บทที่ 862 ขอบเขตอิสระ ภายในขั้นเดียวกันมีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว!
“ความผิดปกติที่อยู่โลกหน้าฉากนั่น คือเป้าหมายหลักของข้า”
ภายในดวงตาดำขลับของตงเซิงราวกับมีดอกไม้ไฟแล่นวาบระหว่างเอ่ยออกมา “ยังมี…ซี นี่ก็สำคัญ จำต้องนำกลับมา”
เขาออกมาจากแดนบูชายัญอันธการ ไม่ใช่เพียงเพื่อจัดการเหล่ายอดฝีมือจากโลกหลังฉาก เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือกำจัดความผิดปกติเช่นหลี่จิ่วเต้า และนำตัวซีกลับไป
“ซีคือใคร? มีสิ่งใดพิเศษอยู่! จ้าวแห่งความมืดมิดถึงได้เห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่าแม้จะไม่สามารถสังหารหลี่จิ่วเต้าได้ ก็ต้องนำตัวซีกลับมาให้ได้…”
เขารำพึงกับตัวเอง
จ้าวแห่งความมืดมิดไม่ได้บอกเรื่องราวของซีให้เขาฟังมากนัก ทำให้เขาไม่รู้เรื่องนี้เท่าใดนัก
“ไป ก่อนอื่นต้องกำจัดเหล่าคนน่ารำคาญจากโลกหลังฉากเสียก่อน พวกมันล้วนไม่มีสิ่งใด แต่กลับวิ่งเต้นยิ่งกว่าใคร!”
เขาหัวเราะเย้ยออกมาหลายครั้งด้วยความดูหมิ่นยอดฝีมือจากหลังฉาก
ในสายตาของเขา ยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ แต่กลับกล้าออกมาขัดขวางพวกเขาทุกหนทาง ช่างสมควรตายยิ่งนัก!
หากไม่ใช่เพราะผลกระทบของคนผู้นั้นยังอยู่ ทำให้ผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเขาไม่สามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ตามต้องการ พวกเขาคงออกมาสังหารยอดฝีมือโลกหลังฉากเหล่านั้นไปนานแล้ว
ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
การที่เขาสามารถออกจากแดนบูชายัญอันธการได้ ทั้งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม พลังอยู่ในจุดสูงสุด นับเป็นตัวอย่างและสัญญาณที่ดียิ่ง
ก่อนหน้านี้การออกมาในสภาพสมบูรณ์ไม่อาจเป็นไปได้
แม้จะเป็นจ้าวแห่งความมืดมิดที่ได้รับพลังจากด้านในของแดนบูชายัญอันธการ ก็ยังได้รับผลกระทบ พลังลดลงเป็นอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นการสังหารตัวแปรผิดแปลกเช่นหลี่จิ่วเต้าคงเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากมายังสนามรบ ตงเซิงพร้อมสิงโตดำก็มาด้วย
เสียงแตรรบดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามรบในทันที
“เริ่มแล้วอย่างนั้นหรือ!?”
จ้าวชิงจ้องมองไปทางสนามรบ ภายในใจเอ่ยว่าคุณชายช่างเก่งกาจเสียจริง เกรงว่าเพราะล่วงรู้ถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เป็นเหตุให้เปลี่ยนใจเป็นฝ่ายมาหาร่างอวตารของเขาด้วยตนเอง พร้อมกับส่งมอบกาสุราให้
ก่อนหน้านี้ร่างอวตารตาเฒ่าขี้เมาของเขาไม่อาจพบกับหลี่จิ่วเต้าได้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่มีความต้องการจะพบกับเขา
“ยังทันเวลา!”
เขามองไปทางเหล่ายอดฝีมือด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนของยอดฝีมือเหล่านั้นใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ย่อมสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทันเวลา ไม่มีผลกระทบอันใด
“ข้าจะออกไปสู้ก่อน”
เขาออกจากสถานที่แห่งนี้ตรงไปยังสนามรบ ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตหลังฉากจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น
สิ่งมีชีวิตหลังฉากเหล่านี้ประจำการอยู่ในสนามรบ พร้อมเข้าร่วมการต่อสู้ตลอดเวลา
“มีเพียงเจ้าผู้เดียว? คนอื่นเล่า?”
ทางฝั่งสิ่งมีชีวิตมืดมิดมีร่างหลายร่างทะยานออกมา
พวกมันเป็นคู่ปรับเก่าแก่ของจ้าวชิงและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก่อนที่ตงเซิงจะมา พวกมันนับได้ว่าเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งความมืดมิด
“เจ้าลาแก่หัวโล้นนั่นเล่า? หรือว่ากลัวจนไม่กล้าร่วมสงครามแล้ว!”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดเยาะเย้ย ลาแก่หัวโล้นที่เขาพูดถึงก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้า
มันเกลียดชังพระอมิตาภะพุทธเจ้า เพราะครั้งหนึ่งเคยประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ถูกบาตรทองคำม่วงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจับเอาไว้ จากนั้นก็ต้องฟังบทสวดนับครั้งไม่ถ้วนจนหัวเกือบระเบิด
“น่าขัน พวกข้าไม่เคยกลัว อย่าได้ประเมินตนเองสูงไปนัก!” จ้าวชิงเอ่ย
กลัว?
ฝั่งพวกเขาล้วนไม่มีคำนี้อยู่
ไม่ว่าการต่อสู้จะเป็นเช่นไร พวกเขาก็ไม่เคยกลัว มีความหาญกล้าพอจะเข้าสู่สนามรบ
“พวกเขาไม่มา เช่นนั้นก็สังหารเจ้าก่อนเสีย!”
เสียงระเบิดดังขึ้น สิ่งมีชีวิตมืดมิดพุ่งเข้ามา หมอกสีดำไร้ขอบเขตหมุนวนราวกระแสน้ำ หมายสังหารจ้าวชิง
นี่เป็นอสูรขนาดมหึมาตัวหนึง มันอ้าปากออกมาพ่นสายฟ้าสีดำ ดุร้ายอย่างถึงที่สุด มันเป็นสิ่งมีชีวิตมืดมิดที่เคยสังหารยอดฝีมือจากโลกหลังฉากไปไม่น้อย ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากอดเกิดความกริ่งเกรงไม่ได้
กระทั่งภรรยาของจ้าวชิงเองก็ถูกอสูรร้ายตนนี้สังหาร
จ้าวชิงพยายามจะสังหารอสูรร้ายตนนี้มาหลายครั้งเพื่อล้างแค้นให้กับภรรยาของเขา ทว่าก็ล้วนล้มเหลว อสูรร้ายตนนี้แข็งแกร่งเกินไป
“มาก็ดี!”
เมื่อจ้าวชิงเห็นอสูรร้ายที่พุ่งเข้ามา เขาพลันหัวเราะออกมาทันที ทว่าเสียงหัวเราะนั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก
เขาเรียกกระบี่มรกตขึ้นมาในมือ พุ่งตรงขึ้นไปบนผืนนภา กระบี่มรกตกวัดแกว่งเปล่งแสงเจิดจ้าทั่วฟ้าดิน ปัดเป่าความมืดมิด เข้าปะทะกับอสูรร้ายตนนั้น
“อันใดกัน ต้องการแก้แค้นให้กับภรรยาของเจ้าหรือ? ก็ต้องลองดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”
อสูรร้ายยิ้มเย้ย “หากไม่ใช่เพราะหลายครั้งก่อนหน้ามีคนยื่นมือช่วยเหลือ เจ้าคงถูกข้าสังหารไปนานแล้ว!”
มันอ้าปากพ่นสายฟ้าสีดำออกมาพุ่งตรงไปทางจ้าวชิงด้วยต้องการสังหาร จ้าวชิงกวัดแกว่งกระบี่ในมือทำลายม่านสายฟ้าสีดำทิ้ง
ตอนนั้นเอง อสูรร้ายพลันปรากฏขึ้นด้านหลังจ้าวชิงอย่างกะทันหัน ต้องการจะกลืนเขาลงไปในคำเดียว!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนทำให้ผู้คนไม่อาจตอบสนองได้ทัน
อสูรร้ายรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ยากแก่การจัดการ ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากโลกหลังฉากต่างอดปวดหัวไม่ได้
ก่อนหน้านี้ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จ้าวชิงจะสามารถตอบสนอง ความเร็วเช่นนี้เกินกว่าความสามารถของจ้าวชิงที่จะจัดการได้
ทว่าในตอนนี้จ้าวชิงนั้นไม่เหมือนเดิม หลังจากหลอมกลั่นสุราหนึ่งหยด ความแข็งแกร่งของเขาก็ทวีคูณขึ้นมาก!
มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ กระบี่พุ่งตรงเข้าไปในตำแหน่งของอสูรร้ายด้วยความสงบนิ่ง
เขาแทงกระบี่จากด้านหลัง ทะลุปากของอสูรร้ายมิดด้ามทันที!
“อ๊ากกก!”
อสูรร้ายร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจ้าวชิงจะตอบสนองได้ทัน จึงถูกกระบี่แทงจนได้รับบาดเจ็บไม่เบา
จ้าวชิงลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่มอบโอกาสให้กับอสูรร้าย กระบี่มรกตระเบิดพลังออกอย่างแรงผ่าร่างของอสูรร้ายออกเป็นสองท่อน!
ขณะเดียวกันเขาก็ใช้วิชากระบี่ขั้นสูงสุด ปล่อยแสงกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมา ทำลายร่างเนื้อทั้งหมดของอสูรร้ายเป็นชิ้น ๆ!
โฮก!
อสูรร้ายกู่ร้อง มันยังไม่ตาย ด้วยระดับพลังเช่นมันแล้ว ไม่มีทางตายได้โดยง่าย ทว่าการโจมตีของจ้าวชิงก็สร้างความเสียหายอย่างนัก พลังของมันลดลงไปเป็นอย่างมาก
หมอกสีดำไหลทะลัก ควบแน่นกลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มหาวิชามืดมิดโจมตีเข้าใส่จ้าวชิง
จ้าวชิงยกยิ้มเย็น กระทั่งอสูรร้ายยามอยู่ในสภาพสูงสุดก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรร้ายยามที่พลังลดลงอย่างมากเลย
เขาวาดกระบี่ออกไป ทำลายมหาวิชาความมืดทันที พร้อมทั้งบดขยี้ร่างของอสูรร้ายออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้อสูรร้ายได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจนแสงของดวงวิญญาณหม่นลง
“หยุดมือ!”
“ฆ่า!”
สิ่งมีชีวิตมืดมิดจำนวนมากพุ่งเข้ามา หากเป็นเช่นนี้อีกครั้ง อสูรร้ายจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ภายในใจพวกมันเกิดความสงสัยขึ้นมา พวกมันได้สู้กับพวกจ้าวชิงอยู่บ่อยครั้ง รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ก่อนหน้าจ้าวชิงอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ แต่เหตุใดตอนนี้พวกมันจึงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายถึงขั้นที่หกของขอบเขตอิสระแล้วล่ะ?
ขอบเขตอิสระ นี่คือขอบเขตที่อยู่เหนือกว่านิรันดร์ จ้าวชิง พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมืออื่น ๆ ก็ต่างล้วนอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตอิสระ
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตนี้แล้ว หากคิดจะพัฒนาขึ้นขั้นหนึ่งนับเป็นเรื่องยากยิ่ง นับร้อยล้านปีก็ไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ยากลำบากจนไม่อาจจินตนาการได้
“เข้าสู่ขั้นที่หกแล้วจริง ๆ!”
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ หลังจากพุ่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าจ้าวชิงก้าวสู่ขั้นที่หกแล้ว พลังที่สำแดงออกมาได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขามาก!
“หืม?!”
กระทั่งสีหน้าของตงเซิงก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจ้าวชิงนั้นจะอยู่ในขั้นเดียวกับเขา!
ทว่าไม่นานสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
แม้จะอยู่ในขั้นเดียวกัน แต่เขาก็ไม่กังวลสักนิด จ้าวชิงยังคงไม่มีพลังมากพอจะต่อกรกับเขา
ในหนึ่งขั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก การอยู่ขั้นเดียวกันไม่ได้หมายความว่าพลังจะใกล้เคียงกัน
กล่าวอย่างชัดเจนก็คือ ภายในขั้นก็ยังคงมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
เพราะการฝึกฝนในแต่ละขึ้นยากลำบากเกินไป หากคิดจะก้าวขึ้นไปขั้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยล้านปี เช่นนั้นจะไม่ให้เกิดความแตกต่างได้อย่างไร
ตัวอย่างเช่นสิงโตดำที่อยู่ข้างกายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา มันเองก็อยู่ในขั้นที่หกเช่นเดียวกัน ทว่าก็ไม่อาจเทียบเขาได้ พลังนับได้ว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
“เจ้าสิงโต ไปเสีย ข้ามอบเขาให้เป็นรางวัลอาหารกับเจ้า”
เขาพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจจะออกไปต่อกรกับจ้าวชิงเสียด้วยซ้ำ
“ขอบคุณนายท่าน!”
สิงโตดำแยกเขี้ยวเอ่ยขอบคุณตงเซิง
หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่จ้าวชิง
จ้าวชิงก้าวเข้าสู่ขั้นที่หกขอบเขตอิสระแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดอื่น ๆ ย่อมไม่อาจต่อกรได้อย่างแน่นอน
มันดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ยามมันพุ่งเข้าไป ทั่วทั้งสนามรบก็สั่นสะเทือน หมอกสีดำแผ่ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากทั้งหมดรู้สึกหนักอึ้งจนไม่อาจหายใจ
สิ่งมีชีวิตมืดมิดที่ต่อสู้กับจ้าวชิงถอยกลับทันที การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งพี่พวกมันจะสามารถมีส่วนร่วมได้อีกต่อไป
สีหน้าของจ้าวชิงจริงจังขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิงโตดำ และก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตงเซิงด้วย!
เขาถอนหายใจออกมา เบื้องหลังกองกำลังมืดมิดล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึงจริง ๆ ในตอนนี้มีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปรากฏออกมาแล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสิงโตดำ และยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่าหวั่นเกรงของตงเซิงมากยิ่งขึ้น ยังดีที่หลี่จิ่วเต้ามอบกาสุรามาให้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีพลังมากพอจะต้านทาน
ไม่ต้องเอ่ยถึงตงเซิงเลย กระทั่งสิงโตดำ หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางต่อกรกับสิงโตดำได้ สามารถถูกมันกวาดล้างทิ้งไปอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า กระบี่มรกตในมือระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาพุ่งตรงไปทางสิงโตดำเพื่อสังหาร
ยังดีที่เป็นสิงโตดำ เขาจึงยังมีความมั่นใจที่จะต่อสู้ หากเปลี่ยนเป็นตงเซิง เขาคงไม่มีความมั่นใจมากเพียงนี้
ทว่าเขานั้นไม่ได้มีตัวคนเดียว
พระอมิตาภะพุทธเจ้า ประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ดื่มสุราพัฒนาความแข็งแกร่ง!
ยอดฝีมือเหล่านั้นกำลังฝึกฝน และใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็ว ๆ นี้
เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเขาร่วมมืดกันต่อกรกับตงเซิง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ!
เขาและสิงโตดำเข้าปะทะกันครั้งใหญ่ เพียงพริบตาเดียวก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปนับพันครั้ง!
“เขาเพิ่งบรรลุขั้นที่หกอย่างนั้นหรือ?”
ตงเซิงขมวดคิ้วมองไปที่จ้าวชิงแล้วรำพึงกับตัวเอง
จ้าวชิงดูไม่เหมือนผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นที่หก พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าผู้ที่เพิ่งบรรลุขั้นที่หกเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ตามปกติแล้ว จ้าวชิงสมควรจะเพิ่งก้าวสู่ขั้นที่หก
หากจ้าวชิงบรรลุขั้นที่หกนานแล้ว สิ่งมีชีวิตมืดมิดทั้งหมดที่นี่คงถูกกำจัดไปนานแล้ว
ความเป็นไปได้ที่ก่อนหน้านี้จ้าวชิงจะปกปิดพลังตนเองก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในการต่อสู้ก่อนหน้า ฝั่งโลกหลังฉากปรากฏความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
หากจ้าวชิงได้บรรลุขั้นที่หกเป็นที่เรียบร้อย คงไม่ยอมปล่อยให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้มตายไปมากมายเพียงนั้นอย่างแน่นอน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจ้าวชิงเพิ่งบรรลุขั้นที่หกเมื่อไม่นานมานี้
“เพิ่งก้าวสู่ขั้นหกก็มีพลังแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ? นี่น่าสนใจอยู่บ้าง…”
เขาจับจ้องไปทางจ้าวชิงที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเขา
บนตัวของจ้าวชิงจะต้องมีความลับบางอย่างอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำได้ถึงเพียงนี้!