รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 862 ขอบเขตอิสระ ภายในขั้นเดียวกันมีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว!

บทที่ 862 ขอบเขตอิสระ ภายในขั้นเดียวกันมีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว!

บท​ที่​ 862 ขอบเขต​อิสระ​ ภายใน​ขั้น​เดียวกัน​มีความแตกต่าง​ราว​ฟ้ากับ​เหว​!

“ความผิดปกติ​ที่อยู่​โลก​หน้าฉาก​นั่น​ คือ​เป้าหมายหลัก​ของ​ข้า​”

ภายใน​ดวงตา​ดำขลับ​ของ​ตง​เซิงราวกับ​มีดอกไม้ไฟ​แล่น​วาบ​ระหว่าง​เอ่ย​ออกมา​ “ยังมี​…ซี นี่​ก็​สำคัญ​ จำต้อง​นำ​กลับมา​”

เขา​ออก​มาจาก​แดน​บูชายัญ​อันธการ​ ไม่ใช่เพียง​เพื่อ​จัดการ​เหล่า​ยอด​ฝีมือ​จาก​โลก​หลังฉาก​ เป้าหมาย​ที่​แท้จริง​ของ​เขา​คือ​กำจัด​ความผิดปกติ​เช่น​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ และ​นำ​ตัว​ซีกลับ​ไป​

“ซีคือ​ใคร​? มีสิ่งใด​พิเศษ​อยู่​! จ้าว​แห่ง​ความ​มืดมิด​ถึงได้​เห็น​ความสำคัญ​เป็น​อย่างยิ่ง​ กล่าวว่า​แม้จะไม่สามารถ​สังหาร​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ได้​ ก็​ต้อง​นำ​ตัว​ซีกลับมา​ให้ได้​…”

เขา​รำพึง​กับ​ตัวเอง​

จ้าว​แห่ง​ความ​มืดมิด​ไม่ได้​บอก​เรื่องราว​ของ​ซีให้​เขา​ฟังมาก​นัก​ ทำให้​เขา​ไม่รู้เรื่อง​นี้​เท่าใด​นัก​

“ไป​ ก่อนอื่น​ต้อง​กำจัด​เหล่า​คน​น่ารำคาญ​จาก​โลก​หลังฉาก​เสีย​ก่อน​ พวก​มัน​ล้วน​ไม่มีสิ่งใด​ แต่กลับ​วิ่งเต้น​ยิ่งกว่า​ใคร​!”

เขา​หัวเราะ​เย้ย​ออกมา​หลายครั้ง​ด้วย​ความ​ดูหมิ่น​ยอด​ฝีมือ​จาก​หลังฉาก​

ใน​สายตา​ของ​เขา​ ยอด​ฝีมือ​โลก​หลังฉาก​เหล่านั้น​ไม่อาจ​นับ​เป็น​สิ่งใด​ได้​ แต่กลับ​กล้า​ออกมา​ขัดขวาง​พวกเขา​ทุก​หนทาง​ ช่างสมควร​ตาย​ยิ่งนัก​!

หาก​ไม่ใช่เพราะ​ผลกระทบ​ของ​คน​ผู้​นั้น​ยังอยู่​ ทำให้​ผู้​แข็งแกร่ง​เช่น​พวกเขา​ไม่สามารถ​ออกจาก​แดน​บูชายัญ​อันธการ​ได้​ตาม​ต้องการ​ พวกเขา​คง​ออกมา​สังหาร​ยอด​ฝีมือ​โลก​หลังฉาก​เหล่านั้น​ไป​นาน​แล้ว​

ทว่า​ตอนนี้​ทุกอย่าง​กำลัง​พัฒนา​ไป​ใน​ทิศทาง​ที่​ดี​

การ​ที่​เขา​สามารถ​ออกจาก​แดน​บูชายัญ​อันธการ​ได้​ ทั้ง​ยังอยู่​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​พร้อม​ พลัง​อยู่​ใน​จุดสูงสุด​ นับ​เป็น​ตัวอย่าง​และ​สัญญาณที่​ดี​ยิ่ง​

ก่อนหน้านี้​การ​ออกมา​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​ไม่อาจ​เป็นไปได้​

แม้จะเป็น​จ้าว​แห่ง​ความ​มืดมิด​ที่​ได้รับ​พลัง​จาก​ด้านใน​ของ​แดน​บูชายัญ​อันธการ​ ก็​ยัง​ได้รับ​ผลกระทบ​ พลัง​ลดลง​เป็นอย่างมาก​

ไม่เช่นนั้น​การสังหาร​ตัวแปร​ผิดแปลก​เช่น​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​คง​เป็นเรื่อง​ง่าย​เสีย​ยิ่งกว่า​ง่าย​

สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​จำนวนมาก​มายัง​สนามรบ​ ตง​เซิงพร้อม​สิงโต​ดำ​ก็​มาด้วย​

เสียง​แตร​รบ​ดัง​กึกก้อง​ไป​ทั่ว​ทั้ง​สนามรบ​ในทันที​

“เริ่ม​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​!?”

จ้าว​ชิงจ้องมอง​ไป​ทาง​สนามรบ​ ภายในใจ​เอ่ย​ว่า​คุณชาย​ช่างเก่งกาจ​เสีย​จริง​ เกรง​ว่า​เพราะ​ล่วงรู้​ถึงสถานการณ์​ที่จะ​เกิดขึ้น​ เป็นเหตุให้​เปลี่ยนใจ​เป็น​ฝ่าย​มาหา​ร่าง​อวตาร​ของ​เขา​ด้วย​ตนเอง​ พร้อมกับ​ส่งมอบ​กา​สุรา​ให้​

ก่อนหน้านี้​ร่าง​อวตาร​ตา​เฒ่าขี้เมา​ของ​เขา​ไม่อาจ​พบ​กับ​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ได้​ เนื่องด้วย​อีก​ฝ่าย​ไม่มีความต้องการ​จะพบ​กับ​เขา​

“ยัง​ทันเวลา​!”

เขา​มอง​ไป​ทาง​เหล่า​ยอด​ฝีมือ​ด้วย​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ เห็นได้ชัด​ว่า​การฝึกฝน​ของ​ยอด​ฝีมือ​เหล่านั้น​ใกล้​จะเสร็จสิ้น​แล้ว​ ย่อม​สามารถ​เข้าร่วม​การต่อสู้​ได้​ทันเวลา​ ไม่มีผลกระทบ​อัน​ใด​

“ข้า​จะออก​ไป​สู้ก่อน​”

เขา​ออกจาก​สถานที่​แห่ง​นี้​ตรง​ไป​ยัง​สนามรบ​ ขณะเดียวกัน​สิ่งมีชีวิต​หลังฉาก​จำนวนมาก​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​

สิ่งมีชีวิต​หลังฉาก​เหล่านี้​ประจำการ​อยู่​ใน​สนามรบ​ พร้อม​เข้าร่วม​การต่อสู้​ตลอดเวลา​

“มีเพียง​เจ้าผู้เดียว​? คนอื่น​เล่า​?”

ทาง​ฝั่งสิ่งมีชีวิต​มืดมิด​มีร่าง​หลาย​ร่าง​ทะยาน​ออกมา​

พวก​มัน​เป็น​คู่ปรับ​เก่าแก่​ของ​จ้าว​ชิงและ​ยอด​ฝีมือ​คนอื่น​ ๆ ก่อนที่​ตง​เซิงจะมา พวก​มัน​นับ​ได้​ว่า​เป็นกำลัง​รบ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​ฝั่งความ​มืดมิด​

“เจ้าลา​แก่​หัวโล้น​นั่น​เล่า​? หรือว่า​กลัว​จน​ไม่กล้า​ร่วม​สงคราม​แล้ว​!”

สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​เยาะเย้ย​ ลา​แก่​หัวโล้น​ที่​เขา​พูดถึง​ก็​คือ​พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​

มัน​เกลียดชัง​พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​ เพราะ​ครั้งหนึ่ง​เคย​ประสบ​เคราะห์​ครั้ง​ใหญ่​ด้วย​น้ำมือ​ของ​พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​ ถูก​บาตร​ทองคำ​ม่วง​ของ​พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​จับ​เอาไว้​ จากนั้น​ก็​ต้อง​ฟังบท​สวด​นับ​ครั้ง​ไม่ถ้วน​จน​หัว​เกือบ​ระเบิด​

“น่าขัน​ พวก​ข้า​ไม่เคย​กลัว​ อย่า​ได้​ประเมิน​ตนเอง​สูงไป​นัก​!” จ้าว​ชิงเอ่ย​

กลัว​?

ฝั่งพวกเขา​ล้วน​ไม่มีคำ​นี้​อยู่​

ไม่ว่า​การต่อสู้​จะเป็น​เช่นไร​ พวกเขา​ก็​ไม่เคย​กลัว​ มีความ​หาญกล้า​พอ​จะเข้าสู่​สนามรบ​

“พวกเขา​ไม่มา เช่นนั้น​ก็​สังหาร​เจ้าก่อน​เสีย​!”

เสียง​ระเบิด​ดัง​ขึ้น​ สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​พุ่ง​เข้ามา​ หมอก​สีดำ​ไร้​ขอบเขต​หมุน​วน​ราว​กระแสน้ำ​ หมาย​สังหาร​จ้าว​ชิง

นี่​เป็น​อสูร​ขนาด​มหึมา​ตัว​ห​นึง​ มัน​อ้า​ปาก​ออกมา​พ่น​สายฟ้า​สีดำ​ ดุร้าย​อย่าง​ถึงที่สุด​ มัน​เป็น​สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​ที่​เคย​สังหาร​ยอด​ฝีมือ​จาก​โลก​หลังฉาก​ไป​ไม่น้อย​ ทำให้​สิ่งมีชีวิต​หลังฉาก​อด​เกิด​ความ​กริ่งเกรง​ไม่ได้​

กระทั่ง​ภรรยา​ของ​จ้าว​ชิงเอง​ก็​ถูก​อสูร​ร้าย​ตน​นี้​สังหาร​

จ้าว​ชิงพยายาม​จะสังหาร​อสูร​ร้าย​ตน​นี้​มาหลายครั้ง​เพื่อ​ล้างแค้น​ให้​กับ​ภรรยา​ของ​เขา​ ทว่า​ก็​ล้วน​ล้มเหลว​ อสูร​ร้าย​ตน​นี้​แข็งแกร่ง​เกินไป​

“มาก็ดี​!”

เมื่อ​จ้าว​ชิงเห็น​อสูร​ร้าย​ที่​พุ่ง​เข้ามา​ เขา​พลัน​หัวเราะ​ออกมา​ทันที​ ทว่า​เสียงหัวเราะ​นั้น​เย็นชา​เป็นอย่างมาก​

เขา​เรียก​กระบี่​มรกต​ขึ้น​มาใน​มือ​ พุ่งตรง​ขึ้นไป​บน​ผืน​นภา​ กระบี่​มรกต​กวัดแกว่ง​เปล่งแสง​เจิดจ้า​ทั่ว​ฟ้าดิน​ ปัดเป่า​ความ​มืดมิด​ เข้า​ปะทะ​กับ​อสูร​ร้าย​ตน​นั้น​

“อัน​ใด​กัน​ ต้อง​การแก้แค้น​ให้​กับ​ภรรยา​ของ​เจ้าหรือ​? ก็​ต้อง​ลองดู​ว่า​เจ้ามีความสามารถ​พอ​หรือไม่​!”

อสูร​ร้าย​ยิ้ม​เย้ย​ “หาก​ไม่ใช่เพราะ​หลายครั้ง​ก่อนหน้า​มีคน​ยื่นมือ​ช่วยเหลือ​ เจ้าคง​ถูก​ข้า​สังหาร​ไป​นาน​แล้ว​!”

มัน​อ้า​ปาก​พ่น​สายฟ้า​สีดำ​ออกมา​พุ่งตรง​ไป​ทาง​จ้าว​ชิงด้วย​ต้อง​การสังหาร​ จ้าว​ชิงกวัดแกว่ง​กระบี่​ใน​มือ​ทำลาย​ม่าน​สายฟ้า​สีดำ​ทิ้ง​

ตอนนั้น​เอง​ อสูร​ร้าย​พลัน​ปรากฏ​ขึ้น​ด้านหลัง​จ้าว​ชิงอย่าง​กะทันหัน​ ต้องการ​จะกลืน​เขา​ลง​ไป​ใน​คำ​เดียว​!

เหตุการณ์​ทั้งหมด​เกิดขึ้น​เร็ว​เกินไป​จน​ทำให้​ผู้คน​ไม่อาจ​ตอบสนอง​ได้​ทัน​

อสูร​ร้าย​รวดเร็ว​อย่าง​ถึงที่สุด​ ยาก​แก่​การ​จัดการ​ ทำให้​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​จาก​โลก​หลังฉาก​ต่าง​อด​ปวดหัว​ไม่ได้​

ก่อนหน้านี้​ไม่มีความเป็นไปได้​เลย​ที่​จ้าว​ชิงจะสามารถ​ตอบสนอง​ ความเร็ว​เช่นนี้​เกิน​กว่า​ความสามารถ​ของ​จ้าว​ชิงที่จะ​จัดการ​ได้​

ทว่า​ใน​ตอนนี้​จ้าว​ชิงนั้น​ไม่เหมือนเดิม​ หลังจาก​หลอม​กลั่น​สุรา​หนึ่ง​หยด​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​ก็​ทวีคูณ​ขึ้น​มาก​!

มุมปาก​ของ​เขา​ยกขึ้น​เป็น​รอย​ยิ้มเยาะ​ กระบี่​พุ่งตรง​เข้าไป​ใน​ตำแหน่ง​ของ​อสูร​ร้าย​ด้วย​ความ​สงบนิ่ง​

เขา​แทง​กระบี่​จาก​ด้านหลัง​ ทะลุ​ปาก​ของ​อสูร​ร้าย​มิดด้าม​ทันที​!

“อ๊ากกก!”​

อสูร​ร้าย​ร้อง​ออกมา​อย่าง​เจ็บปวด​ มัน​ไม่คาดคิด​มาก่อน​เลย​ว่า​จ้าว​ชิงจะตอบสนอง​ได้​ทัน​ จึงถูก​กระบี่​แทง​จน​ได้รับบาดเจ็บ​ไม่เบา​

จ้าว​ชิงลงมือ​อย่าง​เด็ดขาด​ ไม่มอบ​โอกาส​ให้​กับ​อสูร​ร้าย​ กระบี่​มรกต​ระเบิด​พลัง​ออก​อย่าง​แรง​ผ่า​ร่าง​ของ​อสูร​ร้าย​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​!

ขณะเดียวกัน​เขา​ก็​ใช้วิชา​กระบี่​ขั้นสูงสุด​ ปล่อยแสง​กระบี่​นับไม่ถ้วน​ระเบิด​ออกมา​ ทำลาย​ร่าง​เนื้อ​ทั้งหมด​ของ​อสูร​ร้าย​เป็น​ชิ้น​ ๆ!

โฮก​!

อสูร​ร้าย​กู่​ร้อง​ มัน​ยัง​ไม่ตาย​ ด้วย​ระดับ​พลัง​เช่น​มัน​แล้ว​ ไม่มีทาง​ตาย​ได้​โดยง่าย​ ทว่า​การ​โจมตี​ของ​จ้าว​ชิงก็​สร้าง​ความเสียหาย​อย่าง​นัก​ พลัง​ของ​มัน​ลดลง​ไป​เป็นอย่างมาก​

หมอก​สีดำ​ไหล​ทะลัก​ ควบแน่น​กลายเป็น​ร่าง​ใหม่​อย่าง​รวดเร็ว​ พร้อม​ใช้มหา​วิชา​มืดมิด​โจมตี​เข้าใส่​จ้าว​ชิง

จ้าว​ชิงยก​ยิ้ม​เย็น​ กระทั่ง​อสูร​ร้าย​ยาม​อยู่​ใน​สภาพ​สูงสุด​ก็​ไม่อาจ​ต่อกร​กับ​เขา​ได้​ ไม่ต้อง​พูดถึง​อสูร​ร้าย​ยาม​ที่​พลัง​ลดลง​อย่าง​มาก​เลย​

เขา​วาด​กระบี่​ออก​ไป​ ทำลาย​มหา​วิชา​ความมืด​ทันที​ พร้อมทั้ง​บดขยี้​ร่าง​ของ​อสูร​ร้าย​ออก​เป็น​ชิ้น​ ๆ ทำให้​อสูร​ร้าย​ได้รับบาดเจ็บ​อีกครั้ง​จน​แสงของ​ดวงวิญญาณ​หม่น​ลง​

“หยุด​มือ​!”

“ฆ่า!”

สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​จำนวนมาก​พุ่ง​เข้ามา​ หาก​เป็น​เช่นนี้​อีกครั้ง​ อสูร​ร้าย​จะต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​!

ภายในใจ​พวก​มัน​เกิด​ความสงสัย​ขึ้น​มา พวก​มัน​ได้​สู้กับ​พวก​จ้าว​ชิงอยู่​บ่อยครั้ง​ รับรู้​ถึงความ​แข็งแกร่ง​ของ​อีก​ฝ่าย​เป็น​อย่าง​ดี​ ก่อนหน้า​จ้าว​ชิงอยู่​ขั้น​ที่​ห้า​ของ​ขอบเขต​อิสระ​ แต่​เหตุใด​ตอนนี้​พวก​มัน​จึงสัมผัส​ได้​ว่า​อีก​ฝ่าย​ถึงขั้น​ที่หก​ของ​ขอบเขต​อิสระ​แล้ว​ล่ะ​?

ขอบเขต​อิสระ​ นี่​คือ​ขอบเขต​ที่อยู่​เหนือกว่า​นิรันดร์​ จ้าว​ชิง พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​ ประมุข​แห่ง​สรวงสวรรค์​ และ​ยอด​ฝีมือ​อื่น​ ๆ ก็​ต่าง​ล้วน​อยู่​ใน​ขั้น​ที่​ห้า​ของ​ขอบเขต​อิสระ​

เมื่อ​เข้าสู่​ขอบเขต​นี้​แล้ว​ หาก​คิด​จะพัฒนา​ขึ้น​ขั้น​หนึ่ง​นับ​เป็นเรื่อง​ยาก​ยิ่ง​ นับ​ร้อย​ล้าน​ปี​ก็​ไม่เห็น​หนทาง​ก้าวหน้า​ ยากลำบาก​จน​ไม่อาจ​จินตนาการ​ได้​

“เข้าสู่​ขั้น​ที่หก​แล้ว​จริง ๆ​!”

“เป็นไปได้​อย่างไร​?!”

พวกเขา​ไม่อยาก​จะเชื่อ​ หลังจาก​พุ่ง​เข้าไป​แล้ว​ พวกเขา​ก็​สามารถ​สัมผัส​ได้​ว่า​จ้าว​ชิงก้าว​สู่ขั้น​ที่หก​แล้ว​ พลัง​ที่​สำแดง​ออกมา​ได้​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​พวกเขา​มาก​!

“หืม?!”​

กระทั่ง​สีหน้า​ของ​ตง​เซิงก็​แปร​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ ไม่คาดคิด​ว่า​จ้าว​ชิงนั้น​จะอยู่​ใน​ขั้น​เดียว​กับ​เขา​!

ทว่า​ไม่นาน​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​กลับมา​เป็นปกติ​อย่าง​รวดเร็ว​

แม้จะอยู่​ใน​ขั้น​เดียวกัน​ แต่​เขา​ก็​ไม่กังวล​สักนิด​ จ้าว​ชิงยังคง​ไม่มีพลัง​มาก​พอ​จะต่อกร​กับ​เขา​

ใน​หนึ่ง​ขั้น​กว้างใหญ่​เป็นอย่างมาก​ การ​อยู่​ขั้น​เดียวกัน​ไม่ได้​หมายความว่า​พลัง​จะใกล้เคียง​กัน​

กล่าว​อย่าง​ชัดเจน​ก็​คือ​ ภายใน​ขั้น​ก็​ยังคง​มีความแตกต่าง​กัน​เป็นอย่างมาก​

เพราะ​การฝึกฝน​ใน​แต่ละ​ขึ้น​ยากลำบาก​เกินไป​ หาก​คิด​จะก้าว​ขึ้นไป​ขั้น​ใหม่​ก็​ต้อง​ใช้เวลา​หลาย​ร้อย​ล้าน​ปี​ เช่นนั้น​จะไม่ให้​เกิด​ความแตกต่าง​ได้​อย่างไร​

ตัวอย่างเช่น​สิงโต​ดำ​ที่อยู่​ข้าง​กาย​เป็น​สัตว์เลี้ยง​ของ​เขา​ มัน​เอง​ก็​อยู่​ใน​ขั้น​ที่หก​เช่นเดียวกัน​ ทว่า​ก็​ไม่อาจ​เทียบ​เขา​ได้​ พลัง​นับ​ได้​ว่า​แตก​ต่างกัน​เป็นอย่างมาก​

“เจ้าสิงโต​ ไป​เสีย​ ข้า​มอบ​เขา​ให้​เป็น​รางวัล​อาหาร​กับ​เจ้า”

เขา​พูด​เสียง​เรียบ​ ไม่สนใจ​จะออก​ไป​ต่อกร​กับ​จ้าว​ชิงเสีย​ด้วยซ้ำ​

“ขอบ​คุณนาย​ท่าน​!”

สิงโต​ดำ​แยกเขี้ยว​เอ่ย​ขอบคุณ​ตง​เซิง

หลังจากนั้น​มัน​ก็​ส่งเสียงคำราม​แล้ว​พุ่ง​เข้าใส่​จ้าว​ชิง

จ้าว​ชิงก้าว​เข้าสู่​ขั้น​ที่หก​ขอบเขต​อิสระ​แล้ว​ สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​อื่น​ ๆ ย่อม​ไม่อาจ​ต่อกร​ได้​อย่าง​แน่นอน​

มัน​ดุร้าย​น่าสะพรึงกลัว​ ยาม​มัน​พุ่ง​เข้าไป​ ทั่ว​ทั้ง​สนามรบ​ก็​สั่นสะเทือน​ หมอก​สีดำ​แผ่​ปกคลุม​ทั่ว​ฟ้าดิน​ ทำให้​สิ่งมีชีวิต​หลังฉาก​ทั้งหมด​รู้สึก​หนักอึ้ง​จน​ไม่อาจ​หายใจ​

สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​ที่​ต่อสู้​กับ​จ้าว​ชิงถอยกลับ​ทันที​ การต่อสู้​ครั้งนี้​ไม่ใช่สิ่งพี่​พวก​มัน​จะสามารถ​มีส่วนร่วม​ได้​อีกต่อไป​

สีหน้า​ของ​จ้าว​ชิงจริงจัง​ขึ้น​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​ได้​เห็น​สิงโต​ดำ​ และ​ก็​เป็นครั้งแรก​ที่​ได้​เห็น​ตง​เซิงด้วย​!

เขา​ถอนหายใจ​ออกมา​ เบื้องหลัง​กองกำลัง​มืดมิด​ล้ำลึก​ไม่อาจ​หยั่งถึง​จริง ๆ​ ใน​ตอนนี้​มีผู้​ที่​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​ปรากฏ​ออกมา​แล้ว​

เขา​สัมผัส​ได้​ถึงความ​น่ากลัว​ของ​สิงโต​ดำ​ และ​ยิ่ง​สัมผัส​ได้​ถึงความ​น่า​หวั่นเกรง​ของ​ตง​เซิงมากยิ่งขึ้น​ ยัง​ดี​ที่​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​มอบ​กา​สุรามา​ให้​ ไม่เช่นนั้น​พวกเขา​คง​ไม่มีพลัง​มาก​พอ​จะต้านทาน​

ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​ตง​เซิงเลย​ กระทั่ง​สิงโต​ดำ​ หาก​เป็น​ก่อนหน้านี้​ พวกเขา​ย่อม​ไม่มีทาง​ต่อกร​กับ​สิงโต​ดำ​ได้​ สามารถ​ถูก​มัน​กวาดล้าง​ทิ้ง​ไป​อย่าง​ง่ายดาย​

“ตอนนี้​ไม่เหมือนเดิม​แล้ว​!”

ดวงตา​ของ​เขา​เปล่งประกาย​เจิดจ้า​ กระบี่​มรกต​ใน​มือ​ระเบิด​พลัง​อัน​แข็งแกร่ง​ออกมา​พุ่งตรง​ไป​ทาง​สิงโต​ดำ​เพื่อ​สังหาร​

ยัง​ดี​ที่​เป็น​สิงโต​ดำ​ เขา​จึงยังมี​ความมั่นใจ​ที่จะ​ต่อสู้​ หาก​เปลี่ยนเป็น​ตง​เซิง เขา​คง​ไม่มีความมั่นใจ​มาก​เพียงนี้​

ทว่า​เขา​นั้น​ไม่ได้​มีตัว​คนเดียว​

พระ​อ​มิตา​ภะพุทธเจ้า​ ประมุข​แห่ง​สรวงสวรรค์​ และ​ยอด​ฝีมือ​คนอื่น​ ๆ ต่าง​ก็ได้​ดื่ม​สุรา​พัฒนา​ความ​แข็งแกร่ง​!

ยอด​ฝีมือ​เหล่านั้น​กำลัง​ฝึกฝน​ และ​ใกล้​จะเสร็จสิ้น​ใน​เร็ว ๆ นี้​

เมื่อ​ถึงเวลา​นั้น​ หาก​พวกเขา​ร่วม​มืด​กัน​ต่อกร​กับ​ตง​เซิง ก็​มีความเป็นไปได้​ที่จะ​ชนะ​!

เขา​และ​สิงโต​ดำ​เข้า​ปะทะ​กัน​ครั้ง​ใหญ่​ เพียง​พริบตาเดียว​ก็​แลกเปลี่ยน​กระบวนท่า​ไป​นับ​พัน​ครั้ง​!

“เขา​เพิ่ง​บรรลุ​ขั้น​ที่หก​อย่างนั้น​หรือ​?”

ตง​เซิงขมวดคิ้ว​มอง​ไป​ที่​จ้าว​ชิงแล้ว​รำพึง​กับ​ตัวเอง​

จ้าว​ชิงดู​ไม่เหมือน​ผู้​ที่​เพิ่ง​เข้าสู่​ขั้น​ที่หก​ พลัง​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​นั้น​เหนือกว่า​ผู้​ที่​เพิ่ง​บรรลุ​ขั้น​ที่หก​เป็นอย่างมาก​

สิ่งนี้​ทำให้​เขา​ประหลาดใจ​ขึ้น​มาเล็กน้อย​

ตามปกติ​แล้ว​ จ้าว​ชิงสมควรจะ​เพิ่ง​ก้าว​สู่ขั้น​ที่หก​

หาก​จ้าว​ชิงบรรลุ​ขั้น​ที่หก​นาน​แล้ว​ สิ่งมีชีวิต​มืดมิด​ทั้งหมด​ที่นี่​คง​ถูก​กำจัด​ไป​นาน​แล้ว​

ความเป็นไป​ได้ที่​ก่อนหน้านี้​จ้าว​ชิงจะปกปิด​พลัง​ตนเอง​ก็​เป็นไปไม่ได้​ เนื่องจาก​ใน​การต่อสู้​ก่อนหน้า​ ฝั่งโลก​หลังฉาก​ปรากฏ​ความสูญเสีย​ครั้ง​ใหญ่หลวง​ มีผู้บาดเจ็บ​ล้มตาย​จำนวนมาก​

หาก​จ้าว​ชิงได้​บรรลุ​ขั้น​ที่หก​เป็นที่​เรียบร้อย​ คง​ไม่ยอม​ปล่อย​ให้​สิ่งมีชีวิต​หลังฉาก​ล้มตาย​ไป​มากมาย​เพียงนั้น​อย่าง​แน่นอน​

เห็น​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​จ้าว​ชิงเพิ่ง​บรรลุ​ขั้น​ที่หก​เมื่อไม่นานมานี้​

“เพิ่ง​ก้าว​สู่ขั้น​หก​ก็​มีพลัง​แข็งแกร่ง​เพียงนี้​เชียว​หรือ​? นี่​น่าสนใจ​อยู่​บ้าง​…”

เขา​จับจ้อง​ไป​ทาง​จ้าว​ชิงที่​กำลัง​ต่อสู้​อย่าง​ดุเดือด​

สิ่งนี้​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​เขา​

บน​ตัว​ของ​จ้าว​ชิงจะต้อง​มีความลับ​บางอย่าง​อยู่​ ไม่เช่นนั้น​คง​ไม่อาจ​ทำได้​ถึงเพียงนี้​!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท