“หืม?” เฮ่อเหลียนเวยเวยดูมีท่าทีสนใจระหว่างเล่นกับถ้วยชาในมือ ”อยากรู้จังว่ากฎที่คุณพูดถึงคืออะไร”
ชายวัยกลางคนหัวเราะ น้ำเสียงของเขาติดจะทุ้มเล็กน้อย ”เห็นว่าคุณยังดูอายุไม่ค่อยมากเท่าใดนักในสายตาฉัน และคงอยู่ในวงการนี้มาได้ไม่นาน ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้จักอาจารย์วานรได้อย่างไร แต่ถ้าคุณถาม ฉันก็จะตอบให้ว่าคดีลักลอบค้าเด็กพวกนี้มันมีการตรวจสอบอยู่เสมอนั่นแหละ แต่มีแค่ไม่กี่คดีเท่านั้นที่จะได้เรื่อง ต่อให้มีการเปิดโปงอะไรสักอย่างเกิดขึ้น แต่ก็จะมีใครบางคนพยายามหาทางปิดข่าวให้อยู่ดี อีกอย่าง คดีแบบนี้จำเป็นต้องมีหลักฐาน ถ้าคุณจับตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ก็ไม่มีใครเชื่อ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย นักค้ามนุษย์พวกนี้ก็จะไหวตัวทันทันที ทีนี้คุณก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าคุณไม่มีทางที่จะขัดขวางคนที่นี่ได้ ดังนั้นอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า”
“แล้วถ้าฉันยืนกรานว่าจะทำล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยวางถ้วยชาลง บนใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ แต่ความอบอุ่นในดวงตากลับค่อยๆ เลือนหายไป
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า ”หนุ่มสาวสมัยนี้ล้วนแต่โง่เขลายิ่งนัก ฉันจะยกตัวอย่างง่ายๆ ให้คุณฟังก็แล้วกัน คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมคนจีนถึงมักเจรจาธุรกิจกันบนโต๊ะอาหาร เพราะว่ามันเป็นมาตรฐานปกติของจีนแผ่นดินใหญ่อย่างไรล่ะ ต่อให้ชาวต่างชาติพวกนั้นจะเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ได้ พวกเขาไม่มีวันเข้าใจว่าที่จีนแผ่นดินใหญ่นี้ เงินอย่างเดียวไม่พอ แต่จำเป็นต้องมีเส้นสายด้วยถึงจะสามารถปิดการเจรจาได้”
“คุณหมายความว่ามีใครบางคนคุ้มครองเหล่าลิ่วอยู่หรือ” ริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ชายวัยกลางคนไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย เขายกกาน้ำชาขึ้นแล้วเติมชาให้ตัวเอง ”คุณดูไม่เหมือนคนที่มาจากตระกูลที่มีอิทธิพลอะไร แล้วก็ยังดูเด็กและใหม่กับวงการนี้มากทีเดียว อาจารย์วานรบอกว่าคุณทำงานให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแห่งหนึ่ง ดังนั้นคุณควรคิดให้ดีก่อนที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้คุณอาจจะมีปัญหากับพวกคนใหญ่คนโตในหน่วยงานของตัวเองเอาก็ได้ คุณจะหาเรื่องไปทำไม”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ตอบ
ชายวัยกลางคนรู้สึกโล่งใจเพราะคิดว่าในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียที อย่างไรเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าลิ่ว อีกทั้งยังเข้าใจดีว่าสถานการณ์นี้มีความสลับซับซ้อนเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถเสียมารยาทต่ออาจารย์วานรได้เช่นกัน เพราะอาจารย์วานรไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะสามารถหาเรื่องด้วยได้
ในเมื่ออาจารย์วานรเป็นคนแนะนำเธอมา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องช่วย แต่เขาก็คิดว่ามันช่างไม่คุ้มเอาเสียเลยหากเขาจะต้องมาผิดใจกับเหล่าลิ่วเพราะผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว
“ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็ดี” ชายวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวส่งเธอกลับ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู เธอก็จับเขาใส่กุญแจมือไว้กับเก้าอี้ไม้ทันที
หลังจากลงมือเสร็จ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หันไปมองเด็กชายตัวน้อยทั้งสอง ”ลูกอยากได้อะไรก็หยิบมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ แมวเฒ่าเถ้าแก่ของพวกเราใจกว้างอย่างมาก เขาไม่ถือสาหรอก”
ชายวัยกลางคนไม่รู้ว่าเขาควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องนี้ เขาค่อนข้างประหลาดใจกับความคล่องแคล่วของเธอทีเดียว แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเดือดดาลกับคำพูดสามหาวราวกับโจรของเธอ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ถูกจับใส่กุญแจมือโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้
แมวเฒ่าเป็นผู้มีอิทธิพลอันดับสองในเขตอวิ๋นกุย ดังนั้นเขาจึงไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาง่ายๆ แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ”คุณรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ฉันนับถืออาจารย์วานรหรอกนะถึงได้อุตส่าห์เสียเวลามาพบคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์วานร คุณคงถูกหมายหัวทันทีที่เข้ามาในเขตอวิ๋นกุยนี่แล้ว คุณคิดหรือว่าจะมีชีวิตอยู่รอดไปจนได้เจอเหล่าลิ่ว อย่าอ่อนต่อโลกไปหน่อยเลย ที่นี่การฆ่าใครสักคนเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว อย่าลืมสิว่าชายแดนอยู่ข้างหน้าพวกเรานี่เอง”
“คุณกำลังบอกว่าฉันยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็เพราะคุณหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเยาะ
ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงดังว่า ”แล้วคิดว่าเพราะอะไรล่ะ คุณเข้ามาในเมืองอวิ๋นกุยพร้อมกับเด็กสองคน เหล่าลิ่วก็ต้องจับตาดูคุณอยู่แล้วน่ะสิ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคลี่ยิ้มพร้อมกับตวัดสายตามองเขา ”เสี่ยวซ่างเสีย แสดงให้แมวเฒ่าดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่พยายามหาเรื่องพวกเรา”
เมื่อไป๋หลี่ซ่างเสียได้ยินเธอเรียก เขาก็ปล่อยมือจากเสี่ยวชิงเฉิงแล้วเดินตรงเข้าไปหาชายวัยกลางคนคนนั้น ดวงตาสีแดงเลือดของเขาเป็นประกายวาววับดูชั่วร้าย
ชายวัยกลางคนขนลุกซู่ เขายกมือที่สวมสร้อยลูกประคำขึ้นทั้งที่ยังตัวสั่น ”แก แกมัน!”
“มนุษย์หน้าโง่” รอยยิ้มของไป๋หลี่ซ่างเสียทั้งชั่วร้ายและกระหายเลือดอย่างมาก แต่เขาดูเหมือนจะไม่ได้สนใจชายวัยกลางคน เขาทำตามคำสั่งของเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วปรายตามองชายที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปช่วยเสี่ยวชิงเฉิงเก็บของต่อ
เสี่ยวชิงเฉิงเดินเตาะแตะออกมา เขาตัวเล็กนิดเดียวแต่ก็มีความจำเป็นเลิศ เด็กชายถือคางคกหยกสีม่วงไว้ในมือเล็กๆ แล้วหันกลับไปยัดมันลงในกระเป๋าใบเล็กของไป๋หลี่ซ่างเสีย ”เก็บไว้ให้ดี หลังจากขายมันได้แล้ว เวยเวยคนสวยจะได้เอาเงินให้เรา จากนั้นพวกเราจะได้ไปซื้อไอศกรีมช็อกโกแลตมากินด้วยกัน”
“ได้เลย” ไม่ว่าไป๋หลี่ซ่างเสียจะดูมีเสน่ห์เพียงใด แต่เขาก็ยังเป็นพี่ชายที่พร้อมตามใจเสี่ยวชิงเฉิงเสมอ
อีกด้านหนึ่ง ชายวัยกลางคนคนนั้นกลับดูหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง และพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะดิ้นให้หลุดจากกุญแจมือคู่นี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มพร้อมกับบอกว่า ”ไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวซ่างเสียแค่แกล้งคุณเล่นเท่านั้น อย่างไรเสี่ยวซ่างเสียของพวกเราก็ค่อนข้างเลือกกิน แต่ถ้าคุณยังทำเหมือนตัวเองมีประสบการณ์มากกว่า และพยายามพูดจาหว่านล้อมให้ฉันไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยังปฏิเสธที่จะให้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเด็กคนนั้นจะหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อไหร่ บางทีคุณอาจจะได้เห็นด้านที่ไม่อ่อนโยนของเขาก็ได้”
“แก!” ชายวัยกลางคนทั้งกลัวทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน เขากัดฟันกรอด ”ต่อให้ฉันเอาของสิ่งนั้นให้แก แกก็เอามันขึ้นรถไฟไม่ได้อยู่ดี นักสืบชั้นล่างอย่างแกจะไปขนของพวกนี้ขึ้นรถไฟคนเดียวได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักทหารรับจ้างดีๆ มากกว่าคุณเยอะ”
“ฉันต้องการต่อโทรศัพท์คุยกับอาจารย์วานร” ชายวัยกลางคนตั้งใจว่าจะขอให้อาจารย์วานรช่วยจัดการผู้หญิงคนนี้ให้ เธอมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา แต่สุดท้ายกลับข่มขู่เขาแทน เขาต้องทำให้เธอได้รู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์ของการเสียมารยาทกับเขาคืออะไร!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา แล้วกดโทรศัพท์เชื่อมต่อการโทรแบบเห็นหน้าให้กับเขา
วานรรีบรับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นเบอร์ ”ลูกพี่ มีอะไรหรือครับ นายน้อยคิดถึงฉันหรือ”
“วานร แกมันหน้าด้านเสียไม่มี ถ้านายน้อยจะคิดถึงใคร อย่างไรก็ต้องเป็นฉันสิ!” เหล่าเอคำรามผ่านโทรศัพท์
เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดจังหวะการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้นว่า ”วานร เจ้าแมวเฒ่าอยากคุยกับนาย”
“เอ๋ เขาหรือครับ” วานรดูไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด
เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นโทรศัพท์ให้ชายวัยกลางคน ”เอ้า รับไปสิ”
ราวกับรอคอยเวลานี้อยู่นานแล้ว ทันทีที่แมวเฒ่าได้โทรศัพท์เครื่องนั้นมา เขาก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า ”อาจารย์วานรครับ ฉันนับถือคุณ แต่ผู้หญิงที่คุณส่งมาคนนี้นิสัยหยาบคายเกินไป ฉันให้คำแนะนำกับเธอแค่นิดเดียว แต่เธอกลับจับฉันใส่กุญแจมือแทนเสียอย่างนั้น แล้วเด็กที่เธอพามาด้วยก็ยัง…”