ตอนที่ 351 เข้าอาศัย(1)
ตอนที่ 351 เข้าอาศัย(1)
เมื่อเซี่ยฉางชิงเห็นเติ้งซูหลาน สีหน้าก็เรียบเฉยไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ สิ่งเดียวที่เขาคิดในตอนนี้คือเรื่องการเสียชีวิตของหว่านอวี๋
หากการคาดเดาของมู่หลานเป็นจริง ดังนั้นผู้หญิงตรงหน้านี่ก็คือนังอสรพิษที่ลงมือฆ่าหว่านอวี๋
แต่ในเมื่อยังไม่พบหลักฐาน เซี่ยฉางชิงจึงไม่อาจแสดงอะไรให้เติ้งซูหลานได้เห็นได้ เขาจึงค่อย ๆ สงบอารมณ์ลง แล้วกล่าวขึ้น “ในเมื่อคุณได้ยินหมดแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความอีก ผมจะพามู่หลานกลับมาที่บ้านให้เร็วที่สุด จากนั้นก็จะจัดงานเลี้ยงรับรอง ให้ทุกคนในเมืองหลวงได้รับรู้ว่าฉินมู่หลานเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลเซี่ยเรา และเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของผม เซี่ยฉางชิง”
พวกเขาเคยไปเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองของตระกูลเหยา ครั้งนี้ถึงคราวของตระกูลเซี่ยอย่างพวกเขาบ้างแล้ว
นายท่านเซี่ยและคุณนายเซี่ยเห็นว่าลูกชายคนเล็กใจร้อนขนาดนี้ จึงขมวดคิ้วฉับทันที ย้อนกลับไปตอนนั้น ลูกชายคนเล็กอยากจะแต่งงานกับซูหว่านอวี๋มาก หากพวกเขาไม่ได้ขวางเอาไว้ ตอนนี้เขาอาจได้แต่งงานกับซูหว่านอวี๋แล้วจริง ๆ เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะจบไปนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าลูกสาวแท้ ๆ ของลูกชายคนเล็กกับซูหว่านอวี๋จะปรากฎตัวขึ้นมากะทันหัน
“ฉางชิง เรื่องนี้ต้องตกลงกันก่อน นอกจากนี้แกแน่ใจได้ยังไงว่าฉินมู่หลานคือลูกสาวแท้ ๆ ของแกกับซูหว่านอวี๋ ถ้าเกิดว่าซูหว่านอี๋หลอกแกล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็แสดงหลักฐานออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “หลักฐานทั้งหมดอยู่นี่แล้ว ทุกคนแค่ลองดู อีกเดี๋ยวก็จะเข้าใจว่ามู่หลานเป็นลูกแท้ ๆ ของผมครับ”
นายท่านเซี่ยเป็นคนเริ่มก่อน เขากวาดตามองจนทั่ว จากนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะกล่าวขึ้น “ไม่คิดเลยว่าซูหว่านอวี๋จะคลอดลูกเพียงลำพังตัวคนเดียว”
“ฉินมู่หลานคนนั้นเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของฉางชิงจริงด้วย”
คุณนายเซี่ยอดไม่ได้ที่จะอ่านข้อมูล สุดท้ายก็เชื่อผลลัพธ์ที่ออกมา เมื่อคิดไปถึงว่าฉินมู่หลานเป็นหลานสะใภ้ของนายท่านเหยาและเป็นลูกสาวบุญธรรมของเจี่ยงสือเหิง นางก็รู้สึกว่าการรับหลานสาวคนนี้กลับมานั้นถือเป็นเรื่องดี
เพียงแต่…
คุณนายเซี่ยหันมองเติ้งซูหลาน ก่อนจะเอ่ยแนะนำอย่างมีชั้นเชิง “ซูหลานเอ๊ย ยังไงหล่อนก็เป็นลูกหลานของตระกูลเซี่ยเรา เพราะฉะนั้นเธอก็อย่าคิดมากเลย ถือว่าเพิ่มตะเกียบที่บ้านขึ้นมาอีกคู่สองคู่แล้วกัน”
เมื่อเห็นนายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยเป็นแบบนี้ เติ้งซูหลานก็ทราบว่าพวกเขาตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว และทราบว่ากุญแจสำคัญของเรื่องนี้คือเซี่ยฉางชิง หล่อนจึงหันไปถามเขา “คุณตัดสินใจเรียบร้อยแล้วเหรอคะว่าจะรับฉินมู่หลานกลับมา?”
“ใช่”
เซี่ยฉางชิงเอ่ยหนักแน่น แววตาไร้ซึ่งความลังเล
เติ้งซูหลานถลึงมองเซี่ยฉางชิง ก่อนจะเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “ดี…ดีจริง…คุณช่างเป็นคนดีจริง ๆ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
คุณนายเซี่ยรู้สึกกังวลนิดหน่อย
“ฉางชิง แกไม่ตามไปดูหน่อยเหรอ เรื่องรับฉินมู่หลานกลับมาน่ะค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ไปโน้มน้าวซูหลานก่อนเถอะ”
นายท่านเซี่ยก็เห็นพ้องต้องกัน ด้วยไม่อยากเห็นที่บ้านมีปัญหา
แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยฉางชิงกลับเอ่ยด้วยท่าทางเย็นชา “ไม่ต้องหรอกครับ ซูหลานจะเห็นด้วยหรือไม่ ผมก็จะพามู่หลานกลับมา”
“ฉางชิง แก…”
อีกด้านหนึ่ง เติ้งซูหลานรีบมาหาเซี่ยอวี่หรง ก่อนจะบอกว่าเซี่ยฉางชิงอยากรับฉินมู่หลานกลับมา
“อะไรนะคะ…ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
เซี่ยอวี่หรงพลันมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ “พ่อรู้เรื่องตัวตนของฉินมู่หลานได้ยังไง เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เติ้งซูหลานกล่าวพร้อมหน้าตายับยู่หน้าเกลียด “เป็นไปได้มากว่าจะรู้มานานแล้ว วันนี้เขาเอาข้อมูลที่ไปสืบมายืนยันกับผู้อาวุโสทั้งสองคน คงคิดมาตั้งนานแล้วว่าฉินมู่หลานเป็นลูกนอกสมรสของเขากับซูหว่านอวี๋”
เมื่อนึกไปว่าเซี่ยฉางชิงรู้ตัวตนของฉินมู่หลานตั้งนานแล้วแต่ไม่แสดงออกแม้แต่น้อย หล่อนก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ผุดซึมเต็มแผ่นหลัง
หล่อนกับเซี่ยฉางชิงเป็นคู๋รักที่สนิทกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้เซี่ยฉางชิงกลับปิดบังหล่อน เขาไม่สนใจความรู้สึกของหล่อนเสียด้วยซ้ำและยืนยันว่าจะพานังคนต่ำทรามนั่นกลับมาบ้าน
เมื่อเห็นแม่พูดแบบนั้น เซี่ยอวี่หรงก็ไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เธอหันมองเติ้งซูหลานแล้วเอ่ยถาม “แม่ เราจะให้พื้นที่กับฉินมู่หลานเหรอ ถ้าพวกเราไปก็เข้าทางใครบางคนไม่ใช่เหรอคะ”
ตอนแรกเติ้งซูหลานไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวบอกก็พลันรู้สึกว่าสมเหตุผล
“แกพูดถูก งั้นพวกเราไม่ต้องไปหรอก อยู่ที่บ้านดีกว่า ฉันอยากจะเห็นนักว่าเซี่ยฉางชิงจะทำอะไรได้อีก”
เมื่อเห็นว่าแม่คิดได้แล้ว เซี่ยอวี่หรงจึงไม่พูดอะไรอีก แต่เมื่อนึกถึงการตัดสินใจของพ่อและประสบการณ์ชีวิตของฉินมู่หลาน หล่อนก็รู้สึกเหมือนมีหนามยอกอยู่ในใจ ที่หากไม่ดึงออกก็จะทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น
“แม่ เราจะอยู่รอดูฉินมู่หลานกลับมาเหรอ หล่อนอายุมากกว่าหนูสามเดือน หากหล่อนกลับมา ก็จะกลายเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลเซี่ย ถึงตอนนั้นคนอื่นจะมองหนูยังไง”
เมื่อเห็นลูกสาวดูเจ็บปวด เติ้งซูหลานก็บอกกล่าวอย่างเป็นกังวลนิดหน่อย “อวี่หรง แกวางใจเถอะ ฉินมู่หลานไม่มีโอกาสเหยียบย่ำแกหรอก”
“จะไม่มีได้ยังไงคะ พ่อก็บอกไปแล้วว่าหล่อนจะเข้ามาเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลเซี่ย หลังจากฉินมู่หลานกลับมาแล้วจะมีที่ตรงไหนให้หนูอยู่อีก ฉินมู่หลานมาที่นี่ก็เพื่อจะขัดขวางหนู หนูหลงรักเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนแท้ ๆ สุดท้ายหล่อนก็แย่งเซี่ยเจ๋อหลี่ไป ตอนนี้ยังจะมาแย่งทั้งพ่อกับตระกูลเซี่ยไปอีก”
หลังจากเซี่ยอวี่หรงได้ระบายโทสะ หล่อนก็พยายามสงบสติอารมณ์อีกคครั้ง “แม่ พวกเราจะยอมแพ้ไม่ได้นะ ใครจะหัวเราะในตอนสุดท้ายก็ยังไม่รู้ผลเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเติ้งซูหลานก็โล่งใจอย่างเห็นชัด
“อวี่หรง แกคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว พวกเราอย่าเพิ่งกังวลไปเลย คิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำอะไรดีกว่า”
“ค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานไม่รู้ว่าที่ตระกูลเซี่ยเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ต่อให้รู้ก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังเล่นกับลูกน้อยทั้งสองคนอยู่ พลางหัวเราะคิกคักกับพวกเขา
ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานกับเด็กทั้งสองดูร่าเริงกันดี ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย
“มู่หลาน ลูกคุยกับเซี่ยฉางชิงแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ เขาบอกว่าจะหาฤกษ์งามยามดีแล้วค่อยมาบอกหนู”
“มู่หลาน ลูก…ลูกไปตระกูลเซี่ยต้องระวังตัวด้วยนะ”
เมื่อเห็นว่าซูหว่านอี๋ยังคงกังวล ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วพูดปลอบใจ “แม่คะ แม่วางใจเถอะค่ะ หนูระวังตัวอยู่แล้ว”
ขณะพูดก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พี่สะใภ้ของหนูไปรายงานตัวที่โรงงานหรือยังคะ?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ซูหว่านอี๋ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “เสวี่ยเยี่ยนไปรายงานตัวที่โรงงานแล้ว ถึงจะเพิ่งเริ่มมาทำงานได้ไม่ถึงสองวัน แต่ท่าทางการพูดจาการทำงานดีมาก ค่อนข้างดีเลย”
โรงงานเครื่องสำอางเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ ติดที่นึกได้ว่าฉินมู่หลานไปพบเซี่ยฉางชิง หล่อนจึงกลับมาเร็วหน่อย
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้ปรับตัวได้ก็ดีแล้วค่ะ”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน เหยาจิ้งจือก็กลับมาแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็กลับมาพร้อมกับหล่อนด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หาทางหนีไว้ก็ดีนะสองแม่ลูกคู่นั้น มู่หลานคงไม่คิดแผนอะไรตื้นเขินหรอก
ไหหม่า(海馬)
…………………………………………