ตอนที่ 910 หวังเหวินฟางทำตัวน่าสงสัย
วันเวลาผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์
เย็นวันนั้น ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่หลินม่ายก็ยังไม่เห็นหน้าของเถาจืออวิ๋น
เธอถามออกมาอย่างประหลาดใจ “พี่เถาไปโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอคะ?”
“แบบนี้ไม่ถูกต้องแล้ว!” คุณย่าฟางหันมาพูดกับหวังเหวินฟาง “หลังจากมื้อเย็นแล้ว เธอควรจะไปผลัดเปลี่ยนกับจืออวิ๋นบ้าง จืออวิ๋นทำงานหนักมาหลายวัน คนเป็นแม่อย่างเธอทำอะไรบ้าง?”
หลังจากฟางจั๋วเยวี่ยผ่าตัดแล้ว หวังเหวินฟางก็เลิกโศกเศร้าและยังกินดื่มอย่างต่อเนื่อง หล่อนใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีความสุข
แม้จะไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลูกชายทุกวัน แต่ก็ทำได้เพียงมองลูกชายผ่านกระจกของห้องผู้ป่วยหนัก ไม่อาจสัมผัสร่างกายของเขาได้
ในสายตาของคุณย่าฟาง การที่หล่อนทำแบบนี้เป็นเรื่องเห็นแก่ตัวมาก
ตอนนี้คุณย่าฟางรู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไป ขอให้หวังเหวินฟางไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลลูกชายของตัวเอง
หวังเหวินฟางวางลูกชิ้นหัวสิงโตตุ๋นน้ำแดงลงก่อนจะพูดว่า “จั๋วเยวี่ยยังอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก ถึงฉันจะไปที่นั่นก็เข้าไปไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเราจะไปเยี่ยมเขาตอนนี้”
เวลานี้สีหน้าของคุณย่าฟางถึงกับมืดมน ทำให้หล่อนรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อยก่อนจะเปลี่ยนคำพูด “หลังมื้อเย็นฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อสับเปลี่ยนกับเสี่ยวเถาค่ะ เด็กคนนี้ก็จริง ๆ เลย สุดท้ายก็รู้อยู่แล้วว่าการรออยู่ข้างนอกแบบนั้นมันไร้ประโยชน์ แต่หล่อนก็ยังยืนยัน”
หล่อนอยากจะพูดออกไป แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร เวลานี้กลัวว่าคุณย่าฟางกับคุณปู่ฟางจะโกรธ เลยต้องกลืนประโยคเหล่านั้นลงไปครึ่งหนึ่ง
คุณปู่ฟางหันมองแม่เถาที่กำลังกินอย่างเงียบ ๆ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองกับหวังเหวินฟาง “จืออวิ๋นยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อตามดูอาการของจั๋วเยวี่ย หล่อนจะอยู่ที่นั่นทำไมถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงจั๋วเยวี่ย เป็นเรื่องที่คนเป็นแม่อย่างเธอสมควรยินดี แต่กลับคิดว่าไม่เกี่ยวข้องและพูดจาประชดประชันได้อีก!”
หวังเหวินฟางถูกคุณปู่ฟางต่อว่าอย่างนี้ก็ไม่กล้าพูดต่อ
หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หวังเหวินฟางก็รีบกระวีกระวาดไปโรงพยาบาล
ฟางเว่ยกั๋วเห็นอย่างนั้นจึงไปโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่เขาไปเปลี่ยนเวรกับเถาจืออวิ๋น อีกฝ่ายมักจะปฏิเสธเสมอ
เขาที่เป็นพ่อสามีในอนาคตไม่อาจโน้มน้าวหล่อนได้ จึงต้องกลับมาเสมอ
ถ้าคืนนี้สามารถไปสับเปลี่ยนกับเถาจืออวิ๋นได้ เขาก็จะพักค้างคืนที่โรงพยาบาล
สุดท้ายเขาไม่คิดสนใจหวังเหวินฟาง มันก็คงจะดีถ้าเขาสามารถช่วยเหลือได้สักชั่วโมงสองชั่วโมง
หลังจากดูข่าวแล้ว หลินม่ายและสามีขึ้นห้องชั้นบน ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือ
ก่อนหลินม่ายจะอ่านหนังสือ เธอนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
เธอวางปากกาก่อนจะโทรหาเจียวอิงอวิ้นและถามเขาถึงสถานการณ์ในไซต์ก่อสร้าง
เจียวอิงอวิ้นถอนหายใจ “เกิดความวุ่นวายหลายครั้ง แต่พวกเราก็ยังทำงานอยู่ครับ”
หลินม่ายรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ก็ฉันเปลี่ยนแผนแล้ว ที่ดินก็ยกให้กับชาวบ้านแล้ว จะเกิดความวุ่นวายได้ยังไง?”
ตอนนี้เจียวอิงอวิ้นจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
คุณอวี๋ใช้เวลาแค่สองวันสำหรับออกแบบพิมพ์เขียวของโครงการ และปรับเปลี่ยนแผนผังต่าง ๆ สำหรับร้านค้า
ขณะเดียวกันเขาก็ติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านตามคำแนะนำของหลินม่าย แต่กลับไม่สามารถทำได้สำเร็จ
เจียวอิงอวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ผมบอกได้ว่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นกับชาวบ้านเป็นพวกเดียวกัน”
“แล้วจากนั้นล่ะ”
“ผมเลิกตอแยพวกเขาและคิดยกที่ดินตรงนั้นให้ชาวบ้านไปตามที่หัวหน้าหลินบอก”
นี่คือสิ่งที่หลินม่ายวางแผนเอาไว้แต่แรก เธอจึงไม่เข้าใจว่ามันจะมีความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น
เจียวอิงอวิ้นเล่าต่อว่า “แต่เมื่อทีมก่อสร้างของพวกเราเริ่มทำงาน ชาวบ้านก็เริ่มเข้ามาก่อกวนและไม่ให้พวกเราทำงานโดยสะดวก”
หลินม่ายถามต่อว่า “หรือว่าคุณยังไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายที่นาของหมู่บ้านกับคณะกรรมการหมู่บ้าน?”
หากเป็นกรณีของประเทศจีน เมื่อซื้อทีดิ่นจากสำนักงานที่ดิน ตราบใดที่มีบ้านและที่นา จะต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับเจ้าของบ้านและที่นาแห่งนั้นด้วย
รัฐมีเงินชดเชยที่ค่อนข้างต่ำ และเกษตรย่อมไม่พอใจเม็ดเงิน พวกเขาจึงจะเจรจากับนักพัฒนาแทน
อย่างไรเสีย หมู่บ้านในเมืองแห่งนี้เป็นของหมู่บ้านโดยตรง แม้เจียวอิงอวิ้นและคณะกรรมการหมู่บ้านจะยอมตกลงเงื่อนไขการรื้อถอนแล้ว แต่ชาวบ้านก็ต้องเซ็นแยกส่วนเป็นครัวเรือนอยู่ดี
และถ้าหากใช้คณะกรรมการหมู่บ้านช่วยเหลือ ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
ส่วนเรื่องที่นาของเหล่าเกษตรกรแตกต่างออกไป สิ่งเหล่านั้นคือทรัพย์สินส่วนรวม
ตราบใดที่คณะกรรมการหมู่บ้านและเจียวอิงอวิ้นลงนามซื้อขายเสร็จสิ้น มันก็จะไม่มีปัญหา
ชาวบ้านก็จะมีสิทธิ์ในเงินปันผล ไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญา
แต่เพราะชาวบ้านกล้าขัดขวางการก่อสร้าง หลินม่ายจึงลอบสงสัยว่าเจียวอิงอวิ้นกับคณะกรรมการหมู่บ้านยังไม่ได้ลงนามซื้อขายที่ดินกันหรือ
เจียวอิงอวิ้นตอบกลับ “เราลงนามกันไปตั้งนานโขแล้วครับ คุณหลินครับ ผมไม่เห็นด้วยกับเหตุผลงี่เง่าที่ชาวบ้านเสนอออกมา และตอนนี้พวกเขาจงใจสร้างปัญหาให้กับเรา”
“แล้วคุณหยุดชาวบ้านพวกนั้นยังไง?”
ถ้าไม่สามารถหยุดชาวบ้านพวกนั้น ก็ไม่สามารถเริ่มงานได้
เจียวอิงอวิ้นตอบกลับ “ผมไม่มีความสามารถจะหยุดยั้งพวกที่เข้ามาก่อนกวน เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่มาปฏิบัติงานในหมู่บ้าน จึงให้เจ้าหน้าที่หมู่บ้านมาจัดการเรื่องราว ผมแค่ไปบอกเจ้าหน้าที่หมู่บ้านกับชาวบ้านกลุ่มนั้น ตราบใดที่ผู้ปฏิบัติงานในหมู่บ้านไม่ละเมิด ชาวบ้านก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา! เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านแสร้งทำตัวว่าเป็นเพียงผู้รับผิดชอบ แต่กลับบอกกล่าวว่าชาวบ้านไม่ยินยอมที่จะเซ็นสัญญารื้อถอนและไม่สามารถห้ามปรามพวกเขาได้”
“แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น” หลินม่ายเริ่มคิด “ที่นาคือทรัพย์สินส่วนรวม และคณะกรรมการหมู่บ้านลงนามเสร็จแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ออกมาห้ามปรามชาวบ้าน พวกเขาเสี่ยงที่จะผิดสัญญาและต้องเสียเงินให้กับเรา แต่บ้านของชาวบ้านเป็นสมบัติส่วนตัว ถ้าเราไปบังคับพวกเขามาก ๆ ก็จะกลายเป็นศัตรูกันเปล่า ๆ สุดท้ายแม้ภายหลังการรื้อถอนหมู่บ้านในเมืองจะจบสิ้นลงแล้วก็ตาม แต่หลังจากการรื้อถอนเสร็จสิ้น ชาวบ้านก็ยังอยู่ด้วยกัน ถ้าพวกเขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวบ้าน ชาวบ้านก็จะรวมตัวกันเพื่อโต้กลับไม่ใช่เหรอ? เจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ได้ทำงานหนักเพราะการรื้อถอนอย่างเดียวหรอก แต่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ”
เจียวอิงอวิ้นนึกขึ้นมาได้ “เป็นอย่างนี้นี่เอง”
หลินม่ายถามต่อว่า “แล้วหลังจากก่อสร้างแล้วชาวบ้านเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่มีท่าทียังไงนะครับ” เจียวอิงอวิ้นหัวเราะ “หัวหน้าหลิน คุณกำลังจะเสียเงินเดิมพันให้ผมแล้วล่ะครับ ถ้าแพ้ อย่าลืมโอนเงินให้ผมนะ”
หลินม่ายหัวเราะ “ในสายตาคุณฉันน่าชื่นชมขนาดนั้นเชียว? เอาล่ะ คอยดูแล้วกัน ฉันก็ไม่รู้ว่าใครจะแพ้”
พริบตาเดียว วันเสาร์ก็มาถึง หลินม่ายกลับจากมหาวิทยาลัยในตอนบ่าย และยากมากที่จะได้พบเจอเถาจืออวิ๋นยุ่งอยู่ในครัว
หลินม่ายยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องครัวโดยถือกระเป๋านักเรียนไว้ ก่อนจะถามติดตลกว่า “แฟนสาวดีเด่นแห่งชาติของเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลเหรอคะวันนี้?”
ใบหน้าของเถาจืออวิ๋นแดงเรื่อขึ้นมา “การตุ๋นซุปตะพาบน้ำให้เขาไม่ใช่เรียกกว่าการดูแลเหรอ?”
หล่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดกับหลินม่ายว่า “จั๋วเยวี่ยเคยบอกว่าตุ๋นตะพาบน้ำที่ฉันตุ๋นไม่อร่อยเท่าของเธอ ลองชิมให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
หลินม่ายนึกขำ “พี่เพิ่งเรียนทำอาหารจากฉันไม่กี่วัน จะให้เก่งเท่าฉันเลยเหรอ? จั๋วเยวี่ยนี่ปากเก่งจริง ๆ ที่กล้าดูหมิ่นฝีมือการทำอาหารของพี่!”
เถาจืออวิ๋นกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เพราะเขายังเป็นคนป่วย ฉันเลยไม่รู้จะทำยังไง”
หลินม่ายตบไหล่ของหล่อนเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวฉันเอากระเป๋าไปเก็บก่อนแล้วกัน ก่อนจะลงมาเป็นหนูทดลองเพื่อชิมตุ๋นตะพาบน้ำของพี่”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินออกจากครัวขึ้นไปชั้นบน ขณะเข้าไปในห้อง เธอโยนกระเป๋านักเรียนไว้บนโซฟาก่อนจะวิ่งลงไปชั้นล่าง
เมื่อเดินผ่านชั้นสอง ประตูห้องของหวังเหวินฟางเปิดออกเงียบ ๆ
หล่อนเม้มปากแน่นหันมองแผ่นหลังของหลินม่ายแล้วมองขึ้นไปชั้นบน
หลังจากร่างของหลินม่ายลับสายตาไป หล่อนเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างแผ่วเบา
หลินม่ายวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว และเธอก็หมกมุ่นอยู่กับการชิมตุ๋นตะพาบน้ำของเถาจืออวิ๋นจนลืมปิดประตูห้อง
เพราะมีแขกมากมายอาศัยอยู่ในบ้าน แม้จะไม่มีแขกคนใดทำตัวเป็นขโมย แต่หลินม่ายมักจะปิดประตูเมื่อมีคนนอกอยู่ด้วยภายในบ้านเสมอ
เธอรู้สึกกลัวว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เวลานี้เธอวิ่งขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง
เมื่อเธอวิ่งขึ้นมาถึงชั้นสาม เธอเห็นว่าหวังเหวินฟางกำลังปิดประตูให้
หลินม่ายโพล่งถามทันที “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเปิดประตูทิ้งไว้?”
หวังเหวินฟางยกยิ้มบิดเบี้ยว “ฉันอยุ่ในห้องและได้ยินเสียงเธอเข้าห้อง แต่จังหวะกลับออกมาไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู ฉันเลยคิดว่าเธอคงไม่ได้ปิดประตู เลยขึ้นมาปิดให้”
หลินม่ายรู้สึกว่ามันแปลก ๆ
เธอไม่เคยได้ยินว่ามีแขกคนไหนเดินขึ้นมาปิดประตูให้เจ้าของบ้าน
หลินม่ายมองหวังเหวินฟางด้วยความสงสัย
หวังเหวินฟางเดินผ่านเธอด้วยความสงบและลงไปชั้นล่าง
ก่อนจะลอบดีใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงหลินม่ายวิ่งขึ้นมา ไม่อย่างนั้นหากถูกจับได้คงจะน่าเกลียดแล้ว
หลินม่ายใช้กุญแจเปิดประตูที่หวังเหวินฟางเพิ่งปิดเมื่อครู่ เธอตรวจสอบทุกอย่างเพื่อดูว่าหวังเหวินฟางเข้ามาในห้องของเธอทำไม
แม้สิ่งที่เห็นคือภาพที่หวังเหวินฟางปิดประตูให้
แต่เธอรู้สึกว่าหวังเหวินฟางเข้ามาในห้อง
และอีกฝ่ายคงได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอขึ้นมาชั้นบน จึงรีบออกจากห้องและแสร้งทำเป็นปิดประตูให้
หลินม่ายตรวจสอบทุกอย่าง และเธอก็ได้พบบางอย่าง
โต๊ะลิ้นชักเครื่องแป้งถูกรื้อค้น ข้าวของภายในยุ่งเหยิงและไร้ระเบียบ
โดยเฉพาะกล่องเครื่องประดับสร้อยคอทองคำก็ถูกเปิดออก และยังไม่ได้ปิดคืนกลับ
หลินม่ายสงสัยว่าหวังเหวินฟางกำลังค้นหาอะไรในห้องของเธอ? หล่อนกำลังคิดอยากได้อะไร?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะขโมยทองไปใช้หนี้อะไรให้แม่เฒ่าหวังที่บ้านนั้นหรือเปล่านะ ท่าทางน่าสงสัยมาก
ไหหม่า(海馬)