ตอนที่ 887 ซุบซิบนินทา
สภาพอากาศอบอุ่นขึ้นทุกวัน และอีกไม่นานก็จะถึงวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่จะต้องไปรับประทานมื้อเย็นกับครอบครัวที่บ้านของพ่อไป๋
แม้คุณพ่อไป๋จะอยากให้ลูกสาวสองในสามคนที่แต่งงานแล้วพาสามีพาลูกมาด้วย แต่ฟางจั๋วหรานก็ยังคงต้องทำงานต่อไป
เวลานี้หลินม่ายได้ซื้อของขวัญและพาลูก ๆ ทั้งสองคนไปที่บ้านใหม่ของพ่อไป๋
บ้านหลังนี้มีสามห้องนอน และหนึ่งห้องนั่งเล่น ทั้งหมดได้รับการตกแต่งอย่างดี
ไป๋เหยียนรู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าเมื่อใดครอบครัวของตนจะสามารถอยู่ในบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ได้
ไป๋ลู่ตบบ่าหล่อนเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ม่ายจื่อก็สร้างบ้านได้นี่ พี่สาวก็ไปซื้อบ้านหลังใหญ่ของม่ายจื่อสิคะ เวลานี้พี่เขยคนโตเป็นเศรษฐีขายเซาปิ่งไส้เนื้อ ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ได้สักหน่อยนี่คะ”
ไป๋เหยียนหันกลับมาถามหลินม่ายว่ามีบ้านหลังใหญ่จะขายให้หล่อนบ้างไหม
หลินม่ายยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ “ยังไม่มีแพลนเลยค่ะ”
เวลานี้ว่านทงกรุ๊ปมีงานในเมืองหลวงมากมาย นอกเหนือจากพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังมีโครงการเพิ่มเติมที่ต้องการสร้างคลังสินค้าสำหรับขนส่งด้วย สิ่งนี้ทางรถไฟเพิ่งมอบหมายให้เธอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เช่นเดียวกับหอสมุดประจำเมือง และรถไฟใต้ดินหมายเลขสอง ทั้งหมดนับรวมเป็นสี่โครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่
ในโครงการเหล่านี้ ห้องสมุดของเมืองและรถไฟใต้ดินหมายเลขสองเป็นโครงการหลัก และห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด
ปัจจุบันว่านทงกรุ๊ปจึงไม่มีเวลาไปสร้างบ้านจัดสรรในเมืองหลวงเลย ตอนนี้เธอจะต้องรอจนกว่าจะสร้างห้องสมุดเสร็จสิ้นแล้วค่อยขยับขยายไปสร้างบ้านจัดสรรในภายหลัง
ซึ่งจะเป็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไป๋เหยียนรู้สึกว่ายังรอได้
หลินม่ายเห็นเพียงพี่สาวของเธอ ขณะพ่อไป๋และไป๋เซี่ยกำลังยุ่งอยู่ในครัว ส่วนโต้วโต้วและเสี่ยวโต้วกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น
เธอหันมากระซิบถามไป๋ลู่ว่าไป๋เซี่ยทบทวนจะเลิกรากับเฝิงเยว่จู๋แล้วหรือยัง และทำอย่างไรต่อไป
ไป๋ลู่ตอบกลับ “มีอะไรต้องคิดอีกล่ะ ทั้งสองฝ่ายกำหนดวันแต่งงานแล้ว ตระกูลเฝิงก็ยอมรับสินสอดทองหมั้นทั้งหมด แต่เฝิงเยว่จู๋กลับไปนัดบอดด้านนอก นี่มันต่างอะไรกับการนอกใจพี่ชาย? หากพี่ชายไม่ยอมเลิกรา ฉันจะบอกให้เขาเปลี่ยนไปใช้สกุลเฝิงซะ!”
ไป๋เหยียนตอบกลับด้วยความขุ่นเคือง “เธอเลิกเอาเวลาไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ชายได้แล้ว รีบคิดเรื่องสำคัญในชีวิตตัวเองก่อนเถอะ น้องสาวคนเล็กของพวกเรามีลูกสองคนแล้ว แต่เธอยังไม่มีแฟนด้วยซ้ำ! ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยให้จบก็รีบหาแฟนด้วย หลังเรียนจบจะได้แต่งงานเสียที!”
ไป๋ลู่วิ่งเข้าครัวไปด้วยความอับอาย
เดิมทีหลินม่ายอยากจะถามสักหน่อยว่าไป๋เซี่ยจะเลิกรากับเฝิงเยว่จู๋เมื่อใด และอีกฝ่ายจะคืนสินสอดอย่างไร แต่ก่อนที่จะทันได้ถาม อีกฝ่ายก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว
แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัว แต่พ่อไป๋ก็เตรียมอาหารมื้อใหญ่
พวกเขาเริ่มกินและพูดคุย
หลินม่ายคาดหวังว่าหัวข้อในการพูดคุยคราวนี้จะเป็นเรื่องการถอนหมั้น แต่ทุกคนก็พูดคุยกันในเรื่องอื่น ๆ และไม่มีใครพูดเรื่องนี้เลย
ในที่สุดหลินม่ายไม่มีทางเลือกนอกจากถามไป๋เซี่ยว่า “พี่ใหญ่ พ่อบอกให้พี่คิดทบทวนสักสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ? แล้วพี่คิดได้หรือยังว่าจะเลิกกับเฝิงเยว่จู๋ไหม?”
ไป๋เซี่ยพยักหน้า “อืม คิดไว้แล้วล่ะ วันนี้ช่วงบ่ายฉันจะไปยกเลิกทุกอย่าง”
หลินม่ายถามว่าเจ้าสาวจะคืนสินสอดหรือไม่
เธอกลัวว่าพ่อไป๋จะอยากจบเรื่องราวและไม่ต้องการสินสอดกลับคืน
แต่เวลานี้พ่อไป๋เคาะจานก่อนจะพูดว่า “แน่นอน! ต้องเอากลับคืนมาสิ ตั้งห้าร้อยหยวน พ่อใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเก็บมันได้ ไม่ได้กินหรือดื่มอะไรนานแค่ไหน!”
ไป๋เหยียนถอนหายใจ “แต่ฉันเกรงว่าถ้าอยากได้สินสอดกลับคืน คุณพ่ออาจจะต้องถลกหนังพวกเขานะคะ”
หลินม่ายพูดเสียงเรียบ “ถ้าต้องถลกหนังก็ถือว่าดีค่ะ เกรงว่าตระกูลเฝิงจะหาข้ออ้างไม่ยอมยกเลิกงานแต่ง และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาจะยื้อเรื่องนี้ไปนานแค่ไหน”
ไป๋ลู่หันหลับมาหาพ่อไป๋แล้วพูดว่า “พ่อคะ พาฉันไปด้วยนะคะ ไปกันเยอะ ๆ จะได้ช่วยกันกดดันค่ะ”
ไป๋เซี่ยผลักศีรษะของหล่อนทันที “เธอแค่ทุบตีฉันหรือดุด่าฉันก็พอแล้วไหม? ถ้าฉันต้องพาเธอไปที่นั่น ฉันคงต้องมาคอยห้ามปรามเธออีก!”
ไป๋เหยียนป้อนซุปไก่ให้เถียนเถียนสองสามคำ ก่อนจะพูดว่า “ฉันควรเรียกสามีไปด้วยดีไหม? อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันสบายใจ”
คุณพ่อไป๋ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดว่า “นี่ฉันกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาพวกเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่ขนาดยังไม่แต่งงานนะ?”
ลูกทุกคนพลันมีสีหน้าอับอาย
เวลานี้พวกเขาเริ่มคีบอาหารให้กับพ่อไป๋
“พ่อครับ ลูกชิ้นนี้อร่อยมากเลยครับ ลองชิมดู”
“ไก่ตุ๋นเห็ดนี่ก็ดีมากค่ะ พ่อลองชิมดูนะคะ”
ทั้งหมดเริ่มกลับมารับประทานอาหารอีกครั้ง และพวกเขาก็พูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัว
เมื่อทุกคนรู้ว่าพ่อไป๋จะพาไป๋เซี่ยไปที่บ้านตระกูลเฝิง หลินม่ายก็ไม่ต้องการอยู่ต่ออีกแล้ว หลังจากพูดคุยกันสักพัก เธอก็กลับออกมาพร้อมกับพี่สาวคนโต และลูก ๆ ทั้งสอง
เธอขับรถพาไป๋เหยียนและลูกสาวไปส่งที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยพาเด็กทั้งสองคนกลับบ้าน
หลินม่ายชะลอรถเล็กน้อยเมื่อขับผ่านตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
พ่อไป๋คืนลานบ้านให้เธอแล้ว แต่มันยังไม่ได้ทำอะไร หากเอามันไปแลกเปลี่ยนเป็นอะไรที่มีประโยชน์คงจะดีไม่น้อย
เธอจอดรถไว้หน้าอาคารที่เคยซื้อบ้าน สถานที่แห่งนี้มีทางเข้าออกสองทาง
ก่อนลงจากรถ เธอเปิดหน้าต่างไว้เล็กน้อยเพื่อให้อากาศภายในรถไหลเวียน
จากนั้นบอกกล่าวกับโต้วโต้วให้ดูแลน้องชายที่อยู่ในรถให้ดี เธอจะเข้าไปด้านในเพื่อพูดคุยบางสิ่ง และไม่นานจะกลับออกมา
โต้วโต้วพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
แม้หลินม่ายจะคลุมศีรษะไว้ด้วยผ้าพันคอ แต่พนักงานขายลู่ที่เคยรับใช้เธอล่าสุดก็ยังคงจดจำเธอได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขากำลังจะเดินเข้าไปต้อนรับหลินม่าย แต่เขารีบผลักอีกฝ่ายออกไปอย่างเบามือแล้วพูดชัดเจนว่า “นี่เป็นลูกค้าของฉัน”
เพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปนั่งที่เดิม
พนักงานขายลู่พาหลินม่ายไปนั่งที่โต๊ะของเขาอย่างกระตือรือร้น รอยยิ้มเบ่งบานราวกับดอกไม้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เขาเอ่ยปากถามหลินม่ายว่าคราวนี้ต้องการซื้อบ้านแบบไหน
แต่หลินม่ายส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับว่า “คราวนี้ฉันไม่ต้องการซื้อบ้าน แต่ฉันอยากปล่อยบ้านให้เช่าค่ะ”
พนักงานขายลู่ถามรายละเอียดเกี่ยวกับลานบ้านของหลินม่าย
เมื่อรู้ว่าเป็นเรือนสี่ประสาน เขาก็บอกกล่าวถึงปัญหาบางอย่าง “เรือนสี่ประสานมีทางเข้ามากกว่าหนึ่งทาง สามารถปล่อยเช่าได้ง่าย ทั้งชาวต่างชาติและชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งกลับมาอาศัยในเมืองหลวงต่างชื่นชอบที่จะเช่าบ้านอยู่ ส่วนใหญ่แล้วผู้เช่าทั้งหลายจะทำสัญญา 1 ปีและจ่ายเงินมัดจำทันที แต่ว่าชาวต่างชาติและชาวจีนโพ้นทะเลคงไม่ชอบที่จะเช่าเรือนของคุณหลินเท่าไหร่ แล้วคนในประเทศก็จ่ายค่าเช่าไม่ไหวด้วยครับ”
หลินม่ายรู้ดีว่าเรือนสี่ประสานสองวงหรือสามวงสามารถปล่อยให้เช่าได้ง่าย
เรือนสี่ประสานสองวงในทำเลทองของเธอเพิ่งซื้อถูกเช่าโดยชาวจีนโพ้นทะเลหลายคน ทันทีที่เสิ่นเสี่ยวผิงลงประกาศข้อมูลการเช่าในหนังสือพิมพ์ มันก็ถูกเช่าในทันที
แต่เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเรือนสี่ประสานที่เธอมีอยู่ตอนนี้ไม่อาจปล่อยเช่าโดยง่าย
พนักงานขายลู่ยังคงแนะนำ “ถ้าคุณหลินเต็มใจที่จะปล่อยเช่าแบบอยู่ก่อนจ่ายก็ได้นะครับ หรือละเว้นมัดจำก็ได้นะครับ”
แต่หลินม่ายไม่ต้องการแบบนั้น เธอต้องการค่าเช่าและมัดจำเต็มจำนวน
หากปล่อยให้อยู่ก่อนจ่าย และมีผู้เช่ามากเกินไป บ้านจะเสียหายและไม่คุ้มค่ากับการซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย ดังนั้นย่อมขาดทุนมากกว่าได้รับกำไร
หลินม่ายตอบกลับว่า “ฉันไม่รีบร้อนที่จะปล่อยค่ะ เอาไว้คุณค่อย ๆ จัดการให้ฉันก็ได้”
จากนั้นเขาจึงขอกุญแจหนึ่งชุดของลานบ้านหลังนั้น เพื่อเตรียมไว้สำหรับการพาลูกค้าเข้าไปดูบ้าน
หลังจากออกจากบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แล้ว หลินม่ายจึงขับรถไปส่งโต้วโต้วและเสี่ยวมู่ตงกลับบ้าน
บังเอิญว่าพวกเขาเห็นทังอี้กำลังเดินไปตามถนนพร้อมกับผู้หญิงไว้ผมหางม้าในอ้อมแขน เวลานี้เขาคงจะกำลังไปซื้อของกับภรรยาแน่นอน
มีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้นที่ยังแสดงความรักต่อกันแม้จะมีลูกแล้ว
แม้หลินม่ายจะไม่ได้อิจฉา แต่เธอก็ยังรู้สึกบางอย่าง
เวลานี้เธอขับช้าลงเล็กน้อยเพราะต้องการทักทายคู่สามีภรรยานี้
แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเจน เธอก็รีบจากไปอย่างเงียบเชียบทันที
เพราะผู้หญิงที่ทังอี้กอดอยู่ไม่ใช่ภรรยาของเขา
หลินม่ายเคยได้พบกับภรรยาของทังอี้แล้ว หล่อนเป็นผู้หญิงชนชั้นกลางและยังดุร้ายมากด้วย
เป็นเพราะวันนั้
เธอคาดหวังว่าพนักงานจะลดราคาให้เธอ 20% แต่ทุกอย่างถูกปฏิเสธโดยสมบูรณ์
ผู้หญิงคนนั้นลากทังอี้เข้ามามีส่วนร่วม และขอให้เขาสั่งให้พนักงานจัดการส่วนลดให้เธอ 20% แต่สุดท้ายทังอี้ปฏิเสธเธออย่างไม่แยแส
ผู้หญิงคนนั้นโกรธมากที่ไม่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ เธอสาปแช่งทังอี้ต่อหน้าทุกคนว่าเป็นเพียงขยะไร้ค่าก่อนจะจากไป
เวลานี้ผู้หญิงที่ทังอี้กอดเอาไว้ดูธรรมดามาก เธอแต่งตัวอย่างเรียบง่ายและดูพบเจอได้ทั่วไป
ทังอี้กำลัง… มีชู้?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอดูนะคะว่าบ้านเฝิงจะเดือดเป็นไฟแค่ไหน ท่าทางพี่ชายคือจริงจังมาก
ทังอี้จะทำยังไงกับลูกเมียต่อคะ มามีคนอื่นนอกบ้านนี่เท่ากับเล่นชู้ทั้งที่ยังไม่หย่านะ
ไหหม่า(海馬)