คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 350 ร้องไห้ได้อัปลักษณ์ยิ่งนัก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 350 ร้องไห้ได้อัปลักษณ์ยิ่งนัก

“หลายปีนี้ ข้ากับท่านแม่ต่างกังวลใจเกี่ยวกับคู่ครองของน้องชาย ท่านลุงก็มักจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ในจดหมาย เวลานี้ ในที่สุดน้องชายก็คิดได้แล้ว ยอมสิ้นสุดชีวิตที่ไร้หัวนอนปลายเท้า ยอมปักหลักแต่งงานมีครอบครัว ช่างน่ายินดี ช่างน่ายินดี!”

หลิงฉางจื้อทำหน้าดีใจเป็นพิเศษ ขาดแต่จับมือของเซียวอี้เต้นระบำไปด้วยกันเพื่อเฉลิมฉลองเรื่องที่น่ายินดีนี้!

เซียวอี้พยายามควบคุมสีหน้าของตนเอง เขาจะยอมแพ้จนทำให้คนหัวเราะเยาะไม่ได้เด็ดขาด

เพียงแต่คำพูดของหลิงฉางจื้อ ไม่ว่าฟังอย่างไรก็ไม่ระรื่นหู!

คันมือ!

อยากต่อยคนอย่างมาก!

เขากำหมัดแน่น พยายามรักษารอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ พลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ลำบากท่านพี่กับท่านป้าเป็นกังวลแล้ว เป็นความผิดของข้า ตอนนั้นข้าไม่รู้ประสีประสา ทำเรื่องเหลวไหลมากมาย ทำให้ทุคนกังวลแทนข้า บัดนี้หวนนึกถึงขึ้นมา ช่างเสียใจยิ่งนัก

เวลานั้น หากมีผู้ใหญ่ชี้นำข้าด้วยใจจริง ข้าก็คงไม่เดินทางผิด โชคดีที่เวลานี้ข้ายังเด็ก กลับตัวก็ยังไม่สาย เพียงแต่ไม่รู้ท่านพี่จะเต็มใจช่วยข้าหรือไม่”

“น้องชายตระหนักรู้ขึ้นมาได้ย่อมไม่สาย ไม่สายอย่างแน่นอน ข่าวดีนี้ข้าย่อมจะเขียนจดหมายบอกกล่าวแก่ท่านแม่และท่านลุง ให้พวกเจ้าดีใจไปกับเจ้า”

หลิงฉางจื้อหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ทำท่าจะรับสั่งให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมโต๊ะอาหาร

“วันนี้ข้าจะดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญกับน้องชาย ไม่เมาไม่กลับ!”

เซียวอี้ยื่นมือรั้งเขาเอาไว้

เขาพูดอย่างจริงจัง “เรื่องดื่มสุรายังไม่รีบ ฉวยโอกาสที่วันนี้ท่านพี่มีเวลาว่าง สู้คุยเรื่องช่วยข้าดีกว่า ท่านพี่ไม่เต็มใจช่วยข้าหรือ ท่านพี่ยังคงมีความไม่พอใจต่อข้าอย่างมากเสียจริง ทั้งไม่เต็มใจช่วยข้าให้ก้าวผ่านความยากลำบาก แม้แต่พบข้าก็ยังไม่อยากใช่หรือไม่!

เฮ้อ บอกว่าพี่น้องร่วมใจย่อมสามารถตัดทองคำให้ขาดได้ บอกว่าระหว่างพี่น้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สุดท้ายแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องจอมปลอม ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่ใช้สำหรับหลอกคน เพียงแต่ไม่คิดว่าท่านพี่ผู้เป็นบุรุษที่เที่ยงตรงกลับหน้าไหว้หลังหลอกเช่นเดียวกัน

ช่างน่าผิดหวังเสียจริง! ดูท่าทางข้ามองท่านผิดไป เอาเถิด เอาเถิด ข้าคนฝืนใจท่านมากเกินไป ทั้งที่รู้ว่าท่านเกลียดชังข้า แต่กลับยังมาเยือนอย่างหน้าไม่อาย ถูกคนรังเกียจก็สมควรแล้ว”

สีหน้าของเขาเศร้าหมองเล็กน้อย แววตาโดดเดี่ยวแสดงให้เห็นถึงความเสียใจ

แม้แต่น้ำเสียงในการพูดก็ยิ่งทุ้มต่ำลง

อารมณ์ทุกอย่างล้วนครอบคลุมอยู่ในประโยคเดียว

หลิงฉางจื้อเลิกคิ้วขึ้น

โอ้ย!

ไม่พบหน้าระยะหนึ่ง มีการพัฒนา!

สามารถแข่งการแสดงกับเขาได้แล้ว

จิ๊ๆ…

เพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่สนแม้แต่วิธีการ คงจะพูดถึงคนชั่วอย่างเซียวอี้นี้!

หลิงฉางจื้อยกมือตยลงบนไหล่ของอีกฝ่าย พลันถามเสียงดุ “น้องชายพูดเหลวไหลอันใดกัน ข้าเคยบอกว่าจะไม่ช่วยเจ้าหรือ ข้ายังไม่ทันพูด เจ้าก็ด่วนสรุปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำให้ข้าเสียใจเพียงใด

เสียดายที่พวกเรายังเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เจ้ากลับสงสัยข้าเช่นนี้ ไม่มีความเชื่อใจต่อข้าแม้แต่น้อย เป็นพี่น้องอย่างไรกัน เซียวอี้ เจ้าบอกว่า เจ้าเป็นพี่น้องประสาใด บนโลกนี้มีพี่น้องอย่างเจ้าหรือ ไม่ยอมให้ข้าพูดจบก็คาดโทษข้า เจ้าสามารถยิ่งนัก!”

เขาเสียใจอย่างมาก เบนหน้าหนีไม่ยอมมองเซียวอี้แม้แต่น้อย

ดวงตาที่หลุบต่ำราวกับกำลังหลั่งน้ำตา

หัวใจของเขาราวกับถูกทำร้ายจนแตกละเอียด ยากที่จะประกอบกลับมาเหมือนเดิม

พี่น้องเอ๋ย!

ไม่คิดว่าคนที่ทำร้ายข้ามากที่สุดจะเป็นพี่น้องของตนเอง!

มันคือเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในโลกนี้!

ข้างต้นนี้…

คือความหมายที่แสดงออกมาทางภาษากายตั้งแต่ปลายผมจรดเท้าของหลิงฉางจื้อ

เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจ รวมทั้งตำหนิและไม่เต็มใจ

ถึงแม้พี่น้องจะทำร้ายข้าหมื่นครั้ง แต่ข้ายังคงปฏิบัติต่อพี่น้องเหมือนเคย!

นี่คือสิ่งใด

นี่คือความรักที่มีให้พี่น้อง!

เซียวอี้ “…”

ฮือๆ…

กดดันเหลือเกิน!

ฝีมือไม่อาจเทียบผู้อื่นได้!

ฝึกฝนยังไม่ถึงที่!

โธ่เอ้ย สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญในสังคมขุนนาง สามารถพูดของตายให้กลายเป็นของเป็น ของเป็นให้กลายเป็นของตาย

ดีชั่วถูกผิดล้วนขึ้นอยู่กับปากของหลิงฉางจื้อ

ปัดโธ่ มันไม่รังแกกันเกินไปหรือ

รังแกที่เขาไม่ใช่บัณฑิตใช่หรือไม่

เซียวอี้ “ข้าตัดสินใจจะสู้จนสุดตัว”

เขายื่นมือออกไปลูบหน้า ทันใดนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา

“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ล้วนเป็นความผิดของข้า! ข้าทำผิดต่อท่าน!”

เขาพลางร้องไห้พลางไหลลงไปกับพื้น เสียงร้องไห้นั้นดังจนทำให้แผ่นกระเบื้องแตกได้

ท่าทางที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดนั้นสามารถทำให้จิตใจของผู้อื่นบิดเบี้ยว!

“ท่านพี่ ท่านลงโทษข้าเถิด! ท่านตีข้าเถิด ล้วนเป็นความผิดของข้า ความรับผิดชอบทุกอย่างข้าจะรับเอาไว้”

เขาผิดไปแล้ว!

ผิดที่ไม่ได้ลงมือก่อน

ผิดที่ไม่ได้ตีหัวหลิงฉางจื้อก่อน

ผิดที่เกรงใจคนชั่วอย่างหลิงฉางจื้อเกินไป

อ้าก…

เขาร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างมาก!

ไม่เคยร้องไห้หนักเช่นนี้มาก่อน ไม่อาจเค้นน้ำตาออกมาได้

โชคดีตอนเขามามีการเตรียมตัวเอาไว้ แอบทาน้ำขิงเอาไว้บนแขนเสื้อ ในที่สุดก็กระตุ้นน้ำตาออกมาจนได้

หากร้องไห้เช่นนี้คงต้องมีชีวิตลดลงหนึ่งปี

สตรีเหล่านั้นชอบร้องไห้นัก ไม่รู้ต้องมีอายุน้อยลงกี่ปี

เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ สตรีที่ชอบร้องไห้หลังอายุลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตยาวกับผู้ชาย

สวรรค์ช่างไม่เหลือทางรอดให้ผู้ชาย!

ความจริงนี้ช่างทำให้คนเสียใจ!

เขาที่รู้ความจริงนั้น ยิ่งร้องไห้ยิ่งเสียใจ!

หลิงฉางจื้อ “…”

เขาต้องตาลายอย่างแน่นอนที่วันหนึ่งเขามีโอกาสเห็นเซียวอี้ร้องไห้โฮ

เขาคือเซียวอี้ เจ้าเด็กชั่ว จะร้องไห้ได้อย่างไร

เซียวอี้ที่แม้แต่กระดูกหักยังไม่ส่งเสียงรู้ว่าต้องร้องไห้อย่างไรหรือ

มีน้ำตาหรือไม่

โอ้ย…

มีน้ำตาจริงด้วย!

ไม่เลว ไม่เลว…

เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวอย่างดี มีแผนการสำรอง

คุณค่าแก่การชื่นชม

เพียงแต่ท่าทางการร้องไห้อัปลักษณ์ยิ่งนัก

เห็นได้ชัดว่าไม่เคยฝึกฝนวิธีการร้องไห้มาก่อน

ไม่รู้ว่าวิธีการร้องไห้ที่น่าสงสาร การร้องไห้ที่จริงใจ ไม่รู้ว่าจะทำให้คนเกิดความเวทนาอย่างไร

จิ๊ๆ…

สุดท้ายแล้วเขายังเด็ก ประสบการณ์ไม่เพียงพอ

ค่ายทหารมีแต่พวกผู้ชายหยาบกร้าน

วิธีการร้องไห้ของเขาเช่นนี้ หากปล่อยเข้าไปในราชสำนัก เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเอา

หัวเราะอาจารย์ที่สอนเขา เหตุใดแม้แต่การร้องไห้ยังร้องไห้ไม่เป็น

ดูขุนนางเก่าบนราชสำนัก ผู้ใดไม่มีฝีมือการร้องไห้ชั้นดี ร้อนจนแม้แต่ฮ่องเต้ยังหมดสติไปได้

นั่นคือความสามารถ

แค่กๆ…

หลิงฉางจื้อทำหน้าปวดใจ เขาก้มตัว มือวางไว้บนไหล่ของเซียวอี้

“รู้ว่าตัวเองผิดก็พอ! รู้ผิดและสามารถแก้ไขได้ย่อมดี พวกเรายังเป็นพี่น้องกัน!”

เซียวอี้มองเขา อยากจะถามอย่างมาก “เหตุใดหน้าท่านจึงใหญ่เช่นนี้”

แต่เขาถามไม่ได้

เขาร้องไห้อย่างไร้เสียง น้ำขิงแสบตายิ่งนัก ไม่สบายเอาเสียเลย

ร้องไห้ครั้งหนึ่งเหนื่อยกว่าการทำสงครามเสียอีก

เป็นสตรีก็ไม่ง่าย!

โดยเฉพาะสตรีที่มักจะร้องไห้ ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือ

เขาอ้าปาก พูดอย่างจริงจัง “ขอบพระคุณท่านพี่ที่ใจกว้าง ไม่ถือสาข้า เพียงแต่ไม่รู้ท่านพี่ยังเต็มใจที่จะช่วยข้าหรือไม่”

หลิงฉางจื้อทำหน้าจริงจัง “เจ้าลองพูดมา ข้าจะช่วยเจ้าอย่างไร”

เซียวอี้ยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า “ขอให้ท่านพี่เป็นพ่อสื่อให้ข้า ช่วยเหลือเรื่องคู่ครองของข้า”

หลิงฉางจื้ออยากจะสะบัดกำปั้นขึ้นมากระทบหน้าของเซียวอี้อย่างแรง

เขารู้อยู่แล้วว่าเซียวอี้มาเยือนย่อมไม่มีเรื่องดี

เหตุใดเขาจึงหน้าหนา กล้ามาขอให้เขาช่วยเหลืออีก

เขารู้สึกปวดฟันในทันใด

มุมปากของเขากระตุกสองที “ไม่รู้น้องชายถูกใจคุณหนูตระกูลใด ท่าทีของผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเป็นอย่างไร”

น้ำเสียงของเซียวอี้จริงใจ “ขอบพระคุณท่านพี่ที่เป็นห่วง! คนที่ข้าถูกใจ ความจริงแล้วท่านพี่ก็รู้จัก อีกทั้งยังคุ้นเคยอย่างมาก ระยะหลายเดือนนี้ ได้ยินท่านพี่มักจะไปจวนของนาง เป็นพ่อสื่อให้นาง”

เอ๊ะ?

หลิงฉางจื้อปวดฟันกราม

เขายกแก้วชาขึ้นปิดบังรอยยิ้มเสียดสีที่มุมปาก จากนั้นถามอย่างจริงจัง “เจ้าหมายถึง?”

“คุณหนูสี่ตระกูลเยียนแห่งจวนองค์หญิงจู้หยาง”

“อะไรนะ คุณหนูที่เจ้าถูกใจคือเยียนอวิ๋นเกอ? เจ้า…เจ้าจะให้ข้าว่าเจ้าอย่างไรดี”

“ท่านพี่ไม่เต็มใจหรือ” เซียวอี้มองเขาด้วยสีหน้าจริงใจ ราวกับนายน้อยที่ไร้เดียงสา

หลิงฉางจื้อทนเห็นสีหน้านั้นของอีกฝ่ายไม่ได้ รู้สึกเหมือนเหยียดหยามคำว่าไร้เดียงสา

โธ่เอ้ย อยากจะชกหน้ากากของเซียวอี้ให้เละเสียจริง

เขากระแอมไอเสียงเบา “ไม่ใช่ไม่เต็มใจ แต่เรื่องนี้ไม่อาจสำเร็จได้”

“ท่านพี่ยังไม่ทันไปสู่ขอ จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่สำเร็จ ข้าคิดไปคิดมา หากท่านพี่ไม่เป็นพ่อสื่อให้คุณหนูสี่ ไม่แน่ข้าอาจหมั้นหมายกับเยียนอวิ๋นเกอแล้ว”

ฝันไปเถิด!

“เจ้ากำลังตำหนิว่าข้าขัดขวางเรื่องของเจ้าหรือ”

หลิงฉางจื้อทำหน้าเจ็บปวด

เซียวอี้ก้มหัวเล็กน้อย “ท่านพี่เข้าใจผิดแล้ว! ความหมายของข้าคือ นับจากวันนี้ ท่านอย่าได้เป็นพ่อสื่อให้คุณหนูสี่ ข้าจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น”

หลิงฉางจื้อถอนหายใจยาว “เจ้ากำลังตำหนิข้าจริงด้วย! หากเจ้ายอมบอกความคิดของเจ้ากับข้าตั้งแต่แรก ระหว่างพวกเราพี่น้องก็ไม่มีความเข้าใจผิดมากเพียงนี้”

“เต็มใจช่วยข้าหรือไม่” เซียวอี้ถามอย่างตรงไปตรงมา คำพูดอ้อมค้อมไม่เหมาะกับเขา ปวดหัว

หลิงฉางจื้อเลิกคิ้ว ไม่ตอบ

เซียวอี้หัวเราะ “ช่วยข้า ไม่มีผลเสียกับท่าน”

“แต่สำหรับข้ามันก็ไม่มีผลประโยชน์” หลิงฉางจื้อหัวเราะตาม

ในที่สุดลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ก็ยอมถอดหน้ากากออก พูดคุยอย่างจริงจัง

การพูดคุยก่อนหน้านี้ ช่างเหนื่อยยิ่งนัก

เซียวอี้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจุ่มน้ำชาเพื่อเช็ดดวงตา

เมื่อเช็ดแล้ว ดวงตาก็สบายขึ้นอย่างมาก

หลิงฉางจื้อชี้เขาพลันหัวเราะ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องใช้กลอุบาย ทาน้ำขิงหรือน้ำหัวหอม”

เซียวอี้กลอกตา “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าแต่งงานกับอวิ๋นเกอจะไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน อย่าด่วนสรุปนักเลย ท่านพี่ใหญ่ของข้า!”

หลิงฉางจื้อหัวเราะเยาะ “ลองพูดดูว่ามีผลประโยชน์ใดต่อข้า หญิงสาวที่ดีอย่างเยียนอวิ๋นเกอ เจ้าไม่คู่ควรจริงๆ เจ้าอย่าคิดเลย ข้าจะหาคุณหนูตระกูลขุนนางให้เจ้าแทน ทั้งอ่อนโยนทั้งมีสติปัญญา เป็นอย่างไร!”

“คุณหนูที่ทั้งมีคุณธรรมทั้งอ่อนโยน ท่านเหลือไว้อุ่นเตียงให้ตัวเองเถิด! ข้าต้องการแค่เยียนอวิ๋นเกอ”

“เจ้ากลับไปนอนฝันกลางวันได้แล้ว!”

หลิงฉางจื้อหัวเราะเสียงเย็น ไม่อยากคุยกับเซียวอี้ต่อ

เซียวอี้จ้องมองเขา พูดอย่างจริงจัง “พวกเราเป็นพี่น้องกันหรือไม่ ปล่อยให้อวิ๋นเกอแต่งงานกับคนนอก สู้แต่งงานกับข้าเสียดีกว่า ต่อจากนี้ท่านต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด สั่งมาได้เลย ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”

…………………………………….

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท