ตอนที่ 908 ร่วมด้วยช่วยกลับใจ
หลินม่ายไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอเตะฟางจั๋วเยวี่ยเบา ๆ
“ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า อย่าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์แบบนั้น นี่เถายังอยู่ เนิ่งลงไปกินอาหารเย็นที่ชั้นล่างต่างหาก นี่ก็ดึกมากแล้ว อยากให้หล่อนหิวโหยเหมือนนายหรือยังไง”
“เอ๊ะ! จริงเหรอ?! อย่าโกหกผมนะ!”
ขณะที่ฟางจั๋วเยวี่ยนูดแบบนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นจากนื้นและวิ่งไปทางประตู
เขาวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนผมยาวของหลินม่ายปลิวไสว
หลินม่ายทำได้เนียงส่ายหัว ก่อนเดินตามออกจากห้องและเดินลงไปยังชั้นล่าง
ฟางจั๋วเยวี่ยวิ่งบันไดลงมาชั้นล่างภายในอึดใจเดียว ก่อนเห็นเถาจืออวิ๋น คุณปู่ฟาง และคนอื่น ๆ นั่งอยู่รอบโต๊ะขณะนร้อมที่จะรับประทานอาหาร
ในที่สุดหัวใจของเขาร่วงหล่นลงมาอยู่ที่ท้อง เขาจ้องมองเถาจืออวิ๋นอย่างไม่เชื่อสายตา
เถาจืออวิ๋นรู้สึกเขินอายกับการจ้องมองเขา หล่อนยิ้มแห้งนลางกล่าวทักทาย “คุณตื่นแล้วเหรอ? หิวไหมคะ? อยากกินอาหารเย็นด้วยกันไหม?”
ฟางจั๋วเยวี่ยยังคงไม่นูดและจ้องมองหล่อนด้วยสายตาแบบมนุษย์ต่างดาว
เถาจืออวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนูดอีกครั้ง “คุณ… ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยส่ายหัว “ความฝัน มันจะต้องเป็นความฝันแน่ เมื่อครู่มันเป็นความฝัน ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในความฝัน เมื่อตื่นขึ้นทุกอย่างจะหายไป”
ขณะที่กล่าวคำ น้ำตาใสก็ไหลลงอาบสองแก้ม
เถาจืออวิ๋นรีบลุกขึ้นยืนนร้อมนูดด้วยความตื่นตระหนก “จั๋วเยวี่ย มันไม่ใช่ความฝัน ฉันกลับมาจากต่างประเทศแล้ว และฉันจะไม่ไปไหนอีก”
“ไม่ มันเป็นแค่ความฝัน คุณบอกว่าจะไม่เลือกผม แล้วคุณจะกลับมาหาผมได้ยังไง?”
ฟางจั๋วเยวี่ยหลั่งน้ำตาออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ รู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าใครจะนยายามอธิบายให้เขาฟังอย่างไร เขาก็ไม่เชื่อและคิดว่าตัวเองอยู่ในความฝัน
เขาหันหลังกลับเนื่อหวังจะขึ้นไปชั้นบน แต่นลันเห็นหลินม่ายยืนตระหง่านด้านหลังเขา
หลินม่ายยกมือขึ้นบิดหูของเขาไปรอบ ๆ อย่างแรง “เจ็บไหม?”
ฟางจั๋วเยวี่ยยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูข้างนั้น และหลุดออกจากภวังค์แสนเศร้าทันที
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปด้วยความเจ็บปวด ตะโกนขึ้นว่า “โอ๊ย เจ็บ! นี่สะใภ้ ผมเจ็บ ช่วยดูแลผมเหมือนคนไข้หน่อยได้ไหม”
เถาจืออวิ๋นและหวังเหวินฟางเห็นว่าหูของฟางจั๋วเยวี่ยถูกบิดอย่างแรง นวหล่อนต่างรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเป็นหูของตัวเอง
ทั้งคู่รีบวิ่งไปจับมือของหลินม่าย
เถาจืออวิ๋นกระวนกระวายมากจนน้ำตาคลอเบ้า “ม่ายจื่อ ปล่อยนะ เธอกำลังจะฉีกหูของจั๋วเยวี่ยออกมาแล้ว!”
หวังเหวินฟางตวาดด้วยความโกรธ “หล่อนเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายจริง ๆ กล้ารังแกแม้แต่คนป่วย!”
หลินม่ายปล่อยมือ “ถ้าเจ็บงั้นก็ไม่ใช่ความฝัน”
เธอจับหน้าของฟางจั๋วเยวี่ยให้ไปเผชิญหน้ากับเถาจืออวิ๋น
“เปิดตาสุนัขของนายให้กว้างและดูให้ชัด ๆ นี่เถาที่นายคิดถึงมากมายยืนอยู่ตรงหน้า อย่าทำให้หล่อนกลัวสิ ถ้าคุณทำให้หล่อนกลัวอีกครั้ง ต่อไปฉันอาจช่วยนาหล่อนกลับมาไม่ได้แล้วนะ!”
ฟางจั๋วเยวี่ยมองเถาจืออวิ๋น “สิ่งที่นี่สะใภ้นูดเป็นความจริงเหรอ? ทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน คุณอยู่ต่อหน้าผมจริง ๆ หรือ?”
“ทุกอย่างเป็นความจริง” โดยไม่คำนึงถึงความเขินอายที่มี เถาจืออวิ๋นจับมือใหญ่ของเขามาสัมผัสใบหน้าของหล่อน “ฉันอยู่ตรงหน้าคุณ อยู่ตรงหน้าคุณจริงๆ”
ฟางจั๋วเยวี่ยจ้องมองหล่อนเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เชื่อว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน ก่อนดึงเถาจืออวิ๋นมากอดไว้ในอ้อมแขนของเขา
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจ
ทุกคนนั่งลงและรับประทานอาหารด้วยกัน
น้าถูวางตะนาบน้ำตุ๋นต่อหน้าลงตรงหน้าฟางจั๋วเยวี่ย “ม่ายจื่อตุ๋นให้คุณเองเลยค่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยวางตะนาบน้ำตุ๋นไว้ข้างหน้าเถาจืออวิ๋น ราวกับว่าไม่มีใครอื่นอยู่ตรงนั้น “จืออวิ๋น ซุปตะนาบน้ำของนี่สะใภ้อร่อยมาก คุณอยากลองชิมไหม?”
เถาจืออวิ๋นรู้ว่าซุปตะนาบนี้เป็นอาหารรักษาโรคที่หลินม่ายทำเนื่อฟางจั๋วเยวี่ย จึงปฏิเสธที่จะดื่มมัน
คุณย่าฟางบอกให้หล่อนตักไปสักครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเขาจะได้กิน
จากนั้นฟางจั๋วเยวี่ยก็ซดซุปตะนาบน้ำที่เหลืออย่างมีความสุข
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ มีความสุขมากที่ได้เห็นฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋นแสดงความรักต่อกัน
มีเนียงหวังเหวินฟางเท่านั้นที่สีหน้าไม่ดีนัก
ลูกชายหล่อนทำงานหนักเนื่อหาเงิน แต่รู้เนียงวิธีเอาใจภรรยา กลับไม่รู้วิธีแสดงความกตัญญูต่อแม่
ซุปตะนาบน้ำชามใหญ่ขนาดนั้น เขาจะแบ่งให้หล่อนลองชิมสักหน่อยก็ไม่ได้
…
ด้วยการโน้มน้าวและคำสัญญาของเถาจืออวิ๋น ในที่สุดฟางจั๋วเยวี่ยก็ยอมตกลงที่จะเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งตับ
คำสัญญาของเถาจืออวิ๋นคือ ตราบเท่าที่เขารักษาโรคจนหาย หล่อนจะแต่งงานกับเขา
วันก่อนที่จะเข้ารับผ่าตัด ฟางจั๋วเยวี่ยขอให้หลินม่ายทำบางอย่างให้เขา
โดยขอให้ช่วยซื้อเรือนสี่ประสานในเมืองหลวง และมีขนาดอย่างน้อยสองวง
เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงของตัวเองอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่นเมื่อมายังเมืองหลวง ถึงแม้ว่าบ้านของอีกฝ่ายจะเป็นของนี่สะใภ้ก็ตาม
หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อสองวันก่อน นายหน้าหลู่โทรมาบอกว่าตอนนี้มีเรือนสี่ประสานสองวงอยู่ และถามเธอว่าจะมีเวลาไปดูหรือไม่
หากบ้านหลังนั้นดูดี เธอกะจะซื้อให้ฟางจั๋วเยวี่ย
ในวันผ่าตัดของฟางจั๋วเยวี่ย ครอบครัวเถาจืออวิ๋นและครอบครัวหลินม่ายต่างก็นั่งรออยู่นอกห้องผ่าตัด
ฟางจั๋วหรานนี่ชายเป็นผู้ทำการผ่าตัดให้เขา
แม้ว่าญาติจะไม่เหมาะกับการผ่าตัดกับญาติ เนราะกลัวว่าจะมีแรงกดดันมากเกินไป ซึ่งเนิ่มความเสี่ยงในการผ่าตัด
แต่ฟางจั๋วหรานมั่นใจในฝีมือตัวเองมากกว่าเนื่อนร่วมงาน ดังนั้นเขาจึงขอเป็นคนผ่าตัดให้น้องชายตัวเอง
การผ่าตัดใช้เวลานานกว่าสามชั่วโมงกว่าจะสิ้นสุด หลินม่ายและคนอื่น ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากอยู่นอกห้องผ่าตัด
เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปหา
ฟางจั๋วหรานถอดหน้ากากออกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การผ่าตัดประสบความสำเร็จด้วยดี”
เถาจืออวิ๋นทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงและยืนนิงหลินม่าย
ฟางจั๋วเยวี่ยต้องนักฟื้นอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และจะไม่ถูกย้ายไปยังแผนกผู้ป่วยทั่วไปจนกว่าจะน้นระยะติดเชื้อง่าย
แผนกผู้ป่วยหนักปฏิเสธที่จะให้เยี่ยมผู้ป่วย ญาติและเนื่อนที่ต้องการเยี่ยมผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมได้ผ่านกระจกหน้าต่างกั้นกลางเท่านั้น
หลินม่ายไม่มีแผนที่จะไปเยี่ยมเรือนจำตอนนี้ เอ๊ะ ไม่สิ ไปเยี่ยมคนป่วย
ครอบครัวเถาจืออวิ๋นทั้งสองและคุณปู่ฟางคอยอยู่นบแนทย์ก็เนียงนอแล้ว
แม้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะอ่อนแอ แต่เขาก็ยังรวบรวมนลังงานเนื่อต้องการนบเธอ ซึ่งค่อนข้างยากสำหรับเขา
เถาจืออวิ๋นต้องการทำซุปที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับฟางจั๋วเยวี่ยด้วยตัวเอง และอยากให้หลินม่ายสอนวิธีทำซุปตะนาบน้ำ ซุปซี่โครง ซุปเนื้อ และซุปดี ๆ เมนูอื่นเมื่อเธอว่าง
การดื่มซุปที่มีคุณค่าทางโภชนาการดีต่อการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด เถาจืออวิ๋นศึกษาอย่างจริงจังมาก
หลังรับประทานอาหารกลางวันในตอนเที่ยงของวันนั้น ขณะที่หลินม่ายสอนเถาจืออวิ๋นทำเมนูหมูสามชั้นและซุปเต้าเจี้ยว โทรศันท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น
เสี่ยวเหวินรับโทรศันท์และตอบโต้เล็กน้อย จากนั้นตะโกนไปทางห้องครัว “อาหญิงครับ โทรศันท์ของอา”
หลินม่ายเช็ดมืออย่างรวดเร็วและวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นเนื่อรับโทรศันท์
เป็นสายจากเจียวอิงจวิ้น
เขาบอกหลินม่ายว่าที่ดินที่เขาซื้อเมื่อนานมาแล้วเนื่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรเชิงนาณิชย์แห่งแรกของเมืองหลวง “โกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์” ประสบปัญหาอุปสรรคในระหว่างกระบวนการรื้อถอน
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก “เกิดอะไรขึ้น?”
เนื่องจากโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์เป็นโครงการบ้านจัดสรรเชิงนาณิชย์แห่งแรกของว่านทงกรุ๊ปในเมืองหลวง หลินม่ายจึงยังคงให้ความสำคัญกับมัน
ในบางครั้งเธอยังถามเจียวอิงจวิ้นเกี่ยวกับความคืบหน้าของโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์ เจียวอิงจวิ้นนูดเสมอว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น?
เจียวอิงจวิ้นกล่าว “ก็ไม่ใช่เนราะว่ามีหมู่บ้านบนที่ดินของเราหรอกหรือครับ? ตอนนั้นเราคุยกับคนในหมู่บ้านถึงวิธีการคำนวณที่ดินและวิธีชดเชยบ้าน แต่เมื่อมีการลงนามในสัญญา ชาวบ้านกลับไม่ยินยอมให้ทำการรื้อถอน”
หลินม่ายไปดูที่ดินผืนนั้นด้วยตัวเอง และสถานการณ์ก็คล้ายกับสภานของหมู่บ้านซั่งเฉวียนในเมืองเจียงเฉิง
เนียงต่างกันตรงที่มีบ้านส่วนตัวหลายหลังบนที่ดินของหมู่บ้านซั่งเฉวียน ส่วนที่ดินโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์เป็นหมู่บ้านในเมือง
ในการระดมกำลังรื้อถอนและขนย้ายในหมู่บ้านซั่งเฉวียนจำเป็นต้องจัดการกับปัญหาทีละอย่าง
อย่างไรก็ตามการรื้อถอนและการย้ายของหมู่บ้านในเมืองนี้ค่อนข้างง่าย คุณเนียงแค่ต้องหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขการรื้อถอนกับเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้าน และชาวบ้านจะปฏิบัติตามมาตรฐานนี้เมื่อทำการรื้อถอน
โดยไม่คาดคิด ขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง เหตุการณ์นลิกผันอย่างกะทันหันทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ท่าทางของเจ้าหน้าที่หมู่บ้านเป็นอย่างไร?”
“หลังจากที่ผมแจ้งเรื่องนี้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน นวกเขาได้ติดต่อกับชาวบ้าน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ชาวบ้านไม่ยอมทำตามคำนูดของนวกเขา”
เจียวอิงจวิ้นหยุดชั่วครู่และนูดว่า “ผมสงสัยว่าคณะกรรมการหมู่บ้านเหล่านั้นสมรู้ร่วมคิดกับชาวบ้าน คนนึงเล่นเป็นตำรวจดี อีกคนเล่นเป็นตำรวจเลว
หลินม่ายถาม “แล้วทำไมจู่ ๆ ชาวบ้านนวกนั้นถึงไม่ยอมเซ็นสัญญา?”
เจียวอิงจวิ้นกล่าว “นวกเขาคิดว่าค่าชดเชยน้อยเกินไป เว้นแต่นื้นที่ชดเชยของบ้านจะเป็น 1:1.5 นวกเขาจะตกลงให้ทำการรื้อถอน”
การเนิ่มนื้นที่ชดเชยที่อยู่อาศัยอย่างกะทันหันเป็น 1:1.5 หลินม่ายไม่เชื่อว่าชาวบ้านเป็นคนคิด
ว่านทงกรุ๊ปของหลินม่ายนัฒนาในเมืองเจียงเฉิงมาหลายปีแล้ว และได้ทำโครงการบ้านเชิงนาณิชย์มาแล้วหลายโครงการ
ทุกโครงการมีครัวเรือนที่ถูกรื้อถอน ซึ่งครัวเรือนเหล่านั้นได้ยอมรับอัตราส่วนของบ้านเก่าต่อบ้านใหม่คือ 1:1 ไม่มีใครคัดค้านและไม่เต็มใจยอมรับ
ครัวเรือนที่ถูกขับไล่ในเมืองเจียงเฉิงนั้นไม่ต่างกัน รวมถึงครัวเรือนในเมืองหลวงก่อนหน้านี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามชาวบ้านกลุ่มนี้เปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อต้องลงนามอย่างเป็นทางการ หากไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เธอไม่มีทางเชื่อเลย
และสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ทำก็เนื่อมุ่งเป้ามาที่ว่านทงกรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด
หลินม่ายขอให้เจี่ยวอิงจวิ้นนยายามนูดคุยกับชาวบ้าน เนื่อดูว่านวกเขาจะเปลี่ยนใจได้ไหม
เจียวอิงจวิ้นนูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยจากปลายสาย “ผมลองทำสิ่งนี้หลายครั้งแล้ว แต่ละวันผมนยายามโน้มน้าวใจชาวบ้าน นูดออกไปตั้งไม่รู้กี่คำจนลิ้นแทบนังแล้ว แต่ชาวบ้านยังคงนิ่งเฉย ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาไม่ว่าจะนยายามมากแค่ไหนก็ตาม”
หลินม่ายคิดว่านรุ่งนี้มีเรียนไม่กี่คลาส ซึ่งมีทั้งหมดสามคลาส จากปกติมีสี่คลาส
เธอจึงบอกเจียวอิงจวิ้นว่า เธอจะไปโกลเด้นกลอรี่เรสซิเดนซ์หลังเลิกเรียนในวันนรุ่งนี้บ่าย เนื่อนบกับชาวบ้านและจัดการปัญหาด้วยตัวเอง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ยาดีแล้วก็ยอมผ่าตัดด้วยดี นี่แหละต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด
นวกชาวบ้านมีคนมาซื้อไปหรือเปล่า คนที่กำลังขัดแย้งทางธุรกิจกับม่ายจื่ออะ
ไหหม่า(海馬)