ตอนที่ 322 ข่มขู่อย่างเปิดเผย
สุดท้ายแล้วเหมาเส้าเจี้้ยนก็ไม่สามารถตัดหัวของเซียวอี้ได้
มิหนำซ้ำยังต้องสูญเสียกำลังพล คนที่นำมาด้วยจากภายในวังตายหมด มีเพียงองครักษ์จินอู่ไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่
เลือดไหลนองเต็มพื้น แขนขาที่หลุดขาดน่ากลัวอย่างมาก
ค่ายทหารขนาดใหญ่เงียบอย่างผิดปกติ
มือทั้งสองข้างของเหมาเส้าเจี้้ยนถูกมัดเอาไว้ สภาพอนาถายิ่งนัก
เขาแพ้แล้ว!
แพ้อย่างราบคาบ!
เขาไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายจากพระพันปีเถาได้สำเร็จ เขาละอายต่อความไว้ใจของพระพันปีเถาที่มีต่อเขา
หากเขาไม่ได้มีหน้าที่ติดตัว เขาอยากจะปลิดชีพตัวเองทิ้งเสียเพื่อเป็นการขออภัยพระพันปีเถา
เขาแหงนหน้าถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก
คราวนี้ไม่สามารถฆ่าเซียวอี้ให้ตายได้ จะมียังโอกาสครั้งที่สองหรือไม่
ฝ่าบาทจะทรงคิดอย่างไร
“รีบไป!”
ทหารคนสนิทออกแรงผลักให้เขาเข้าไปในกระโจม
เซียวอี้นั่งดื่มชาอย่างเริงรมย์อยู่ด้านในก่อนแล้ว
จี้ซินแสนั่งอยู่ด้านข้าง มองพินิจเหมาเส้าเจี้้ยนตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาพบหน้ากับเหมาเส้าเจี้้ยนเป็นครั้งแรก
แน่นอน ชื่อเสียงของเหมาเส้าเจี้้ยนนั้น เขาเคยได้ยินมาก่อนแล้ว ถือได้ว่าคุ้นเคยอย่างมาก
เซียวอี้ยิ้มให้เหมาเส้าเจี้้ยน “เหมากงกง พวกเราพบหน้าอีกครั้งอย่างรวดเร็วเสียจริง”
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านแม่ทัพจะฆ่าหรือจะแกง เชิญตามสะดวก! ข้าไม่มีทางขมวดคิ้วแม้แต่น้อย”
เซียวอี้หัวเราะร่า “เหมากงกงช่างพูดขบขันเสียจริง ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าท่านตั้งแต่แรก มิฉะนั้นก็คงไม่ใช้คนของข้าไว้มือ”
เหมาเส้าเจี้้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างจริงจัง “วันนี้ข้าไม่อาจทำภารกิจได้สำเร็จ ข้าละอายต่อพระพันปี ละอายต่อฝ่าบาท แต่ว่าสถานการณ์ของท่านแม่ทัพจะยิ่งยากลำบาก ข้าเชื่อว่าในวังจะส่งคนมายึดอำนาจทางการทหารอีกครั้งในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น นายน้อยจะมียังมีที่ไปหรือ กองทัพใต้ไม่อยู่ในการดูแลของท่านอีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ก่อการใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว เวลานี้ ท่านทำได้เพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้น!”
แปะๆ…
เซียวอี้ปรบมือ บนใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม “เหมากงกงช่างมองได้ทะลุปรุโปร่ง สถานการณ์ของข้าช่างยากลำบากเสียจริง! กองทัพใต้เป็นกองทัพของราชสำนัก ข้าไม่มีปัญหานำพวกเขาก่อกบฏไปด้วยกัน อีกอย่าง ข้าก็แซ่เซียว ย่อมไม่มีทางสร้างปัญหาให้ฝ่าบาทในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดังนั้น ข้าจึงต้องการให้เหมากงกงประสานงานไกล่เกลี่ยอยู่ตรงกลาง ทูลพระพันปีแทนข้า”
เหมาเส้าเจี้้ยนขมวดคิ้วมุ่น “ทูลเรื่องใด พระพันปีไม่มีทางทรงรับปากคำขอของท่าน อย่างไรท่านก็เป็นขุนนางราชสำนัก ท่านต้องปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก”
“ฮ่าๆ….เหมากงกงชอบพูดเล่นเสียจริง ท่านหมายความว่าพระราชโองการสามฉบับก่อนหน้านี้ไม่นับหรือ”
สีหน้าของเหมาเส้าเจี้้ยนผงะไปด้วยความเหลือเชื่อ “ท่าน…”
“ฝ่าบาททรงปลดหน้าที่ทุดอย่างของข้าในค่ายทหารแล้ว ข้าน้อมรับพระราชโองการ เจ้ากลับไปทูลพระพันปีเถา อย่าคิดจะกลั่นแกล้งข้า มิฉะนั้นข้าจะโข้นล้มตระกูลเถา”
“เจ้าบังอาจ!”
เซียวอี้ยิ้มอย่างรู้ทัน “ข้าขอเตือนเหมากงกงสักหนึ่งประโยค อาชีพเดิมของข้าคือมือสังหาร หากพระพันปีเถาอยากลองพนันดู ข้าไม่ถือสาแม้แต่น้อย รอราชสำนักส่งคนมา ข้าจะส่งคืนอำนาจทางการทหาร ไม่นำกองทัพใต้อีกต่อไป ข้าพูดคำไหนคำนั้น”
เหมาเส้าเจี้้ยนประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่สามารถเข้าใจความคิดของเซียวอี้ได้แม้แต่น้อย
เขาจะยอมละทิ้งกองทัพใต้ได้อย่างไร
เขาจะยอมส่งอำนาจทางการทหารคืนได้อย่างไร
เขาไม่รู้หรือว่าเมื่อส่งมอบอำนาจทางการทหารคืน เขาก็จะกลายเป็นแพะที่รอเชือด
เซียวอี้เลิกคิ้วยิ้ม “ความปลอดภัยของข้าคงไม่ต้องลำบากเหมากงกงเป็นกังวล ท่านเพียงแค่นำคำพูดของท่านไปทูลต่อพระพันปีเถา ขอให้นางรีบให้คำตอบข้า หากคนของฝ่าบาทมาถึงค่ายก่อน ข้าไม่รับรองว่าหลังจากปลดหน้าที่แล้ว จะบุกไปถึงเมืองหลวงเพื่อลอบสังหารหรือไม่ คนของตระกูลเถาเหลืออยู่ไม่มากแล้วไม่ใช่หรือ!”
เหมาเส้าเจี้้ยนกัดฟันกรอด “เจ้ากำลังข่มขู่พระพันปี!”
“ใช่ ข้ากำลังข่มขู่นาง ตอนนั้นข้ากล้าลงมือฆ่านายท่านรองตระกูลเถาต่อหน้าบรรดาขุนนางในตำหนักจินหรวน เจ้าคิดว่าข้าจะไม่มีแผนรับมือหรือ ข้าจะนั่งรอพระพันปีเถาส่งคนมาฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ”
เซียวอี้ยิ้ม
“เหมากงกงเป็นคนฉลาด แต่ข้าก็ไม่โง่ ท่านรีบตัดสินใจเถิด อาศัยที่ฟ้ายังสว่างอยู่ คืนนี้ยังสามารถเดินทางไปพักผ่อนที่อี้จ้านได้ทัน อีกเดี๋ยวข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ พบปะสหายสองสามคน เหมากงกงอย่าทำให้ข้าพบปะกับบรรดาสหายสาย ทำให้พวกเขาต้องรอนาน”
เหมาเส้าเจี้้ยนกัดฟัน พลันพูดเสียงดัง “ได้! ข้าจะส่งสารแทนท่าน แต่พระพันปีจะทรงรับปากหรือไม่ ข้าไม่รับรอง”
“เหมากงกงถ่อมตัวแล้ว! ข้าเชื่อว่าท่านต้องมีวิธีโน้มน้าวพระพันปีเถา ให้นางยอมรับเงื่อนไขของข้า อย่าไล่ตามข้าไม่ปล่อยอีกอย่างแน่นอน ข้าเป็นแค่บุคคลไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องจดจำนานหลายปี อีกอย่าง อย่าคิดจะแตะต้องคนของจวนท่านอ๋องตงผิง หากกล้าฆ่าหนึ่งคน ข้าจะแก้แค้นคืนเป็นสิบเท่า ข้าพูดจริงทำจริง”
ช่างไร้กฎไร้เกณฑ์เสียจริง!
แม้แต่พระพันปียังกล้าข่มขู่!
เหมาเส้าเจี้้ยนโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ไร้ซึ่งกหนทาง
เซียวอี้ไม่อยากพูดพล่ามกับเขาต่อจึงโบกมือ “ส่งเหมากงกงออกไป!”
ทหารคนสนิทรับคำสั่ง “ขอรับ!”
…
จี้ซินแสที่ไม่ได้เอ่ยแม้แต่คำเดียวเอ่ยปากขึ้นมาในเวลานี้ “นายน้อยพูดจริงหรือ ท่านจะละทิ้งกองทัพใต้ ละทิ้งอำนาจทางการทหาร?”
เซียวอี้หัวเราะเยาะตนเอง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ เซียวเฉิงอี้ไม่มีทางปล่อยให้ข้านำกองทัพใต้ต่อไป รอดูเถิด ไม่นานนัก ราชสำนักจะส่งคนมาปลดหน้าที่ของข้าอย่างเป็นทางการ สู้ให้คนอื่นขับไล่ พวกเรายอมสละเองเสียดีกว่า”
จี้ซินแสขมวดคิ้ว “ออกจากกองทัพใต้ นายน้อยคิดจะไปที่ใด ไม่มีกองทัพใต้ ความปลอดภัยของนายน้อยจะเป็นอย่างไร พระพันปีเถาไม่มีทางล้มเลิกอย่างง่ายดาย”
“นางไม่ล้มเลิกก็ต้องล้มเลิก ส่วนความปลอดภัยของข้า ซินแสไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว”
จี้ซินแสถอนหายใจ “ดูจากเวลานี้ นายน้อยกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีเตรียมการไว้ลับหลังอยู่ก่อนแล้ว ข้าคงเป็นส่วนเกิน”
เซียวอี้ปฏิเสธ “ซินแสพูดเล่นอีกแล้ว! เวลานี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ย่อมต้องใช้วิธีพิเศษ ซินแสรอข้าก่อน ข้าขอไปจัดการเรื่องส่วนตัวก่อน ก่อนมื้อค่ำย่อมกลับมา”
เซียวอี้ใยชุดเครื่องแบบทหาร เอวคาดดาบคมลุกขึ้นออกจากค่ายทหารไปอย่างรวดเร็ว
ยังมีคนอีกขบวนที่รอเขาไปกำจัด!
คราวนี้เขาจะไม่เมตตาอีก เขาจะเหลือคนรอดเพียงคนเดียวเพื่อส่งสารไปให้ท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวิน
…
เหมาเส้าเจี้้ยนควบม้าเร็วกลับเมืองหลวง
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เสื้อผ้าไม่ครบถ้วน บนตัวยังมีกลิ่น
แต่เขาก็ไม่ทันได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาต้องเข้าเฝ้าพระพันปีเถาให้เร็วที่สุด
“กระหม่อมสมควรตาย! กระหม่อมละอายต่อพระพันปี ทรยศต่อความคาดหวังของพระพันปี กระหม่อมไร้ความสามารถ!”
เหมาเส้าเจี้้ยนก้มอยู่บนพื้น ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ก้มกราบขออภัย
พระพันปีเถาเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็รู้ว่าไม่สำเร็จ
นางเตะเก้าอี้เล็กล้ม “คนมากมายเพียงนั้นยังจัดการกับเซียวอี้คนเดียวไม่ได้ พระราชโองการที่ข้าให้เจ้าล่ะ เซียวอี้กล้าขัดขืนพระราชโองการอย่างเปิดเผยจริงหรือ”
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดไปร้องไห้ไป “เซียวอี้คนชั่ว ไม่เพียงกล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย เขายัง ยัง…”
“ยังอันใด พูด!”
พระพันปีเถาตะหวาดเสียงดัง
เหมาเส้าเจี้้ยนร้องไห้จนคนที่ได้ยินต้องเสียใจ คนที่เห็นต้องหลั่งน้ำตา
เขาเช็ดน้ำตา พลันพูด “เซียวอี้บังอาจพูดจายโสโอหัง บอกว่า บอกว่าหากพระพันปียังทรงไล่ล่าเขาไม่ปล่อย เขาจะ…”
“เขาจะทำอย่างไร”
พระพันปีเถาทรมานกับวิธีการพูดเหมาเส้าเจี้้ยนอย่างมาก
หากไม่ใช่คนเก่าแก่ข้างกายนาง นางคงเตะอีกฝ่ายจนหงายหลังแล้วให้คนลากออกไป
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดพลันร้องไห้ “เขาจะฆ่าตระกูลเถาทั้งตระกูล!“
“บังอาจ! เขากล้า!”
พระพันปีเถาโกรธจนตัวสั่น
นางกัดฟันกรอด “เขาพูดเช่นนี้จริงหรือ”
เหมาเส้าเจี้้ยนพยักหน้า “กระหม่อมไม่กล้าพูดเหลวไหล เซียวอี้พูดเช่นนี้จริง เขายังบอกว่าอาชีพเดิมของเขาแต่ก่อนคือมือสังหาร เขายังบอกว่าตอนนั้นเขากล้าสังหารใต้เท้าเถาในตำหนักจินหรวน ย่อมเตรียมทางหนีเอาไว้ก่อนแล้ว พระพันปี เซียวอี้ผู้นั้นเป็นคนเสียสติ!”
พระพันปีเถาโกรธสีหน้าซีดเผือด!
“บังอาจ! ช่างบังอาจเสียจริง! ผู้ใดให้ความกล้าแก่เขา แม้แต่ข้ายังกล้าข่มขู่ เขาไม่กลัวราชสำนักประหารเขาหรือ”
เหมาเส้าเจี้้ยนรีบพูด “เซียวอี้บอกว่าเพียงแค่พระพันปีทรงยอมล้มเลิกที่จะไล่ฆ่าเขา เขาก็จะสละอำนาจทางการทหาร ออกไปจากเมืองหลวง”
“ยังคิดจะออกไปจากเมืองหลวง เขาฝัน! ข้าไม่เชื่อว่าจะจัดการเขาไม่ได้ ข้าจะกำจัดคนทั้งจวนท่านอ๋องตงผิง ให้ทุกคนตายไปพร้อมเขา! ข้าอยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะโหดเหี้ยมกว่าข้าหรือไม่”
พระพันปีเถาโกรธจนอยากจะฆ่าคนเพื่อระบาย
“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระพันปี!”
เหมาเส้าเจี้้ยนร้อนใจ ทุกอย่างไม่ต่างไปจากการคาดเดาของเซียวอี้
“เซียวอี้บอกว่าหากพระพันปีทรงฆ่าคนในจวนท่านอ๋องตงผิง พระองค์ทรงฆ่าหนึ่งคน เขาจะฆ่าสิบคน หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อ สามารถลองดูได้”
โครม!
พระพันปีเถาเตะโต๊ะเล็กล้มด้วยความโกรธ หน้าอกหอบหายใจขึ้นลง
“พระพันปีทรงระงับความโกรธ พระพันปีทรงระงับความโกรธ!” เหมาเส้าเจี้้ยนก้มกราบอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของพระพันปีเถาบิดเบี้ยว สายตาน่ากลัว
นางหอบหายใจหนัก ผ่านไปเป็นเวลานานจึงจะข่มไฟโกรธในใจเอาไว้ได้
นางพยายามสงบสติ พูดอย่างใจเย็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามีผู้ใดสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต ท่านโหวผิงอู่ สืออุนอยู่ห่างไกล เขามีผู้ใดหนุนหลังจึงบังอาจโอหังเช่นนี้ ยังกล้าข่มขู่ข้า คิดจะฆ่าล้างตระกูลเถา? เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใด ข้าไม่เชื่อว่าองครักษ์จินอู่และราชองครักษ์จะป้องกันเขาแค่คนเดียวไม่ได้”
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดพลันครุ่นคิด “กระหม่อมสืบทราบมาว่า เซียวอี้แอบเลี้ยงกองกำลังส่วนตัวตอนบรรดาท่านอ๋องก่อการจลาจล ว่ากันว่ามีกองกำลังส่วนตัวราวพันคนขึ้นไป”
“กองกำลังส่วนตัวของเขาอยู่ที่ใด” พระพันปีเถาถามด้วยความโกรธ
เหมาเส้าเจี้้ยนพูดเสียงเบา “หากข่าวไม่ผิดพลาด กองกำลังส่วนตัวของเซียวอี้ถูกทิ้งเอาไว้ในเรือนพักร่ำรวย!”
“เรือนพักร่ำรวยของเยียนอวิ๋นเกอ?” พระพันปีเถาขมวดคิ้ว
เหมาเส้าเจี้้ยนพยักหน้าระรัว “ก็คือเรือนพักร่ำรวยของเยียนอวิ๋นเกอ”
พระพันปีเถาหัวเราะเสียงเย็น “เยียนอวิ๋นเกอแอบซ่อนโจรกบฏ มีโทษเดียวกัน!”
“แต่ว่าราชสำนักยังไม่ได้ลงโทษเซียวอี้อย่างเปิดเผย อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือ หากแตะต้องเยียนอวิ๋นเกอ องค์หญิงจู้หยางและท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านย่อมจะไม่นั่งเฉย”
เหมาเส้าเจี้้ยนเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง
เขารู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ยังมีน้ำหนักไม่พอ ดังนั้นจึงพูดเสริม “ฝ่าบาททรงกังวลเรื่องอูเหิง ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านเป็นกองทัพที่ไม่สามารถละเลยได้ เกรงว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงเห็นด้วยที่จะแตะต้องเยียนอวิ๋นเกอ”