ตอนที่ 100 พระราชทาน
ไต้เจ๋อนิสัยเอาแต่ใจ ถูกโบยก็ตะโกนส่งเสียงร้องโอยดังโหวกเหวก
ระหว่างทางตั้งแต่เขาไป๋ลู่ซานกลับจากจวนรองเจ้ากรม นายหญิงผู้เฒ่าดึงมือซินโย่วไว้ไม่ยอมปล่อย
“ชิงชิง เจ้าไปช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้ได้อย่างไร รีบเล่ามาให้ยายฟังอย่างละเอียด”
เผชิญหน้ากับอาการตื่นเต้นของนายหญิงผู้เฒ่า สีหน้าซินโย่วนิ่งสงบเอ่ยว่า “พอดีไปเก็บดอกไม้กับน้องหลิงอยู่ทางนั้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหมูป่าวิ่งมา ตอนนั้นข้าไม่ทันได้คิดอันใด พอได้สติอีกที่ก็เข้าไปอุ้มบุตรีองค์หญิงใหญ่หลบแล้วเจ้าค่ะ”
“โชคดีจริง” นายหญิงผู้ฒ่าถอนหายใจ
นี่เรียกได้ว่าบุญคุณช่วยชีวิต ยังเป็นที่รู้กันหลายคน แค่เพียงเรื่องนี้ วันหน้าผู้อื่นก็มิกล้าเสียมารยาทต่อหลานสาวนางแล้ว หากวันหน้าหลานสาวนางคนนี้กับหลานชายคนรองจับคู่สำเร็จ ก็จะเป็นผลดีต่อจวนรองเจ้ากรม
นึกถึงความเป็นไปได้ที่องค์หญิงใหญ่จะแสดงท่าทีในเรื่องนี้ ถึงกับอาจมีการไปมาหาสู่กันนับจากนี้ นายหญิงผู้เฒ่าก็เอ่ยเรื่ององค์หญิงใหญ่เจาหยางขึ้นก่อนว่า “ฝ่าบาทมีองค์หญิงใหญ่เป็นพระขนิษฐาเพียงพระองค์เดียว ให้ความสำคัญต่อองค์หญิงใหญ่อย่างมาก มีบุตรชายหนึ่งบุตรีหนึ่ง บุตรชายยังไม่ได้วัยสวมกวน[1] บุตรีก็คือเด็กหญิงที่เจ้าช่วยไว้ในวันนี้…”
ด้วยสถานะนายหญิงผู้เฒ่า แม้ไม่อาจมีสถานะเพียงพอจะได้พบองค์หญิงใหญ่เจาหยางโดยเฉพาะ แต่ก็เข้าใจในเรื่องพวกนี้อย่างมาก นี่เป็นการบ้านพื้นฐานของบรรดาฮูหยินเมืองหลวง
“ตระกูลราชบุตรเขยองค์หญิงใหญ่แซ่ข่ง หลายปีก่อนราชบุตรเขยจากไป บุตรีเป็นบุตรที่เกิดหลังบิดาจากไป องค์หญิงใหญ่กับราชบุตรเขยรักใคร่ปรองดอง หากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ อย่าลืมว่าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องทางนี้ อีกอย่างแม้ความสัมพันธ์องค์หญิงใหญ่กับวังหลังจะธรรมดา แต่ก็อย่าได้เผยสัมพันธ์สนิทชิดใกล้กับเหล่าวังหลัง”
เป็นห่วงว่าหลานสาวจะคิดไปไกล นายหญิงผู้เฒ่ารีบกำชับอีกว่า “ไม่ใช่ว่าจะให้เจ้าไม่ให้ความยำเกรงวังหลัง เพียงแต่อยู่ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ควรระวังตัวสักหน่อย”
พวกเขาเป็นเพียงตระกูลขุนนางธรรมดา ไม่อาจล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ได้ และก็ไม่อาจล่วงเกินวังหลังได้เช่นกัน
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินโย่วต้องการทำความเข้าใจข่าวพวกนี้จริงๆ จึงได้เห็นนายหญิงผู้เฒ่าที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากกว่าสายโลหิตรื่นหูรื่นตาขึ้นมาได้บ้าง
นายหญิงผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มอารี “ยายรู้ ชิงชิงเป็นเด็กรู้ความ”
ซินโย่วยิ้มละไมตอบว่า “ท่านยาย เหตุใดความสัมพันธ์องค์หญิงใหญ่กับพระสนมวังหลังจึงธรรมดาหรือ”
หากทำให้บรรดาฝ่ายหญิงในตระกูลขุนนางเมืองหลวงต่างรู้กันเช่นนี้ ก็ย่อมค่อนข้างธรรมดาดังว่าแล้ว
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ตอบคร่าวๆ เพียงว่า “เรื่องราวในวังอย่าได้ถามมากความ เจ้าจำไว้ก็พอ ยายเหนื่อยแล้ว จะพักผ่อนสักครู่”
ในรถพลันเงียบลง
ด้านรถม้าคันที่สาม ต้วนอวิ๋นหลิงกับต้วนอวิ๋นหวายังคงอยู่กันคนละมุม ท่าทางเหมือนไม่รุกรานกันและกัน
ต้วนอวิ๋นหวามองไปทางต้วนอวิ๋นหลิงเป็นระยะ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวถามว่า “โค่วชิงชิงช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้จริงหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลิงมองไปทางต้วนอวิ๋นหวา กระตุกยิ้มมุมปาก “คนมากมายเช่นนั้นล้วนเห็นกับตา เหตุใดพี่หวายังถามเช่นนี้”
เพราะไม่อยากให้พี่ชิงมีบุญคุณต่อบุตรีองค์หญิงใหญ่ แต่นี้ไปไม่อาจแสดงอำนาจข่มพี่ชิงกระมัง
แต่เพราะไม่อยากมีเรื่อง ต้วนอวิ๋นหลิงจึงไม่ได้เอ่ยออกไป ต้วนอวิ๋นหวากลับเดาได้ทันที
“เจ้าคิดว่าข้าริษยาโค่วชิงชิงหรือ เจ้าไม่รู้สึกแปลกใจหรือ เมื่อก่อนโค่วชิงชิงพูดจายังไม่กล้าเสียงดัง ปีที่แล้วมาเที่ยวเขาไป๋ลู่ซาน ไม่รู้ไปหลบอยู่ที่ไหนคนเดียว ตอนนี้คล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เผชิญหน้ากับหมูป่าก็ถึงกับกล้าเข้าไปช่วยคน…” รู้สึกได้ถึงสายตาผิดปกติของต้วนอวิ๋นหลิง ต้วนอวิ๋นหวาก็ขมวดคิ้ว “สายตาของเจ้าหมายความเช่นไร”
ต้วนอวิ๋นหลิงแค่นเยาะกล่าวว่า “พี่หวา ท่านลืมไปเรื่องหนึ่งใช่หรือไม่”
“เรื่องอันใด”
“พี่ชิงสูญเสียความทรงจำไปแล้วอย่างไรเล่า นางจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนตนเองเป็นเช่นไร ตอนนี้ยังอาจคิดบางเรื่องไม่ออก”
ต้วนอวิ๋นหวาลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ จึงหงุดหงิดขึ้นมาทันที โมโหกลบเกลื่อนความอายว่า “ข้าว่านางถูกผีเข้ามากกว่า!”
ต้วนอวิ๋นหลิงสีหน้าเคร่งเครียด “พี่หวา ข้าขอเตือนพี่ให้ระวังคำพูดหน่อย พี่ชิงเพิ่งจะช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่มา คำพูดนี้แพร่ออกไปจากจวนรองเจ้ากรมล้วนไม่เป็นผลดี ไม่ว่ากับพี่หวาหรือข้าก็ตาม”
ต้วนอวิ๋นหวาแค่นเสียงเยียบเย็นไม่เอ่ยอันใดอีก
ทั้งขบวนกลับถึงจวนรองเจ้ากรมได้ไม่นาน พ่อบ้านจวนองค์หญิงใหญ่ก็นำของขวัญมาเยือนถึงจวน
“องค์หญิงเข้าวังไปแล้ว สั่งให้ข้าน้อยเตรียมของขวัญเล็กน้อยมาขอบคุณคุณหนูโค่วก่อน”
นายหญิงผู้เฒ่ากวาดตามองของขวัญที่มากมายวางจนล้นห้องโถง ในใจก็คิดว่าองค์หญิงใหญ่ช่างถ่อมตนแท้ เรียกว่าของขวัญเล็กน้อย
แน่นอนว่าของขวัญเหล่านี้ไม่นับว่ากระไรนัก ที่ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าแอบดีใจกลับเป็นท่าทีขององค์หญิงใหญ่
“องค์หญิงใหญ่ทรงให้เกียรติพวกเราจริงๆ ชิงชิงเพียงแค่ให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย
พ่อบ้านคำนับซินโย่วทีหนึ่งก่อนจะกลับไป
“ชิงชิง ของขวัญเหล่านี้เจ้าจะจัดการอย่างไร เก็บไว้ที่ห้องคลังในเรือนหว่านฉิง หรือว่าส่งไปที่ร้านหนังสือ”
หลานสาวมีสายสัมพันธ์กับองค์หญิงใหญ่ได้ ไม่ว่าอย่างไรนายหญิงผู้เฒ่าก็ไม่อาจหมายปองของเหล่านี้
ซินโย่วกวาดตามองของขวัญแล้วก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ผ้าพวกนี้ ท่านยายกับท่านป้ารองเลือกที่ชอบไปสี่พับ น้องหลิงกับน้องเยี่ยนเลือกไปสองพับ เครื่องประดับพวกนี้ให้น้องสาวทั้งสองเลือกคนละหนึ่งชุด ที่เหลือก็ส่งไปร้านหนังสือ”
ผ้าที่องค์หญิงใหญ่ส่งมาแทนคำขอบคุณย่อมไม่ธรรมดา เครื่องประดับก็เลือกแบบที่เด็กสาวชอบกัน
“ขอบคุณพี่ชิง” ต้วนอวิ๋นหลิงกล่าวขอบอย่างคุณดีอกดีใจ
ต้วนอวิ๋นเยี่ยนอายุน้อย เห็นเครื่องประดับน่ารักงานฝีมือประณีตก็เบิกบานอย่างเห็นได้ชัด
มีเพียงต้วนอวิ๋นหวาที่โมโหมือสั่น กัดฟันถามขึ้นว่า “น้องชิง เจ้าจงใจลบหลู่ข้าหรือ”
ซินโย่วตกใจ “พี่หวาอย่าลืม เพราะข้าถูกเจ้าลบหลู่จึงได้ต้องย้ายออกไป หรือว่ายังต้องให้ของขวัญเจ้าอีก เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าจะมาเสียเวลาทำอะไรพวกนี้เพื่อรักษาหน้าตาชื่อเสียงว่าใจกว้าง คิดเช่นนี้ก็คิดผิดแล้ว ข้าจะไม่ใช่คนทนกล้ำกลืนฝืนใจตนเองเพื่อรักษาหน้าตา”
ต้วนอวิ๋นหวาสีหน้าแดงก่ำ “ท่านย่า…”
นายหญิงผู้เฒ่าตำหนิสีหน้าเคร่งเครียด “อย่าได้เอะอะก็ส่งเสียงโวยวาย ใช้ได้ที่ไหนกัน”
ทุกคนล้วนได้กันหมดยกเว้นนาง ท่านย่าไม่ว่าอีกฝ่ายกระทำการแล้งน้ำใจเกินไป แต่กลับตำหนินาง
ต้วนอวิ๋นหวาทั้งน้อยเนื้อต่ำใจและโมโหเดือดดาล ปิดหน้าวิ่งออกไป
แววตานายหญิงผู้เฒ่าเคร่งเครียด ยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวหลานสาว
ต้วนอวิ๋นหวาวิ่งกลับห้องไปซบหมอนร้องไห้ นางร้องไห้จนผล็อยหลับไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด สาวใช้จึงมาปลุก
เดิมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอัดแน่น เมื่อถูกปลุกตื่น ในใจต้วนอวิ๋นหวายิ่งเลวร้ายลง ผลักมือสาวใช้ทิ้ง ถามน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นว่า “มีเรื่องอันใด”
สาวใช้ถอยไปยืนไกลออกไปอีกหน่อย “นายหญิงผู้เฒ่าให้มาตามคุณหนูไปที่โถงด้านหน้า มีคนจากในวังมาเจ้าค่ะ”
ต้วนอวิ๋นหวาสีหน้านึกไม่ถึง “ในวัง? เหตุใดมีคนจากในวังมา”
“บอกว่าฝ่าบาททรงรู้ว่าคุณหนูนอกช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ ส่งคนนำรางวัลพระราชทานมามอบให้คุณหนูนอก คนในจวนเราต้องออกไปขอบพระทัยในพระมหากรุณาเจ้าค่ะ”
ต้วนอวิ๋นหวาหน้ามืด
พระราชทานให้โค่วชิงชิง นางยังต้องไปคุกเข่าร่วมขอบพระทัย ใต้หล้ามีเรื่องน่าโมโหเช่นนี้ด้วยหรือ
“คุณหนูท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ คนในวังมาไม่อาจเสียมารยาทได้”
สีหน้าต้วนอวิ๋นหวาดำทะมึน ได้แต่รีบออกไป
ซินโย่วที่ได้รับข่าวเช่นกัน ถามสาวใช้ที่มาแจ้งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ฝ่าบาทพระราชทานของขวัญให้ข้าหรือ”
“เจ้าค่ะ กงกงที่นำของพระราชทานมารออยู่ด้านหน้า” ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ คุณหนูนอกคล้ายอารมณ์ไม่ค่อยดี สาวใช้รู้ความไม่กล้าเอ่ยเร่ง
นิ่งเงียบไปได้ครู่หนึ่ง ซินโย่วก็เดินออกไปด้านหน้า
[1] การสวมกวนประดับศีรษะเป็นพิธีที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของความเป็นผู้ใหญ่ โดยผู้ชายจะเข้ารับพิธีประดับกวนเมื่ออายุครบ 20 ปี