ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 379 อย่ามาเปรียบเทียบกัน(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 379 อย่ามาเปรียบเทียบกัน(2)

ตอนที่ 379 อย่ามาเปรียบเทียบกัน(2)

เซี่ยฉางชิงหันมองลูกสาวคนโตด้วยท่าทางชื่นชมก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ลูกกับพ่อคิดแบบเดียวกันเลย ลูกวางใจได้ พ่อให้คนไปจับตาดูแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”

ขณะพูด ฉินมู่หลานก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปที่ห้องกินข้าวกันเถอะค่ะ ถึงเวลากินข้าวแล้ว”

“ตกลง”

เมื่อสองพ่อลูกมาถึงห้องรับประทานอาหาร ก็พบว่านายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยอยู่ที่นั่นแล้ว แม้แต่เซี่ยฉางหมิงลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยและครอบครัวของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย

“มู่หลาน วันนี้เธอมาด้วยเหรอ”

ว่านจี้อวิ๋นเห็นฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วกล่าวทักทาย หลังจากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ “ทำไมไม่เห็นซูหลานเลยล่ะ มู่หลานไม่ค่อยได้กลับบ้าน หล่อนกลับไม่ออกมาต้อนรับ ฉันไม่เข้าใจเลย หรือว่าหล่อนไม่อยากเจอมู่หลานหันนะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่สะใภ้คนโตพูด คุณนายเซี่ยก็หันมองหล่อนแล้วกล่าวตอบ “คุณนายเติ้งมา ซูหลานก็เลยไปอยู่กับแม่”

พูดจบก็หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน อย่าไปฟังที่ป้าของหลานพูดเลยนะ ซูหลานจะไม่อยากเจอหน้าหลานได้ยังไงกัน”

เห็นว่าความสัมพันธ์ของป้าสะใภ้คนนี้กับเติ้งซูหลานไม่ค่อยดีนัก ฉินมู่หลานจึงต้องเข้าข้างหล่อน “คุณย่าคะ คุณป้าไม่รู้ว่าคุณนายเติ้งมา ถึงได้คิดแบบนั้น คุณย่าอย่าโทษคุณป้าเลยนะคะ”

คุณนายเซี่ยได้ยินแบบนี้ก็รีบยิ้มแล้วพูดขึ้นทันที “ก็ได้ ๆ ย่าไม่พูดแล้ว”

ว่านจี้อวิ๋นเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น ก็อดส่งยิ้มให้เธอเสียไม่ได้ พลางเอ่ยขึ้น “อย่างน้อยมู่หลานก็เข้าใจป้า ที่แท้คุณนายเติ้งก็มานี่นี่เอง แล้วพวกท่านไปไหนเสียล่ะ?”

หลังจากพูดจบ คุณนายเติ้งกับสองแม่ลูกเติ้งซูหลานเซี่ยอวี่หรงก็เดินเข้ามาแล้ว

“ญาติลูกเขย พวกคุณมากันแล้วเหรอเนี่ย โธ่เอ๋ย…พวกเรามาช้าไปแล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเซี่ยรีบบอกกล่าว “เปล่าหรอก เปล่าหรอก พวกเราก็เพิ่งมาเหมือนกัน” พูดจบก็บอกให้คุณนายเติ้งรีบนั่งลง

หลังจากหลายคนนั่งลงแล้ว คุณนายเซี่ยก็เอ่ยต้อนรับคุณนายเติ้งกับฉินมู่หลานอย่างกระตือรือร้น แล้วเชิญทุกคนรับประทานอาหาร

เมื่อมองดูบนโต๊ะที่มีจานอาหารวางเต็มตรงหน้า คุณนายเติ้งก็คิ้วขมวดนิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลที่นางไม่ชอบ ปกติแล้วตระกูลเซี่ยไม่เคยทำอาหารแบบนี้มาก่อน

เติ้งซูหลานเข้าใจความชอบของแม่ได้เป็นอย่างดี จึงทำได้แค่บอกอย่างช้วยไม่ได้ “แม่ เป็นเพราะไม่รู้ว่าแม่จะมาวันนี้ อาหารทุกจานที่เตรียมไว้จึงล้วนเป็นของโปรดฉินมู่หลาน แต่ฉันบอกให้ทางครัวผัดกะหล่ำปลีกับหมูสับผัดกระเทียมให้แม่เป็นพิเศษแล้ว แม่ก็กินของพวกนี้ได้ค่ะ”

คุณนายเติ้งบอกกล่าวอย่างเข้าใจ “ต้องโทษฉันที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ฉันแก่มากแล้ว กินก็ไม่เยอะ มีของโปรดแค่สองจานก็พอแลว”

คุณนายเซี่ยได้ยินแบบนี้จึงหน้าแดงนิดหน่อย

แขกมารับประทานอาหารที่บ้านทั้งที แต่กลับไม่มีอาหารที่ถูกใจเลย เรื่องนี้ให้พูดออกไปก็น่าอาย

แต่ไม่รอให้คุณนายเซี่ยได้ทันพูดอะไร ฉินมู่หลานก็เอ่ยพูดด้วยท่าทางเขินอาย “คุณยายคะ เป็นความผิดของหนูเองค่ะ พวกคุณย่าทราบแค่ว่าวันนี้หนูจะมา ครั้งก่อนหนูบอกไปว่าชอบกินอาหารทะเล พวกท่านจึงเตรียมแต่อาหารทะเลเอาไว้ หนูไม่ดีเองค่ะ”

หลังพูดจบ เธอก็ก้มหน้าก้มตาลงอย่างไม่สบายใจ

คุณนายเติ้งเห็นแบบนี้จึงรีบหันไปมองฉินมู่หลานอีกครั้ง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกสาวกับหลานสาวถึงต้องคว้าน้ำเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม่สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

เซี่ยอวี่หรงแทบทนไม่ไหว อยากจะบอกว่า ‘ใครคือคุณยายของเธอกัน’ แต่ก็โดนคุณนายเติ้งขัดเอาไว้ก่อน “เธอคือมู่หลานสินะ เรื่องนี้ฉันตำหนิเธอไม่ได้หรอก นาน ๆ ทีเธอจะกลับมาบ้าน ก็ควรทำของโปรดของเธอ”

ในตอนนี้ ว่านจี้อวิ๋นก็ช่วยพูด “ใช่แล้ว มู่หลานของเราได้กลับเข้าตระกูล ปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นาน ๆ ทีกว่าหล่อนจะมาที่นี่ ก็ต้องทำของโปรดของหล่อนเสีหน่อย นอกจากนี้พวกเราก็ชอบกินของพวกนี้กันด้วยค่ะ ปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้กินอาหารทะเลบ่อยนัก นับว่าพวกเรายังได้รับพรจากฟ้าอยู่ค่ะ”

คุณนายเติ้งได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองว่านจี้อวิ๋นอีกครั้ง ก่อนจะยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “นั่นก็จริงนะ”

คุณนายเซี่ยเห็นว่าหัวข้อการสนทนานี้จบลงแล้ว จึงรีบเอ่ยบอกทันที “พวกเรารีบกินกันเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเอา”

ฉินมู่หลานไม่เกรงใจ กินทั้งปลาทั้งกุ้ง นอกจากนี้ยังกินหอยหวานและหอยเป๋าฮื้ออบวุ้นเส้นด้วย ทางครัวใส่ใจมาก ยังใช้ปลิงทะเลมาตุ๋นเป็นซุป เพื่อให้เธอได้กินอย่างมีความสุข

ยกเว้นคุณนายเติ้ง ทุกคนต่างมีความสุขกับมื้ออาหารนี้

คุณนายเติ้งไม่ได้ขยับตะเกียบมากนัก แต่กลับหันมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “ได้ยินมาว่าเธอได้ลูกแฝดชายหญิง ยินดีกับเธอด้วยนะ ทำไมวันนี้ถึงไม่พาเด็กสองคนนั้นมาล่ะ”

“หนูเพียงคนเดียวพาเด็ก ๆ ทั้งสองคนมาไม่ค่อยสะดวกค่ะ ก็เลยไม่ได้พาพวกเขามาด้วย”

“อ้าว…แล้วพ่อเด็กไม่อยู่เหรอ ได้ยินว่าเพิ่งจัดงานฉลองครบรอบวันเกิดหนึ่งขวบไปเอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็จ้องมองคุณนายเติ้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เขาลาพักร้อนแล้วกลับมาที่นี่ค่ะ หลังจากจัดงานฉลองครบรอบวันเกิดแล้วก็กลับไปฐานทัพ”

“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นพวกเธอคงต้องอยู่แยกกัน คงไม่ใช่เรื่องง่าย” คุณนายเติ้งทำท่าทางเหมือนถอนหายใจ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าพวกเธอจะหยุดแล้วนะ ถ้าพ่อเด็กไม่ว่าง เธอก็ไปหาเขาก็ได้”

คุณนายเซี่ยเองก็รู้สึกว่าสามีภรรยาอยู่ห่างจากกันไม่ค่อยดีนัก จึงรีบหันมองแล้วบอกฉินมู่หลาน “ใช่แล้วมู่หลาน ถ้าหลานมีเวลาว่างก็ไปหาอาหลี่หน่อยนะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “หนูคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วค่ะ อีกสองสามวัน หนูจะพาลูกทั้งสองคนไปหาอาหลี่ที่บ้านพัก”

เมื่อเห็นหลานสาวคนโตบอกแบบนี้ คุณนายเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ดีแล้ว คู่รักหนุ่มสาวควรจะอยู่ด้วยกันมากหน่อย แต่ถ้าหลานพาลูกทั้งสองคนไปจะไม่ลำบากเอาเหรอ?”

“วางใจได้ค่ะคุณย่า พาไปด้วยได้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

เมื่อเห็นหลานสาวคนโตบอกแบบนั้น คุณนายเซี่ยก็โล่งใจ

เมื่อเติ้งซูหลานได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน แววตาก็เปล่งประกาย แต่ไม่นานก็ลดสายตาลง ก่อนจะกินอาหารต่อโดยไม่มีการแสดงออกบนใบหน้า

หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็วางแผนที่จะกลับไป เดิมทีในวันนี้เธอมาเพื่อฟังข่าวที่เซี่ยฉางชิงจะบอก ตอนนี้ได้พูดไปหมดแล้ว จึงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้ต้องอยู่ต่อ

“มู่หลาน ลูกจะออกเดินทางเมื่อไหร่เหรอ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวพ่อไปหาแล้วไปส่งลูกเอง”

เซี่ยฉางชิงคิดว่าลูกสาวคนโตต้องเดินทางไกล จึงรู้สึกลังเลนิดหน่อย

ฉินมู่หลานยังไม่มีความคิดเรื่องนี้ จึงหันไปบอกเซี่ยฉางชิง “เดี๋ยวยืนยันวันได้แล้วจะมาบอกพ่อนะคะ”

“ได้”

หลังจากฉินมู่หลานกลับไปแล้ว คุณนายเติ้งยังไม่ได้กลับ นางไปหาเติ้งซูหลานที่ลานบ้านอีกครั้ง หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักก็กลับไป

เมื่อสักครู่นี้ขณะที่คุณนายเติ้งกำลังพูดคุยกับเติ้งซูหลาน เซี่ยอวี่หรงไม่ได้อยู่ในห้อง ดังนั้นหลังจากคุณนายเติ้งไปแล้ว เซี่ยอวี่หรงจึงหันไปถามแม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แม่ คุณยายพูดอะไรกับแม่เหรอ เมื่อกี้หนูไม่อยู่ทันได้ฟัง”

เติ้งซูหลานเหลือบมองลูกสาวแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้แกไม่ต้องสนใจหรอก แกไปคิดให้ดีว่าพรุ่งนี้จะสวมชุดอะไรก็พอ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปแกต้องไปนัดดูตัว”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

วางแผนจะดักทำร้ายกลางทางหรือเปล่าหนอ ถึงได้ถามว่ามู่หลานจะไปหาอาหลี่เมื่อไหร่ ตระกูลเติ้งนี่ก็ร้ายเหมือนกันนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท