มู่หนานจือ – บทที่ 346 ตามความจริง

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนเกรงใจแบบนี้ ติงหวั่นได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด นางขอโทษเจียงเซี่ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสีหน้าเจือความรู้สึกผิด “ข้าไม่ดีเอง เพราะข้าไม่ดูแลตงจื้อให้ดี”

นางอายุมากกว่าหลี่ตงจื้อเจ็ดปี

เจียงเซี่ยนคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว ถึงแม้นางจะฝากคนไว้กับติงหวั่น แต่หลี่ตงจื้อสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างแข็งแรง และติงหวั่นยังสามารถส่งหลี่ตงจื้อกลับมาได้ด้วยตนเอง ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวแล้วเช่นกัน จะเอ่ยเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก และชี้แจงว่าเป็นความผิดของใครก็ไม่จำเป็นแล้ว นางเห็นว่าเย็นแล้ว จึงถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง โดยเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าไม่เสียเปรียบก็พอแล้ว! ข้าจะไปพบฮูหยินเป็นเพื่อนพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยตามข้ามารับประทานอาหารด้วยกัน” นางเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน เตรียมตัวไปคารวะฮูหยินเหอที่เรือนตะวันออกเป็นเพื่อนพวกนาง “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเย็นนี้พวกเจ้าจะกลับมารับประทานอาหาร จึงทำได้เพียงเพิ่มอาหารสองสามอย่างอย่างจวนตัว เป็นพวกอาหารบ้านๆ อย่างพวกปลาน้ำขิงและนกกระทาอบซอส ขอให้คุณหนูติงอย่าได้เกรงใจ”

ติงหวั่นเห็นเจียงเซี่ยนเหมือนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างสิ้นเชิง จึงอดที่จะมองไปที่หลี่ตงจื้อไม่ได้

หลี่ตงจื้อหน้าแดงก่ำทั้งหน้าทันที นางเม้มปากพลางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าเจียงเซี่ยน และก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะมองเจียงเซี่ยนสักครั้ง และเอ่ยอย่างขาดความมั่นใจว่า “พี่สะใภ้ ข้า…ข้าเป็นฝ่ายตีคน ข้าไม่ได้ถูกคนตี…”

กระต่ายยังมีช่วงเวลาที่กัดคน?

พอเจียงเซี่ยนได้ยินก็เบิกตาโตทันที และเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “ในเมื่อตีคนอื่น แล้วทำไมเจ้าถึงทำเหมือนถูกคนตีมา?”

หลี่ตงจื้ออายมาก

เจียงเซี่ยนเข้าใจอย่างรวดเร็ว

ในความคิดของนาง นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน!

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “เป็นเพราะทะเลาะวิวาทแล้วกลัวถูกฮูหยินตำหนิหรือว่าคุณหนูจวงเสียเปรียบแล้ววิ่งกลับไปขอความช่วยเหลือที่บ้าน?”

หากไม่ใช่ว่าไม่ถูกกาลเทศะ ติงหวั่นก็จะร้องไชโยให้เจียงเซี่ยนแล้ว

แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำก็เข้าใจเรื่องราวอย่างชัดเจนแล้ว ในบรรดาคนที่นางรู้จัก มีแต่ป้าที่แต่งงานกับเหยาเซียนจือรองเสนาบดีกรมอาญาของราชวงศ์ปัจจุบันเท่านั้นที่มีความสามารถแบบนี้

คิดไม่ถึงว่าท่านหญิงเจียหนานจะเก่งมากขนาดนี้

มารดาของนางอยากสืบเรื่องของท่านหญิงเจียหนานมาตลอดแต่กลับล่าช้าและไม่มีความคืบหน้า เดี๋ยวกลับไป นางจะเล่าเรื่องนี้ให้มารดาฟัง

ทว่าหลี่ตงจื้อกลับทั้งอายและละอายใจ นางพึมพำว่า “คุณหนูจวงส่งคนกลับไปแล้ว…”

ก็หมายความว่า คุณหนูจวงเสียเปรียบจึงไปฟ้องผู้ใหญ่แล้ว!

มิน่าเล่าติงหวั่นถึงละอายใจขนาดนั้น ที่แท้หลี่ตงจื้อก่อเรื่องนี่เอง!

เจียงเซี่ยนยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย พลางปลอบใจน้องสาวสามีของตนเอง “นี่ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน! ลูกสาวของผู้ช่วยระดับสามเล็กๆ อย่างนาง ตีไปแล้วก็ตีไปแล้ว! เวลานี้เจ้ากลับถึงบ้านแล้ว พวกเรายังจะปล่อยให้นางตีเจ้ากลับอย่างนั้นหรือ? เจ้าแค่อยู่บ้านให้สบายใจ ตั้งใจเรียนชดเชยที่หยุดไปหลายวันนี้ ไว้ท่านอาจารย์คนใหม่มา อย่าให้ห่างมากเกินไปก็พอแล้ว หากเจ้ากลัวว่าฮูหยินจะตำหนิ เดี๋ยวข้าจะไปพบฮูหยินกับเจ้า ข้าจะเล่าเรื่องนี้ให้ฮูหยินฟังเอง ข้ารับรองว่านางจะไม่ต่อว่าเจ้า เจ้าว่าแบบนี้ดีหรือไม่?”

พวกหลี่ตงจื้อประหลาดใจ จนอดที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่ได้

เรื่องนี้ก็จบแบบนี้หรือ?

ท่านหญิงไม่โมโห?

ไม่ตำหนิ?

ไม่โกรธ?

ไม่บอกว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง?

แค่นี้ก็ถือว่าจบเรื่องแล้ว?!

ติงหวั่นคิดว่าเจียงเซี่ยนยังไม่รู้ความหนักเบาของเรื่องนี้ จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ตระกูลจวงนั้นให้ท้ายมาก และคุณหนูจวงก็เติบโตที่บ้านของลุงตั้งแต่เด็ก ลุงของนางคือเวินเผิงรองตุลาการศาลต้าหลี่…”

มิน่าเล่าเด็กสาวพวกนี้ถึงได้กังวลขนาดนี้!

ที่แท้ลุงของคุณหนูจวงคือเวินเผิงนี่เอง!

หากนางจำไม่ผิด สุดท้ายเขาสะสมความดีความชอบจนเลื่อนตำแหน่งถึงหัวหน้าสำนักตรวจการฝ่ายซ้ายระดับสอง

เพียงแต่เวินเผิงมีชื่อเสียงเรื่องการให้ท้ายมาก

ขอเพียงคนของเขาทำผิด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะปกป้อง ดังนั้นตอนนั้นจึงค่อนข้างมีบารมีในราชสำนัก

นางบังเอิญต้องใช้เขาจัดการวังจี่เต้าพอดี จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

“ที่แท้คือเขานี่เอง!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สีหน้าถึงกับฉายแววไม่เห็นด้วยเล็กน้อย “ไม่เป็นไร แค่ตีหลานสาวของเขา ไม่ได้ตีบิดาของเขาเสียหน่อย เขามีสิทธิอะไรออกหน้า?”

ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ความแค้นที่สังหารบิดาและความแค้นที่แย่งชิงภรรยา ถึงจะเป็นเหตุผลที่พูดออกมาได้

คิดถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะกลุ้มใจเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจ้าวเซี่ยวกับหลี่เชียนจะไปถึงขั้นไหน?

ตอนนั้นนางก็น่าจะปฏิเสธจ้าวเซี่ยว!

ก็จะไม่มีเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในภายหลังเช่นกัน

แต่สวรรค์เป็นสิ่งที่คาดเดายากมาโดยตลอด ใครจะสามารถรู้ล่วงหน้าได้?

เจียงเซี่ยนไม่อยากคิดมาก จึงลุกขึ้นและเรียกเด็กสาวทั้งสาม “เอาล่ะ พวกเจ้าก็อย่ากังวลเลย ใช้วิธีรับมือพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ หากตระกูลจวงไม่มาฟ้องร้องก็แล้วไป พวกเราเป็นฝ่ายตีคน พวกเรายอมรับแล้ว พวกนางเสียเปรียบเช่นนี้แล้วก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ ต่อไปพวกเราชดเชยนางในเรื่องอื่นก็ได้ หากนางจะมาพูดหนึ่งสองสามสี่ห้าที่บ้านให้ได้ พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจนางเช่นกัน นางอยากขอให้ใต้เท้าจวงออกหน้า พวกเราก็อธิบายเหตุผลกับนาง หากนางขอให้เวินเผิงออกหน้า พวกเราก็ไปขอให้สยงจวิ้นหรงหรือวังจี่เต้าออกหน้า สรุปว่า…จะไม่ปล่อยให้คุณหนูจวงนั่นควบคุมความเป็นไปของพวกเจ้า”

เรื่องราวยังสามารถจัดการแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

พวกติงหวั่นได้ยินแล้วก็เหงื่อออกตรงหน้าผาก

หลี่ตงจื้อยิ่งรู้สึกเครียดมาก และเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ หากเพราะข้าลงมือก่อนล่ะ?”

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนแบบที่จะขัดแย้งกับคนอื่นอย่างไร้สาเหตุหรือ?”

นางมองหลี่ตงจื้อด้วยดวงตาแฝงรอยยิ้ม นัยน์ตาสีดำสนิท สายตาอ่อนโยน

จู่ๆ หลี่ตงจื้อก็อยากร้องไห้

นางโตมาขนาดนี้ ไม่เคยมีใครเชื่อนางอย่างเต็มที่เหมือนเจียงเซี่ยนเลย

เชื่อว่านางไม่ใช่คนมุทะลุ

เชื่อว่านางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล

“พี่สะใภ้!” นางเรียกเจียงเซี่ยน และพยายามกะพริบตา กลัวน้ำตาจะร่วงลงมา

เหอถงเหนียงมองหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา

หากนางมีพี่สะใภ้แบบนี้จะดีแค่ไหนกัน!

แต่ติงหวั่นกลับแอบถอนหายใจในใจ

มีคนในครอบครัวอย่างเจียงเซี่ยน ต่อไปหลี่ตงจื้อคงจะมั่นใจในตนเองและเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน!

เจียงเซี่ยนไม่อยากทำให้พวกเด็กสาวร้องไห้แล้ว

นางโอบไหล่ของหลี่ตงจื้อ และยิ้มพลางขอบคุณติงหวั่นอีกครั้ง “ทั้งที่คุณหนูติงหวั่นรู้ดีว่าตระกูลจวงให้ท้าย ก็ยังส่งน้องสาวสามีของข้ากลับมาด้วยตนเอง มิตรภาพของคุณหนูติงหวั่นนี้ ข้ากับตงจื้อต่างจำไว้แล้ว ต่อไปยินดีต้อนรับคุณหนูติงหวั่นมาเป็นแขกที่บ้านบ่อยๆ ตงจื้ออายุน้อยยังไม่รู้ความ แต่ถงเหนียงอายุพอๆ กับคุณหนูติง แล้วก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย พวกเจ้าต้องเล่นด้วยกันได้อย่างแน่นอน”

เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ นางก็จะถูกจองป้ายเพื่อนสนิทของหลี่ตงจื้อ ต่อให้คุณหนูจวงไม่แค้นนาง พวกนางก็ไม่มีทางที่จะเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วเช่นกัน

ท่านหญิงเจียหนานฝีมือดีจริงๆ ทั้งที่หลี่ตงจื้อเป็นคนลงมือตีคนก่อน ถูกผิดยังไม่รู้แน่ชัด นางก็พูดจาอย่างมีลับลมคมในว่าคุณหนูจวงผิดทุกประการแล้ว แถมยังฉวยโอกาสบีบให้นางแสดงท่าทีว่า สรุปแล้วจะยืนอยู่ฝ่ายหลี่ตงจื้อหรือฝ่ายคุณหนูจวง ดึงคนที่จะช่วยพูดเรื่องนี้ให้หลี่ตงจื้อ

นางทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?

ทว่าพอความคิดนี้ฉายวาบผ่านไป นางนึกถึงวิธีการของเจียงเซี่ยน

หลี่ตงจื้อไม่น่ากลัว แต่ท่านหญิงเจียหนานกลับเป็นคนเก่งมาก นางล่วงเกินหลี่ตงจื้อได้ ทว่าจะล่วงเกินท่านหญิงเจียหนานได้อย่างไร…แต่คุณหนูจวงนั่นก็เป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว…

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท