จูเจียนเฉียงมองหลี่โม่ที่เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ ตัวเองก็เดินถอยหลังไปทีละก้าว ๆ ตามจังหวะเดินของหลี่โม่ไปด้วย แต่ในใจกลับตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว
ชั่วขณะนี้เอง ผู้จัดการคนหนึ่งของป่ายเล่อฮุ่ย ก็เดินฝ่าแยกกลางกลุ่มของสาว ๆ บาร์เกิร์ลที่ยืนกินเผือกกันอยู่ สับเท้าก้าวเดินยาว ๆ เข้ามาในห้อง
เมื่อผู้จัดการเดินเข้ามาเห็นจูเจียนเฉียง ดวงตาก็เป็นประกายเจิดจ้า ในใจก็คิดว่านี่ไม่ใช่นายน้อยตระกูลจูที่ใช้เงินเหมือนน้ำคนนั้นหรอกเหรอ?
ถ้างัดเขาให้กลายมาเป็นลูกค้าของตัวเองได้ หลังจากนี้ไปทุก ๆ เดือนคงจะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้นไม่น้อยแน่! ผู้จัดการเห็นจูเจียนเฉียง ก็รู้สึกเหมือนได้เห็นเงินสีขาวเรืองรองเป็นฟ่อน ๆ ลอยมาเลยทีเดียว
เมื่อมองดูหลี่โม่ที่ไม่คุ้นหน้าเลยแม้แต่น้อยเสร็จผู้จัดการก็กวาดตามองพวกหานเมิ่งสี่คนที่ใช้มือกุมที่หัวใจกับหน้าท้อง นอนร้องโอดโอยกลิ้งเกลือกไปมาอยู่บนพื้น
สุดท้าย ผู้จัดการก็มองไปที่กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงที่นั่งอยู่บนโซฟา คาดเดาเอาว่านี่คงเป็นข้อพิพาทที่เกิดจากความหึงหวงเป็นแน่
หลังจากตัดสินสถานการณ์ภายในห้องแล้ว ผู้จัดการก็มองหลี่โม่อย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังจากยืนยันได้ว่าหลี่โม่ไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินจากตระกูลดังที่ไหน ผู้จัดการจึงตัดสินใจเด็ดขาดได้ว่า จะเลือกเกาะต้นขาของจูเจียนเฉียงให้มั่น
ผู้จัดการเดินไปข้าง ๆ จูเจียนเฉียง ชี้หน้าหลี่โม่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “นายกล้ามาก่อเรื่องในป่ายเล่อฮุ่ยงั้นเหรอ? ใครให้ความกล้าหาญนี้กับนายไม่ทราบ!”
ทันทีที่ผู้จัดการของป่ายเล่อฮุ่ยมาถึง ก็ช่วยพูดแทนจูเจียนเฉียงทันที ทำให้ชั่วขณะนั้น จูเจียนเฉียงพลันรู้สึกว่าตัวเองมีคนสนับสนุน จึงกลับมามีความกล้าขึ้นโดยพลัน: “ผู้จัดการท่านนี้ กับอันธพาลประเภทนี้น่ะ คุณให้พวกรักษาความปลอดภัยของคุณมาจัดการไล่ตะเพิดเขาออกไปซะจะดีกว่านะ!”
จูเจียนเฉียงพูดไปพลาง ก็ส่งสายตาสื่อเป็นนัยว่าให้ตีมันให้ตายซะ ไปให้ผู้จัดการคนนั้น
ผู้จัดการสามารถเข้าใจได้ภายในไม่กี่วินาที หยิบเครื่องรับส่งวิทยุจากหลังเอวขึ้นมาแล้วเรียก:
“เรียกหน่วยรักษาความปลอดภัย เรียกหน่วยรักษาความปลอดภัย”
“หน่วยรักษาความปลอดภัยรับทราบ โปรดรายงาน”
“ในโซน A ห้องส่วนตัวขนาดเล็ก มีคนก่อความไม่สงบ ทำร้ายคนได้รับบาดเจ็บไปสี่คน ขอเชิญหัวหน้าโสง จากหน่วยรักษาความปลอดภัยนำคนมาจัดการด้วย”
“เยสเข้ ! ทำให้คนบาดเจ็บไปสี่คนงั้นหรอ? รอก่อนนะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้” เสียงอุทานของหน่วยรักษาความปลอดภัยดังออกมาจากเครื่องรับส่งวิทยุ จากนั้นก็เงียบไป
เฉินเสี่ยวถงยืนขึ้นด้วยความโกรธ ชี้ไปที่ผู้จัดการแล้วพูดว่า “เป็นพวกเขาที่บุกเข้ามาในห้องของพวกเราแล้วลงมือก่อนแท้ ๆ คุณเป็นผู้จัดการ ทำไมไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีแบบนี้ล่ะ?”
“ป่ายเล่อฮุ่ยเรา จำเป็นต้องรับรองความปลอดภัยส่วนบุคคลของแขกทุกท่าน สิ่งที่ทางเราได้เห็นตอนนี้คือ เขาทำร้ายคนจนได้รับบาดเจ็บไปสี่คน ในเมื่อเขาทุบตีคนไปแล้ว เราจึงต้องให้คำอธิบายกับฝ่ายที่ถูกทำร้ายก่อน”
“นี่!……”
เฉินเสี่ยวถงยังอยากจะพูดต่อ แต่หลี่โม่ส่งสายตาสงบนิ่งไปให้เธอแวบหนึ่ง แล้วเดินไปนั่งตรงกลางระหว่างผู้หญิงทั้งสอง: “หมามันกัดคน คนยังต้องไปกัดมันกลับรึไงล่ะ? มันก็ต้องใช้ไม้ตีหมาตีหมากลับไปสิ เป็นการสอนบทเรียนให้หมามันรู้จักเรียนรู้ซะบ้าง”
“แม่งขนาดนี้แล้วแกยังแกล้งทำเป็นไม่แยแสอยู่อีกเหรอวะ! รอให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของป่ายเล่อฮุ่ยมาถึงก่อนเถอะ แกได้เจอเรื่องโชคร้ายแน่!”
จูเจียนเฉียงจ้องมองหลี่โม่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม ในใจก็จินตนาการถึงฉากที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของป่ายเล่อฮุ่ยมาถึง แล้วมาซ้อมหลี่โม่ให้น่วมไปเลยยิ่งดี
ผู้จัดการมองหลี่โม่ที่ยังคงทำตัวชิล ๆ สบาย ๆ เหมือนมิได้นำพาว่าเรื่องเดือดร้อนจะมาถึงตัว จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย รู้สึกว่าท่าทางของหลี่โม่ดูสงบเกินไปแล้ว หรือเขาจะยังมีทางหนีทีไล่อื่นอีก? ดูเหมือนว่าถ้าทีมรปภ.มาถึง ต้องรีบให้ทีม รปภ.ชิงลงมือก่อนคงจะดีกว่า
ไม่นานทีมเจ้าหน้าที่รปภ.ที่มากความสามารถ ก็เข้าไปในห้องที่หลี่โม่และคนอื่น ๆ อยู่
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยมีส่วนสูงถึง 1.9 เมตร รูปร่างกำยำแข็งแรง นั่นคือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย หัวหน้าโสง
“สถานการณ์เป็นยังไง?” หัวหน้าโสงเข้ามาพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยทีมหนึ่ง กวาดสายตามองสี่คนที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น จากหันจึงหันไปมองหลี่โม่ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา
หลังจากเห็นหน้าหลี่โม่ชัด ๆ เปลือกตาของหัวหน้าโสงก็กระตุกอย่างแรง รู้สึกว่าหนังหัวตัวเองชาหนึบ ทำไมผู้ทรงอิทธิพลท่านนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้!
“หัวหน้าโสงมาแล้วเหรอ!” เมื่อเห็นหัวหน้าโสงนำทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึง ผู้จัดการก็รีบพูดทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น
จากนั้นผู้จัดการก็ดึงหัวหน้าโสงมาตรงหน้าจูเจียนเฉียง แล้วพูดว่า: “หัวหน้าโสง นี่คือลูกค้ารายใหญ่ของป่ายเล่อฮุ่ยเรา คุณชายจู เมื่อครู่นี้เพื่อน ๆ ทั้งสี่ท่านของคุณชายจูถูกผู้ใช้ความรุนแรงทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ คุณชายจูก็ถูกคุกคามความปลอดภัยส่วนบุคคลเช่นกัน”
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ยังคงมีท่าทีสงบผ่อนคลายไม่แยแสเหมือนเดิม จูเจียนเฉียงก็โกรธจนปอดแทบจะระเบิดให้ได้แล้ว
เมื่อเห็นว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยของป่ายเล่อฮุ่ยมาถึงแล้ว เขาจึงตัดสินใจใช้เงินฟาดหัวทันที เพื่อให้หน่วยรักษาความปลอดภัยจัดการหลี่โม่ให้เละ
“หัวหน้าโสง ขอแค่คุณช่วยฉันจัดการไอ้อันธพาลหลี่โม่นั่น ฉันจูเจียนเฉียงจะต้องมีการขอบคุณหนัก ๆ ให้คุณอย่างแน่นอน” ตอนที่พูด จูเจียนเฉียงเน้นออกเสียงคำว่า ขอบคุณหนัก ๆ อย่างมีนัยยะ เมื่อได้ยินคำว่า “หลี่โม่” สองคำนี้จากคำพูดของจูเจียนเฉียง ร่างกายของหัวหน้าโสงก็สั่นกระตุกไปเฮือกหนึ่ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น นึกอยากหาคำด่าพ่อล่อแม่ไปพ่นใส่หน้าจูเจียนเฉียงซักประโยคจริง ๆ
พวกหน้าโง่พวกนี้จะหาเรื่องใครดันไม่หา ทำไมดันต้องไปหาเรื่องขาใหญ่ที่ทรงอิทธิพลคนนี้ด้วยวะ นี่พวกแกคิดจะลากพวกเราให้ซวยไปด้วยรึไง!
หัวหน้าโสงไม่สนใจจูเจียนเฉียงเลยซักนิด แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มแบบประจบสอพลอเต็มที่ วิ่งเหยาะ ๆ ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลี่โม่
พรึบ!
หัวหน้าโสงแสดงการคำนับหลี่โม่ แล้วพูดทักทายอย่างแข็งขันว่า “สวัสดีครับคุณหลี่ ผมคือเจ้าโสง ลูกน้องของท่านเทียน โปรดชี้แนะด้วยครับ!”
ปฏิกิริยาของหัวหน้าโสง เกินความคาดหมายของทุกคนในที่นี้ไปมาก ทุกคนต่างพากันมองหลี่โม่กับหัวหน้าโสงด้วยความตกใจจนปากอ้าตาค้าง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นไปชั่วขณะ
“หัวหน้าโสง ลองไปถามคนที่พูดว่าจะขอบคุณให้หนักเมื่อกี้หน่อยซิ ว่าจะขอบคุณพวกนายหลังจากที่จัดการกับอันธพาลอย่างฉันได้หนักขนาดไหนงั้นเหรอ?”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ !”
หัวหน้าโสงพูดจบ ก็ขยิบตาเป็นสัญญาณให้กับลูกน้องในทีมรปภ. ทันใดนั้นก็มีรปภ.สองคนพุ่งออกมา คว้าแขนทั้งสองข้างของจูเจียนเฉียงไว้แน่น จากนั้นจึงยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่ข้อพับหัวเข่าของจูเจียนเฉียงอย่างไม่ปราณี
ตึง!
จูเจียนเฉียงถึงกับร่วงลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นตรง ๆ ในขณะที่ถูกรปภ.สองคนล็อกตัวไว้จนแน่น
หัวหน้าโสงเดินเข้าไปหาจูเจียนเฉียงแล้วนั่งยอง ๆ ลงไป มือข้างหนึ่งจิกทึ้งผมของจูเจียนเฉียงจนเต็มกำมือ: “ไอ้หนู แกไม่ได้ยินคำถามของคุณหลี่เหรอวะ? แกเตรียมจะให้คำขอบคุณหนักแค่ไหน หา!? ”
แขนของจูเจียนเถียงถูกยึดไว้แน่น ผมก็ถูกหัวหน้าโสงจิกทึ้ง ชั่วขณะนั้นรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสมเพชพลางพูดว่า : “อ้าก! เจ็บ… ผู้จัดการ! รปภ.ของพวกแกทำอะไรอยู่วะเนี่ย? ฉันเป็นลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่นะ เดือนนึง ๆ ฉันมาใช้จ่ายที่ป่ายเล่อฮุ่ยนี่มากกว่าล้านด้วยซ้ำ พวกแกมาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!”
ผู้จัดการที่ตอนแรกยังตกอยู่ในความงงงันอยู่ พอได้ยินเสียงของจูเจียนเฉียงแล้ว จึงได้สติกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง หันไปมองหัวหน้าโสงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา : “หัวหน้าโสง นั่นคุณทำอะไรของคุณน่ะ!”
หัวหน้าโสงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องเขม็งไปที่ผู้จัดการ พูดขึ้นว่า “อย่าพูดให้มากเกินไปนัก ไม่งั้นจะไม่มีใครปกป้องแกได้นะ”
ผู้จัดการมองไปที่ดวงตาอันดุร้ายของหัวหน้าโสง ถูกทำให้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หัวหน้าโสงพูดจบก็ก้มหน้าลงต่อ ยื่นมือที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับใบพัดออกไปตบหน้าจูเจียนเฉียงหนัก ๆ
เพี๊ยะ!
ใบหน้าของจูเจียนเฉียงถึงกับเป็นสีแดงก่ำพอ ๆ กับฝ่ามือที่ตบลงมา: “ไอ้หนู ฉันถามแกอยู่นะ เตรียมจะขอบคุณหนักแค่ไหน?”
จูเจียนเฉียงฝืนทนความเจ็บปวด เจ็บจนน้ำมูกน้ำตาไหลลงมาไม่หยุด พูดด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาว่า: “เตรียมจะ… ขอบคุณ.. ขอบคุณหนึ่งแสน ให้หนึ่งแสน!”
“แค่แสนเดียวเองเหรอ? จูเจียนเฉียง แกนี่ใจแคบเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?” หลี่โม่ปรายตามองจูเจียนเฉียงด้วยสายตาสัพยอก พูดต่อไปว่า: “ในเมื่อแกคิดจะใช้เงินหนึ่งแสนซื้อคนมาซ้อมฉัน งั้นในทางกลับกัน ฉันก็จะใช้มาตรฐานนี้กลับคืนไปให้แกก็แล้วกัน หัวหน้าโสง ตีขาทุกข้างของเขาให้หักเป็นห้าท่อนซะ”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”
หัวหน้าโสงตอบรับเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้กับ รปภ. ในทีม ทีม รปภ.ก้าวขึ้นมารวมตัวกันข้างหน้า ดึงขาของจูเจียนเฉียงเตรียมจะทุบตีให้หัก
“อ๊า! ไม่นะ! อย่า! อย่า ! หลี่โม่ หลี่โม่ ขอโทษนะ! โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ!”