หลี่โม่ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา ค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของพี่ฮัว ขณะเดียวกันก็ดูสภาพแวดล้อมจริงของแผนที่อย่างละเอียด
ซือคงหมิงอยากจะดูว่าหลี่โม่กำลังดูอะไรอยู่ แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงกำลังที่แตกต่างกัน จึงทำได้เพียงเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอย่างหมดหนทาง
ชีวิตหนอ ตาแก่อย่างฉันก็อายุเยอะแล้ว ยังต้องเชื่อฟังคำพูดของเด็กคนหนึ่ง เอาชีวิตมากมายขนาดนี้มาอับอายขายหน้าจนหมดแล้วจริงๆ
ซือคงหมิงถอนใจ ส่วนหลี่โม่ได้ตั้งค่าGPSเสร็จแล้ว พาซือคงหมิงขึ้นรถ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงหลี่โม่ก็จอดรถที่หน้าประตูที่พักเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ที่พี่ฮัวส่งมาก็คือที่นี่
มองดูที่พักที่คร่ำครึ หลี่โม่ก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เพียงแค่ดูสภาพที่พัก ก็ไม่เหมือนสถานที่ที่คนอย่างพี่ฮัวจะมาพัก
แต่หลี่โม่ก็ไม่คิดอะไรมาก แล้วเดินเข้าไปก่อน ตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนอะไร หลี่โม่ก็เตรียมจะบุกตรง ไม่สนใจอะไรมากแล้ว
อีกอย่างหลี่โม่ก็พาซือคงหมิงมา เดิมทีก็เพื่อให้ซือคงหมิงมาทดสอบก่อน
เคาน์เตอร์ของโรงแรมว่างเปล่าไม่มีคน ดวงตาของซือคงหมิงหมุนไปรอบๆ สังเกตดูรอบด้านอย่างละเอียด
“น้องชาย สถานการณ์ดูแล้วไม่ค่อยดีนะ”
“พูดมาสิ ไม่ดียังไง” หลี่โม่พูดอย่างนิ่งสงบ
“เหมือนว่าอีกฝ่ายจัดเตรียมไว้ เป็นไปได้มากว่ามีกับดักซ่อนอยู่ นายต้องฟังคำแนะนำฉัน พวกเรารีบถอยหนี ไม่อย่างนั้น อาจจะ….เฮ้อ จากความเก่งของนาย พวกเขาคงไม่ได้ดีอะไรหรอก”
เดิมทีซือคงหมิงอยากจะพูดว่าหลี่โม่คงไม่ได้ดีอะไร แต่เมื่อนึกถึงความอนาถของท่านโหวแห่งตระกูลโหวเสื้อม่วงคนนั้นแล้ว ซือคงหมิงก็ไม่สามารถพูดคำพูดนั้นออกมาได้ ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ดีอะไรแทน
ดึงเอาไปป์ที่เอวออกมา กำไว้ในมือแน่น สีหน้าของซือคงหมิงดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
หลี่โม่ตบบ่าของซือคงหมิง แล้วก้าวเดินเข้าไปในโรงแรม
“ในเมื่อมาแล้วก็ต้องวางใจ สำนักจอมโจรของพวกนายบอกว่าโจรไม่ไปมือเปล่าไม่ใช่หรอ พวกเราเองก็ห้ามกลับมือเปล่า จะต้องเข้าไปดูสักหน่อย”
ซือคงหมิงกระสับกระส่าย กัดฟันแน่น แล้วเดิมตามหลังหลี่โม่
ฟ้าทลายมีตัวสูงบังไว้ เดี๋ยวถ้าสถานการณ์ไม่ดีก็มีหลี่โม่บังไว้ ตาแก่อย่างฉันหาโอกาสหนีก็พอแล้ว
เดินเข้าไปตามทางเดิน หลี่โม่และซือคงหมิงเข้าไปยังลานกว้างของโรงแรม
หลี่โม่เดินเข้าไปในลานกว้าง มองดูห้องแบบโบราณสามชั้นที่อยู่ด้านหน้าและซ้ายขวา ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
กลิ่นอายฆาตกรรม หลี่โม่สัมผัสได้ว่าในโรงแรมมีกลิ่นอายฆาตกรรมอยู่
สามารถปล่อยกลิ่นอายฆาตกรรมได้ ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือ ก็คืออีกฝ่ายมีคนเยอะแล้วอัดแน่นขึ้นมา
ซือคงหมิงเองก็ตื่นตระหนก ถึงแม้ซือคงหมิงจะรู้สึกไม่ได้ถึงกลิ่นอายฆาตกรรม แต่ว่าความรู้สึกของเขาบอกกับเขาว่า ที่นี่ไม่ปลอดภัย
“น้องชาย ที่นี่อยู่ไม่ได้จริงๆ พวกเรารีบไปกันเถอะ ถ้าช้าก็จะไม่ทันแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันไปก่อนละกัน”
ซือคงหมิงเพิ่งพูดจบ แสงไฟในโรงแรมทั้งหมดก็ดับลงในทันที และทางฝั่งประตูใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้ ก็ส่งเสียงกริ๊งกร๊องล็อกประตูดังมา
ได้ยินเสียงล็อกประตู ซือคงหมิงก็ตัวสั่นไปหมด ซือคงหมิงที่อยู่ในยุทธภพมานาน รู้อยู่แล้วว่านี่หมายความว่า ได้เข้าสู่กับดักที่อีกฝ่ายวางไว้แล้ว วันนี้ถ้าอยากจะออกไปอย่างสมบูรณ์ คงจะยากมาก
ซือคงหมิงมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง บ่นว่า “ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่มา นายก็จะให้ฉันมา ทีนี้ดีแล้วไง เข้ากับดักกับนายไปเลย แขนขาแก่ๆอย่างฉัน วันนี้น่าจะขาดแล้วละ”
ซือคงหมิงเหมือนกับป้าขี้บ่นที่บ่นพึมพำไม่หยุด
หลี่โม่กลอกตา ก้าวขาเดินไปยังตึกหนึ่งตรงกลางโรงแรม
ซือคงหมิงเห็นว่าหลี่โม่เดินไปข้างหน้า ก็รีบร้อนเดินตามไป “น้องชาย นายจะเดนก็บอกสักคำสิ ปล่อยตาแก่อย่างฉันไว้ตรงนั้นคนเดียวได้ยังไงกัน”
“ฉันรำคาญนาย พูดให้น้อยหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจนายแล้วนะ”
“ฮึบ!” ซือคงหมิงรีบหุบปากฮึบ ตามด้วยปิดปากแน่น ไม่พูดอะไรอีก
เพราะว่าซือคงหมิงเห็นหลี่โม่ยกมือขึ้น และยิ่งเห็นด้วยว่าในมือของหลี่โม่หนีบใบมีดไว้ ในมือของหลี่โม่ที่หนีบไว้ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่เป็นใบมีดเล่มเดียว แต่เป็นสามเล่ม
ด้านในห้องโรงแรมที่มืดสนิท มีคนเดินออกสามคนพอดี ทั้งสามคนต่างก็ไม่สูง ร่างก็ไม่ใหญ่ แต่ว่าฝีเท้านั้นต่างก็เบาหวิว ดูออกได้ว่า ทั้งสามคนต่างก็เดินทางสายวิชาฉลาดและว่องไว
หลี่โม่มองทั้งสามคนด้วยรอยยิ้ม “ทำไมพี่ฮัวไม่ออกมาละ พวกนายทำแบบนี้ไม่ใช่วิธีการรับแขกนี่นา”
“อยากเจอพี่ฮัวก็รอชาติหน้าแล้วกัน วันนี้เป็นวันตายของนาย!”
ทั้งสามคนขยับพร้อมกัน มีสองคนพุ่งไปทางหลี่โม่ อีกหนึ่งคนไปทางซือคงหมิง
ซือคงหมิงถือไปป์ไว้ สู้กับอีกฝ่ายเสียงดังกริ๊งกร๊อง ปากก็พูดไม่หยุดว่า “โอ๊ย นายจะมาตีกับฉันทำไม ฉันถูกลากมา ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย! นายไปหาเรื่องไอ้น้องชายคนนั้นไป เขาถึงจะเป็นตัวเรื่อง พวกเราหยุดตีกันมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า! ถ้าหากว่านายยังมาเกาะแกะตาแก่อย่างฉันไม่หยุด ฉันจะโมโหแล้วนะ เวลาฉันโมโหฉันยังกลัวตัวเองเลยนะ!”
ในตอนที่ซือคงหมิงกำลังวุ่นวายต่อสู้กับศัตรูอยู่นั้น หลี่โม่ได้กำจัดสองคนที่พุ่งเข้ามาหาตัวเองเสร็จแล้ว
สองคนนั้นต่างก็ถูกหลี่โม่ตัดหลังคอ แล้วสลบล้มลงกับพื้น ท่าทางของยอดฝีมือได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่โม่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสบายๆ มองดูซือคงหมิงและอีกฝ่ายสู้กัน ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปช่วยเลยสักนิด
“ซือคงหมิงสู้ๆนะ นายนี่มันทำไมอ่อนอย่างนี้ ขายหน้าสำนักจอมโจรมากจริงๆเลย นายน่าจะใช้กระบวนท่าเด็กไหว้พระนั้นสิ ท่านี้นายใช้ไม่ถูกต้อง จะต้องแทงเอียงไปก็จะสามารถตีมันล้มได้แล้ว”
หลี่โม่คอยเอาแต่วิจารณ์กระบวนท่าของซือคงหมิง ทำเอาซือคงหมิงโมโหสุดๆ รู้สึกว่าหลี่โม่นั้นเป็นคนแบบที่ดูเรื่องสนุกโดยไม่กลัวเรื่องใหญ่โต
“น้องชาย นายรีบมาช่วยสิ อย่ายืนดูอยู่ตรงนั้นสิ ฉันจะต้านไม่ไหวแล้วนะ ไอ้เด็กนี่มันเก่งมากจริงๆ นายเก่งก็มาช่วยหน่อยสิ”
ซือคงหมิงบ่นร้องไม่หยุด อยากจะให้หลี่โม่เข้าไปช่วย หลี่โม่สองแขนกอดอก ท่าทางแบบคนยืนมองเรื่องสนุกอยู่
“เมื่อกี้นายบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมฉันจะต้องช่วยนาย”
“ฉัน…คือ..เมื่อกี้ก็แค่พูดไปงั้นเอง คิดอยากจะหลอกเขาไปให้คนเก่งอย่างนายรับมือ พวกเราก็ได้ประหยัดเวลาไง”
ซือคงหมิงพูดพึมพำไปด้วย และขยับตัวหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไปด้วย
ศัตรูที่เหลือเพียงคนเดียวโจมตีซือคงหมิงอย่างบ้าคลั่ง อยากจะจับตัวซือคงหมิงมาเป็นตัวประกัน จะได้ใช้มาข่มขู่หลี่โม่
หลี่โม่ส่ายหัวยิ้มๆ “นายอย่าเล่นแล้ว รีบเอาวิชาที่เก็บซ่อนไว้ออกมา ถ้ายังเล่นอยู่ก็จะตายแล้วจริงๆนะ”
สายตาซือคงหมิงสั่นไหว รู้ตัวดีว่าตัวเองเสแสร้งไม่เนียน ถูกหลี่โม่ดูออกอีกแล้ว