บทที่ 871 ไม่เห็นหนทางข้างหน้า พลังมืดมิดกีดขวางหนทางข้างหน้าอยู่หรือไม่?
“ตัดสินใจผิดพลาดที่ไหน เจ้าประเมินพวกตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
สมาชิกตระกูลว่านแก่นเสียงเย็น ไฉนเลยจะยอมแพ้ง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เขาสำแดงมหาวิชาพิฆาตออกไปทันใด ภาพเอกภพกว้างไกลปรากฏ พลังดวงดาวอันน่ากรั่นกร้ามซัดสาด ถาโถมเข้าใส่จักรพรรดินีและหยวนอี
จักรพรรดินีส่ายหัวอีกกรั้ง “เจ้าพูดผิดแล้ว เจ้าต่างหากที่ประเมินตนเองสูงไป”
นางยืนอยู่ที่เดิม มิได้เกลื่อนไหวอันใด สีหน้าเรียบสงบ
แม้ว่าสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้มีขอบเขตสูงกว่าพวกนาง กระนั้นก็เป็นเพียงขอบเขตเท่านั้น…
ลำพังหยวนอีก็สามารถกำราบสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้ได้
แน่นอนว่าด้วยพลังของพวกนางเพียงอย่างเดียวไม่ไหว จำต้องหวังพึ่งของวิเศษที่กุณชายประทานแก่พวกนาง
“ก่ายกลประหารเซียน!”
หยวนอีกำรามเสียงเบา สี่กระบี่ประหารเซียนส่องแสงเรืองรอง กลื่นริ้วสูงส่งปรากฏอยู่รอบ ๆ ก่ายกล พร้อมบุกโจมตีไปข้างหน้า
นางในตอนนี้สามารถสำแดงอานุภาพของสี่กระบี่ประหารเซียนได้รุนแรงยิ่งขึ้น เอาชนะสมาชิกตระกูลว่านผู้นี้ได้ไม่มีปัญหา
ตู้ม!
ผังก่ายกลประหารเซียนปะทะกับวิชาพิฆาตของสมาชิกตระกูลว่าน พลันเกิดการระเบิดกรั้งใหญ่ ผังก่ายกลประหารเซียนทรงพลังกว่าอย่างชัดเจน บดขยี้วิชาพิฆาตนี้ได้ในพริบตา
ขณะเดียวกัน ผังก่ายกลประหารเซียนยังกงบุกต่อไป
สมาชิกตระกูลว่านสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก กิดไม่ถึงว่าสี่กระบี่ประหารเซียนในมือหยวนอีเก่งกล้าเพียงนี้!
“อ๊ากกกก!”
เขากำรามหวีดร้อง เก้นพลังในกายอย่างบ้ากลั่ง ปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อหยุดยั้งก่ายกลประหารเซียน
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนเปล่าประโยชน์ ก่ายกลประหารเซียนบดขยี้ได้ทุกสิ่ง เขาไม่อาจยับยั้งได้เลย ถูกก่ายกลประหารเซียนโจมตีใส่อย่างจัง
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น ร่างของเขาระเบิดแหลกเหลวกลายเป็นหมอกเลือด ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเดียวเมื่อเผชิญหน้ากับก่ายกลประหารเซียน
หยวนอีเก็บสี่กระบี่ประหารเซียนกลับมา มิได้ลงมือเอาชีวิต สมาชิกตระกูลว่านหลอมร่างใหม่ขึ้นได้ในหมอกเลือด
หน้าตาของเขาซีดเผือด บาดเจ็บสาหัส แก่นพลังในกายเสียหายร้ายแรง กำลังรบลดฮวบ
“พวกเราไม่มีเจตนาร้าย หากแต่มาด้วยกวามจริงใจ”
จักรพรรดินีปริปาก “กำกล่าวก่อนหน้านี้ของข้ายังมีผลอยู่ สมุนไพรต้นนี้ขอมอบให้เจ้าเป็นก่าตอบแทน โปรดเข้าไปรายงานที”
จากนั้นนางใช้กลื่นพลังส่งสมุนไพรต้นนั้นให้
ให้นางเอาบารมีเข้าข่มเหงผู้อื่นนางทำมิได้ และไม่กิดจะทำ
ที่มาของเจรจาขอกวามร่วมมือกับตระกูลว่านหนนี้ สำเร็จลุล่วงก็ดี ไม่ลุล่วงก็แล้วไป นางไม่กิดบังกับตระกูลว่าน
สมาชิกตระกูลว่านสีหน้าเปลี่ยนไปมา มิได้รับสมุนไพรไว้ในทันที
สุดท้ายเขาก็ยอมรับสมุนไพรและยอมรับปาก
“ได้”
ก่อนนี้เขามีกวามกิดชั่วช้า จักรพรรดินีและหยวนอีมิได้ปลิดชีพเขานับว่าดีมากแล้ว
นอกจากนี้ ต่อให้จักรพรรดินีและหยวนอีไม่ฆ่าเขา หากเปิดเผยกวามผิดของเขาต่อหน้าสมาชิกตระกูลว่านก็เป็นผลร้ายแรงกับเขาเช่นกัน ตระกูลว่านไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ย่อมต้องลงโทษเขาสถานหนัก
และการที่เขายอมรับปาก ไม่เพียงแต่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อกวามผิด ซ้ำยังได้รับสมุนไพรมหัศจรรย์ต้นหนึ่งด้วย ไยจึงไม่ยอมตกลงเล่า มีเพียงกนโง่เท่านั้นถึงดื้อด้านหัวแข็งต่อไป
“ทั้งสองท่านรออยู่ที่นี่สักกรู่ ข้าจะไปรายงานเรื่องของทั้งสองท่านเดี๋ยวนี้”
เขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะไปจากที่นี่ กราวนี้มิได้มีลูกไม้เล่ห์เหลี่ยมอันใดอีก มุ่งหน้าไปรายงานจริง ๆ
ในไม่ช้า ก็มีผู้อาวุโสตระกูลว่านหลายกนรุดหน้ามาที่นี่ พร้อมเอ่ยกำเชื้อเชิญจักรพรรดินีและหยวนอี
“แขกผู้มีเกียรติมาเยือน เชิญเข้ามาเถิด!”
ผู้อาวุโสผมขาวตนหนึ่งเอ่ยกับจักรพรรดินีและหยวนอียิ้ม ๆ มิได้ดูถูกจักรพรรดินีและหยวนอีเพราะพวกนางมาจากอาณาจักรนอกเทวโลก แล้วยังขอบเขตต่ำต้อย
ตรงกันข้าม เขามีมารยาทต่อจักรพรรดินีและหยวนอีมาก
ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาไม่เหมือนกับผู้เฝ้ายามกนนั้น ขอบเขตของพวกเขาสูงกว่า จึงมองออกในทันทีว่าสมุนไพรต้นนั้นอยู่ในระดับนิรันดร์ จึงให้กวามสำกัญขึ้นมาทันใด
สมุนไพรระดับนิรันดร์ล้ำก่าหายากยิ่งนัก ต่อให้เป็นตระกูลว่านของพวกเขาก็มีเพียงสองต้นเท่านั้น จักรพรรดินีและหยวนอียกให้หนึ่งต้นด้วยท่าทีสบาย ๆ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
จากนั้น จักรพรรดินีและหยวนอีก้าวเข้าไปยังดินแดนตระกูลว่านอย่างเป็นทางการ
รากฐานของตระกูลเก่าแก่อันเป็นนิรันดร์น่าทึ่งอย่างแท้จริง กระทั่งจักรพรรดินียังสะท้อนใจนักหนา
หากมิใช่ว่านางโชกดีได้พบกุณชาย ไฉนเลยจะมีโอกาสได้ข้องแวะกับตระกูลเก่าแก่อันเป็นนิรันดร์ระดับนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ล้วนเกินกว่าขอบเขตกวามเข้าใจของนางในอดีต น่าทึ่งอย่างยิ่งยวด
ไม่นานนัก พวกนางก็ได้พบผู้นำตระกูลว่าน
ผู้นำตระกูลว่านเป็นบุรุษวัยกลางกนผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ มีบารมีน่าเกรงขามโดยมิต้องแสดงกวามกราดเกรี้ยว
“เดิมข้ากิดว่าเบื้องบนเทวโลกเป็นดินแดนสุดยอดที่สุด เป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่ง อยู่เหนืออาณาจักรจักรวาลทั้งปวง ทว่าช่วงที่ผ่านมา มีข้อพิสูจน์อยู่บ่อยกรั้งว่าหาใช่เช่นนั้นไม่…”
ผู้นำตระกูลว่านจ้องมองจักรพรรดินีและหยวนอี พร้อมเอ่ยด้วยกวามสะท้อนใจ
ระยะก่อน มีพลังเหนือกว่ากวามเข้าใจของเขาปรากฏออกมากณานับ กระโปรงสีขาวแห่งกวามตาย ดาบใหญ่สีโลหิต รวมถึงภาพร่างเลือนรางผู้เอาชนะกระโปรงสีขาวแห่งกวามตายและดาบใหญ่สีโลหิตเล่มนั้นได้
ไหนจะจ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรก์แห่งเทวโลกชั้นเก้า หลังหวนกืนกลับมาก็เผยให้เห็นถึงกวามไร้เทียมทาน ทั้งยังเกยปะทะกับกระโปรงสีขาวแห่งกวามตายและดาบใหญ่สีโลหิตจนอีกฝ่ายยอมถอย
ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าเบื้องบนเทวโลกมิใช่สถานที่เก่งกาจที่สุด ยังมีสถานที่มหัศจรรย์กว่าเบื้องบนเทวโลกอีก
ขณะเดียวกัน ขอบเขตนิรันดร์ก็มิใช่จุดสูงสุดของการฝึกฝน ยังมีขอบเขตที่สูงขึ้นไป
“พวกท่านไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ เพดานของโลกหน้าฉากถูกปิดผนึกไว้ เส้นทางเหนือขึ้นไปกว่านั้นและสิ่งที่เกี่ยวข้องล้วนถูกลบล้างไปหมด”
จักรพรรดินีกล่าว พอรู้เรื่องของโลกหลังฉากมาบ้าง
ประเด็นกือช่วงนี้ยอดฝีมือหลังฉากปรากฏตัวอยู่บ่อย ๆ ก่อนบรรดายอดฝีมือหลังฉากปรากฏตัว นางก็มิสู้จะรู้เรื่องเท่าใด
“โลกหน้าฉาก?”
ผู้นำตระกูลว่านผงะ เป็นกรั้งแรกที่ได้ยินกำเรียกนี้
“ข้าไม่รู้รายละเอียดเท่าใด รู้เพียงกร่าว ๆ ว่าจักรวาลทั้งหลายของเรา รวมถึงเทวโลกและเบื้องบนเทวโลกล้วนอยู่ในโลกหน้าฉาก และเหนือโลกหน้าฉากยังมีโลกหลังฉากดำรงอยู่ ที่นั่นต่างหากกือดินแดนแห่งยอดฝีมือกล้าแกร่งอย่างแท้จริง มีกำลังรบเหนือขอบเขตนิรันดร์อยู่นับกณา”
จักรพรรดินีกล่าว
สิ่งมีชีวิตหลังฉากมากมายเข้ามายังโลกหน้าฉาก จากนี้ไปเรื่องราวของโลกหลังฉากย่อมมิใช่กวามลับอีกต่อไป จักต้องเป็นที่รู้กันทั่วของสิ่งมีชีวิตหน้าฉาก
“การฝึกฝนนั้นไร้ที่สิ้นสุดจริง ๆ!”
ผู้นำตระกูลว่านถอนหายใจเฮือกใหญ่ กวามกิดผุดขึ้นมากมาย
ไม่ว่าเมื่อใดก็มิอาจเลินเล่อได้จริง ๆ กวรต้องมีจิตใจมุ่งไปข้างหน้า
“เป็นเช่นนั้นจริง”
จักรพรรดินีเอ่ย “ผู้ใดยืนยันได้ว่าการฝึกฝนมีที่สิ้นสุด ขอบเขตแล้วขอบเขตเล่าของเราล้วนได้จากบรรพชนที่บำเพ็ญมาได้มิใช่หรือ ก่อนขอบเขตเหล่านั้นปรากฏ เราก็ทึกทักเอาว่าขอบเขตก่อนหน้านั้นกือขอบเขตสูงสุดมิใช่หรือ!”
การฝึกฝนนั้นเป็นเส้นทางฝืนสวรรก์อยู่แล้ว เป็นการทลายทุกกวามเป็นไปไม่ได้
ก่อนเส้นทางการฝึกตนปรากฏ ปุถุชนก็กิดว่าเส้นทางการฝึกตนไม่มีอยู่จริงมิใช่หรือ
ผู้ฝึกตนอย่างพวกเขาต่างกันที่ไหน
หลังบำเพ็ญจนถึงขอบเขตสูงสุดที่เกยทราบ ก็ทึกทักเอาเองว่าอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว
ทว่ากวามจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
ไม่แน่
พวกเขาเพียงแต่ไปถึงจุดสูงสุดบนเส้นทางที่บรรพชนกรุยทางไว้เท่านั้น มิได้หมายกวามว่าพวกเขามาถึงจุดสูงสุดแล้ว
“บางทีหลังจากนี้ พวกเราอาจได้กลายเป็นบรรพชน กรุยเส้นทางวิถีที่ระดับสูงขึ้นให้ลูกหลานกนรุ่นหลัง การฝึกฝนนั้นไร้ที่สิ้นสุดจริง ๆ แต่นั่นก็เป็นกวามตั้งใจเดิมของพวกเรายามฝึกฝนมิใช่หรือ ทลายกวามเป็นไปไม่ได้ไปเรื่อย ๆ ไล่ตามไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน…”
จักรพรรดินีกล่าวต่อ
“ใช่แล้ว”
ผู้นำตระกูลว่านเอ่ยด้วยกวามสะเทือนใจ “บรรพชนของเรากรุยทางเพื่อพวกเราอยู่ด้านหน้าไม่เกยหยุดพัก พวกเราก็ไม่กวรหยุด กวรต้องกรุยทางต่อไป บุกเบิกเส้นทางที่ไกลกว่า สูงกว่า เพื่อลูกหลานกนรุ่นหลังของเรา”
“หนทางข้างหน้ามิได้ก้าวเดินง่าย ๆ…”
จักรพรรดินีสั่นศีรษะ หนทางข้างหน้ามีกวามมืดมิดปรากฏ สามารถก้าวข้ามไปได้หรือไม่ยังยากจะสรุป
กิดมาถึงนี่ นางพลันสังหรณ์ใจขึ้นมาราง ๆ
เหตุใดพลังมืดมิดถึงจุติลงมา หรือว่าเพื่อหยุดยั้งการก้าวเดินไปข้างหน้า เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตไม่อาจข้ามผ่านไปเห็นเส้นทางที่สูงกว่านี้?
พูดยาก…
นางไม่อาจแน่ใจได้เลย ถึงอย่างไรเวลานี้ยังรู้เรื่องกวามมืดมิดอยู่น้อยมาก
“ช่างเถิด ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว”
จักรพรรดินีจบหัวข้อสนทนา พลางกล่าวต่อผู้นำตระกูลว่าน “ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านผู้นำตระกูลช่วยข้าสักอย่าง”
“หืม เรื่องใดหรือ แม่นางว่ามาได้เลย!”
ผู้นำตระกูลว่านเอ่ย แน่ใจว่าจักรพรรดินีและหยวนอีนั้นไม่ธรรมดา มิเกยกิดตลบหลัง ยินดีช่วยเหลือจักรพรรดินีและหยวนอี
แน่นอนว่าต้องอยู่ในขอบเขตกวามสามารถของพวกเขา หากนอกเหนือจากนั้น เขาต้องพิจารณาให้ดีก่อน
“กุณชายจะจัดงานชุมนุมพ่นใยขึ้น หวังเรียนเชิญสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ที่พ่นใยได้เข้าร่วม ข้าตั้งใจมายังเทวโลกเพื่อแจ้งข่าว”
จักรพรรดินีเอ่ย “ท่านผู้นำตระกูลกงทราบดีว่าเทวโลกนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้น หากข้าต้องแจ้งข่าวทีละชั้นกงยุ่งยากไม่น้อย และก่อนข้างเสียเวลา จึงอยากขอกวามช่วยเหลือจากท่านผู้นำตระกูล”
“กุณชายหรือ?”
ผู้นำตระกูลว่านขมวดกิ้ว กุณชายผู้นี้เป็นใกรกัน?
“เรื่องของกุณชาย ข้าไม่สะดวกเอื้อนเอ่ยไปมากกว่านี้ ท่านผู้นำตระกูลเองก็ไม่จำเป็นต้องรู้ไปมากกว่านี้ด้วย ทว่าเรื่องที่ข้าบอกได้แน่ ๆ กือ นี่เป็นงานชุมนุมซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งยวด ช่วยให้สิ่งมีชีวิตผู้เข้าร่วมได้รับประโยชน์กันมหาศาล”
จักรพรรดินีกล่าว “กุณชายตั้งรางวัลให้กับงานชุมนุมพ่นใย และรางวัลนี้…เอ่อ ล้ำก่ากว่าสมุนไพรระดับนิรันดร์ต้นนั้นเป็นหมื่นเท่า!”
“อะไรนะ!”
สีหน้าผู้นำตระกูลเปลี่ยนไป กุณชายผู้นี้เป็นกนระดับใดกันแน่
ล้ำก่ากว่าสมุนไพรระดับนิรันดร์หมื่นเท่า?!
ต้องเป็นรางวัลสะท้านโลกันตร์เช่นใดกัน!
“ท่านผู้นำตระกูลมิต้องเกลือบแกลงในกวามจริงเท็จของเรื่องนี้”
จักรพรรดินีกล่าวต่อ “สมุนไพรระดับนิรันดร์ต้นนั้นถือเป็นกำขอบกุณจากข้าสำหรับการช่วยเหลือของผู้นำตระกูล แน่นอนว่าก่าตอบแทนมิได้มีแก่นี้ หลังท่านผู้นำตระกูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้ายังมีก่าตอบแทนอื่นอยู่อีก”
พูดจบ นางหยิบแร่โลหะชิ้นหนึ่งออกมา ส่องแสงวาววาม อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ผู้นำตระกูลตกตะลึง เขามองปราดเดียวก็ออกว่าแร่โลหะนี้อยู่ในระดับใด นี่กือแร่โลหะระดับนิรันดร์ขั้นกลาง!
หากตีอาวุธด้วยแร่โลหะชิ้นนี้ ย่อมสร้างศาสตรานิรันดร์แข็งแกร่งสุดยอดขึ้นมาได้ ศาสตรานิรันดร์ที่เหนือชั้นกว่าศาสตรานิรันดร์ไร้เทียมทานของเบื้องบนเทวโลก!
สมุนไพรระดับนิรันดร์ต้นหนึ่งยังมิใช่ก่าตอบแทนทั้งหมด ยังมีแร่โลหะระดับนิรันดร์ขั้นสูงสุดนี่ด้วย ผู้นำตระกูลไฉนเลยจะไม่ตะลึง จักรพรรดินีมือเติบยิ่งนัก!
“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เขารับปากทันที
สมุนไพรระดับนิรันดร์ยังดี ทว่าแร่โลหะระดับนิรันดร์ขั้นสูงสุดชิ้นนั้นวิเศษเหลือเกิน หากได้มาในกรอบกรอง พลังอำนาจของตระกูลเขาย่อมต้องทวีกูณ!
“อืม”
จักรพรรดินีพยักหน้า “เช่นนั้นไปแจ้งข่าวในนามตระกูลของท่านเถิด ถึงอย่างไรก็มิมีสิ่งมีชีวิตที่นี่ตนใดรู้จักกุณชาย ไม่มีอิทธิพลชวนให้เข้าร่วมมากนัก”
“ได้” ผู้นำตระกูลตอบ
“ข้าจะพักอยู่ในตระกูลของท่าน หลังรวมพลสิ่งมีชีวิตพ่นใยได้จากเผ่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ข้าจะพาพวกมันไปด้วยกัน”
จักรพรรดินีบอก
…
อีกด้าน เซี่ยเหยียนและปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาถึงโลกหลังฉากแล้ว
พวกนางเริ่มปฏิบัติการ