนเก้าอี้กลองเอวอีกครั้ว ไม่ใช่ว่าเขาใจอ่อน

หากเป็นไปได้ เขาคงเข้าไปในระยะสามฉื่อรอบตัวเด็กสาวเผยฝานและออกหมัดพิชิตชัยไปนานแล้ว

“เฉาหลัน เจ้าสุดยอดมาก”

เสียงเผยฝานดังขึ้นเนิบนาบในลานบ้าน

ต่อให้จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ได้หันเหสมาธิมาเลย

นางใช้สมาธิส่วนใหญ่อยู่กลางทะเลสาบจิตของหนิงอี้

การกำจัดกลิ่นอายมรณะมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เหลือเศษอีกเล็กน้อยที่ยังกำจัดไม่หมด

เฉาหลันเอาหลังพิงประตูจวนทองสัมฤทธิ์ กำสองหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว หกสัมผัสของเขาเหนือชั้น มักจะมีลางบอกเหตุเสมอ โดยเฉพาะตอนต่อสู้ มักจะชี้ทางสว่างที่ถูกต้องแก่เขา

และตอนนี้ เขามีความคิดเปิดโอกาสหนึ่ง

เฉาหลันหรี่ตาลงมองไปรอบๆ ผ้าปิดหน้าแกว่งไกว เสียงพึมพำดังอยู่ใต้ผ้า “ค่ายกลรึ”

แสงสว่างไหลเวียนตรงประตูโบราณทองสัมฤทธิ์ของจวน เศษยันต์ที่ตกลงบนพื้น ก่อนหน้านี้ถูกเขาศิลาเต่าทำลายค่ายกล จึงลอยตกลงบนพื้น บางส่วนเหลือเพียงเถ้าธุลี ตอนนี้เถ้าถ่านติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง จุดแสงสว่างขึ้นใหม่

แรงกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมลงมา

เฉาหลันหันหน้าไปมองเผยฝาน ก่อนจะถามไปขำไป “เจ้าคิดว่าค่ายกลของเจ้าจะหยุดข้าได้รึ”

เผยฝานส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ายกลของข้า”

เฉาหลันขมวดคิ้ว

เผยฝานที่เอาสองมือกดหลังหนิงอี้ถอนกลิ่นอายมรณะสุดท้ายเสร็จแล้ว

หนิงอี้พ่นลมหายใจขุ่น ศีรษะก้มลงเล็กน้อย ในที่สุดเส้นสายสีดำตรงแขนก็หายไป สติเข้าสู่การหลับใหลอันว่างเปล่า

เผยฝานวางหนิงอี้ลงอย่างเบามือ ให้เขานอนบนโต๊ะหินในท่าที่สบาย

แก้มร้อนของเด็กหนุ่มแนบกับโต๊ะ เหมือนยังละเมออยู่นิดๆ

“ค่ายกลของคุณชายลู่เซิ่ง เล่าลือว่าเป็นค่ายกลกำราบที่แกร่งที่สุดในพื้นที่แคบ” เผยฝานลุกขึ้น ถามเชิงเย้าหยอก “อ้อ เจ้าคงเคยได้ยินนามลู่เซิ่งอยู่หรอกนะ ลู่เซิ่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน เจ้าเขาสู่ซานลู่เซิ่ง”

เสียงยังไม่ทันตกกระทบ เฉาหลันก็หน้าเปลี่ยนสีไป จะลุกขึ้น

แรงกดดันมหาศาลพลันถาโถมลงมา

พริบตานั้น งอบของเฉาหลันแตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นกระแสเพลิง ลุกไหม้ดับลงในทันควัน เผยใบหน้าที่ยังถือว่าหล่อเหลา เพียงแต่สีหน้าบุรุษหนุ่มคนนี้เดิมทีขาวเนียนดุจหยก แต่ตอนนี้กลับร้อนดั่งไฟ แดงปรี๊ดขึ้น ตรงระหว่างคิ้วยังมีความเจ็บปวดหลั่งไหลออกมา

ค่ายกลนี้รวมขึ้นใต้เท้าเขา เก้าอี้หินที่เขานั่ง เก้าอี้หินที่เด็กสาวตั้งใจเลือกมาจัดวาง ตอนนี้กลายเป็นตาของค่ายกล และเฉาหลันก็อยู่ตรงกลางค่ายกลนั้น

เผยฝานเอานิ้วมือหนึ่งกดระหว่างคิ้ว จิตกลับคืนร่าง ในที่สุดนางก็ได้ออกมือออกเท้าอย่างเต็มที่

เฉาหลันต่อต้านแรงกดดันของค่ายกลน่าสะพรึงนี้อย่างยากลำบาก เขาเงยหน้าขึ้นเห็นร่างเงาหญิงผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ภายใต้ความร้อนสูง

แสงกระบี่ร้อนแผดเผาลอยขึ้นข้างหลังนางเต็มไปหมด

“อีกอย่าง…เจ้าพูดผิดไปหน่อย วิชานี้ไม่ใช่คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร และไม่ใช่หลายร้อยกระบี่ซ่อน”

แดนเทวากระบี่ซ่อนเปิดออก

หนึ่งเล่ม สองเล่ม หลายร้อย ไปถึงหลักพัน

เต็มไปหมด นับไม่ถ้วน อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

เด็กสาวถามเสียงเบา “คนยังมีวันหมดแรง แต่ปราณกระบี่ไม่มีวันหมด เฉาหลัน เจ้ายังสู้ไหวหรือไม่”

……………………….

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท