เจินจาหนานตกตะลึงจนตาค้าง ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลี่โม่
“คุณหลี่ คุณ คุณอยากได้หลักฐานของใครเหรอ?”
“งั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าปู่ของแกจะเข้าใจความหมายของฉันรึเปล่าแล้วล่ะ มีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แกแค่เอาคำพูดของฉันไปพูดให้ครบก็พอ ไสหัวไปได้แล้ว”
หลังจากหลี่โม่พูดจบ ก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนไหล่ของเจินจาหนาน ปรากฏเสียงแตกของกระดูกดังลั่นตามมา ไหล่ขวาของเจินจาหนานพลันถูกหลี่โม่เหยียบจนหักยุบลงไปทันที เรียกง่าย ๆ ว่าแขนขวาทั้งแขนถูกทำให้ใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์
เจินจาหนานที่กำลังตื่นเต้นดีใจ เพราะได้ยินคำพูดของหลี่โม่ที่บอกว่า “ไสหัวไปได้แล้ว” พลันรู้สึกเจ็บจนแทบขาดใจจากการถูกเหยียบ ถึงกับชักกระตุกไปทั้งตัว เกือบจะเป็นลมหมดสติไปเพราะความรู้สึกที่ต่างกันสุดขั้ว ที่เหมือนเพิ่งขึ้นจากธารน้ำแข็งแล้วต้องมาเผชิญไฟอันแสบร้อนเลยทีเดียว
“ไหล่ชั้น! แขนชั้น! แก! แกจะปล่อยฉันไปอยู่แล้ว ทำไมยังต้องทำร้ายชั้นด้วยวะ!” เจินจาหนานกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอย่างเจ็บปวด เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมไปทั้งตัว
“ฮะๆ ฉันกลัวว่าปากของแกไม่มีหนวด เดี๋ยวจะทำงานได้ไม่น่าเชื่อถือน่ะ ( เป็นสำนวนจีนที่เอาไว้ตำหนิเด็ก หรือวัยรุ่นที่ทำงานด้วยความไม่เชี่ยวชาญหรือทำออกมาใช้ไม่ได้ ) เลยกะว่าจะให้ความทรงจำยาว ๆ กับแกก่อนน่าจะดี” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา สายตาก็ปรายมองไปทางมังกรดำที่อยู่ไม่ไกล
ในเวลานั้นมังกรดำนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น มีกองเลือดกองใหญ่ไหลนองอยู่ใต้ร่าง คนตายไปแล้วแบบที่ไม่สามารถจะตายได้อีก
หลี่โม่ยกยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็มองไปทางเฉินชิงเหมยแล้วพูดว่า “รีบกลับบ้านไปเถอะ วันหลังก็ระวังตัวหน่อยล่ะ”
“หา? โอ้ โอ้ ! คือว่า… คุณ คุณไม่ไปส่งฉันหน่อยเหรอ?” เฉินชิงเหมยพูดด้วยหัวใจที่ยังเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่หยุด
หลี่โม่เลิกคิ้วพลางส่ายหน้า: “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ ไปก่อนล่ะ”
เมื่อเห็นเงาหลังของหลี่โม่ที่เดินห่างออกไป เฉินชิงเหมยก็กระทืบเท้าเร่า ๆ รู้สึกเหมือนปอดแทบจะระเบิดเพราะโดนหลี่โม่ทำให้โกรธแทบตายแล้ว
เมื่อหลี่โม่ขับรถจากไป เฉินชิงเหมยไม่กล้าอยู่ต่อ รีบออกจากที่นั่นไปอย่างไม่รอช้า
พวกลูกน้องของพี่เสี่ยวหม่า ต่างช่วยกันประคองพี่เสี่ยวหม่ากับคนอื่น ๆ ที่หมดสติ แล้วพากันจากไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งจัตุรัสถูกทิ้งร้างในทันที นอกจากมังกรดำที่ตายไปแล้ว ก็เหลือแค่เจินจาหนานกับพวกบอดี้การ์ดของเขาเท่านั้น
พวกบอดี้การ์ดรีบวิ่งกรูไปหาเจินจาหนานด้วยความตื่นตระหนก แล้วพาเจินจาหนานถูลู่ถูกังขึ้นรถจากไปทันที
หลี่โม่ขับรถกลับถึงบ้าน หลังจากพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับพวกกู้หยุนหลันได้สักพัก ก็เห็นกู้เจี้ยนหมินขยิบตาให้ตัวเอง จึงหาข้ออ้างเพื่อจะตามกู้เจี้ยนหมินไปที่ห้องหนังสือ
ในห้องหนังสือ กู้เจี้ยนหมินถามด้วยท่าทางที่ดูกระสับกระส่ายว่า: “หลี่โม่เอ๊ย สถานการณ์เป็นยังไงบ้างเหรอ?”
“พ่อครับ พ่อวางใจเถอะ ผมจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาแล้วล่ะครับ”
เพื่อให้กู้เจี้ยนหมินสบายใจ หลี่โม่จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าว ๆ ให้เขาฟังไปรอบหนึ่ง
หลังจากฟังจบกู้เจี้ยนหมินก็ยิ้มแย้ม ตบที่ไหล่ของหลี่โม่เบา ๆ พลางพูดว่า : “ไม่เลว ๆ ครั้งนี้ต้องขอบใจเธอมากเลยนะ อีกสองสามวันหลังจากนี้ เพื่อนร่วมชั้นเก่าของฉันคงจะเชิญพวกเราไปกินอาหารค่ำกัน ถึงตอนนั้นพวกเราไปด้วยกันเป็นไง”
“เอ่อ ผมคงไม่ไปแล้วดีกว่า คุณพ่อตาไปเองเถอะครับ ผมจะช่วยเก็บความลับของคุณอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยอะไรออกไปแม้แต่นิดเดียวแน่”
หลี่โม่ไม่อยากเจอกับเฉินชิงเหมยแล้ว อีกทั้งท่าทางที่กู้เจี้ยนหมินแสดงออกมาให้เห็น ก็เกรงว่าน่าจะมีความลับอะไรซักอย่างที่เขาไม่สามารถบอกใคร หรืออาจเกี่ยวพันกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นรักแรกคนนั้นด้วยก็เป็นได้ ดังนั้น หลี่โม่จึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่า เขาจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยเป็นอันขาด
“อย่างนี้ก็ได้ ในเมื่อเธอไม่อยากไป ทางนี้ก็ไม่บังคับแล้ว อย่าลืมเก็บเป็นความลับด้วยล่ะ”
หลี่โม่พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ถือเสียว่าเป็นความลับเล็ก ๆ ระหว่างลูกผู้ชาย ที่มีแค่เขากับพ่อตาที่รู้ก็แล้วกัน
………
หลงห้าวเทียนนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล รู้สึกเจ็บที่แก้มขึ้นมา
ตอนที่ลืมตาขึ้น หลงห้าวเทียนก็ได้เห็นหลงโปนั่งอยู่ข้างเตียง
หลงโปคาบบุหรี่ไว้ในปาก นั่งไขว้ห้างพลางพูดด้วยรอยยิ้มยิบหยีว่า: “โย่ว! น้องห้าวเทียนตื่นแล้วเหรอ แผนใช้หนุ่มรูปงามเข้าล่อของนายดูเหมือนจะไร้ประโยชน์แล้วสิ ถูกทุบซะมีสภาพร่อแร่เป็นยายแก่ขนาดนี้ ช่างทำให้ฉันปวดใจซะจริง ๆ เล้ย!”
ก่อนหน้านี้ หลงโปเกลียดหลงห้าวเทียนมาก เพราะหลงห้าวเทียนเป็นที่รักเอ็นดูมากกว่าเขา ทั้งยังเป็นที่นิยมในหมู่สาวงามมากกว่าเขาอีกด้วย ดังนั้น หลงโปจึงอิจฉาริษยาหลงห้าวเทียนจนแทบคลั่ง
มาเวลานี้ เมื่อได้เห็นใบหน้าของหลงห้าวเทียนที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล มีเพียงดวงตา จมูก และปากเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น หลงโปจึงรู้สึกสดชื่น สบายอกสบายใจจนแทบตัวลอยขึ้นสวรรค์ได้เลยทีเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะความบาดหมางกันกับหลี่โม่ก่อนหน้านี้ หลงโปก็อยากจะส่งธงชัยไปให้หลี่โม่ซักผืนจริง ๆ
“แก ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้? หน้าฉัน หน้าฉันเป็นอะไรไป ? หน้าฉันจะยังฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า!
หลงห้าวเทียนใส่ใจกับรูปร่างหน้าตาของเขาเป็นที่สุด ดังนั้นความกังวลแรกของเขาหลังจากตื่นขึ้นมา ก็คือเรื่องหน้าตาของเขา
หลงโปกระดิกขาสองข้างที่ไขว้กันอยู่ ส่งเสียงหัวเราะฮิฮะในลำคอแล้วพูดว่า: “หมอบอกว่า ใบหน้าของแกเสียโฉมอย่างรุนแรง ต่อให้ทำศัลยกรรมพลาสติกซักสองหรือสามครั้งแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะฟื้นกลับไปสภาพเดิมได้ หรือต่อให้วันหลังจะทำศัลยกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ก็น่ากลัวว่าหน้าตาอาจจะอัปลักษณ์จนคนทนมองไม่ไหวก็ได้”
“ไม่! มันเป็นไปไม่ได้! หน้าของฉันไม่มีทางเป็นแบบนั้น!”
หลงห้าวเทียนไม่สามารถยอมรับความจริงที่หลงโปพูดได้ เขากำมือเป็นหมัดแล้วจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนแน่น จ้องมองหลงโปด้วยดวงตาที่อาบนองไปด้วยน้ำตา
“แกพูดโกหกเพราะอยากแกล้งให้ฉันตกใจใช่มั้ย? บอกฉันสิ! แกกำลังพูดโกหกใช่มั้ย!”
“ฉันพูดความจริงต่างหาก ถ้าแกไม่เชื่อฉันล่ะก็ ฉันจะเรียกหมอให้มาบอกแกอีกครั้งก็ได้ น่าเสียดายนะ เพราะความประมาทเลินเล่อของแกแท้ ๆ ดูเหมือนว่าเรื่องที่คุณปู่จัดไว้ให้แกไปทำ แกจะทำไม่สำเร็จซะแล้วสิ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ให้จัดการไอ้หลี่โม่นั่น คงทำได้แค่ให้ฉันเป็นคนจัดการเองแล้วล่ะ ฮะ ๆ ๆ!”
หลงโปหัวเราะอย่างมีชัย รู้สึกว่าแนวโน้มที่ตัวเองจะได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของการแข่งขันเป็นผู้สืบทอดตระกูลหลง ยิ่งนับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ขอแค่จัดการหลี่โม่ได้ นั่นก็จะถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะไม่มีใครสามารถหยุดหลงโปจากการขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดได้อีก!
“ภารกิจมันไม่สำคัญอะไรสำหรับฉัน! สิ่งที่ฉันต้องการ คือการฟื้นฟูหน้าตาของฉัน! แกต้องช่วยฉันคิดหาวิธีดี ๆ เดี๋ยวนี้ ส่งฉันไปต่างประเทศ! ฉันจะไปโรงพยาบาลศัลยกรรมที่ดีที่สุด! ค้นหาหมอศัลยกรรมที่เก่งที่สุดให้ฉันเดี๋ยวนี้ ให้เขามาฟื้นฟูหน้าตาของฉันให้เหมือนเดิมเดี๋ยวนี้!”
หลงห้าวเทียนแผดเสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง หลงโปยืนขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันจะจัดการให้แกแน่ แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ แกต้องรอหลังจากที่ฉันฆ่าไอ้หลี่โม่ได้แล้ว ตอนนี้แกก็จงทำตัวดี ๆ แล้วนอนอยู่ที่นี่ไปซะ!”
“ฉันอยากออกไปตอนนี้เลย ! ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ในมือของไอ้พวกหมอเถื่อนพวกนี้! แกอยากได้อะไรแกพูดมันออกมาได้เลย ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำตามคำร้องขอของแก!”
เพื่อให้สามารถได้รับการรักษาขั้นสูงโดยเร็วที่สุด หลงห้าวเทียนไม่สนใจผลประโยชน์ใด ๆ ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“แกรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร”
“ฉันจะช่วยดันแกขึ้นตำแหน่งให้เอง จะช่วยให้แกกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของคุณปู่ แค่นี้พอใจรึยัง!”
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าต้องพอใจอยู่แล้วสิ น้องชายที่รัก อันที่จริงฉันก็จัดเครื่องบินส่วนตัวไว้ให้แกแล้วล่ะ สามารถส่งแกบินข้ามประเทศไปแบบนับพัน ๆ ไมล์ได้ทุกเมื่อเลยล่ะ พวกเราไปสนามบินกันเถอะ”
หลงโปหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปสองครั้ง แล้วสั่งให้ลูกน้องไปทำระเบียบการขอออกจากโรงพยาบาลให้หลงห้าวเทียน จากนั้นก็ให้ลูกน้องเข็นหลงห้าวเทียนออกจากห้องคนไข้
ทั้งกลุ่มขับรถไปที่สนามบิน มีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้นานแล้ว จอดรออยู่บนรันเวย์ของสนามบิน
หลังจากมองดูหลงเห้าเทียนถูกลำเลียงขึ้นไปบนเครื่องบินเสร็จ รอยยิ้มอันเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลงโป
“ไอ้โง่เอ๊ย ! ปล่อยให้มันไปตายบนเตียงผ่าตัดที่เมืองนอกซะเถอะ ไอ้แต๋วตุ้งติ้งอย่างนี้อยู่ไปก็ดีแต่จะเพิ่มความวุ่นวายโกลาหล ไม่มีปัญญาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยซักอย่าง!”
หลังจากพึมพำไปประโยคหนึ่ง หลงโปก็หันไปมองทางผู้ชายร่างกำยำที่ส่งหลงห้าวเทียนขึ้นเครื่องบินไป: “เสวียนอู่ ได้เวลาไปจัดการหลี่โม่แล้ว!”