ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 174 เลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 174 เลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้

เมื่อเห็นเว่ยหานพูดเช่นนี้ เว่ยเชียงก็ยิ้มให้เสนาบดีจ้าวอย่างอ่อนโยนพูดว่า “เสนาบดีจ้าวนั่งเถิด ปกติข้าไม่ค่อยได้ทานอาหารนอกวัง นานๆ ทีจะได้ทานอาหารพร้อมเสด็จอาและเสนาบดีจ้าว”

ในฐานะที่เป็นรัชทายาท ที่จริงแล้วเขามีอิสระน้อยกว่าราชนิกูลทั่วไปมาก โดยเฉพาะการผูกมิตรกับขุนนางสำคัญในราชสำนักจะต้องไม่เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง

วันนี้เนื่องจากบังเอิญเจอกันในหอสุราและมีไคหยางอ๋องนั่งเป็นเพื่อนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นวิจารณ์

“เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่เกรงใจแล้ว” เสนาบดีจ้าวประสานมือ เคราสั่นไม่หยุด

เว่ยเชียงหลุดหัวเราะออกมา

เสนาบดีจ้าวประหม่าเช่นนี้ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ

ในเมื่อมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เช่นนั้นก็ต้องสั่งอาหารและสุราเพิ่ม

“ขาหมูตุ๋นเพิ่มอีกสองที่” เว่ยเชียงชอบขาหมูจานนี้มาก คิดว่าเพิ่มอีกสองที่ก็ไม่พอ

เสนาบดีจ้าวเห็นจานสองใบเหลือเพียงน้ำ

ด้วยประสบการการที่เคยทานมาหลายครั้ง ทันทีที่เขาเห็นลักษณะและสีของจานใบนี้ก็รู้ว่าเป็นจานสำหรับใส่ขาหมูตุ๋นโดยเฉพาะ

จบกัน นี่ก็สองที่แล้ว ยังเป็นสองจานที่กินเสียจนสะอาดเช่นนี้ด้วย…

เสนาบดีจ้าวนึกเสียดายพูดว่า “ขาหมูตุ๋นมีจำนวนจำกัดเสียด้วย”

“จำกัดหรือ” หงโต้วที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “สำหรับองค์รัชทายาทแล้วจะจำกัดได้อย่างไรกัน”

โค่วเอ๋อร์ยิ้มพูดเสริมว่า “นั่นน่ะสิ องค์รัชทายาทมาดื่มสุราไม่สะดวกเท่าแขกท่านอื่นๆ เถ้าแก่ของเราบอกแล้วว่า จะจำกัดใครก็ห้ามจำกัดองค์รัชทายาท”

เว่ยเชียงเหลือบมองเด็กสาวที่ไม่รู้ว่ากลับมาห้องโถงใหญ่และนั่งลงที่ข้างตู้คิดเงินตั้งแต่เมื่อไร

มีสิทธิพิเศษสำหรับเขาด้วยหรือ

ดูจากท่าทีดื้อรั้นเมื่อครู่นี้ของคุณหนูลั่ว เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

เว่ยเชียงดึงสายตากลับมา ไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้เขามองเว่ยหานและเอ่ยถามว่า “เสด็จอาของข้ามาก็จำกัดเช่นกันหรือ”

เว่ยหานคิ้วกระตุกเบาๆ

หงโต้วไม่ได้มานั่งใส่ใจอารมณ์ของแขกอยู่แล้ว นางพูดไปตามจริงว่า “จำกัดแน่นอนเพคะ ท่านอ๋องก็คือแขกท่านอื่นอย่างไรเล่า”

เว่ยเชียงอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ยิ้มพูดว่า “ยกอาหารมาเถิด”

ระหว่างที่รออาหาร เสนาบดีเฉียนจากกรมโยธาและผู้อาวุโสหลินก็เดินเข้ามา

เมื่อเห็นรัชทายาทอยู่ด้วย เสนาบดีเฉียนก็ตกใจ รีบเดินมาทักทาย

“เสนาบดีเฉียนมิต้องมากพิธี อยู่ในหอสุราไม่ต้องเคร่งครัดเรื่องพวกนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีเฉียนตอบรับ เหลือบมองเสนาบดีจ้าวสหายเก่าของตน

ไม่ถูกสิ ตั้งแต่ที่เขาเลี้ยงอาหารเสนาบดีจ้าวที่นี่ครั้งหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่สหายกันอีกต่อไปแล้ว

“เสนาบดีจ้าวก็อยู่ด้วยหรือ นี่มัน…” เสนาบดีเฉียนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลง เอ่ยพึมพำในใจแทน

เสนาบดีจ้าวไม่ใช่คนเลี้ยงแน่นอน นี่เขามากินโดยไม่เสียเงินอีกแล้วหรือ

เสนาบดีเฉียนอิจฉาอย่างยิ่ง เกิดคำถามในใจว่า เป็นเสนาบดีหกกรมด้วยกันทั้งนั้น เหตุใดเหล่าจ้าวจึงกินข้าวไม่เสียเงินตลอดเลยนะ

เว่ยเชียงสังเกตเห็นว่าสายตาที่เสนาบดีเฉียนมองเสนาบดีจ้าวนั้นร้อนแรงอยู่บ้างจึงอธิบายอย่างงงงวยว่า “ยากนักที่จะบังเอิญได้พบกัน ข้าเลยเป็นเจ้ามือเลี้ยงเสด็จอาและเสนาบดีจ้าวดื่มสุราน่ะ”

“เป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ…” เสนาบดีเฉียนทอดถอนใจ คำพูดแฝงความนัย

เว่ยเชียงจะพูดอะไรได้อีก เขาหัวเราะเอ่ยว่า “เสนาบดีเฉียนก็มากินด้วยกันเถิด”

เพิ่งพูดจบก็เห็นผู้อาวุโสหลินเดินเข้ามาจึงเชิญมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน

“ให้องค์ชายเป็นเจ้ามือ เกรงใจจริงๆ” เสนาบดีเฉียนทำเป็นพูดเกรงใจ แท้จริงในใจโห่ร้องยินดีตั้งนานแล้ว

เขาเก็บเงินมานานกว่าจะกัดฟันมากินในวันที่มีขาหมูตุ๋นขาย เดิมทีเขาคิดจะมากินขาหมูหนึ่งที่กับสุราหนึ่งกาเท่านั้น

คราวนี้เขาจะกินเท่าไรก็ได้แล้วสินะ

“นานๆ ทีได้มีโอกาสดื่มสุราร่วมกัน เสนาบดีเฉียนมิต้องเกรงใจ”

เสนาบดีเฉียนหย่อนก้นลงนั่งในทันที

เกรงใจเป็นพิธีก็พอแล้ว หากทำท่าปฏิเสธอีกแล้วไม่ได้กินจะทำอย่างไร

ใช่ว่าเขารบเร้าขอให้รัชทายาทเลี้ยงเสียหน่อย ที่สำคัญคือเสนาบดีจ้าวก็อยู่ด้วยมิใช่หรือ

หากกินมากเกินไปจนองค์รัชทายาทขัดเคือง กฎหมายก็ไม่ลงโทษคนหมู่มากอยู่ดี

“ผู้อาวุโสหลินก็นั่งด้วยกันเถิด” สำหรับผู้อาวุโสหลินผู้มีศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เว่ยเชียงมีท่าทางเกรงใจขึ้นเล็กน้อย

ผู้อาวุโสหลินลังเลเพียงครู่หนึ่งก็นั่งลงทันที

กินก็กิน บังเอิญมาทันได้กินข้าวไม่เสียเงิน จะบอกว่าเขาประจบประแจงรัชทายาทคงไม่ได้

สิ่งที่เว่ยเชียงคิดไม่ถึงเลยคือ หลังจากที่เสนาบดีเฉียนและผู้อาวุโสหลินนั่งลงก็มีขุนนางทยอยเดินเข้ามา

เป็นรัชทายาทจะเลือกที่รักมักที่ชังอย่างโจ่งแจ้งได้หรือ ย่อมไม่ได้

ที่จริงแล้วเว่ยเชียงไม่ได้มีเงินมากมายเช่นนั้น

ตั้งแต่ที่เข้าไปอาศัยในวังบูรพา ตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนผิงหนานอ๋อง เขาก็ไม่สามารถใช้เงินทองของจวนอ๋องได้ สิ่งที่ใช้ได้มีเพียงสถานะรัชทายาทเท่านั้น

เว่ยเชียงเห็นมีเพียงหกโต๊ะที่นั่งเต็มในห้องโถง เช่นนั้นก็เลี้ยงให้หมดเลยแล้วกัน

หนึ่งโต๊ะคิดสักสิบตำลึง กินอิ่มก็ไม่เกินหนึ่งร้อยตำลึง

เริ่มแรก เสนาบดีจ้าวและคนอื่นยังคำนึงว่ารัชทายาทเลี้ยงข้าวจะกินเยอะเกินไปไม่ได้ ทว่าคิดไม่ถึงว่าขาหมูของวันนี้จะอร่อยเป็นพิเศษ ทั้งยังสั่งได้ไม่จำกัดด้วย…

เมื่อขาหมูตุ๋นลงท้องไปสองสามชิ้น ตามด้วยสุราอีกสองจอกเล็กก็ไม่มีใครคิดเรื่ององค์รัชทายาทเป็นคนเลี้ยงอีกเลย

ไม่ได้บังคับให้องค์รัชทายาทเลี้ยงเสียหน่อย อีกอย่างโต๊ะนี้ยังมีคนกินจุอีกหลายคน ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนกินเล่า

ทุกคนคิดเช่นนี้ จากนั้นก็กินกันอย่างสบายใจ

จนเมื่อหอสุราใกล้จะปิด รัชทายาทก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

หากไม่กลับไปอีก ประตูวังจะปิดก่อนแล้ว

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าขุนนางที่ปกติดูเรียบร้อย หนักแน่น และสูงศักดิ์เหล่านี้จะกินเก่งถึงเพียงนี้!

“แค่กๆ ข้าออกมานานแล้ว สมควรต้องกลับแล้ว ใต้เท้าทุกท่านเชิญต่อตามสบาย” เว่ยเชียงยกจอกสุราชูขึ้นเล็กน้อย

ทุกคนพากันวางตะเกียบลง ยกจอกสุราให้องค์รัชทายาท

“เป็นมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก เราทุกคนทานอิ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หากไม่ไปพร้อมรัชทายาทแล้วให้พวกเขาแบ่งจ่ายเท่าๆ กันจะทำอย่างไร

“เช่นนั้นก็คิดเงินเถิด” เว่ยเชียงยิ้มสั่งหงโต้ว

หงโต้วหยิบใบเรียกเก็บเงินออกมาอ่าน “ขาหมูสามสิบที่ เนื้อตุ๋นห้าสิบจาน… สุราหกสิบกา… ทั้งหมดห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึงเพคะ”

ห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึง?

เว่ยเชียงยิ้มค้าง หัวใจเกือบจะหยุดเต้นในครานี้

เขาได้ยินผิดไปหรือ

“องค์ชายจะจ่ายเงินสด หรือลงบัญชีไว้ก่อนเพคะ” หงโต้วถามอย่างใส่ใจ

เว่ยเชียงหน้าดำคล้ำ

เงินสดอะไร ลงบัญชีอะไร บอกมาก่อนว่าห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึงนี่มันเรื่องอะไรกัน!

เขาค่อยๆ มองไปรอบๆ ห้องโถง

ใบหน้าของเสนาบดีจ้าวและทุกคนยิ้มอย่างอ่อนโยน

จะร้อนรนไม่ได้ ต้องให้องค์รัชทายาทรู้ว่าราคาของมีหอสุราก็เป็นเช่นนี้

พวกเขาชินแล้ว ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าตกใจอะไร ไม่ใช่เพราะเห็นว่ามีคนเลี้ยงจึงสวาปามเช่นนี้แน่นอน

เว่ยเชียงเห็นทุกคนหน้าไม่เปลี่ยนสี จู่ๆ ก็รู้สึกสับสน

หรือว่าห้าพันหกร้อยยี่สิบตำลึงนี่ปกติมากกัน?

“องค์ชายเพคะ?”

เว่ยเชียงพยายามข่มอารมณ์ที่ซัดโหมขึ้นมา ฝืนยิ้มพูดว่า “ราคาของร้านเจ้าแพงกว่าที่ข้าคาดคิดไว้เล็กน้อย”

หงโต้วเบ้ปาก “เพราะว่าองค์ชายมาเสวยครั้งแรกต่างหากเพคะ ไม่เชื่อพระองค์ลองถามแขกขาประจำได้ ทุกท่านรู้ว่าราคาอาหารของหอสุราเราเป็นอย่างไร”

เว่ยเชียงกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง

ทุกคนพยักหน้าพร้อมเพรียงกัน

ใช่แล้ว พวกเขาทุกคนรู้

แพงมาก แต่ก็อร่อยมากเช่นกัน…

เงียบไปครู่หนึ่ง เว่ยเชียงก็กัดฟันพูดออกมาสั้นๆ คำว่า “ลงบัญชี”

“ได้เลยเพคะ” หงโต้วตบใบเก็บเงินทีหนึ่ง จู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมา “เอ๊ะ แต่องค์ชายอยู่ในวังบูรพา จะไปเก็บเงินอย่างไรเล่าเพคะ”

เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น “ไม่เป็นไร ไว้ข้าไปเข้าเฝ้าพระชายาองค์รัชทายาทจะนำใบเก็บเงินไปด้วย”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท