คุณหนูทั้งสองของตระกูลลู่รีบเข้าไปคารวะหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง
ถึงแม้หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงจะได้รับมอบหมายจากเจียงเซี่ยนว่า ต้องช่วยเจียงเซี่ยนต้อนรับแขกที่มา แต่คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาข้างในก็จะเจอเด็กสาวที่อายุเท่ากับพวกนางเลย ทั้งสองคนยังคงประหม่าเล็กน้อย ดีที่คุณหนูทั้งสองของตระกูลลู่ก็ไม่ใช่คนแบบที่มักจะติดตามมารดาไปเข้าสังคมทุกที่เช่นกัน แล้วก็เพราะอาจารย์ลู่ตำแหน่งไม่สูง บางโอกาสที่พวกนางจำเป็นต้องไปร่วมปกติพวกนางก็จะนั่งท้ายสุด โดยวางตัวและจัดการเรื่องต่างๆ อย่างอ่อนโยน มีมารยาท ยอมให้ และถ่อมตน ฉิงเค่อพาพวกนางไปที่ห้องเล็กด้านหลัง หลังจากเอ่ยหยั่งเชิงเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายต่างก็โล่งอก รู้สึกว่าไม่ใช่คนที่เข้ากันได้ยาก จึงค่อยๆ เริ่มพูดจาอย่างเกรงใจและคบหากัน
เจียงเซี่ยนเห็นสถานการณ์ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
สิ่งที่หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงต้องเรียนรู้ในเวลานี้ยังมีอีกมากมาย ไม่เกิดข้อผิดพลาดได้ก็ดีมากแล้ว
นางส่งสัญญาณให้อิ้นไฉ่จับตาดูหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงไว้หน่อย และกลับไปสนใจโถงบุปผา
ฮูหยินลู่กำลังคุยกับฮูหยินเหอและป้าเหออยู่ “…ข้าได้ยินฮูหยินหลี่บอกว่า นางนัดกับฮูหยินติงเรียบร้อยแล้ว วันสารทจีนปีนี้พวกนางจะไปเซ่นไหว้เทพแห่งดาวไถที่เมืองหย่งเหอ ข้าก็อยากไปมากเหมือนกัน ได้ยินว่าเวลานี้คุณชายเล็กของพวกท่านเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักหนานหย่า และเพิ่งจะเริ่มเรียน ท่านจะไปกับข้าหรือไม่”
เทพแห่งดาวไถ หนึ่งในยี่สิบแปดกลุ่มดาว รับผิดชอบควบคุมความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมโทรมของโชคชะตาในการเข้าสอบขุนนางและบทความ เป็นเทพคุ้มครองในใจบัณฑิต
และเมืองหย่งเหอไม่เพียงแต่มีหอเทพแห่งดาวไถที่มีพลังน่าตกใจ ทว่ายังมีประเพณีไหว้เทพแห่งดาวไถในวันสารทจีนด้วย
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็ใจเต้นไม่หยุด แต่พอคิดอีกทีว่าเจียงเซี่ยนเพิ่งจะแต่งเข้ามาเดือนเดียว นางก็ออกไปไหว้กับคนอื่นแล้วไม่ค่อยดีนัก สีหน้าจึงฉายแววลังเลเล็กน้อย “เมืองหย่งเหอไกลเกินไปแล้ว นี่ต้องไปหลายวันใช่หรือไม่? ข้ากลัวว่าข้าจะปลีกตัวไปไม่ได้!”
ฮูหยินลู่เอ่ยอย่างเป็นมิตรว่า “ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่คนไหนไม่ใช่คนที่ควบคุมอาหารการกินภายในบ้านบ้าง ทว่าเพื่ออนาคตของลูกชาย ก็จำเป็นต้องทำให้ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ลำบากแล้วเช่นกัน”
ฮูหยินเหอหวั่นไหวมากขึ้นแล้ว
หลี่เชียนเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโต ต่อไปต้องได้รับความดีความชอบของหลี่ฉางชิง แต่หลี่จวีกลับไม่เหมือนกัน ภายภาคหน้าเขาอาจจะต้องพึ่งตนเอง นอกเสียจากว่าหลี่ฉางชิงมีความดีความชอบมากจนสั่นสะเทือนโลก และช่วงชิงตำแหน่งขุนนางมาให้หลี่จวีอีกตำแหน่ง ดังนั้นนางจึงคิดไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้วว่า จะให้หลี่จวีแข่งกับหลี่เชียนไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำให้หลี่จวีเข้าร่วมการสอบขุนนาง อาศัยตำแหน่งขุนนางช่วงชิงอนาคตมา ดังนั้นนางจึงให้ความสำคัญกับการเรียนของลูกชายเป็นพิเศษ จนบางครั้งถึงขั้นเข้มงวด
ไปจุดธูปเพื่ออนาคตของลูกชาย อย่าว่าแต่ในเขตซานซีเลย ต่อให้ไม่อยู่ในเขตซานซี นางก็จะไปอยู่ดี
ฮูหยินเหออดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ปีหน้าพวกเจ้ายังไปหรือไม่? ปีนี้บอกฉุกละหุกเกินไป ข้ากลัวว่าจะไม่มีเวลา ไม่อย่างนั้น…พวกเรานัดปีหน้าไปด้วยกันเถอะ?”
ฮูหยินลู่เพียงแค่อยากจะสนิทกับตระกูลหลี่มากขึ้นอีกนิดเท่านั้น วันสารทจีนไปไม่ได้ เทศกาลไหว้พระจันทร์วันที่สิบห้าเดือนแปด เทศกาลฉงหยางวันที่เก้าเดือนเก้า ย่อมมีสักวันคนที่ทุกคนสามารถนัดออกไปด้วยกันได้
“เยี่ยมไปเลย” นางเอ่ยพลางยิ้มตาหยีว่า “ถึงเวลานั้นข้าจะมานัดท่าน”
ฮูหยินเหอยิ้มพลางเอ่ยว่า “ได้”
มีสาวใช้เดินมาอย่างเร่งรีบ และเอ่ยว่า “ฮูหยิน ท่านหญิง ฮูหยินของผู้บัญชาการหวังมาแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนรีบเชิญนางเข้ามา
ฮูหยินหวังผมขาวดำปะปนกัน หน้าตาซีดเซียว นัยน์ตาแฝงความทุกข์ แม้จะสวมเสื้อด้านหน้าผ้าไหมหัง และสวมเครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์บนศีรษะ แต่ก็ดูไม่เหมือนภรรยาของขุนนาง กลับเหมือนเกษตรหญิงที่มาจากไหนสวมเสื้อผ้าผิดและไปผิดที่
เจียงเซี่ยนตกใจ
ก่อนที่นางจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกเคยสืบฐานะของแขกที่มา จึงรู้ว่าผู้บัญชาการหวังอายุเกินห้าสิบแล้ว และเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของจินไห่เทา เป็นคนทำอะไรยุติธรรมมากทีเดียว และมีบารมีที่กองบัญชาการไท่หยวนมาก
เจียงเซี่ยนคิดไม่ถึงว่าฮูหยินหวังจะเป็นแบบนี้
นางยิ้มและรับคนเข้ามา เพิ่งจะเอ่ยได้สองสามคำ ฮูหยินโจวของผู้ช่วยซ้ายของผู้ว่าราชการมณฑลซานซีก็มาถึงแล้ว
ฮูหยินโจวพาลูกสาวที่อายุสิบสองปีมาด้วย
คุณหนูโจวถูกรับไปยังห้องเล็ก ส่วนฮูหยินโจวอยู่ทักทายทุกคนในโถงบุปผา
ฮูหยินของผู้ช่วยหยางเมืองไท่หยวนมาถึงแล้ว
นางมาคนเดียว
ไม่นาน ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ก็มาแล้ว
เจียงเซี่ยนไปต้อนรับที่หน้าประตูของโถงบุปผา
ฮูหยินหลี่แนะนำให้ทั้งสองคน
แม้ฮูหยินติงจะเป็นแม่ของลูกห้าคน แต่รูปร่างกลับยังคงผอมสูงเช่นเดิม ผิวขาวผ่อง สายตาสดใส ดูแลอย่างดีมาก จนดูเหมือนอายุเพียงแค่สามสิบต้นๆ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงรักษารูปร่างหน้าตาอันงดงามเอาไว้
นางยิ้มและทักทายเจียงเซี่ยน “อยากมาเยี่ยมท่านหญิงตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านหญิงจะแซงหน้าพวกเรา และส่งเทียบเชิญมาให้พวกเราก่อน ดูเหมือนพวกเราจะช้าไปก้าวหนึ่ง”
ฮูหยินติงเอ่ยพลางมองฮูหยินหลี่ครั้งหนึ่ง
ฮูหยินหลี่เป็นเฉวียนฝูเหรินของเจียงเซี่ยน ในบรรดาฮูหยิน นางสนิทกับเจียงเซี่ยนที่สุดแล้ว
“เวลานี้ท่านหญิงแต่งมาไท่หยวนแล้ว” นางรับช่วงต่อจากฮูหยินติงและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปมีโอกาสมากมาย ไว้อีกสองสามวันพวกเราเชิญท่านหญิงตอบก็ได้”
เจียงเซี่ยนขอบคุณและยิ้ม “ข้าอยู่ในเมืองหลวงก็ได้ยินว่าที่บ้านของใต้เท้าติงทำผัดหน่อไม้อร่อยมาก มีโอกาสต้องไปลองชิมอย่างแน่นอน”
ตระกูลติงก็เป็นคนเจียงซีเช่นกัน พวกเขาเรียนรู้ทั้งการวางตัวและการหาเลี้ยงชีพ เคยมีบรรพบุรุษเป็นราชเลขาธิการสองคน ลูกหลานออกมาเป็นขุนนางเยอะมาก จึงมีชื่อเสียงที่เมืองหลวงอยู่บ้างเช่นกัน
ทว่าเจียงเซี่ยนเติบโตในวัง แล้วก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกง รู้จักตระกูลติง แล้วยังรู้จักผัดหน่อไม้ที่มีชื่อเสียงของตระกูลติงด้วย เห็นได้ชัดว่าสืบมา
นี่ก็ค่อนข้างหายากแล้ว
แสดงว่าเจียงเซี่ยนก็อยากทำสิ่งดีๆ กับติงหลิวเช่นกัน
ฮูหยินติงนึกถึงสิ่งที่ได้ยินฮูหยินหลี่เอ่ยก่อนหน้านี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองเจียงเซี่ยนที่ยังอายุไม่ครบสิบห้าเต็มใหม่ และให้ความสำคัญเล็กน้อย
นางแนะนำติงหวั่นคุณหนูรองของตระกูลติงกับเจียงเซี่ยนด้วยตนเอง
ติงหวั่นคารวะเจียงเซี่ยนอย่างนอบน้อม
เจียงเซี่ยนมอบอั่งเปาสองซองให้เป็นรางวัลแก่ติงหวั่นเหมือนเมื่อก่อน
ติงหวั่นยิ้มอย่างอ่อนโยนและขอบคุณ ไม่เย่อหยิ่งและอวดดีต่อหน้าเจียงเซี่ยนเพราะอายุมากกว่า แต่วางตัวอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนคนรุ่นหลัง แล้วตามฉิงเค่อไปยังห้องเล็กด้านหลังที่รับรองเด็กสาวอย่างพวกนางโดยเฉพาะ
เจียงเซี่ยนเป็นไทเฮาจนชินแล้ว จึงชอบเด็กสาวที่หน้าตาสะสวย เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา อ่อนโยน และมีมารยาทแบบนี้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงประทับใจติงหวั่นมาก
ทุกคนนั่งลงตามลำดับความสำคัญ เจียงเซี่ยนก็เริ่มคุยกับฮูหยินติง
เพิ่งจะถามเรื่องบ้านเกิด ฮูหยินซือก็พาคุณหนูสามตระกูลซือมาแล้ว
พอเห็นฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ ความประหลาดใจก็ฉายวาบผ่านไปในดวงตาของนางอย่างเบาบาง ทว่าไม่นานก็ถูกบดบังด้วยรอยยิ้มที่ระบายเต็มหน้า
“ฮูหยินติง ฮูหยินหลี่” นางย่อตัวคารวะทั้งสองคน และเอ่ยว่า “ข้ายังคิดว่าข้าถือว่ามาเร็วแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกฮูหยินมาเร็วกว่าข้าเสียอีก”
ทุกคนจึงทักทายนางอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากคารวะแล้ว คุณหนูสามตระกูลซือก็ถูกอิ้นไฉ่นำไปที่ห้องเล็ก
แต่คุณหนูสามตระกูลซือกลับไม่ค่อยพอใจ นางมองฮูหยินซืออย่างใสซื่อบริสุทธิ์ “ท่านแม่ ข้าไม่ได้เจอฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่มานานแล้ว ข้าอยากฟังฮูหยินทั้งสองคุยกันที่นี่ได้หรือไม่?”
ฮูหยินซืออยากให้คุณหนูสามตระกูลซือแต่งไปตระกูลบัณฑิตอย่างติงและหยาง ดังนั้นจึงหวังว่าลูกสาวจะสามารถสร้างความประทับใจต่อหน้าฮูหยินติงได้มาตลอด ในงานเลี้ยงแบบนี้หากลูกสาวสามารถทำให้ฮูหยินติงชอบได้ นางย่อมอยากเห็นเรื่องราวประสบความสำเร็จ
นางยิ้มและกำลังเอ่ยว่า ‘ได้’ ทว่าจู่ๆ เจียงเซี่ยนกลับเอ่ยว่า “พวกคุณหนูต่างดื่มชาอยู่ที่ห้องเล็กด้านหลัง ในเมื่อคุณหนูสามซือมาแล้วก็ไปทักทายก่อนเถอะ! รอฮูหยินอีกสองสามคนมาแล้ว พวกเราก็ควรย้ายไปนั่งดูงิ้วที่เรือนตะวันออกแล้วเช่นกัน”
มาถึงเรือนของนาง ก็ต้องทำตามกฎของนาง
ไม่มีเหตุผลที่จะทำอะไรตามใจตนเองอย่างเด็ดขาด!