ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 373 ตกลง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 373 ตกลง

ตอนที่ 373 ตกลง

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงชิง เจี่ยงสือเหิงก็ส่ายหน้าและเอ่ยตอบ “ไม่ใช่แน่นอน ผมไม่อาจลืมบุญคุณของคุณได้อยู่แล้ว คุณอยากได้อะไรก็ได้หมดเลย”

“ตอนนี้ฉันบอกว่าอยากให้คุณมาเป็นคู่ครองของฉันไงคะ”

“นี่…”

เมื่อเห็นท่าทางแข็งกระด้างของเซี่ยปิงชิง อยู่ ๆ เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกจนใจไม่รู้จะพูดอะไรดี

โชคดีว่าในตอนนั้นฉินมู่หลานได้เดินเข้ามาพอดี หลังจากได้ยินสิ่งที่แม่บอกก็รู้สึกตะลึงลานไป จากการเฝ้ามองอยู่ตลอด เธอไม่เคยเห็นเลยว่าเซี่ยปิงชิงจะมีความรู้สึกรักใคร่ในเชิงชู้สาวกับพ่อบุญธรรมของเธอ แล้วทำไมหล่อนจึงอยากให้พ่อบุญธรรมมาเป็นคู่ครองของหล่อนล่ะ

“ปิงชิง เธอกับพ่อบุญธรรมมาทำอะไรตรงนี้”

การมาของฉินมู่หลานช่วยทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจลงได้นิดหน่อย เจี่ยงสิอเหิงจึงอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียไม่ได้

เพียงแต่เซี่ยปิงชิงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้มีผลอะไร หล่อนเอ่ยตามตรง “ฉันอยากให้เจี่ยงสือเหิงเป็นคู่ครองของฉัน แต่เขาไม่ยอมตอบตกลง เขานี่ไม่สำนึกบุญคุณเอาเสียเลย”

เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็รีบโบกมือแล้วบอกกล่าว “ปิงชิง ผมเปล่านะ แต่คำขอของคุณมันไม่เหมาะสม หากผมตอบตกลง ก็คงกลายเป็นการตอบแทนความเมตตาของคุณด้วยความเกลียดชังแทน”

“ทำไมถึงกลายเป็นตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชังล่ะ คุณบอกว่าคุณอายุมากแล้ว แต่ถ้าคุณไม่พูดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ คนก็มองอายุคุณไม่ออกหรอก ฉันยืนอยู่ข้างคุณก็เห็นได้ว่าคุณแก่กว่านิดหน่อยเท่านั้น ถ้าฉันบอกว่าคุณเป็นคู่ครองฉัน ที่บ้านก็คงเชื่อ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องด้อยค่าตัวเองหรอกนะ”

เจี่ยงซือเหิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกด้อยค่าตัวเอง แต่เขารู้สึกว่าในแง่ของอายุเขาเป็นลุงของเซี่ยปิงชิงได้แล้ว แล้วจะมาอยู่กับสาวน้อยแบบนี้ได้อย่างไร

ในตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “ปิงชิง เธอชอบพ่อบุญธรรมของฉันเหรอ?”

เซี่ยปิงชิงส่ายหัวปฏิเสธ “เรื่องนั้นเปล่านะ แต่พ่อบุญธรรมของเธอเป็นคนดีมาก”

ฉินมู่หลานกับเจี่ยงสือเหิงต่างพากันเงียบไปครู่หนึ่ง

สุดท้ายเจี่ยงสือเหิงก็อดพูดไม่ได้ “ในเมื่อคุณไม่ได้ชอบผม แล้วทำไมถึงพูดแบบเมื่อกี้”

เซี่ยปิงชิงเอ่ยเล่าเรื่องจดหมายที่คุณปู่เขียนมาให้ฟังตามตรง “หากว่าฉันยังหาคู่ครองไม่ได้ คุณปู่จะส่งคนมาที่เมืองหลวงแล้วพาตัวฉันกลับไปแต่งงานกับเด็กหนุ่มตระกูลเฟิง ซึ่งฉันไม่ได้ชอบเขาเลยสักนิด”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ไม่อาจอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ “คุณลองคุยกับคุณปู่ดูอีกสักหน่อยเถอะ ท่านไม่บังคับคุณหรอก”

“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจคุณปู่ฉัน ต่อให้ฉันจะไม่ยอม แต่ถึงยังไงเขาก็จะบังคับให้ฉันแต่งงานไปอยู่ดี”

หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เจี่ยงสือเหิง คุณจะตอบตกลงไหม ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันจะออกไปสุ่มหาคนข้างนอกเอง” ขณะพูดหล่อนก็ลูบใบหน้าตัวเอง “ด้วยหน้าตาแบบนี้ของฉันแล้ว ถ้าเจอผู้ชายตามทาง อีกฝ่ายจะต้องตอบตกลงเป็นคู่ครองฉันแน่นอน”

เจี่ยงสือเหิงพูดโดยไม่ต้องคิด “ไม่ได้…คุณจะโดนหลอกเอาได้นะ”

เซี่ยปิงชิงจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจหลังจากได้ยินแบบนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ที่ฉันเพิ่งขอร้องคุณไป คุณก็ไม่เห็นด้วยไม่ใช่เหรอ”

“ผม…”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่คุณแค่ช่วยให้ฉันผ่านเรื่องนี้ไปได้ก็พอแล้ว ถึงเวลาเราก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมแบบก่อนหน้าที่เราอยู่ไง ถ้าตอนนี้คุณยังไม่เห็นด้วย ฉันจะไปหาจากข้างทางจริง ๆ แล้ว”

เมื่อเห็นใบหน้าลำบากใจของเจี่ยงสือเหิง เซี่ยปิงชิงจึงหันหลังกลับแล้วเตรียมจะเดินออกไป

เจี่ยงสือเหิงจึงคว้าหล่อนเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว “ปิงชิง คุณอย่าเพิ่งใจร้อนสิ”

ฉินมู่หลานหันมองเจี่ยงสือเหิงที่อยู่อีกข้าง ก่อนจะหันมองเซี่ยปิงชิงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเวลาทั้งสองยืนด้วยกัน คนหนึ่งสูงสง่า ส่วนอีกคนงดงาม ช่างเหมาะสมเพลินตา จึงโพล่งขึ้นมาทันที “พ่อคะ จริง ๆ แล้ว…ก็ใช่ว่าจะไม่ได้นะ”

เมื่อพูดอย่างนี้ออกมาแล้ว ฉินมู่หลานก็พูดจาคล่องแคล่วมากขึ้น พลางมองตรงไปที่เจี่ยงสือเหิง “พ่อคะ ปิงชิงบอกแล้วว่าขอแค่ให้คุณปู่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะจับหล่อนแต่งงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็แค่ให้คนอื่นคิดว่าพวกพ่อเป็นคู่รักกันไปก่อนก็ได้ค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานก็เห็นด้วยกับตัวเอง เซี่ยปิงชิงก็อดยิ้มขึ้นมาเสียไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “เห็นไหม ทุกคนก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี”

เจี่ยงสือเหิงไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะพูดออกมาแบบนี้ เพียงแต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ผิด

เซี่ยปิงชิงเห็นหน้าเจี่ยงสือเหิงดูลังเล ในใจจึงคิดจะไปหาผู้ชายจากข้างทางมาหนึ่งคนจริง ๆ จึงรีบสะบัดมือของเจี่ยงสือเหิงออกแล้วพูดขึ้น “ถ้าคุณจะไม่ตอบแทนบุญคุณฉันก็ลืมไปซะ ฉันจะไปหาจากข้างถนนเอา”

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเซี่ยปิงชิง เจี่ยงสือเหิงจึงทราบได้ว่าหล่อนพูดจริง จึงพูดโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “อย่า…ผมตกลงแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็มองเจี่ยงสือเหิงด้วยความสงสัยก่อนจะพูดขึ้น “คุณตกลงจริงเหรอ?”

“ใช่”

เมื่อตอบตกลงแล้ว ใบหน้าของเจี่ยงสือเหิงก็ดูจริงจังขึ้นมา “คุณบอกว่าอยากให้ผมเป็นคู่ครอง ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำให้ดูสมจริงกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะมองออกว่าแค่แกล้งหลอก”

เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “ใช่ ควรจะเป็นอย่างนั้น”

เมื่อพูดจบหล่อนก็เดินตรงไปหาเจี่ยงสือเหิง แล้วจับมือของเขาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “ควรจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”

ยามรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลบนฝ่ามือ ใบหูของเจี่ยงสือเหิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “นี่…ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอก…”

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็ขัดขึ้นก่อน

“ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ”

พูดจบหล่อนก็หันมองฉินมู่หลาน แล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน จากนี้ไปฉันจะเป็นคนรักของเจี่ยงสือเหิง เธอจะพูดหยอกล้อต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ แม้แต่ต่อหน้าสามีของเธอด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องมีข่าวรั่วไหลแน่”

ฉินมู่หลานยิ้ม พยักหน้าพลางกล่าว “วางใจเถอะ ฉันเข้าใจ”

หลังจากทั้งสามเดินไปข้างหน้าบ้าน ก็พบว่าทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด ตอนนี้สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่มือของเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิง

เจี่ยงสือเหิงทำได้เพียงหน้าแดงนิดหน่อย แต่แล้วเซี่ยปิงชิงก็เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “แจ้งข่าวดีให้ทุกคนทราบค่ะ ฉัน เซี่ยปิงชิง กับเจี่ยงสือเหิงเรารักกัน เพราะฉะนั้นจะประกาศตัวว่าคบกันอย่างเป็นทางการค่ะ”

“หา…เรื่องจริงเหรอเนี่ย”

เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งสองหันมองเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะมองเซี่ยปิงชิงอีกครั้ง ดูอย่างก็รู้สึกว่าเซี่ยปิงชิงยังเด็กเกินไปหน่อย เจี่ยงสือเหิงอายุห่างจากหล่อนมากทีเดียว

ฉินเจี้ยนเซ่ออ้าปากอยากจะถามอะไรบางอย่าง ก่อนจะโดนซูหว่านอี๋คว้าเอาไว้ หล่อนเป็นคนแรกที่กล่าวคำอวยพร “ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกเหลือเกิน”

เหยาจิ้งจือที่อยู่อีกข้างก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว ถึงสือเหิงจะอายุเยอะแล้ว แต่คนแก่ก็มีหัวใจนะ”

เมื่อเห็นทุกคนเอ่ยปากอวยพร เซี่ยปิงชิงก็หัวเราะขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ย “ใช่ค่ะ ถึงแม้ว่าเจี่ยงสือเหิงจะอายุมากกว่า แต่เขาก็ดีมากจริง ๆ ฉันทำอะไรก็ไม่เคยขัดฉันเลย” พูดถึงเรื่องนี้ หล่อนก็รู้สึกพอใจกับเจี่ยงสือเหิงมาก ตอนนี้หล่อนอดใจรอเขียนจดหมายไปบอกที่บ้านแทบไม่ไหว เพื่อแจ้งให้คุณปู่ทราบว่าหล่อนมีคนในใจแล้ว และล้มเลิกความคิดที่จะให้หล่อนแต่งกับตระกูลเฟิงไปเสีย

ทุกคนได้ยินแบบนี้ก็รีบพยักหน้าทันที ขณะที่ไม่รู้จะพูดอะไร เจี่ยงสือเหิงก็เอ่ยปากกล่าวว่า “เอาล่ะปิงชิง ทุกคนเพิ่งจะกลับมาบ้าน คงจะเหนื่อยแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนรีบไปพักผ่อนกันเถอะนะ”

“ใช่แล้ว”

เซี่ยปิงชิงเห็นด้วยอยู่แล้ว หล่อนวางแผนจะกลับไปเขียนจดหมายตอนนี้ จึงลากเจี่ยงสือเหิงไปด้วย “เจี่ยงสือเหิง คุณมากับฉันค่ะ”

เจี่ยงสือเหิงถูกดึงให้เดินตามไป เขาที่ยังไม่ได้ปล่อยมือจากเซี่ยปิงชิงจึงได้แต่เดินตามหล่อนไป

เมื่อมองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป เหยาจิ้งจือก็รีบหันไปถามฉินมู่หลานทันที “มู่หลาน สือเหิงเป็นคู่รักของปิงชิงจริงเหรอ นี่…พวกเขาอายุห่างกันมากเลยนะ เป็นไปได้เหรอ?”

หล่อนรู้สึกว่าเจี่ยงสือเหิงดีมาก แต่เซี่ยปิงชิงยังเด็กเกินไป ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองคนจะคบกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ซูหว่านอี๋คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงอดพูดไม่ได้ “ฉันว่าเหมือนปิงชิงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ไม่คิดว่าสือเหิงจะยอมตกลงด้วย ไอ้หยา…จริง ๆ แล้วพวกเขาสองคนก็ดีมากนะ ติดแค่ว่า…อายุห่างกันมากไปหน่อย”

หลังจากพูดจบ ก็รู้สึกกังวลว่าทั้งสองจะอยู่กันได้ไม่ยาวนาน

“แม่คะ พวกเราอย่ากังวลเลยค่ะ พ่อบุญธรรมกับปิงชิงเองก็คงคิดเรื่องนี้แล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋จึงไม่พูดอะไรอีก แล้วบอกให้ฉินมู่หลานไปพักผ่อนแทน “มู่หลาน ลูกก็รีบไปพักเถอะ วันนี้คงจะเหนื่อยมาก ตอนนี้อาหลี่กำลังเลี้ยงเด็กสองคนอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่า”

“ค่ะ”

หลังจากฉินมู่หลานกลับมาถึงห้อง ก็พบว่าเด็กทั้งสองคนหลับไปกันแล้ว และเซี่ยเจ๋อหลี่ก็นั่งมองเด็กทั้งสองอยู่ข้าง ๆ

“อาหลี่ ทำไมถึงไม่นอนพักสักหน่อยล่ะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานเดินมา จึงดึงให้เธอนั่งลง แล้วเอ่ยถามเบาๆ “ทำไมคุณถึงเพิ่งกลับมา?”

ฉินมู่หลานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้ฟัง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พวกเราตกใจกับเรื่องนี้มาก ก็เลยใช้เวลาพูดคุยกันนานหน่อย”

“อะไรนะ…”

แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้สึกเหลือเชื่อ “นี่…เป็นเรื่องจริงเหรอ?” เขาปะติดปะต่อเรื่องของเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงไม่ได้เลย เพราะเจี่ยงสือเหิงเป็นพ่อบุญธรรมของพวกเขา เป็นผู้อาวุโส แล้วเซี่ยปิงชิงกับมู่หลานก็อายุใกล้เคียงกันด้วย

“ก็จริงน่ะสิคะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าตามตรง “ตอนนี้พวกเขาตกลงที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว”

เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่ เธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดต่อ “เรื่องนี้ฉันบอกแค่คุณคนเดียวนะคะ อย่าเอาไปบอกใครอีกล่ะ เพราะฉันรู้สึกว่าปิงชิงกับพ่อบุญธรรมดูสนิทกันมาก บางที…มันอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็มีแผนการอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว

“ถึงแม้ว่าพ่อบุญธรรมจะดูอายุไม่มาก แต่ก็ยังห่างจากเซี่ยปิงชิงเยอะพอสมควร ฉันควรจะทำครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชายให้เขาสักหน่อย” ฉินมู่หลานคิดแล้วก็จะลงมือทำเสียตั้งแต่ตอนนี้

เซี่ยเจ๋อหลี่ดึงเธอกลับมาก่อนจะพูดอย่างขบขัน “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอก นาน ๆ ทีผมจะกลับมา พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะกลับแล้ว คุณจะไปทำอย่างอื่นแล้วทิ้งผมไว้คนเดียวจริงเหรอ?”

ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงไม่รีบร้อนอีกต่อไป กลับหันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างขบขัน แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันจะอยู่กับคุณค่ะ”

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยปิงชิงคว้าเจี่ยงสือเหิงไปที่ห้องของตัวเอง ก่อนจะเริ่มเขียนจดหมาย

“เจี่ยงสือเหิง เล่าเรื่องของตัวเองมา ฉันจะเขียนข้อมูลบางอย่างของคุณลงไปให้คุณปู่ของฉันได้อ่าน ว่าฉันเจอใครบางคนแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อบุญธรรมแย่แล้ว โดนเด็กมัดมือชก จะเผลอใจหรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท