บทที่ 877 จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ‘ได้เวลาแบกรับความผิดต่อไปแล้ว!’
น่าสังเวชเกินไปแล้ว ตงฟางเวิ่นร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล เขามองออกว่าคุนเขมือบห้วงเหวไม่ได้มีเจตนาจะสังหาร ทว่ามีแววจะทรมานเขามากกว่า!
“น่าชิงชังนัก!”
ตงฟางเวิ่นเจ็บจนแทบอยากจะตาย คุนเขมือบห้วงเหวสมควรตาย เขาถูกทรมานเสียจนครึ่งชีวิตหายไปแล้ว!
มีไฟลุกโชนขึ้นมาแผดเผาเขาไปทั้งร่างจนมีควันสีดำลอยล่องออกมา จากนั้นก็ตามด้วยพลังที่แช่เขาจนหนาวเหน็บสั่นสะท้านไปทั้งตัว ผิวบนร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น คุนตัวนี้ทรมานเขาเสียจนเขาอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด!
“ออกมาช่วยข้าเสียที! หวงหลงเจ้ากำลังลีลาอันใดอยู่!”
ภายในใจของเขากู่ร้องสาปแช่งอย่างเปี่ยมโทสะ นี่ยังไม่พออีกหรือ? จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงจึงยังไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
อีกด้านหนึ่งภายในเงามือ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตัวสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่ามากเกินพอแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าตงฟางเวิ่นจะบ้าคลั่งขึ้นมาจริง ๆ
“มากเพียงพอแล้ว ลงมือเถิด”
เขาเอ่ยกับแมงมุมปริภูมิเวลา
ใครจะคาดคิดว่าแมงมุมปริภูมิเวลากลับไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ
“อย่ารีบร้อน ต้องใจเย็น ข้ารู้สึกว่ายังสามารถรอได้อีก”
แมงมุมปริภูมิกล่าวขึ้นมา
‘นี่…นี่ไม่สามารถกล่าวโทษข้าได้!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพูดขึ้นในใจ ยืนสงบไว้อาลัยให้กับตงฟางเวิ่น
ไร้หนทางแล้วจริง ๆ เขาพูดกับแมงมุมปริภูมิเวลาแล้ว ทว่าแมงมุมปริภูมิเวลาไม่ได้ลงมือใด ๆ
‘…พี่ใหญ่ตงฟางเวิ่นโปรดอดทนต่อไปก่อนเถิด ความอดทนจะนำไปสู่ชัยชนะ!’
เขาเอ่ยในใจด้วยความรู้สึกผิด ‘หลังจากจบเรื่องอย่าได้กล่าวโทษข้าเลย ไม่สามารถตำหนิข้าได้ ข้าบอกให้นางลงมือแล้ว แต่นางไม่ลงมือ!’
“อ๊ากกก!”
ตงฟางเวิ่นถูกทรมานอย่างหนักจนดูไม่เป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่อาจทนฟังหรือมองต่อได้
ภายในใจของเขาเอ่ยว่าพี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ถูกทุบตีถึงเพียงนี้ หากเปลี่ยนเป็นเขาคงไม่อาจทานทน กลายเป็นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน!
“ยังดีที่อย่างน้อยก็มีประสบการณ์ ถูกพี่หลิวทุบตีอยู่เป็นประจำ!”
คราวนี้เขาเลือกคนได้เหมาะสมแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงไม่อาจทำหน้าที่นี้ได้จริง ๆ
ในที่สุดแมงมุมปริภูมิเวลาก็ลงมือ
นางเห็นตงฟางเวิ่นถูกทรมานจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว หากยังไม่ลงมือ ตงฟางเวิ่นคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
ฟิ้ววว!
นางยืนอยู่บนนภา เรือนร่างงดงามของนางเต็มไปด้วยแสงเปล่งประกายเจิดจ้า เข้าต่อกรกับคุนเขมือบห้วงเหวอย่างดุดัน
“คุนเขมือบห้วงเหว เจ้ากำลังทำสิ่งใด?! ยามอยู่หลังฉาก เจ้าก็ทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย เมื่อมาถึงหน้าฉากก็ยังคงทำสิ่งเลวร้าย! วันนี้ข้าได้พบเจ้า ย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้เด็ดขาด!”
นางเรียกกระบี่ยาวออกมา แสงกระบี่ทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยปราศจากการใช้พลังปริภูมิเวลา
ตงฟางเวิ่นยังคงอยู่ที่นี่ ดังนั้นนางจึงไม่อาจใช้พลังปริภูมิเวลาได้ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ตงฟางเวิ่นเกิดความสงสัยว่านางมีความเกี่ยวพันกับปริภูมิเวลา
นางไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในพลังปริภูมิเท่านั้น ทว่ายังเชี่ยวชาญในพลังด้านอื่น ๆ ด้วย นางมักเดินทางในสายธารปริภูมิเวลาทำให้มีพลังและวิชามากมายที่เชี่ยวชาญ
“เจ้าเป็นใครกัน?!”
สีหน้าของคุนเขมือบห้วงเหวจริงจัง จับจ้องมองทางแมงมุมปริภูมิเวลา คาดไม่ถึงว่าไม่อาจมองผ่านร่างของแมงมุมปริภูมิเวลาได้
เหตุที่มองไม่เห็นเป็นเพราะแมงมุมปริภูมิเวลาใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อซ่อนร่างที่แท้จริงเอาไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าเป็นสายข้างกายหลี่จิ่วเต้า
หากไม่มีวิชาใช้ปกปิด นางคงถูกเปิดเผยทันทีที่อยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า
“ข้าคือศิษย์แดนสุขาวดีสระหยก อี้เหยา”
แมงมุมปริภูมิเวลาเอ่ย
นี่ย่อมไม่ใช่ตัวตนฐานะที่แท้จริงของนาง
แดนสุขาวดีสระหยกมีอยู่จริง อี้เหยาเองก็มีตัวตนจริง เพียงแต่ไม่ใช่นาง
นางเพียงแค่หยิบยืมนามอี้เหยามาเท่านั้น
แดนสุขาวดีสระหยกวางตัวไร้ความขัดแย้ง ศิษย์ภายในไม่ค่อยออกมาภายนอก นางคิดว่าเป็นเรื่องสะดวกหากจะหยิบยืมตัวตนของอี้เหยามา
อย่างไรเสียนางก็ต้องไปเป็นสายข้างกายหลี่จิ่วเต้า ย่อมต้องมีฐานะตัวตน
‘อี้เหยา ข้าหยิบยืมใช้ตัวตนของเจ้าคงไม่เป็นอันใดกระมัง? คุนเขมือบห้วงเหวไม่ใช่ภัยคุกคามอันใดต่อแดนสุขาวดีสระหยกของเจ้า’
นางเอ่ยในใจ
อี้เหยานับเป็นพี่น้องที่ดีของนางในหลังฉาก ความสัมพันธ์ของพวกนางดีเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นนางจึงไม่ต้องเป็นกังวลอันใดกับการหยิบยืมตัวตนของอี้เหยา
นางคุ้นเคยกับอี้เหยาเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนใกล้ชิด ก็ไม่อาจแยกแยะว่านางเป็นตัวจริงหรือไม่
‘ศิษย์สุขาวดีสระหยก อี้เหยา?’
อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะภายในใจ
เขาย่อมรู้ว่านี่เป็นตัวตนปลอม ๆ ที่แมงมุมปริภูมิเวลาใช้ และตัวเขาก็คาดเดาเอาไว้แต่แรกแล้วว่านางจะใช้ตัวตนปลอม
“ข้าพูดได้เพียงแต่ น้องสาว เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไปนัก!”
เขาไม่รีบร้อน ปริภูมิเวลาถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะต้องแบกรับความผิด
หากเพียงแค่จัดการกับคุนเขมือบห้วงเหว ตัวตนปลอมของแมงมุมปริภูมิเวลาก็อาจใช้ตบตาได้
น่าเสียดาย เขาไม่ได้วางแผนเพียงให้นางต่อกรแค่คุนเขมือบห้วงเหว
หลังจากนี้พวกเขาจะพาแมงมุมปริภูมิเวลาไปจัดการกับยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ รวมถึงปรโลกด้วย มียอดฝีมือจำนวนมากถึงเพียงนี้ แมงมุมปริภูมิเวลาจะสามารถใช้ตัวตนปลอมตบตาได้อย่างนั้นหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
เหล่ายอดฝีมือหลังฉากไม่ได้ธรรมดา ตัวตนที่แท้จริงของแมงมุมปริภูมิเวลาย่อมต้องถูกเปิดเผย และถูกกำหนดให้ต้องกลายเป็นแพะรับบาป
ส่วนตอนนี้คุนเขมือบห้วงเหวไม่ได้สงสัยในตัวตนศิษย์แดนสุขาวดีสระหยกของแมงมุมปริภูมิเวลา
มันไม่เคยพบกับศิษย์ของแดนสุขาวดีสระหยกมาก่อน สถานที่แห่งนั้นนับว่าลึกลับเป็นอย่างมาก ศิษย์ภายในก็ไม่ค่อยคิดต่อกับโลกภายนอก
“ศิษย์แดนสุขาวดีสระหยกแล้วอย่างไร? นี่หาใช่หลังฉาก แต่เป็นหน้าฉาก! อีกทั้งอนาคตถูกกำหนดให้วุ่นวายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่อาจรับประกันได้ว่าตนเองจะมีชีวิตรอด ข้าไม่เกรงกลัวแดนสุขาวดีสระหยกของเจ้าหรอก!”
คุนเขมือบห้วงเหวตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ข้าไม่เคยกินศิษย์แดนสุขาวดีสระหยกมาก่อน วันนี้จะได้ลิ้มลองแล้ว! ดูจากผิวและเนื้อนุ่มนิ่มของเจ้า สมควรจะอร่อยยิ่ง!”
เสียงตู้มดังขึ้น ร่างมหึมาของคุนแหวกว่าย พลังอันไร้ขอบเขตถูกกระตุ้นออกมา มันนั้นแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง เทียบกับมารกระดูกกับโลงโลหิตแล้วนับว่าแข็งแกร่งกว่า อยู่ในช่วงปลายของขั้นสองขอบเขตอิสระ
กระบี่เริ่มร่ายรำ แมงมุมปริภูมิทั้งงดงามและทรงพลัง นางใช้วิชากระบี่ออกมา แสงกระบี่พุ่งทะลุนภา ระเบิดเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดออกมา เข้าต่อกรกับคุนเขมือบห้วงเหวอย่างดุดัน
นางดูแข็งแกร่งกว่ามาก เพียงวาดกระบี่อย่างแผ่วเบา กระทั่งผิวอันหนาของคุนเขมืองห้วงเหวยังไม่อาจต้านทานได้ รอยกระบี่บาดลึกถูกสร้างขึ้นมาแผลแล้วแผลเล่า หยาดเลือดสาดกระเซ็นราวสายฝน ไหลทะลักอย่างบ้าคลั่ง อาบย้อมผืนดินให้กลายเป็นสีแดงฉาน
อ๊ากกก!
คุนเขมือบห้วงเหวกรีดร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าแมงมุมปริภูมิเวลาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังฉากบอกกันว่าแดนสุขาวดีสระหยกนั้นลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง ไม่ควรไปยั่วยุโดยง่าย ดูแล้วท่าจะเป็นดังเช่นนั้นจริง
“อย่าได้ลงมือเด็ดขาดเลย มนุษย์ผู้นี้ข้ามอบให้เจ้า!”
มันจับจ้องไปทางแมงมุมปริภูมิ ไม่ต้องการจะต่อสู้อีกต่อไป แม้มันจะมีวิธีการและพลังให้ใช้อีก แต่มันก็ไม่ต้องการต่อสู้เป็นตายกับแมงมุมปริภูมิเวลาที่นี่
สุดท้ายมันก็ฉีกความว่างเปล่าออกแล้วจากไป
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ดวงตาของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงฉายความประหลาดใจ เขาเองก็คาดไม่ถึงอยู่บ้างเช่นเดียวกัน
เดิมคาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้ว ว่าแมงมุมปริภูมิเวลาจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าลงมือกับคุนเขมือบห้วงเหว ทว่าเขาก็คาดไม่ถึงอยู่ดีว่าแมงมุมปริภูมิเวลาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกินกว่าที่เขาคะเนไปมาก
‘นี่…นับเป็นเรื่องดี!’
เขาหัวเราะขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว
ยิ่งแมงมุมปริภูมิเวลาแข็งแกร่งมากเท่าใดก็ยิ่งดี เช่นนั้นพวกเขาจะได้ใช้นางจัดการกับเหล่ายอดฝีมือจากหลังฉากและปรโลกได้มากขึ้น
หากแมงมุมปริภูมิเวลาไม่แข็งแกร่งเพียงพอ เช่นนั้นจะจัดการกับเหล่ายอดฝีมือหลังฉากและปรโลกได้อย่างไร!
จากนั้นเขาก็ออกจากที่ซ่อนตรงไปทางนั้น
“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
แมงมุมปริภูมิเวลาแสดงท่าทางเอื้ออารีเป็นอย่างมากออกมา รีบตรงไปทางตงฟางเวิ่นทันที พยุงร่างของเขาขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ถ่ายทอดพลังเข้าไปในร่างของตงฟางเวิ่นเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ
เพียงไม่นานอาการบาดเจ็บของตงฟางเวิ่นก็ถูกรักษา
“ขอบคุณแม่นางท่านนี้สำหรับความช่วยเหลือ!”
เขาเอ่ยขอบคุณแมงมุมปริภูมิเวลาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แดนสุขาวดีสระหยกของข้ารังเกียจการรังแกและความชั่วร้ายมากที่สุด ย่อมต้องกำจัดทุกครั้งที่พบเจอ!”
แมงมุมปริภูมิเวลาเอ่ยด้วยรอยยิ้มงดงามชวนให้คนหวั่นไหว
แดนสุขาวดีสระหยกมีชื่อเสียงดีงามในหลังฉาก นางใช้ตัวตนของอี้เหยา นับเป็นเรื่องดีอย่างมาก ไม่ต้องเกรงว่าพวกหลี่จิ่วเต้าจะสงสัย
“สิ่งมีชีวิตหลังฉากจำนวนมากไม่เห็นสิ่งมีชีวิตหน้าฉากอยู่ในสายตา แต่ละคนล้วนวางตัวสูงส่ง หายากที่ผู้แข็งแกร่งเช่นแม่นางจะมีความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตหน้าฉาก ช่างหาพบได้ยากจริง ๆ!”
ตงฟางเวิ่นเอ่ยด้วยความซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว แม่นางอี้เหยาจิตใจงดงามเป็นอย่างมาก ข้าเองก็เคยได้รับการช่วยเหลือจากแม่นางอี้เหยา จึงรั้งอยู่ข้างกายแม่นางอี้เหยาเพื่อตอบแทนบุญคุณ”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นมา
“ที่ไหนกัน นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนเช่นพวกเราควรกระทำ”
แมงมุมปริภูมิเวลาโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วพูดด้วยความถ่อมตัว
หลังจากนั้นนางก็เอ่ยออกมา “ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน วันข้างหน้าหากมีวาสนาคงได้พานพบ”
นางเอ่ยลาตงฟางเวิ่น แสดงท่าทางจะจากไป
นี่เป็นการแสร้งทำพอเป็นพิธี
หากแสดงความสนิทสนมมีน้ำใจมากเกินไปกลับจะทำให้คนเกิดความสงสัย
ตอนนี้สมควรจากไปแล้ว ตงฟางเวิ่นยอมรับในบุญคุณที่ช่วยชีวิตของนางแล้ว วันข้างหน้าเมื่อนางปรากฏตัวข้างกายหลี่จิ่วเต้า ตงฟางเวิ่นจะต้องกล่าวถึงนางในแง่ดีอย่างแน่นอน
“มะ…แม่นาง”
ในตอนนั้นเอง เป็นตงฟางเวิ่นที่ตะโกนเพื่อหยุดแมงมุมปริภูมิเวลาเอาไว้
“มีเรื่องอันใดอีกหรือ?”
แมงมุมปริภูมิเวลาหันกลับมาถาม
“ข้าละอายเล็กน้อยที่ต้องพูดออกมา แต่ข้าต้องการจะรบกวนให้แม่นางช่วยสักเล็กน้อย…”
ตงฟางเวิ่นเอ่ย
“ช่วยอันใด? เจ้าเพียงแค่กล่าวออกมา หากเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ ย่อมต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
แมงมุมปริภูมิเวลายิ้ม สวรรค์ช่างเข้าข้างนางเสียจริง!
ตงฟางเวิ่นเอ่ยขอความช่วยเหลือจากนาง นับเป็นเรื่องดียิ่ง ทำให้นางสามารถติดต่อใกล้ชิดกับตงฟางเวิ่นได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถสนิทสนมกับตงฟางเวิ่นได้มากกว่าเดิม
นี่จะต้องเอื้อต่องานไส้ศึกของนางอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ที่ข้าออกมาในครั้งนี้ ก็เพราะได้ยินว่ามีสิ่งมีชีวิตบางชนิดสามารถพ่นใยแปลกประหลาดออกมา…”
ตงฟางเวิ่นเปิดปากพูด “กล่าวอย่างไม่ปิดบัง ข้านั้นเป็นคนข้างกายคุณชายหลี่ ท่านก็น่าจะรู้จักคุณชายหลี่ใช่หรือไม่? คุณชายหลี่ที่เคยทำให้ปรโลกและปริภูมิเวลาอันเป็นสองกองกำลังใหญ่ต้องถอยร่นในงานแต่งของสือเฟิง”
“คุณชายหลี่…อืม ข้าย่อมรู้จัก คุณชายหลี่มีชื่อเสียงในหลังฉากไม่น้อย ปรโลกและปริภูมิเวลาไม่อาจนับได้ว่าเป็นกองกำลังเล็ก ๆ”
แมงมุมปริภูมิเวลาพยักหน้า
“เช่นนั้นแม่นางก็รู้จักคุณชายหลี่อยู่แล้ว”
ตงฟางเวิ่นยิ้ม “ครั้งนี้คุณชายหลี่ต้องการจัดชุมนุมพ่นใย เนื่องจากต้องการใยที่ดีที่สุด ดังนั้นข้าจึงเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นเพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตที่สามารถพ่นใยแปลก ๆ จากนั้นก็เชื้อเชิญให้พวกเขาเข้าร่วมงานชุมนุมพ่นใยครั้งนี้”
กล่าวจบเขาก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ข้าไม่คิดเลยว่าในอาณาจักรนี้จะมีสิ่งมีชีวิตจากหลังฉากมากถึงเพียงนี้ จึงต้องการขอร้องให้แม่นางร่วมเดินทางไปกับข้า เพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตที่สามารถพ่นใยเหล่านั้นได้”
เขากล่าวต่อ “ข้าเกรงว่าตนเองจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตดุร้ายเช่นคุนเขมือบห้วงเหวอีกครั้ง…”
ฟังคำพูดของตงฟางเวิ่นจบแล้ว ภายในใจของแมงมุมปริภูมิเวลาก็หัวเราะเริงร่าออกมา นางยังคิดอยู่ว่าเป็นเรื่องใด ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
นี่เป็นเพียงเรื่องเล็ก ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้
“หลังฉากเกิดความวุ่นวายจนไม่อาจทานทน สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจึงมายังหน้าฉาก ความกังวลเช่นนี้ของเจ้านับว่าเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่ทุกคนจากหลังฉากที่เป็นคนดี มีคนจำนวนมากที่ดุร้ายเลวทราม”
แมงมุมปริภูมิเวลาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถร่วมทางไปกับเจ้าได้”
“เช่นนั้นต้องขอบพระคุณเป็นอย่างมาก! มีแม่นางร่วมทางด้วย ข้าก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นยิ่งนัก!”
ตงฟางเวิ่นกล่าวอย่างตื่นเต้น
‘เอาล่ะ ได้เวลา ‘แบกรับความผิด’ ต่อไปแล้ว’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าวในใจอย่างเริงร่า
แมงมุมปริภูมิเวลาคิดว่าสวรรค์ช่วยเหลือนาง ไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการแบกรับความผิด!