ฮูหยินลู่ขอให้ฮูหยินหลู่ช่วยพูดให้นางต่อหน้าฮูหยินจวง
ฮูหยินหลู่แปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบ
ตามหลักแล้ว พวกนางต่างก็อยู่ในวงเดียวกัน สำหรับคนที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ จะไม่ไว้หน้า ก็เกินไปหน่อยแล้ว
นี่ตระกูลจวงคิดจะแตกหักกับตระกูลลู่หรือ?
นางนึกได้ว่าเมื่อวานฮูหยินลู่เคยไปหาฮูหยินติง จึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ฮูหยินติงว่าอย่างไร?”
ฮูหยินลู่เอ่ยด้วยสายตามืดมนว่า “ฮูหยินติงเคยโน้มน้าวฮูหยินจวงแล้ว แต่ฮูหยินจวงกลับปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม ข้าคิดว่านางสนิทสนมกับเจ้าที่สุด จึงอยากขอให้เจ้าช่วยออกหน้าพูดให้หน่อย ทุกคนเจอกันบ่อย พวกเราตั้งใจจะคืนดีกับใต้เท้าจวง และยินดีจัดงานเลี้ยงเลี้ยงเหล้าใต้เท้าจวงที่หอไท่หยวน”
ฮูหยินหลู่รู้สึกว่าตระกูลลู่ทำถึงขั้นนี้ก็ถือว่าค้อมตัวแล้ว
“ข้าจะหาโอกาสถามให้เจ้า” ฮูหยินหลู่เอ่ย
ฮูหยินลู่ซาบซึ้งมาก
ทั้งสองคนเข้าไปในโถงบุปผาด้วยกัน
บังเอิญเป็นช่วงที่แสดงจบองก์หนึ่งและพักพอดี
ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงที่ดังกังวานเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “…พี่ใหญ่ของครอบครัวท่านลุงข้าเก่งมากเลย อายุมากกว่าข้าเพียงแค่สองปี ก็เป็นจวี่เหรินแล้ว ส่วนน้องรองของข้า อายุน้อยกว่าข้าสองปี ก็เป็นซิ่วไฉแล้ว คนที่เจ้าบอกนั้นอายุสิบเจ็ดปีแล้วใช่หรือไม่? จวี่เหรินที่อายุสิบเจ็ดปี ก็ไม่แปลกตรงไหนเช่นกัน!”
ถึงอย่างไรก็อายุยังน้อย ความหงุดหงิดฉายวาบผ่านไปบนหน้าของติงหวั่นอย่างเบาบาง อยากโต้เถียง ก็ไม่อาจโต้เถียงได้
สีหน้าของนางจึงดูแย่เล็กน้อย
ฮูหยินหลู่กับฮูหลินติงอดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนสายตากัน
พี่ชายของฮูหยินจวง ปีนี้ยังอายุไม่ถึงสี่สิบปี ก็ดำรงตำแหน่งรองตุลาการของศาลต้าหลี่แล้ว
นี่ก็เป็นความมั่นใจของฮูหยินจวงเช่นกัน
ในห้องเงียบกริบไปชั่วขณะ
สีหน้าของฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ก็ดูแย่เล็กน้อยเช่นกัน
เมื่อครู่ไม่รู้ว่าคุยอะไร คุยไปคุยไปก็เอ่ยถึงการสอบขุนนางระดับเซียงซื่อที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ลูกชายของฮูหยินหลี่สอบผ่านและได้เป็นเจี่ยหยวน ติงหวั่นนับถือพี่ชายผู้นี้มาโดยตลอด จึงอดไม่ได้ที่จะชมขึ้นมา ทว่าจู่ๆ คุณหนูใหญ่ตระกูลจวงกลับก้าวออกมาเอ่ยถึงลูกพี่ลูกพี่น้องที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของตนเอง
ไม่ว่าแม่คนไหนได้ยินคำพูดแบบนี้ก็จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูจวงเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังอายุไม่ครบสิบห้าปีเต็ม คนที่นั่งอยู่ก็ล้วนเป็นผู้อาวุโสของนาง ต่อให้พวกนางอยากทะเลาะกับนางก็ไม่สมฐานะอยู่ดี
ฮูหยินจวงรีบลุกขึ้นขอโทษฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ “นางเป็นลูกสาวคนโต หลังจากนั้นสิบเอ็ดเดือนข้าก็คลอดลูกชายคนโตอีกทันที ท่านแม่กลัวว่าข้าเลี้ยงลูกสองคนพร้อมกันจะเหนื่อยเกินไป จึงรับนางไปเลี้ยงดูข้างกาย นางโตมากับลุง จึงนิสัยเอาแต่ใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอให้ฮูหยินทั้งสองอย่าได้ใส่ใจ”
พูดไปพูดมา ก็ยังต้องใช้ลุงของคุณหนูจวงมากดคน
ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่สีหน้าเย็นชามากขึ้น และขี้เกียจแม้แต่จะเอ่ยคำทักทายแล้ว
ฮูหยินหลู่รีบออกหน้าไกล่เกลี่ย โดยถามทุกคนด้วยรอยยิ้มว่า “แตงหวานวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ข้ารู้สึกว่าหวานกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก ซื้อกลับมาเล็กน้อยก็ดีทุกลูก ข้าได้ยินหญิงรับใช้ในบ้านบอกว่า นั่นเป็นเพราะปีนี้น้ำฝนดี อากาศร้อน เพียงแต่ลำบากพวกเราแล้ว ออกไปข้างนอกก็เหงื่อทั้งตัว จนไม่กล้าไปไหนทั้งนั้น” แล้วก็สั่งแม่นมข้างกายว่า “ส่งน้ำแกงถั่วเขียวสำหรับคลายร้อนไปให้คนของคณะสื่อเจียหน่อย พวกเขาก็ลำบากมากเหมือนกัน”
แม่นมยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และออกไป
ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ก็กลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน จึงยิ้มและเอ่ยถึงอากาศปีนี้กับฮูหยินหลู่
เรื่องนี้ฮูหยินหวังรู้ดีที่สุด หัวข้อสนทนาของทุกคนค่อยๆ ย้ายไปที่ฮูหยินหวัง ฮูหยินเหอนั้นเพราะก่อนหน้านี้เคยถกเถียงเรื่องนี้กับฮูหยินหวังและฮูหยินเฉียน เพิ่งจะเรียนมาก็ใช้ทันที จึงสามารถคุยกับเหล่าฮูหยินได้แล้ว
ฮูหยินหลู่ก็ลากฮูหยินจวงไปนอกโถงบุปผา และถามนางว่า “เจ้าเป็นอะไรไปกันแน่? ไม่เพียงแต่ล่วงเกินตระกูลลู่ ยังล่วงเกินฮูหยินติงด้วย นายท่านของพวกเจ้าจะเลื่อนตำแหน่งแล้วหรือเปล่า? หรือว่านายท่านของพวกเจ้าวางแผนงานดีอีกแล้ว?”
ฮูหยินจวงเม้มปากยิ้ม และเอ่ยด้วยสีหน้าภูมิใจเล็กน้อยว่า “หากมีข่าวดีข้าจะบอกเจ้าเป็นคนแรก”
นั่นก็หมายความว่า ใต้เท้าจวงเลื่อนตำแหน่งแล้ว
เดิมทีฮูหยินหลู่ยังอยากเป็นคนกลางให้ตระกูลลู่ ดูท่าทางคนกลางนี้ก็อย่าเป็นเลย ตระกูลจวงไม่มีทางเลิกแค้นตระกูลลู่หรอก
นางลอบถอนหายใจ และหาโอกาสบอกเรื่องนี้กับฮูหยินลู่
แน่นอนว่า นางไม่ได้บอกเรื่องที่ใต้เท้าจวงอาจจะเลื่อนตำแหน่ง เพียงแค่บอกฮูหยินลู่ว่าเรื่องนี้นางก็ไร้ความสามารถเช่นกัน และบอกฮูหยินลู่เป็นนัยว่า เรื่องนี้หากไม่แก้ไขตอนนี้ ต่อไปคงจะยุ่งยากมากขึ้น
ฮูหยินลู่ก็เป็นคนฉลาดมากเช่นกัน ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของใต้เท้าลู่ คงถูกคนจัดการไปตั้งนานแล้ว
นางคิดแล้ว สุดท้ายก็ขอร้องในนามของเจียงเซี่ยน
ตอนนั้นเจียงเซี่ยนกำลังปรึกษาเรื่องไปกินเหล้าที่ตระกูลซือกับฮูหยินเหอ
วันนั้นรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของฮูหยินหลู่แล้ว ทุกคนกำลังเตรียมตัวแยกย้าย จู่ๆ ฮูหยินซือก็เอ่ยปากเชิญทุกคนไปร่วมวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ
แน่นอนว่าทุกคนย่อมพากันรับปาก แต่สุดท้ายจะไปหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งแล้ว
เมื่อวาน จวนสกุลหลี่ได้รับเทียบเชิญจากตระกูลซือแล้ว
เท่าที่เจียงเซี่ยนรู้ ตระกูลซือยังส่งเทียบเชิญให้เกาเมี่ยวหรงคนเดียวด้วย
เกาเมี่ยวหรงถือเทียบเชิญไปพบฮูหยินเหอ บอกว่าถึงเวลานั้นจะไปตระกูลซือกับหลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียง และเอ่ยกับฮูหยินเหอว่าถึงเวลานั้นนางจะคอยดูหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง จะไม่ให้ใครรังแกพวกนาง
เพราะเป็นวันเกิดของคุณหนูสามตระกูลซือ นอกเสียจากว่าเป็นตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสก็จะไม่ไปร่วมงาน
ในมุมมองของเจียงเซี่ยน ตระกูลหลี่กับตระกูลซือยังเรียกว่าตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวไม่ได้ นางก็จะไม่เอาชื่อของตนเองไปเสริมเกียรติให้คุณหนูสามตระกูลซือเช่นกัน กลับมาจึงปรึกษากับฮูหยินเหอเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานั้นจะส่งแค่หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงไป
หลี่ตงจื้อยังไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงของพวกคุณหนูตระกูลขุนนางคนเดียว ฮูหยินเหอจึงอดที่จะกังวลไม่ได้ คำพูดของเกาเมี่ยวหรงทำให้นางซาบซึ้งมากทันที จึงมอบเครื่องประดับผมรูปดอกไม้ไข่มุกประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้าให้เกาเมี่ยวหรงคู่หนึ่ง
ทว่าไม่ว่าอย่างไรเกาเมี่ยวหรงก็ไม่ยอมรับไว้ และบอกว่าหากฮูหยินเหอทำแบบนี้อีก นางก็จะไม่มาเยี่ยมฮูหยินเหออีกแล้ว นางดีกับหลี่ตงจื้อ เพราะหลี่ตงจื้อเป็นคนที่นางเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต ในใจนางหลี่ตงจื้อก็เหมือนน้องสาวของนาง
ฮูหยินเหอจึงจำเป็นต้องล้มเลิก และจูงมือของนางส่งนางออกจากลานบนด้วยตนเอง
เจียงเซี่ยนหัวเราะเยาะ และไปหาฮูหยินเหอ ให้ฮูหยินเหอไปบอกเกาเมี่ยวหรงว่า ถึงเวลานั้นหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงจะไปกับคุณหนูรองตระกูลติง คุณหนูรองตระกูลติงจะดูแลพวกนางสองคน “…น้องหญิงทั้งสองนั้นคนหนึ่งเป็นคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกที่แท้จริงของตระกูลหลี่ อีกคนเป็นคุณหนูที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่แท้จริง หลานสาวของผู้ช่วยเป็นคนพาไปร่วมวันเกิดของคุณหนูขุนนาง นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าตระกูลของพวกเราหาคนที่สามารถแนะนำน้องหญิงทั้งสองได้ไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ให้คนที่ไม่รู้แม้แต่ตนเองไปร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อน? หรือว่าหลานสาวของผู้ช่วยคนนี้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ นางเป็นคนอบรมสั่งสอนคุณหนูของตระกูลเราทุกอย่างหรือ? น้องหญิงทั้งสองยังจะแต่งงานหรือไม่?”
ฮูหยินเหออายจนหน้าแดงก่ำทั้งหน้า
ส่วนป้าเหอตบต้นขาอย่างแรง และเอ่ยว่า “ข้าก็ว่า ทำไมข้าฟังเรื่องนี้แล้วมีบางอย่างผิดปกติ หากว่าไปเป็นเพื่อน อาถงของพวกเราไปก็พอแล้ว นางเข้าไปแทรกแซงในนั้น มันเรื่องอะไรกัน? ยังดีที่ท่านหญิงรู้เข้า ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะไปทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงอีกแล้ว!”
ฮูหยินเหอร้อนใจจนน้ำตาใกล้จะร่วงลงมาแล้ว
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ยังดีที่รู้ทันเวลา และฮูหยินติงก็ตกลงให้คุณหนูรองตระกูลติงพาน้องหญิงทั้งสองไปด้วย เรื่องนี้จึงหยุดไว้ตรงนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนแล้วกัน”