ถูกคนจ้องมองเป็นเรื่องดี ทว่าก็ต้องแบ่งด้วยว่าถูกคนจ้องมองเพราะเรื่องอะไร
หากถูกคนจ้องมองเพราะคำพูดและการกระทำไม่เหมาะสม ไม่ว่าใครก็คงจะอายและโกรธจนยากที่จะทนไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกาเมี่ยวหรงที่เย่อหยิ่งและชอบเอาชนะ
นางอดทนที่จะไม่หันกลับไปมองว่าใครกำลังวิพากษ์วิจารณ์นางอย่างยากลำบาก แล้วเอ่ยกับหลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียงด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มเหมือนไม่ได้ยินว่า “พวกเจ้าออกจากบ้านมาก่อนข้า ทำไมถึงเพิ่งจะมาตอนนี้?” แล้วก็ทักทายติงหวั่น “คุณหนูติงหวั่น พวกเจ้าตามข้ามาทางนี้” พอเอ่ยจบก็พาพวกนางเดินเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยว่า “เพราะคนที่เชิญมาวันนี้ล้วนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน อาหารกลางวันจึงจัดที่ห้องข้างตะวันออกในเรือนของซานเม่ย แต่ตอนบ่ายจะจัดชมรมกวีในสวนดอกไม้ด้านหลัง อาหารเย็นก็จัดในศาลาของสวนดอกไม้ด้านหลัง ตอนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่ห้องข้างตะวันออก คุณหนูจวงกับคุณหนูลู่มาถึงแล้ว หากคุณหนูติง ตงจื้อ และถงเหนียงต้องการอะไร ให้สาวใช้หาข้าก็ได้ หรือสั่งแม่บ้านก็ได้…”
เอ่ยได้พอสมควร ก็ถึงห้องข้างตะวันออกพอดี
ในห้องข้างตะวันออกนอกจากคุณหนูจวงกับคุณหนูลู่แล้ว ยังมีคุณหนูที่แปลกหน้ามากสองคน คนหนึ่งดูเหมือนอายุสิบห้าสิบหกปี อีกคนดูเหมือนอายุสิบสองสิบสามปี หากไม่ใช่เพราะอายุห่างกัน และคนหนึ่งใส่สีแดงอีกคนใส่สีเขียว ก็ดูเหมือนสองพี่น้องฝาแฝด
เกาเมี่ยวหรงยิ้มและเอ่ยว่า “หน้าตาเหมือนกันมากใช่หรือไม่? ตอนที่ข้าเห็นก็ตกใจมากเหมือนกัน สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของซานเม่ย”
ทุกคนคารวะกัน
มีสาวใช้มาเชิญเกาเมี่ยวหรง “คุณหนูสามตระกูลหยวนมาแล้ว คุณหนูสามเชิญท่านไปเจ้าค่ะ”
เกาเมี่ยวหรงยิ้มและบอกลาทุกคน “ข้าไปดูก่อน!”
“เจ้าไปเถอะ!” ทุกคนต่างก็ตอบด้วยรอยยิ้ม มีเพียงคุณหนูจวงที่เลิกคิ้วมองเกาเมี่ยวหรงครั้งหนึ่ง และยกถ้วยชาดื่มชา โดยไม่สนใจเกาเมี่ยวหรง
เกาเมี่ยวหรงอดทนต่อการถูกดูหมิ่นและออกไปจากห้องข้าง
คุณหนูจวงถึงจะพยักหน้าให้หลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียง
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงต่างก็ทั้งประหลาดใจและไม่สบายใจเล็กน้อย
สายตาของคุณหนูจวงจับจ้องไปที่ติงหวั่นแล้ว และเอ่ยว่า “ได้ยินว่าพี่เขยเจ้ากำลังจะไปรับราชการที่หกกรมแล้ว เป็นความจริงหรือไม่?”
ติงหวั่นไม่อยากคุยกับนางด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองตระกูลมักจะปรากฏตัวในโอกาสเดียวกัน และนางก็อายุมากกว่าคุณหนูจวง อย่างไรก็ไม่อาจทำตัวใจแคบและไม่สนใจคุณหนูจวงได้!
นางตอบอย่างเย็นชามากว่า “ไม่รู้”
ทว่าคุณหนูจวงดันคิดแต่จะคุยกับนาง จึงเอ่ยอีกว่า “สามหยวนออกเรือน เจ้ามอบของขวัญอะไรให้นาง? เล่าให้ข้าฟังหน่อย ถึงเวลานั้นข้าก็ให้ของขวัญนางตามของเจ้าแล้วกัน จะได้ไม่ลำเอียง”
ติงหวั่นเอ่ยว่า “ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
คุณหนูจวงฟังออกว่านางกำลังตอบตนเองอย่างขอไปทีแล้ว จึงโกรธจัดทันที และเอ่ยว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่รู้อะไรเลย?”
ติงหวั่นเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ข้าจะรู้ได้อย่างไร…หรือว่าพี่เขยเจ้าไปรับราชการที่ไหนจะเขียนจดหมายมาบอกเจ้าโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ? หรือว่าคุณหนูสามตระกูลหยวนออกเรือนมอบของขวัญอะไรให้บ้างเจ้าจ่ายเงินของตนเองหรือ?”
คำพูดนั้นไม่เพียงแต่ย้อนคุณหนูจวงจนพูดไม่ออก ทว่าหน้ายังเขียวสลับแดงเป็นระยะๆ ด้วย
“นี่ใครกำลังแต่งเรื่องข้าลับหลังน่ะ?” เสียงหัวเราะที่ร่าเริงดังมาจากหน้าประตู
“สามหยวน!”
“คุณหนูสามหยวน!”
คนที่อยู่ในห้องยิ้มและพากันมองไปทางหน้าประตู ลูกพี่ลูกน้องสองคนของคุณหนูสามซือถึงกับลุกขึ้นยืน
หญิงสาวที่รูปร่างผอมเพรียว สวมเสื้อกั๊กยาวผ้าโปร่งสีแดงก่ำ เสื้อสั้นผ้าไหมหังสีเขียวอ่อน เกล้ามวยทรงง่ามคู่ แต่กลับสวมที่คาดผมอำพันขี้ผึ้งสีเหลืองเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูติงหวั่น!” นางทักทายทุกคนอย่างชำนาญ และถามสารทุกข์สุขดิบทุกคน “ครั้งก่อนข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นหวัด ยังอยากไปเยี่ยมเจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ แสดงว่าหายหวัดแล้ว…คุณหนูจวง! ทำไมเจ้าไม่มีความเป็นพี่น้องแม้แต่นิดเดียว? ครั้งก่อนข้าเชิญเจ้ามาเล่นที่บ้าน เจ้าบอกว่าไม่ว่าง ทำไม…วันเกิดของคุณหนูสามซือถึงว่าง? หากครั้งหน้าเจ้าตอบข้าแบบนี้อีก ข้าจะโกรธแล้วนะ…” พอตอนที่ถึงตาหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง นางก็อดไม่ได้ที่จะมองทั้งสองคนและยิ้มตาหยี แล้วหันหน้าไปเอ่ยกับติงหวั่นว่า “ให้ข้าเดา ท่านนี้ต้องเป็นลูกสาวของใต้เท้าหลี่แม่ทัพซานซีที่รับตำแหน่งใหม่อย่างแน่นอน! ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ข้างๆ ท่านนี้น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของคุณหนูหลี่ เมื่อวานยังได้ยินคนเอ่ยถึงว่าคุณหนูเหอรูปร่างหน้าตางดงามอย่างไร ข้ายังไม่เชื่อ วันนี้พอเจอ ก็เรียกได้ว่าสมคำร่ำลือ…”
นางหน้าตาถือได้เพียงว่าได้สัดส่วน และผิวคล้ำเล็กน้อย อย่างไรก็เรียกว่าหญิงงามไม่ได้ ทว่านางสายตาสดใส รอยยิ้มเป็นมิตร เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทำให้คนยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่านางหน้าตาดี เจริญตา และสวยงาม
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงต่างก็เป็นคนค่อนข้างสุขุม จึงชอบคุณหนูสามตระกูลหยวนทันที จนคุณหนูสามตระกูลหยวนกับติงหวั่นนั่งลงข้างๆ ทั้งสองคนถึงจะเห็นเกาเมี่ยวหรงที่พาคุณหนูสามตระกูลหยวนมา
พวกนางยิ้มให้เกาเมี่ยวหรง
แต่รอยยิ้มของเกาเมี่ยวหรงกลับฝืนใจเล็กน้อย
นางยืนอยู่ในห้องครู่หนึ่ง ถึงจะลุกขึ้นออกไปต้อนรับแขกคนอื่น
หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงเบื่อ จึงเริ่มมองทิวทัศน์รอบๆ
ตระกูลซือไม่เหมือนกับตระกูลหลู่และตระกูลลู่
ตระกูลหลู่กว้างสามห้องแบ่งพื้นที่ออกเป็นห้าส่วน แถมยังแบ่งเป็นเรือนตะวันออกกับเรือนตะวันตก ทุกที่เป็นทิวทัศน์ ท่าทางมั่งคั่งและมีอำนาจ ตระกูลลู่ถึงแม้จะเล็ก แต่ทุกที่กลับเป็นไผ่ สิ่งที่ดวงตาเห็นเป็นดอกไม้ งดงามและใสสะอาด ทว่าตระกูลซือกลับไม่มีมาดเท่าตระกูลหลู่ และไม่สวยเท่าตระกูลลู่ ดูคล้ายบ้านของพวกเขา เหมือนเรือนข้างของพวกเขา…
คิดถึงตรงนี้ หลี่ตงจื้อก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
มิน่าเล่าพี่สะใภ้ถึงต้องให้นางกับเหอถงเหนียงมาร่วมงานเลี้ยงของคนพวกนี้เพื่อเปิดหูเปิดตา
แต่พี่สะใภ้ต้องรู้อย่างแน่นอนว่าตระกูลหลี่ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แล้วทำไมไม่ช่วยจัดบ้านล่ะ?
หลี่ตงจื้อไม่ค่อยเข้าใจ จึงตัดสินใจว่ากลับไปจะถามเจียงเซี่ยน กระทั่งคิดว่าหากได้จัดบ้านใหม่กับเจียงเซี่ยนก็ดี
ทว่าสถานที่ที่เหอถงเหนียงกับหลี่ตงจื้อสนใจกลับไม่เหมือนกัน
โดยเนื้อแท้ลุงเหอยังคงเป็นพ่อค้า ต่อให้มาพึ่งพาอาศัยจวนสกุลหลี่แล้ว และช่วยจวนสกุลหลี่จัดการงานต่างๆ คนที่ติดต่อส่วนใหญ่ก็เป็นพวกพ่อค้าอยู่ดี ตระกูลหยวนมีอำนาจมากแค่ไหน นางก็เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
นางมองคุณหนูสามหยวนอย่างเหม่อลอย และรู้สึกหวั่นไหวมาก
คนอื่นต่างบอกว่าคุณหนูสามตระกูลหยวนถูกเลี้ยงให้โตเหมือนลูกชาย ครอบครัวสามีของนางในเวลานี้ก็เป็นเพราะเห็นว่านางเก่งมากเช่นกัน จึงอยากแต่งนางไปรับใช้ตระกูล ถึงได้ขอแต่งงานอย่างเกินจริง
คุณหนูสามตระกูลหยวนเหมือนอย่างที่พวกเขาบอกจริงๆ พูดจาและทำอะไรคล่องแคล่วและเก่งมาก
จริงๆ แล้วผู้หญิงเป็นแบบนี้ก็ทำให้ครอบครัวสามีชอบได้เหมือนกันนี่นา!
จะเห็นได้ว่าเป็นคนต้องมีความสามารถ ไม่ว่าจะนิสัยอย่างไร ก็จะมีคนชอบทั้งนั้น!
นางมองคุณหนูสามตระกูลหยวนคุยกับติงหวั่นอย่างฉะฉานด้วยความอิจฉา และนับถือคุณหนูสามตระกูลหยวนมาก
แล้วจู่ๆ นางก็พบว่าวันนี้ตระกูลลู่ก็มีแค่คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่มาเช่นกัน และคุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ยังนั่งอยู่ในมุมตลอดและไม่ค่อยสนใจใครด้วย
เหอถงเหนียงนึกถึงความหลักแหลมตอนที่นางไปเป็นแขกที่ตระกูลหลี่ จึงรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง
จนกระทั่งทุกคนมาครบแล้ว คุณหนูลู่ก็ถูกจัดให้อยู่โต๊ะเดียวกับเหอถงเหนียงและหลี่ตงจื้อ แถมนางยังนั่งอยู่ทางซ้ายและทางขวาของคุณหนูลู่ด้วย นางนึกถึงเมื่อครู่ที่คุณหนูสามตระกูลหยวนพูดคุยและหัวเราะกับเหล่าคุณหนูขุนนางอย่างสนุกสนานมาก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามคุณหนูลู่เสียงเบาว่า “วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่พูดไม่จา ไม่สบายหรือเปล่า? เดี๋ยวรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ข้าได้ยินพวกนางบอกว่าจะไปจัดชมรมกวีในสวนดอกไม้ เจ้าอยากบอกคนของตระกูลซือสักหน่อยหรือไม่ ให้พวกนางจัดสถานที่ให้เจ้าพักผ่อนสักครู่?”