บทที่ 343 หนึ่งคนหนึ่งกองกำลัง
“พรู๊ดดดดดด”
หลังจากกระอักเลือดไปคำโต เฉินเฉียงก็รู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในของเขาเคลื่อนไปทั้งหมดจนทำให้เขามีใบหน้าที่ซีดเผือด
ถึงแม้เขาจะไม่ถือว่ามันไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาผ่อนคลายแต่อย่างใด
เพราะไม่ว่ายังไง คนที่เขาเผชิญหน้าคือมหาราชาขั้นต้นหกคน
แม้ทั้งหกจะร่วมมือกันแล้วไม่เทียบเท่ากับฮูเตี๋ยน แต่ด้วยการที่เขาบาดเจ็บหนักในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตกตายได้ในทันที
“วิ้งงงงงง”
เฉินเฉียงที่พึ่งจะบาดเจ็บก็ไม่รีรอที่จะกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสุ้ของเขา และก็ไม่ได้วางใจแต่อย่างใด
คนทั้งหกนั้นสวมผ้าคลุมสีขาว อายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบ รายรอบเฉินเฉียงไว้คนละทิศละทางล้อมเฉินเฉียงให้อยู่ตรงกลาง
“ฮื้ม ยังไม่ตายอีกรึ”
หนึ่งในหกขมวดคิ้วพลางจ้องมองไปที่เฉินเฉียง
“น้องสี่ เท่าที่ข้าเห็นไอ้ตัวตำบอนผู้นี้สมควรจะเป็นไอ้ตัวนอกเขตแดนที่เคยมาราวีพวกเราเป็นแน่”
“ในครั้งก่อนมันหลุดรอดไปได้ แต่ในครั้งนี้มันต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”
“แล้วจะรออะไรอีกล่ะ กล้าท้าทายวิหารศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ายังไงพวกมันก็ต้องตกตาย”
หลังจากคุยกันสองประโยค ทั้งหกก็พุ่งเข้าใส่เฉินเฉียงอีกครั้ง
เฉินเฉียงแม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ยังไงซะเขาก็ยังมีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้อยู่ ในตอนนี้เขายืนนิ่งมองทั้งหกโจมตีเข้ามาใส่เขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ปัง
คลื่นพลังของทั้งหกได้ทะลุผ่านขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาพร้อมกัน
เฉินเฉียงผู้ซึ่งมั่นใจว่าขอบเขตเจตจำนงของตนว่าจะป้องกันเขาไว้ได้ก็ไม่คิดมาก่อนว่าคลื่นพลังของทั้งหกจะแทรกซึมเข้ามาได้เสียอย่างนั้น
นี่ทำให้เฉินเฉียงที่อยู่ตรงกลางต้องได้รับบาดเจ็บอีกครั้งด้วยคลื่นพลังงานนี้
ไม่
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่ๆ
ตรงหน้าของเขานั้นมีสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตอยู่ตรงหน้าอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่อาจจะเก็บพวกมันได้เนี่ยนะ
หลังจากจับจ้องไปที่ดงสมุนไพรตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกล เฉินเฉียงกัดฟันแน่นก่อนที่จะใช้เคลื่อนย้ายพริบตานำพาตนเองดำดิ่งสู่ใต้ผืนดิน
คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในหกนี้มีผู้บ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปฐพี เพียงเขาได้เห็นเฉินเฉียงดำลงไปในดินเขาก็ติดตามลงไป
ด้วยการที่เขาเขากำลังกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้อยู่ เขาไม่อาจใช้ความเร็วได้เทียบเท่ากับช่วงเวลาปกติ และนี่ทำให้เป็นอีกครั้งที่ความเร็วของเขาตกอยู่ไปในระดับเริ่มเรียนรู้
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอับจนหนทางไปยิ่งกว่าก็คือแม้แต่ในพื้นดิน วิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีการกางเขตแดนเอาไว้
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ วิธีการเดียวที่เขาจะออกจากที่นี่ได้ก็คือการเก็บกักขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตน
แต่ด้วยการที่เขาถูกมหาราชาขั้นต้นไล่หลังมา ทำให้เขาไม่กล้าที่จะกักเก็บขอบเขตเจตจำนงของเขา
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกชายคนนี้จับตัวไว้ได้
ยังไม่รวมถึงการที่เขายังเจ็บหนักอยู่ หากเขาโดนจับคงไม่พ้นที่จะต้องตกตาย
เมื่อสัมผัสได้ถึงมหาราชาที่ไล่หลังมานี้ เฉินเฉียงก็รีบคิดอย่างร้อนรนพลางดำดิ่งสู่กำแพงเขตแดนที่อยู่ใต้พื้นดินเพื่อหาโอกาสหลบหนี
ห้าสิบเมตร
สามสิบเมตร
มหาราชาที่ไล่หลังติดตามเฉินเฉียงมาได้จับจ้องไปที่คลื่นพลังของเฉินเฉียงที่ปลดปล่อยออกมา ก่อนที่จะซัดพลังฝ่ามือพุ่งตรงไปที่เฉินเฉียง
เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้กัดฟันแน่นก่อนที่จะตัดสินใจกระทำในสิ่งหนึ่ง
เพียงตอนที่คลื่นพลังนี้เขามาสัมผัสขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเฉินเฉียง เขาก็ได้กักเก็บขอบเขตเจตจำนงเอาไว้ก่อนจะปลดปล่อยคลื่นอัดกระแทกออกไป
แม้ว่าเขาจะเจ็บหนัก แต่ด้วยพลังเหนือมนุษย์คลื่นอัดกระแทกระดับเก้าของเขานั้น ไม่ใช้สิ่งที่มหาราชาจะหลบไปได้
หลังจากเห็นมหาราชาผู้นี้ชะงักงันไป เฉินเฉียงก็รีบใช้เคลื่อนย้ายพริบตาออกจากเขตแดนของภูเขาไป
ถึงแม้คลื่นอัดกระแทกนี้จะทรงพลัง แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับมหาราชานั้นย่อมไม่ได้มีพลังจิตที่อ่อนแอแต่อย่างใด
เพียงแต่ในชั่วพริบตาที่มหาราชาผู้นี้ชะงักไป เฉินเฉียงนั้นกลับหลุดรอดออกไปแล้ว
นี่ทำให้มหาราชาผู้นี้ทำได้เพียงมองเฉินเฉียงหายไปต่อหน้าต่อตาและทำได้เพียงดำดินขึ้นไปสู่ผิวดินเพียงเท่านั้น
“พี่ใหญ่…..ไอ้หัวขโมยนั่นหนีไปอีกแล้ว”
“ห้ะ” ผู้นำกลุ่มอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวก่อนจะพูดออกมา “ไม่เป็นไร ยังไงซะครั้งนี้พวกเราก็ได้เห็นหน้ามันแล้ว ต่อให้มันหนีไปสุดขอบฟ้าพวกเราก็จะตามล่าและฆ่ามันให้ได้”
“ไม่อย่างนั้นวิหารศักดิ์สิทธิ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน”
“ไอ้สอง กลับไปรายงานสถานการณ์ที่นี่กับทางวิหารก่อน”
“พวกเจ้าที่เหลือ เปิดเขตแดนแล้วไปช่วยกันไล่ล่าไอ้หัวขโมยนั่นกับข้า”
เพียงพูดจบ มหาราชาคนหนึ่งได้พุ่งตรงขึ้นเขาไป ส่วนคนที่เหลือนั้นได้เปิดเขตแดนและพุ่งไล่หลังเฉินเฉียงไปในทุกทิศทุกทาง
หลังจากเฉินเฉียงออกมาจากเขตแดนหมอกได้แล้ว เขาก็ไม่ได้กลับขึ้นมาบนผิวดินแต่อย่างใด หลังจากดำดินไปห่างจากเขาได้สักร้อยกว่าไมล์ เขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ก่อนจะขึ้นมาบนผิวดิน
การมาที่เขาโรคาในครั้งนี้ ไม่เพียงเขาจะไม่สามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จ แถมยังต้องมาบาดเจ็บหนักโดยไม่ใช่เรื่อง
แถมอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหายดีได้ในระยะหนึ่งปี
เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ข้ามแม่น้ำตงเตียนมาได้แล้ว หลังจากใช้ความคิดอยู่นาน เขาก็ตัดสินใจว่าจะกลับไปยังเมืองเฉินเหลิวเพื่อฟื้นคืนอาการบาดเจ็บก่อน
ยังดีที่ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาและข้ามมิติของเขาไม่ได้รับผลจากอาการบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะแย่ยิ่งกว่านี้
หลังจากเดินทางไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน เฉินเฉียงก็ได้กลับไปถึงสำนักใต้บาดาลและอยู่ในห้องของเขา
ในทันทีที่หยานเสวี่ยรู้สึกถึงการคงอยู่ของเฉินเฉียง เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาเฉินเฉียงในห้อง
และนี่ต้องทำให้เธอถึงกับต้องหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นใบหน้าที่เหลืองประดุจกระดาษทองของเฉินเฉียง พร้อมร่างกายที่บวมฉึ่งออกข้างประดุจก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
“เฉินเฉียง นี่เจ้าไปทำอะไรมาเนี่ย”
เฉินเฉียงเผยรอยยิ้มออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะกินยาฟื้นฟูเม็ดสุดท้ายที่เหลือในแหวนเก็บของของเขาไป
“หยานเสวี่ย ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ข้านั้นคงไม่อาจจะเคลื่อนไหวอะไรได้ไปอีกสักพัก”
“ในระหว่างนี้เจ้าเองก็พยายามอย่าทำตัวโดดเด่นล่ะ คนนอกจะได้ไม่สงสัย”
“โลกปีศาจแห่งนี้ไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิดไว้เลยจริงๆ”
หลังจากหยานเสวี่ยหลั่งน้ำตาออกมาเล็กน้อย เธอก็พยักหน้ารับ “ไม่ต้องกังวล หากไม่มีอะไรล่ะก็ ข้าเองก็จะไปบ่มเพาะอยู่ที่ห้องนะ”
“หากเจ้าต้องการสิ่งใด แค่บอกข้า เดี๋ยวข้าจะไปหามาให้”
เฉินเฉียงได้นิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “ถามจางหยวนและคนอื่นๆสิว่ามีใครในหมู่พวกเราได้ไปเขาโรคามารึเปล่า”
ถึงแม้หยางเสวี่ยจะไม่รู้ว่าเฉินเฉียงจะถามไปทำไม แต่เธอก็ได้ทำการส่งข้อความไปถามจางหยวนและคนอื่นๆผ่านกำไลสื่อสารในทันที
ไม่นาน ทั้งหกกลุ่มคนของกองกำลังเทียนเว่ยก็ได้ส่งข้อความตอบกลับมา
ไม่มีใครที่ได้เข้าไปยังที่แห่งนั้นมาก่อน
“น่าแปลกนัก”
เฉินเฉียงพูดออกมาประหนึ่งการบ่นอุบพลางดูดซับผลของยาฟื้นฟูที่พึ่งกินไป
นี่ทำให้หยานเสวี่ยอดที่จะถามออกมาเสียมิได้ “เฉินเฉียง เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ใครกันที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บ”
เฉินเฉียงจึงได้บรรยายประสบการณ์ในช่วงหกเจ็ดวันที่ผ่านมา และท้ายที่สุดเขาก็ได้พูดออกมา “หยานเสวี่ย ข้านั้นไม่คิดเลยจริงๆว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าตามหานั้นจะตั้งอยู่ที่เขาโรคา”
“และด้วยการที่ที่นั่นถูกใครบางคนรุกรานทำให้พวกนั้นตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือจึงได้พบเจอข้าอย่างรวดเร็ว”
“จากน้ำเสียงของมหาราชาทั้งหกนั้นราวกับจะบ่งบอกว่าคนที่รุกล้ำก่อนหน้าข้าเป็นคนจากเขตแดนอื่น”
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีคนเช่นนั้นอยู่ในโลกปีศาจนอกจากพวกเรา”