ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 339 จุดจบของเหยาอี้หนิง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 339 จุดจบของเหยาอี้หนิง(1)

ตอนที่ 339 จุดจบของเหยาอี้หนิง(1)

เมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาวตัวเอง เซี่ยปิงชิงก็ปรายตามองเซี่ยปิงหรุ่ย ก่อนจะบอกกล่าว “เจอกันได้ยังไงน่ะเหรอ ก็เจอกันระหว่างทางน่ะสิ”

“เธอ…”

เซี่ยปิงหรุ่ยมองน้องสาวคนนี้ด้วยท่าทางไม่ค่อยสู้ดี ก่อนจะบอกล่าว “เธอตอบอย่างนี้ก็ไม่ต้องตอบยังดีกว่า”

หลังจากพูดจบหล่อนก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ขอความเห็นเธอหน่อยสิ น้องสาวฉันคนนี้ตั้งแต่เด็กไม่เคยทำตัวน่ารักเลย พูดจาก็ขวานผ่าซากซะจะทำเอาคนดิ้นตาย”

“ปิงชิงก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ หล่อนดีมากเลย”

เพราะเป็นผู้ช่วยชีวิต ฉินมู่หลานจึงคิดว่าเซี่ยปิงชิงค่อนข้างนิสัยดี ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพูดเยอะ แต่ก็จิตใจดี เห็นพ่อบุญธรรมบาดเจ็บก็ยื่นมือเข้าช่วย

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ จึงหันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจก่อนจะบอกว่า “มู่หลาน เธอว่าน้องสาวของฉันค่อนข้างดีอย่างนั้นเหรอ จริงหรือหลอกเนี่ย ขนาดฉันที่เป็นพี่สาวบางครั้งยังทนไม่ค่อยได้เลย”

“พูดจริงสิ ปิงชิงไม่ได้พูดแบบนั้นเลย”

“มู่หลาน อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกของหล่อนหลอกเธอได้นะ เจ้าเด็กนี่พูดจาแย่มาก”

ฉินมู่หลานก็ยกยิ้ม ก่อนจะบอกกล่าว “ปิงหรุ่ย ปิงชิงเป็นสหายที่ดี”

หลังจากพูดจบก็เอ่ยเล่าเรื่องที่เซี่ยปิงชิงช่วยเหลือเจี่ยงสือเหิงเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนหล่อนยังไงดี”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดหันมองเซี่ยปิงชิงแล้วเอ่ยพูดเสียไม่ได้ “เธอยังรู้จักช่วยคนด้วยเหรอเนี่ย น่าเหลือเชื่อมากเลย”

เซี่ยปิงชิงปรายตามองพี่สาวตัวเองอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดขึ้น “มีอะไรน่าเหลือเชื่อขนาดนั้น ฉันก็แค่ช่วยคน”

ในตอนนั้นเอง เจี่ยงสือเหิงก็เดินออกมาหลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว

เขาเอ่ยทักเซี่ยปิงชิง หลังจากนั้นก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดี นักศึกษาเซี่ย”

เป็นเพราะเป็นเพื่อนร่วมคณะของมู่หลาน เขาจึงเรียกแบบนั้น “ลุงเป็นพ่อบุญธรรมของมู่หลาน น้องสาวของเธอช่วยชีวิตลุงไว้ ต้องขอบคุณมากจริง ๆ”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ จึงรีบหันไปมอง เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิง จึงอดหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “มู่หลาน นี่…คือพ่อบุญธรรมของเธอจริงเหรอ? ไม่ใช่พี่ชายเหรอ?”

ถึงแม้ว่าเจี่ยงสือเหิงจะอายุมากแล้ว แต่เขาเหมือนเพิ่งอายุสามสิบปีเท่านั้น เพื่อนในคณะบางคนยังดูแก่กว่าเขาเลย

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ใช่จริง ๆ สิ ฉันจะหลอกเธอทำไม”

ในตอนนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้เข้าใจถึงการกระทำของน้องสาวแล้ว ตอนที่ยังเป็นเด็ก เซี่ยปิงชิงก็ให้ความสำคัญกับคนที่รูปร่างหน้าตา น้องสาวจึงเลือกช่วยเฉพาะคนที่หน้าตาดี มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

“สวัสดีค่ะคุณลุง หนูเป็นเพื่อนร่วมคณะของมู่หลาน แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมหอพักด้วย หนูชื่อเซี่ยปิงหรุ่ย ส่วนเรื่องที่น้องสาวของหนูช่วยคุณลุง นั่นเป็นหน้าที่ของหล่อนอยู่แล้วค่ะ เพราะครอบครัวของเราร่ำเรียนวิชาแพทย์กันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นคนบาดเจ็บจึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”

แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยปิงชิงก็พูดขัดทันที

“เธอพูดผิดแล้ว เป็นเธอต่างหากที่เรียนตั้งแต่เด็ก ฉันไม่ได้เรียน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ปรายตามองเซี่ยปิงชิงก่อนจะพูดขึ้น “เธอหุบปาก”

เซี่ยปิงชิงเห็นแบบนี้ จึงยักไหล่ แล้วไม่พูดอะไรอีก

ฉินมู่หลานปรายตามองสองคนพี่น้องด้วยท่าทางสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมาย และหันไปมองแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิงแทน “พ่อคะ พ่อยังบาดเจ็บอยู่ ไปพักผ่อนก่อนไหมคะ”

เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ จึงส่ายหัว แล้วเอ่ยขึ้น “พ่อไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อยเอง” หลังจากพูดจบเขาก็หันไปถามเซี่ยปิงชิง “พวกเธอสองคนพี่น้องอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”

“ได้ค่ะ”

เซี่ยปิงชิงเป็นฝ่ายพยักหน้าก่อน

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นแบบนี้ก็พยักหน้าเหมือนกัน

ในตอนนี้ ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็เดินมาหา “มู่หลาน ชิงชิงกับเฉินเฉินเพิ่งตื่น เริ่มร้องหาลูกอีกแล้ว” หลังจากฉินมู่หลานออกไปข้างนอก เด็กทั้งสองก็ร้องตามแม่ ในเมื่อตอนนี้กลับมาแล้ว เจี่ยงสือเหิงก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว มันจึงดีมาก

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วยื่นมือไปหาเด็กทั้งสอง

“ชิงชิง เฉินเฉิน พวกลูกคิดถึงแม่เหรอ”

“อา…มา…มา…”

ทันใดนั้น ชิงชิงก็ยื่นมือมาออกมายตรงหน้านมู่หลาน ก่อนจะส่งเสียงเรียกหา ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดถ้อยชัดคำสักเท่าไหร่นัก แต่ฉินมู่หลานก็พอเข้าใจว่าเด็กหญิงกำลังเรียกหาแม่อยู่

“ชิงชิงเรียกแม่ได้แล้ว”

หลังจากพูดจบ ใบหน้าของฉินมู่หลานก็ตื่นเต้น แล้วตรงปรี่เข้าไปอุ้มลูกสาว แต่เธอก็ไม่ลืมลูกชายเหมือนกัน มือแต่ละข้าง อุ้มเด็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดีใจเหมือนกัน

“ไอ้หยา…ชิงชิงพูดได้เร็วจัง เรียกหม่าม้าได้แล้ว” พูดจบกอดหันไปแซวเด็กน้อยเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไหนลองเรียกคุณย่า/คุณยายหน่อยเร็ว”

เพียงแต่ชิงชิงกำลังอยู่กับฉินมู่หลาน จึงไม่ได้สนใจทั้งสองคน

ในตอนนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่อีกด้านก็ได้ตะลึงงันไปเรียบร้อยแล้ว พลางหันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถาม “เธอ…เธอมีลูกแล้วเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะหันไปให้เซี่ยปิงหรุ่ยได้เห็นลูกทั้งสองคน “นี่คือชิงชิง ส่วนนี่เฉินเฉิน พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ชิงชิงเป็นน้องสาว เฉินเฉินเป็นพี่ชาย”

“เธอ…เธอ…”

เซี่ยปิงหรุ่ยยังรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อ “เธอไม่เห็นเคยบอกเลยว่าแต่งงานมีลูกแล้ว”

“ก็เธอไม่ได้ถามนี่นา”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่พูดอะไรแล้ว หล่อนไม่เคยถามจริง ๆ เพราะฉะนั้นจึงยอมรับอย่างรวดเร็ว เพราะหญิงสาวในวัยนี้ต่างแต่งงานกันเร็ว มีอยู่น้อยคนมากที่อยู่ในวัยนี้แล้วยังไม่มีคู่ครอง

ในตอนนั้นเอง เซี่ยปิงชิงที่อยู่อีกด้านก็เปิดปาก

“ลูกสาวเธอชื่อชิงชิงเหรอ คล้ายกับชื่อของฉันเลย” พูดจบก็มองชิงชิงด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

ชิงชิงก็มองดูคุณน้าแสนสวยที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยกยิ้มให้

เซี่ยปิงชิงไม่ค่อยชอบเด็กมากนัก แต่เมื่อเห็นสาวน้อยน่ารักขนาดนี้ สีหน้าก็โอนอ่อนลง พลางโบกมือให้ชิงชิง แล้วเอ่ยทัก “สวัสดีจ้า”

ชิงชิงเองก็โบกมือเลียนแบบกลับไปให้เหมือนกัน

“น่ารักจัง”

เซี่ยปิงชิงหันมองฉินมู่หลานอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันขอลองอุ้มหน่อยได้ไหม?”

“ได้อยู่แล้ว”

ฉินมู่หลานรีบเดินเข้าไปแล้วส่งเด็กให้ทันที

ชิงชิงเองก็ไม่ขัดขืน นอกจากนี้ยังยื่นแขนไปหาเซี่ยปิงชิงด้วย

เซี่ยปิงชิงลองอุ้มเด็กเป็นครั้งแรก ในตอนแรกจึงไม่ค่อยชินนัก แต่โชคดีที่หลังจากผ่านไปสักพักก็คุ้นชินมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่อุ้มก็หยอกล้อเล่นกับเด็กไปด้วย พลางพูดขึ้น “ชิงชิง ชิงชิงตัวน้อย หลานกับน้าชื่อคล้ายกันเลยนะ เอาไว้รอหนูโต ก็จะสวยเหมือนน้าตอนเป็นผู้ใหญ่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดพูดไม่ได้ “เซี่ยปิงชิง จะมีใครหลงตัวเองได้ขนาดนั้น”

“มีสิ ฉันไง”

เมื่อเห็นสองคนพี่น้องพูดจาหยอกล้อกัน ซูหว่านอี๋ก็อดพูดขึ้นจากอารมณ์ภายในใจลึก ๆ เสียไม่ได้ “พวกเธอสองคนพี่น้องสนิทกันมากเลยนะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยรีบหันไปบอกกล่าวทันที “คุณน้าคะ น้ามองผิดแล้ว พวกเราสองคนพี่น้องไม่ได้สนิทกันเลยค่ะ”

ซูหว่านอี๋หัวเราะ ไม่คิดหลงเชื่อเลยสักนิด ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้วล่ะ ปิงชิงเป็นคนที่งดงามมาก จากนี้ไปชิงชิงของเราก็จะเป็นสาวน้อยแสนสวยเหมือนกัน”

ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกัน เหยาจิ้งจือก็อดหันไปถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “มู่หลาน อาหลี่จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

รักกันดีตีกันตายจริงๆ สองสาวคู่นี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท