ปัง!
เหล่าลิ่วเหนี่ยวไกโดยไม่คิด กระสุนนัดเดียวทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยิงออกไปถึงสามนัด!
เศรษฐีทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ไม่ใช่เพราะเหล่าลิ่วยิงปืนออกไปถึงสามนัด…
แต่เป็นเพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาต่างหาก
นิ้วของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง พวกเขาตกใจอย่างมากเมื่อได้เห็นชายคนนั้นคว้ากระสุนทั้งสามนัดนั้นไว้ในฝ่ามือ แล้วก็… ขยำมันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แสงไฟในตัวรถสว่างขึ้นอย่างกะทันหันและสร้างความปวดร้าวให้กับดวงตาของทุกคน จากนั้นดวงตาชุ่มน้ำของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็สบเข้ากับภาพใบหน้าด้านข้างของชายคนนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่สามารถทำให้ทุกคนเข่าอ่อนได้อย่างง่ายดายค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากความมืด
ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งทรงเสน่ห์ กับริมฝีปากอันเย้ายวน
ใบหน้าที่เธอคุ้นเคย ใบหน้าที่เธอคิดถึง
ความรู้สึกผิด ความประหลาดใจ และความตื่นเต้น พายุไต้ฝุ่นอันเกิดจากอารมณ์ที่ผสมปนเปกันในอกของเธอรุนแรงเสียจนทำให้หัวใจปวดร้าว และทำให้สมองของเฮ่อเหลียนเวยเวยว่างเปล่า
“คนคนนี้คือพ่อของนายหรือ เจ้าคนเลวนั่นน่ะนะ” เสี่ยวชิงเฉิงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลถามเพื่อนตัวน้อยด้วยท่าทางไร้เดียงสา
ไป๋หลี่ซ่างเสียตอบอย่างเย็นชาอย่างมากว่า ”ใช่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดในใจ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเจ้าคนสารเลวที่ว่านั่นก็คือองค์ชายนี่ เจ้าลูกชายคนนี้นี่!
“ได้ยินว่ามีคนอยากคุยกับฉันหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ในเขตอาคมนี้ เขามาที่นี่เพียงเพราะได้ข่าวเรื่องที่มีคนบอกว่าเขาทิ้งลูกชายตัวเองไปหาชู้รักใหม่ และหาว่าการกระทำของเขาไม่ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉาน
อันที่จริง ความคิดเห็นของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวล แต่คำพูดเหล่านี้เป็นผลงานที่ปีศาจตัวน้อยบางตนเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเพื่อเรียกคะแนนสงสาร แม้เกมไร้สาระนี้จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขา แต่สิ่งที่เขาเบื่อก็คือการรับมือกับผลของมัน
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจมาที่นี่ด้วยตัวเอง และพาปีศาจน้อยจอมกบฏนี้กลับไปที่แดนปีศาจ
“ไป๋หลี่ซ่างเสีย จะออกมาเองหรือจะให้ฉันไปลากออกมา” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยราบเรียบและเย็นชา เขายืนอยู่กลางพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมที่ถูกปิดล้อม ชายหนุ่มทำราวกับว่าบรรดาเศรษฐีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีตัวตน แต่บุตรชายของเขาต่างหากคือคนเดียวที่เขาสนใจ
ทัศนวิสัยของเขาถูกผู้โดยสารเหล่านั้นบดบังโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะมองเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยกับเด็กๆ ได้
และองค์ชายผู้เย่อหยิ่งผู้นี้ก็ไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียวว่าคนที่เขาตามหาจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เวลานี้เขาไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะรับมือกับมนุษย์พวกนี้อีกต่อไป
ตั้งแต่วันที่เฮ่อเหลียนเวยเวยจากเขาไป เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองใครคนอื่นอีก
“ฉันจะนับถึงสาม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปัดดินปืนออกจากฝ่ามือ เขาเคลื่อนสายตาลงพลางกัดถุงมือหนังที่มือข้างซ้ายด้วยรอยยิ้ม ”หนึ่ง”
ตุ้บ
ไป๋หลี่ซ่างเสียผลักคนที่อยู่ข้างหน้าออก เขาเดินออกมาด้วยใบหน้าเย็นชาพร้อมกับบอกว่า ”ผมต้องการสิทธิมนุษยชน คุณจะมามองข้ามสิทธิมนุษยชนของผมไปไม่ได้”
“แกไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ จะอยากได้สิทธิมนุษยชนไปเพื่ออะไร” คำตอบของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำให้เสี่ยวซ่างเสียเงียบกริบ เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์จริงๆ
แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขายิ้มชั่วร้ายจนมองเห็นเขี้ยวสีขาวเล็กๆ นั้นได้รำไร ”ครั้งหนึ่งท่านพ่อเคยบอกมิใช่หรือว่าถ้ามีมนุษย์ที่ไม่กลัวและอยากเป็นเพื่อนกับผม คุณจะยอมอนุญาตให้ผมไปเยี่ยมพวกเขาได้”
“ดูท่าทางแกจะเจอที่พึ่งแล้วล่ะสิ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเยาะ แล้วจึงถามว่า ”ใครกันหรือ ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย”
ไป๋หลี่ซ่างเสียงถอยกลับไปจับมือเฮ่อเหลียนเวยเวย และเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าเล็กๆ ของตัวเอง
เสี่ยวชิงเฉิงใช้มือน้อยๆ ทั้งสองข้างผลักเฮ่อเหลียนเวยเวยออกไปข้างหน้าจนสุดแรง ”เวยเวยคนสวย รีบไปเจรจากับคนเลวคนนั้นเร็วเข้า เขาจะได้อนุญาตให้ซ่างเสียมาอยู่กับพวกเรา” ความฝันที่จะได้เลี้ยงปีศาจน้อยของเขาจะต้องเป็นจริง!
ก่อนหน้านี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นในชุดสูทสีดำสนิทของตัวเอง ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งและแฝงไปด้วยความเกียจคร้าน
แต่หลังจากเขาได้ยินคำว่า - ’เวยเวย’ เสี้ยวหนึ่งของใบหน้านั้นก็พลันกระตุกทันที ดวงตาลึกล้ำราวกับมหาสมุทรนั้นเคลื่อนไปจับจ้องอยู่ที่จุดจุดเดียว
ทันใดนั้น เปลวไฟอันร้อนระอุก็กระจายไปทั่วดวงตาทั้งสองข้างของเขา
เขามองใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย ความเป็นเจ้าของในดวงตาคู่นั้นรุนแรงและดูลึกล้ำอย่างมากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความบิดเบี้ยว ชายหนุ่มดูเหมือนจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว
นิ้วมือของเขากำรอบแขนของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงดึงเฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าสู่อ้อมกอด
ไป๋หลี่ซ่างเสียยังไม่ทันได้อ้าปาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งพูดคำว่า ’ฉัน’ ออกมาได้คำเดียว
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับประทับริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของเธอไปเสียแล้ว!
มือข้างหนึ่งของเขาโอบอยู่รอบตัวเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ประคองด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ ชายหนุ่มจูบเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างดูดดื่มท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา!
เด็กชายตัวน้อยทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก
เฮ่อเหลียนชิงเฉิงหันไปมองไป๋หลี่ซ่างเสียเหมือนพยายามจะถามเขาว่า ”พ่อของนายเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ เขาจูบทุกคนที่เดินเข้าไปหาตัวเองเลยหรือเปล่า”
ไป๋หลี่ซ่างเสียยังคงมีท่าทางเย็นชา แต่คิ้วของเขากลับขมวดเข้าหากันแน่น ท่านพ่อของเขาอ่านง่ายอย่างกับอะไรดี ตลอดสามปีที่ผ่านมา ปกติแล้วผู้หญิงคนไหนที่พยายามจะเข้าใกล้เขาล้วนแต่ไม่เคยได้มีจุดจบที่ดีเลยสักคน
แต่วันนี้ เขากลับเป็นฝ่ายจูบผู้หญิงคนอื่นก่อน!
ยกเว้นว่า…
ไป๋หลี่ซ่างเสียจ้องมองภาพนั้นอย่างสับสน ดวงตาชั่วร้ายของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเล็กๆ อันเย็นชาของเขากลับสูญเสียความชั่วร้ายไปอย่างรวดเร็วขณะที่มองเฮ่อเหลียนเวยเวยกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยสูญเสียความสามารถในการพูดไปจนหมด ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยของเธอถูกอีกฝ่ายดูดซ้ำๆ ขณะที่ชายหนุ่มลากลิ้นเลียไปตามแนวฟันของเธอ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ทั้งซาบซ่านทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเปลี่ยนจากจูบอันหนักหน่วงเป็นนุ่มนวลทีละน้อยพร้อมกับใช้ฟันสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ
อุณหภูมิเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือนั้นเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
ริมฝีปากของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำชาหอมๆ กลิ่นนั้นพรั่งพรูเข้าใส่นางผ่านทางเรียวลิ้นนั้น
ลมหายใจของเธอกำลังถูกพรากออกไป มือของเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่มีที่ยึด ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงจำต้องโอบเอวของชายหนุ่มเอาไว้ ทันทีที่หูของเธอได้ยินเสียงหัวใจที่คุ้นเคย เฮ่อเหลียนเวยเวยก็อ้าปากขึ้นแล้วตอบสนองเขากลับด้วยจูบอันดุดัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไป และก้มหน้าลงมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วขยับแขนไปกอดเธอไว้แน่นด้วยท่าทางทรงอำนาจ
สิ่งที่ไป๋หลี่ซ่างเสียตัวน้อยคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้หายวับไปกับตา สีหน้าของเขาไม่ได้ดูว่างเปล่าอีกต่อไป แต่กลับดูยุ่งเหยิงอย่างประหลาด ความแปลกใจของเขายิ่งรุนแรงขึ้นอย่างมากขณะที่มองเสี่ยวชิงเฉิงที่อยู่ข้างตัว
เสี่ยวชิงเฉิงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทันทีที่คิ้วของเขาเลิกขึ้น ไป๋หลี่ซ่างเสียก็กอดเขา แล้วอุ้มเขาขึ้น จากนั้นจึงลูบศีรษะของเขาอย่างรักใคร่เอ็นดู
เสี่ยวชิงเฉิงยกมือเล็กๆ ขึ้นจับศีรษะตัวเองด้วยความสับสน พร้อมกับมองไป๋หลี่ซ่างเสียแล้วถามว่า ”อะไรหรือ”
“เราหนีออกจากบ้านกันเถอะ” ไป๋หลี่ซ่างเสียพูดอย่างจริงจัง ”หลังจากนี้น่าจะมีความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้น ท่านพ่อชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น ยิ่งตอนนี้ที่ฉันเอาท่านพ่อมาพูดเสียๆ หายๆ ตอนอยู่ต่อหน้าท่านแม่ด้วยแล้ว เขาจะต้องมาแก้แค้นฉันแน่ๆ”
เสี่ยวชิงเฉิงถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว…