ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 369 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 369 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ(1)

ตอนที่ 369 งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งขวบ(1)

เซี่ยอวี่หรงได้ยินสิ่งที่พ่อตัวเองพูดแล้วก็รู้สึกเหลือเชื่อก่อนจะกล่าว “พ่อ ทำไมพ่อถึงถามว่าหนูได้ทำผิดหรือเปล่า พ่อรู้ได้ยังไงว่าฉินมู่หลานไม่ได้กำลังโกหก”

เติ้งซูหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็สีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน

“เซี่ยฉางชิง เพราะฉินมู่หลานเป็นลูกสาวของซูหว่านอวี๋ คุณเลยไม่คิดสงสัย รู้สึกว่าที่หล่อนพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้ ไม่ว่ายังไง คุณก็ควรจะฟังที่เซี่ยอวี่หรงพูดบ้างสิ”

แต่หลังจากพูดจบ ในสายตาของเติ้งซูหลานก็เต็มไปด้วยความลังเล

เพราะลูกสาวตัวเองเป็นคนโง่ ทุกครั้งที่ทำอะไรก็มักจะโดนจับได้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า

ก่อนที่เซี่ยฉางชิงจะทันได้พูดอะไร ฉินมู่หลานก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อน “ฉันไม่ได้โกหกอยู่แล้วค่ะ ตอนที่เซี่ยอวี่หรงกำลังคุยกับนักศึกษาชายคนนั้น ก็มีนักศึกษาชายอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย สามารถยืนยันได้ว่าเซี่ยอวี่หรงตั้งใจหลอกเขา คำพูดนั้นทำให้นักศึกษาชายคนนั้นปักใจเชื่อว่าฉันยังไม่มีคู่ครอง สามารถตามจีบต่อได้”

ขณะที่เอ่ยก็ได้พูดถึงตู้เสี่ยวซีขึ้นมาด้วย

“ฉันลองตรวจสอบแล้ว ตู้เสี่ยวซีกับฮั่วหย่าซงไม่ได้ข้องเกี่ยวกันเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชอบ หล่อนยอมรับมันตามตรงด้วย ตอนที่ฉันไปหาตู้เสี่ยวซี เธอก็ยังแอบย้ำเตือนหล่อนอยู่เลย แต่กลับกลายเป็นการเผยไต๋ขึ้นมาเสียได้ เซี่ยอวี่หรง ถ้าเธอมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับฉันก็บอกมาตามตรงเลย ไม่ต้องมาคอยวางแผนขัดขวางฉันแบบนี้”

ถึงจะเพิ่งได้ฟังเรื่องนี้ไปเมื่อสักครู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินอีกครั้ง เซี่ยฉางชิงก็ยังรู้สึกโกรธมากอยู่ดี

“เซี่ยอวี่หรง มู่หลานเป็นพี่สาวของแก แต่แกกลับทำแบบนี้กับหล่อนเหรอ แกควรจะมีความละอายใจบ้าง ตั้งแต่เด็กจนโตเข้ามหาวิทยาลัยแกคิดอะไรได้บ้าง”

“ฉินมู่หลานไม่ใช่พี่สาวของหนู แม่หนูมีหนูแค่คนเดียว พี่สาวของหนูจะมาจากไหนได้ หล่อนก็แค่ลูกนอกสมรส หนูไม่มีพี่สาวแบบนี้ หนู…”

เซี่ยอวี่หรงที่กำลังตื่นตระหนกพลันพูดออกมาอย่างไม่ทันคิด หล่อนยังไม่ทันพูดจบ เติ้งซูหลานก็รีบปิดปากหล่อนทันที

ในตอนนั้นเอง เซี่ยอวี่หรงก็ได้สติคืนมา

เซี่ยฉางชิงจ้องมองหล่อนด้วยสายตาขุ่นเคือง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน

“เซี่ยอวี่หรง ที่แท้แกก็คิดกับมู่หลานแบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงได้ทำเรื่องแบบนั้น เป็นเพราะแกไม่เพียงคิดว่าเขาไม่ใช่พี่ แต่ในใจยังเกลียดชังเขาด้วย ได้ ถ้าแกคิดว่าทำดีแล้ว ถ้าแกรู้สึกไม่มีความสุข ไม่อยากเห็นหน้ามู่หลาน พวกแกสองแม่ลูกก็ออกไปจากตระกูลเซี่ยได้เลย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเสียไม่ได้

อันที่จริงแล้วเป็นเพราะความรักที่ไม่สมหวัง ภายในใจของเซี่ยฉางชิง ซูหว่านอวี๋แม่แท้ ๆ ของเธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา แม้แต่วิธีที่เขาปฏิบัติต่อหล่อนก็พิเศษ แต่ทำไมเซี่ยฉางชิงถึงไม่ไปที่นั่นให้เร็วกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหักหลังและทอดทิ้ง ซูหว่านอวี๋แม่ของเธอก็คงไม่ต้องมาด่วนจากไป

เมื่อคิดได้แบบนี้ จิตใจของฉินมู่หลานจึงเย็นชาแข็งกระด้าง

เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงมองเซี่ยฉางชิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เติ้งซูหลานเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม “เซี่ยฉางชิง ที่คุณพูดนี่หมายความว่ายังไง นี่คุณกำลังพยายามไล่เราสองแม่ลูกออกไปอย่างนั้นเหรอ?” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันมองฉินมู่หลานด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันประเมินเธอต่ำไปจริง ๆ วิธีการของเธอนี่ดีจังเลยนะ เพิ่งกลับเข้าตระกูลได้ไม่นาน บ้านนี้ก็ไม่มีที่ให้พวกเราสองแม่ลูกซะแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ จึงโบกมือปฏิเสธ

“คุณอย่าพูดไร้สาระสิคะ เห็นได้ชัดว่าเซี่ยอวี่หรงทนยอมรับฉันไม่ได้ จึงพยายามทุกทางเพื่อกลั้นแกล้งหนู แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงมาว่าฉันเป็นฝ่ายผิดล่ะ ดูเหมือนว่าสมองคุณจะสับสนเรื่องถูกกับผิดสลับกันนะคะ”

จากความวุ่นวายของสถานการณ์ทางนี้ นายท่านเซี่ย คุณนายเซี่ย ว่านจี้อวิ๋นกับคนอื่น ๆ จึงมารวมตัวทางนี้กันหมด

“ฉางชิง พวกแกมีเรื่องอะไรกัน” คุณนายเซี่ยเห็นว่าครอบครัวของลูกชายคนเล็กกำลังวุ่นวาย จึงอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานยังอยู่ จึงถามขึ้นอีกครั้ง “มู่หลาน คืนนี้หลานจะค้างที่นี่หรือเปล่า?”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงส่ายหัว แล้วบอกกล่าว “ไม่ค่ะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วค่ะ”

หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็หันมองเซี่ยฉางชิงแล้วบอกกล่าว “พ่อคะ ฉันไปดีกว่าค่ะ ตอนแรกฉันรู้สึกเสียใจที่น้องอวี่หรงทำแบบนี้กับฉัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า การมาของฉันจะสร้างปัญหาให้พวกพ่อเข้าไปใหญ่ เป็นเพราะฉัน เซี่ยอวี่หรงเลยเกลียดฉันมากขึ้น”

จากนั้นฉินมู่หลานก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย

แต่เธออาศัยจังหวะตอนที่ไม่มีใครเห็น แอบลูบแขนที่กำลังขนลุกชัน สิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปมันค่อนข้างเกินบทบาทไปหน่อย เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดมันออกไป

โชคดีที่มันได้ผลดีมาก ถึงแม้จะเดินออกมาไกลแล้ว แต่เธอก็ยังได้ยินเซี่ยฉางชิงตวาดใส่เซี่ยอวี่หรง

ถึงอย่างไรก็ได้ฟ้องไปนิดหน่อยแล้ว ส่วนเรื่องจะออกมาเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่เซี่ยฉางชิงจะพิจารณา

ทางด้านตระกูลเซี่ยหลังจากฉินมู่หลานออกไปแล้ว เซี่ยอวี่หรงก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก “ตอแหล ใครเป็นน้องสาวหล่อนกัน”

“เซี่ยอวี่หรง แกหุบปากเดี๋ยวนี้!”

ตอนแรกเซี่ยฉางชิงรู้สึกเสียใจเรื่องฉินมู่หลานอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อมีเรื่องนี้ขึ้นอีก จึงรู้สึกผิดต่อลูกสาวคนโตมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่หรงในตอนนี้ จึงโมโหขึ้นทันที “นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง วันนี้ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้แกเอง”

เซี่ยฉางชิงไม่เคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้มาก่อน เขาหยิบไม้กวาดตรงมุมห้องขึ้นมาทันที ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหวังทุบตีเซี่ยอวี่หรง

เติ้งซูหลานเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าลูกสาว ก่อนจะมองเซี่ยฉางชิงด้วยสีหน้าเกลียดชัง “เซี่ยฉางชิง ถ้าแน่ใจจริงก็ลองดูสิ”

“ไอ้หยา…ฉางชิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่แกก็ไม่ควรตีลูกนะ ยิ่งไปกว่านั้นอวี่หรงก็เป็นลูกสาวแกด้วย แกจะตีหล่อนไปทำไม”

ว่านจี้อวิ๋นตลอดเวลาไม่เคยชอบเติ้งซูหลานเลย แต่เมื่อเห็นแบบนี้ ก็เอ่ยแนะทันที “ใช่แล้วฉางชิง อย่าทำเลย”

เป็นเริ่นม่านนีที่เอ่ยถามขึ้นแทน “คุณอารอง อวี่หรงทำอะไร คุณอาถึงได้โกรธขนาดนี้คะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเซี่ยก็นึกขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ใช่แล้วฉางชิง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เซี่ยฉางชิงได้เล่าถึงสิ่งที่เซี่ยอวี่หรงทำลงไป หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดต่อ “เป็นเพราะหล่อนไม่ชอบมู่หลาน ถึงได้ใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของมู่หลาน ในใจไม่คิดถึงความเป็นพี่น้องเลยสักนิด ทำไมหล่อนถึงกลายเป็นคนแบบนี้ได้”

“นี่…อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า?”

คุณนายเซี่ยออกโรงปกป้องเซี่ยอวี่หรงโดยไม่รู้ตัว เพราะอย่างไรนางก็ต้องรู้สึกผูกพันกับหลานสาวที่โตมาต่อหน้าตั้งแต่เด็กมากกว่าฉินมู่หลานที่เพิ่งกลับมาอยู่แล้ว

เซี่ยฉางชิงได้ยินแบบนี้ จึงนึกถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดเมื่อสักครู่ “แม่ แม่รู้มานานแล้วใช่ไหมว่าเซี่ยอวี่หรงชอบอาหลี่ มันหลงรักพี่เขยตัวเอง ทำไมถึงทำตัวหน้าด้านแบบนี้”

“ฉางชิง ตอนนั้นอวี่หรงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นพี่เขย”

หลังจากพูดจบ คุณนายเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าตัวเองพลั้งปากไปแล้ว จึงหุบปากลงพลางนึกตำหนิตัวเองว่าทำไมตนถึงปากไวอย่างนี้ แบบนี้ก็เป็นการยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเซี่ยอวี่หรงชอบเซี่ยเจ๋อหลี่

ว่านจี้อวิ๋นกับเริ่นม่านนีที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันหันมองเซี่ยอวี่หรงด้วยความเหลือเชื่อ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เริ่มเลย แผนพังตระกูลเซี่ยยกที่ 1 ของฉินมู่หลาน

ม่านนี หากหล่อนได้รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าน้องสาวหล่อน หล่อนจะยังนิ่งเฉยอยู่อีกไหมคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท