คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 321 ลงมือ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 321 ลงมือ

“ผู้คนต่างคิดว่าเส้นทางที่ใช้สำหรับเดินทางไปยังเรือนพักร่ำรวยมีแค่สามเส้นทาง เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีเส้นทางที่สี่”

เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้าพลันหัวเราะ “บางครั้งดวงตาของเจ้าจะหลอกเจ้า”

เฟ่ยกงกงตกใจ “ท่านอ๋องหมายความว่าเรือนพักร่ำรวยยังมีเส้นทางที่สี่ในการเดินทางออกสู่ภายนอก?”

เซียวเฉิงเหวินพูด “ข้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง ข้าจึงไม่กล้ารับรอง แต่จากนิสัยของเยียนอวิ๋นเกอ นางไม่มีทางไม่ทิ้งทางหนีให้ตัวเอง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เรือนพักร่ำรวยจะมีเส้นทางที่สี่”

“หากเป็นเช่นนี้ เหมาเส้าเจี้้ยนอาจต้องตายเพราะเดินทางไปถ่ายทอดพระราชโองการ”

“เหมาเส้าเจี้้ยนจะไม่ตาย! เซียวอี้จะไว้ชีวิตของเขาเพื่อให้เขานำสารกลับมาให้เสด็จแม่ หากข้าคาดเดาไม่ผิด เซียวอี้จะเลือกเจรจากับเสด็จแม่”

“พระพันปีจะทรงยอมเจรจาหรือ เซียวอี้สังหารนายท่านรองตระกูลเถาด้วยน้ำมือของตนเอง อีกฝ่ายเป็นพี่ชายแท้ๆ ของพระพันปี หากแค้นนี้ไม่ได้ถูกชำระ พระพันปีคงไม่อาจกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมนี้ได้”

“ดังนั้นการเจรจาจึงเป็นแผนการถ่วงเวลาเท่านั้น ท้ายสุดแล้วเซียวอี้คิดจะทำสิ่งใด ข้าเองก็ยังคาดเดาไม่ได้ เขาอาจยังมีแผนการอื่นก็เป็นได้”

เฟ่ยกงกงทำท่าปาดคอ “ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมกำจัดเขาทิ้งหรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินไม่ตอบ เขากำลังคาดเดาเจตนาของเซียวอี้อยู่

ดูจากเวลานี้ เซียวอี้ไร้ซึ่งความเกรงกลัว เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใด

หรือว่าท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีการเคลื่อนไหวอื่น

เขาถามอย่างร้อนใจ “เวลานี้ท่านโหวผิงอู่ สืออุนอยู่ที่ใด”

เฟ่ยกงกงผงะไป “ทูลทานอ๋อง ท่านโหวผิงอู่ สืออุนรับพระราชโองการนำทัพมุ่งหน้าไปทางเหนือ ขัดขวางราชวงศ์อูเหิง”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่! ต้องมีที่ใดผิดพลาดอย่างแน่นอน”

เซียวเฉิงเหวินร้อนใจอย่างมาก

เขารู้สึกว่าตนเองต้องละเลยบางสิ่งไปอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็นึกไม่ออก

ทันใดนั้น สมองของเขามีแต่ความสับสน

“ต้องมีปัญหาแน่นอน!”

เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ

เฟ่ยกงกงเสนออีกครั้ง “สู้ใช้โอกาสนี้กำจัดเซียวอี้ให้สิ้นซากเสีย”

เซียวเฉิงเหวินครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า “กำจัดเซียวอี้! ต้องกำจัดเขาให้ได้ นำหัวของเขากลับมา”

“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”

เฟ่ยกงกงเตรียมกำลังพลเพื่อออกเดินทางไปฆ่าคนที่ค่ายของกองทัพใต้ในวันรุ่งขึ้น!

วันรุ่งขึ้น กำลังพลสองขบวนเดินทางออกจากเมืองหลวงก่อนหลังตามลำดับ

โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน

ขบวนหนึ่งเดินทางอย่างเปิดเผย

ส่วนอีกขบวนแอบติดตามอยู่ด้านหลัง

เซียวอี้ที่อยู่ในค่ายทหารที่ห่างไกลหนังตากระตุกไม่หยุด ทำให้เขารำคาญใจอย่างมาก

เขานวดคลึงดวงตา พลันพูดกับจี้ซินแส “ดูท่าทางมีคนรอที่จะตัดหัวของข้าไม่ไหวแล้ว”

“ทั้งที่นายน้อยรู้ว่ามีคนต้องการฆ่าท่าน แต่ท่านก็ยังไม่ร้อนใจหรือ ไม่กลัวความชะล่าใจจะทำให้ท่านต้องสูญเสียชีวิตหรือ”

จี้ซินแสอยากต่อว่าเขาอย่างมาก แต่ในฐานะที่ปรึกษา เขาต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด

ถึงแม้จะต่อว่าก็เพียงแค่ต่อว่าในใจเงียบๆ

เซียวอี้หัวเราะ “จี้ซินแสวางใจ ข้าเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว ย่อมเรียกให้คนเหล่านั้นมาได้แต่กลับไม่ได้”

จี้ซินแสมองไปรอบด้าน หน้าประตูกระโจมนอกจากองครักษ์ส่วนตัวไม่กี่คนแล้ว แทบจะไม่มีการเฝ้าระวังแต่อย่างใด

เขาถอนหายใจ “นายน้อยอย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาด! พระพันปีเถาทรงต้องการกำจัดท่าน คนที่ส่งมาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจยังมีพระราชโองการประหารรอท่านอยู่”

เซียวอี้พูดกลั้วหัวเราะ “ข้าชอบรับพระราชโองการที่สุด สามารถเก็บสะสมเอาไว้ให้บุตรหลานดู ยังสามารถนำมาโอ้อวดได้”

จี้ซินแสกลอกตาระรัว “เอาเถิด เอาเถิด ดูท่าทางนายน้อยจะมั่นใจอย่างมาก ข้าเองก็คงกังวลเสียเปล่า”

เซียวอี้หัวเราะร่า “สองวันนี้ซินแสพักผ่อนอยู่ในกระโจมของตนเองให้ดี หากได้ยินเสียงใดก็อย่าโผล่หน้าออกมา ระวังได้รับบาดเจ็บ รอเรื่องของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะบอกความเป็นมาทั้งหมดให้ซินแสฟัง”

“นายน้อยยอมบอกความเป็นมากับข้าจริงหรือ”

“วาจาของบุรุษย่อมคำไหนคำนั้น!”

“ข้าเชื่อว่านายน้อยเป็นคนมีสัจจะ”

ชีวิตในค่ายทหารยังคงเหมือนเคย

มีคนพร่ำบ่น มีคนชื่นชอบกับความว่าง

มีคนเหมือนกำลังเผชิญศึกหนัก มีคนหัวเราะเสียงเย็น

ค่ายทหารกองทัพใต้ดูภายนอกเหมือนหละหลวม แต่ความจริงแล้วภายในเข้มงวดอย่างมาก

เซียวอี้เตรียมรับมือไว้ก่อนแล้วเป็นเรื่องจริง

หลังจากเดินทางเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดขบวนของเหมาเส้าเจี้้ยนก็เดินทางมาถึงค่ายทหารกองทัพใต้

“ท่านแม่ทัพ ในวังมีขันทีถ่ายทอดพระราชโองการมา”

เซียวอี้ออกคำสั่งทันที “หยิบชุดเกราะของข้ามา ตั้งโต๊ะบูชา ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในวัง!”

“ขอรับ!”

กระโจมเปิดออก ทหารส่วนตัวอารักขาอยู่สองข้าง

เซียวอี้สวมเครื่องแบบออกมาต้อนรับขบวนของเหมาเส้าเจี้้ยน

“ที่แท้คือเหมาเส้าเจี้้ยน ดีใจที่ได้พบ ดีใจที่ได้พบ!”

เหมาเส้าเจี้้ยนหัวเราะ “แม่ทัพเซียวรับพระราชโองการเถิด!”

เซียวอี้พูด “ขอเหมากงกงให้อภัย ข้าสวมเครื่องแบบ ไม่สะดวกคุกเข่า ขอยืนรับพระราชโองการดีกว่า”

ยโสเสียจริง!

เหมาเส้าเจี้้ยนไม่ถือสาเขา เพียงแค่หยิบพระราชโองการฉบับแรกออกมาอ่าน

พระราชโองการฉบับแรกมีเพียงเรื่องเดียว รับสั่งให้เซียวอี้เข้าวังรายงานตัวทันทีหลังจากได้รับพระราชโองการ

หลังจากอ่านพระราชโองการเสร็จสิ้น เหมาเส้าเจี้้ยนทำท่าเชิญ “แม่ทัพเซียว ฝ่าบาททรงรอท่านอยู่ในวังหลวง เชิญเถิด!”

“ฮ่าๆๆ …เหมากงกงเพิ่งเดินทางมาถึง เหตุใดจึงรีบร้อนที่จะไป”

“แม่ทัพเซียวเข้าใจผิดแล้ว มีเพียงท่านแม่ทัพต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังหลวง ส่วนข้าจะอยู่ดูแลในค่ายทหารต่อ”

เซียวอี้ยิ้ม “หากเหมากงกงไม่รังเกียจ ข้าจัดเตรียมอาหารไว้โต๊ะหนึ่ง ขอเหมากงกงโปรดให้เกียรติ”

“ฝ่าบาททรงเร่งมา ขอแม่ทัพเซียวโปรดอภัย อาหารโต๊ะนี้เกรงว่าท่านคงกินไม่ได้แล้ว ท่านแม่ทัพรีบเดินทางเถิด!”

“ไม่รีบ! รอข้าจัดการธุระให้เสร็จก่อน ข้าย่อมจะเข้าไปรายงานตัวในวังหลวง”

เหมาเส้าเจี้้ยนยิ้ม “ฝ่าบาททรงคำนึงถึงงานของท่านแม่ทัพ ดังนั้นข้ายังนำพระราชโองการฉบับที่สองมาด้วย”

พูดจบ เหมาเส้าเจี้้ยนจึงหยิบพระราชโองการฉบับที่สองออกมาอ่าน

พระราชโองการฉบับที่สองคือปลดหน้าที่ทุกอย่างของเซียวอี้ในกองทัพ

เหมาเส้าเจี้้ยนยิ้ม “เวลานี้ ท่านแม่ทัพไม่มีหน้าที่แล้ว สามารถเดินทางไปยังเมืองหลวงได้แล้วหรือไม่”

“ไม่รีบ ไม่รีบ! ข้าอยากจะดื่มกับเหมากงกงสักสองจอก”

“ท่านแม่ทัพไม่ปฏิบัติตามพระราชโองการสองฉบับติดต่อกัน ท่านต้องการจะก่อกบฏหรือ”

ทันทีที่คำว่า ‘ก่อกบฏ’ ออกมา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน เพียงแค่เหตุผลเดียวก็สามารถปะทะกันขึ้นมา

เซียวอี้เปล่งเสียงหัวเราะเสียงดัง พลันโบกมือ “ทำอันใดกัน เอามือออกจากดาบ เหมากงกงเป็นแขกผู้มีเกียรติ จะเสียมารยาทได้อย่างไร”

บรรดาทหารคนสนิทปล่อยมือขวาออกจากด้ามดาบอย่างช้าๆ

ทางองครักษ์จินอู่ก็แอบโล่งใจ

อยู่บนพื้นที่ของผู้อื่น หากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง องครักษ์จินอู่คงไม่ได้เปรียบนัก

เหมาเส้าเจี้้ยนจ้องเซียวอี้เขม็ง “หากท่านแม่ทัพยืนกรานไม่ยอมปฏิบัติตามพระราชโองการ ทางข้ายังมีพระราชโองการฉบับที่สาม แต่พระราชโองการฉบับนี้ ข้าไม่อยากหยิบออกมา เพราะมันจะทำลายความสัมพันธ์ของทุกคน”

เซียวอี้หัวเราะเย้ยหยัน “เหมากงกงลองพูดมาก่อน วันนี้ที่ท่านมา นำพระราชโองการทั้งหมดมากี่ฉบับ อย่างน้อยก็ให้ข้ามีตัวเลขในใจ”

เหมาเส้าเจี้้ยนพูดเสียงเบา “ทั้งหมดมีสามฉบับ”

อ่อ!

เซียวอี้ยิ้ม “ให้ข้าลองเดาดู พระราชโองการฉบับที่สามต้องการจะประหารข้าอย่างนั้นหรือ หากข้ากล้าคัดค้านก็ให้ประหารทันที?”

ฉึบ!

ทันทีที่สิ้นเสียง ดาบของทหารคนสนิทถูกชักออกจากฝัก

องครักษ์จินอู่และขุนนางฝ่ายในดุจเผชิญศึกหนัก มือจับอาวุธเตรียมพร้อมปะทะ

เหมาเส้าเจี้้ยนไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเซียวอี้ “ท่านแม่ทัพยืนกรานที่จะไม่ปฏิบัติตามพระราชโองการหรือ”

เซียวอี้โบกมือ ทันใดนั้นก็มีทหารส่งเก้าอี้มาให้

เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความสง่างาม

“น้อมรับหรือคัดค้าน เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบถกเถียง เหมากงกงนานๆ มาที สู้นั่งลงคุยกันก่อนดีกว่า”

“ข้ามาถ่ายทอดพระราชโองการ ไม่ได้มาพูดคุยกับท่านแม่ทัพ”

เซียวอี้หัวเราะร่า “ในเมื่อเหมากงกงรีบร้อนเพียงนี้ เอาอย่างนี้ ท่านตอบคำถามข้าก่อน ไม่ว่าข้าจะน้อมรับหรือขัดขืน เห็นได้ชัดว่าพระพันปีทรงต้องการกำจัดข้า ท่านว่าข้าควรทำอย่างไร หากเป็นเหมากงกง ท่านจะทำอย่างไร”

เหมาเส้าเจี้้ยนจ้องมองเขา พลันพูดทีละคำ “ท่านแม่ทัพต้องยอมรับชะตากรรม!”

เซียวอี้หัวเราะเย้ยหยัน พลันชี้ตนเอง “ท่านให้ข้ายอมรับชะตากรรม? ตอนที่ท่านพ่อข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ายังไม่เคยยอมรับชะตากรรม ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็ก แต่เวลานี้ ท่านให้ข้ายอมรับชะตากรรม ช่างน่าขันเสียจริง! เหมากงกง ข้าปล่อยท่านกลับไป ท่านไปทูลพระพันปี อย่าทรงบีบเค้นผู้อื่นมากนัก เรื่องใดล้วนเจรจาได้ ใช่หรือไม่”

“พระพันปีทรงไม่มีเวลาคุยกับท่าน อีกอย่างข้าต้องตักเตือนท่านแม่ทัพ นี่คือพระราชโองการของฝ่าบาท ฝ่าบาททรงต้องการพบท่าน”

“พวกเราไม่จำเป็นต้องปิดบังกัน เหตุใดเหมากงกงต้องทำเช่นนี้ ดูท่านพูดจาเหลวไหลอย่างหน้าตายช่างเหนื่อยเสียจริง ท่านกลับไปเถิด ข้าจะพักผ่อนแล้ว”

“ท่านแม่ทัพคิดจะขัดขืนพระราชโองการ?”

เซียวอี้ยิ้ม “เหตุใดท่านต้องถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ”

เหมาเส้าเจี้้ยนไม่พูดพล่าม เขาหยิบพระราชโองการฉบับที่สามออกมาทันที

มันเป็นพระราชโองการคาดโทษประหารแก่เซียวอี้ หากกล้าขัดขืน ประหารทันที

เซียวอี้แย่งพระราชโองการ หลังจากอ่านจบเขาก็หัวเราะร่า “ลงมือเถิด!”

ฉึบ!

คมดาบทิ่มแทงเข้าร่างกาย

ทหารของเซียวอี้ชิงลงมือก่อน

เพียงชั่วพริบตา หน้ากระโจมก็กลายเป็นสนามรบ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด

เหมาเส้าเจี้้ยนจับจ้องเพียงเซียวอี้ เขาต้องตัดหัวของเซียวอี้ให้ได้

เขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวดุจผีสาง มือทั้งสองข้างของเขายื่นไปทางเซียวอี้

แต่แล้วเซียวอี้ไม่ต่อสู้กับเขาแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นมีมือดีหลายคนปรากฏตัวออกมาขวางอยู่ตรงหน้าของเซียวอี้ เผชิญหน้ากับการโจมตีของเหมาเส้าเจี้้ยน

เซียวอี้ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง “คนเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้เหมากงกงโดยเฉพาะ เหมากงกงเชิญดื่มด่ำให้ดี ข้ายังมีงานอื่นๆ อีกมากมาย ขอตัวก่อน!”

พูดจบ เขาก็จากไป!

ราวกับไม่สนใจว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ

มีความเป็นไปได้ว่าจุดจบอยู่ในความคาดการณ์ของเขา หรืออาจจะถูกลิขิตเอาไว้อยู่แล้ว

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท