ตอนที่ 912 หวังเฉียงกลายเป็นนักพนัน
ฟางจั๋วเยวี่ยฟื้นตัวได้ดีหลังจากการผ่าตัด และสามารถออกจากโรงพยาบาลหลังพักฟื้นในวอร์ดผู้ป่วยทั่วไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
เพื่อเป็นการต้อนรับเขากลับบ้าน หลินม่ายขับรถไปยังตลาดสดฝูตัวตัวหลังจากเลิกเรียนในช่วงบ่าย เพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารให้ครอบครัว
เมื่อเธอจอดรถที่ทางเข้าตลาดสด เธอเห็นเหลยซิ่งเดินออกมาจากตลาดด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไล่ทังอี้ออกไปแล้ว แต่เหลยซิ่งยังมาที่ตลาดเพื่อสร้างปัญหางั้นเหรอ?
หลินม่ายเดินเข้าไปในตลาดและถามกับผู้จัดการว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้จัดการกล่าวด้วยถ้อยคำเย้ยหยัน “ครั้งล่าสุดที่ไล่เหลยซิ่งและสามีออกจากตลาดหลังจากที่พวกเขาต่อสู้กัน หล่อนถึงกับจะฆ่าตัวตายต่อหน้าประธานหลิน คุณขอให้หัวหน้ารักษาความปลอดภัยส่งคนผู้นั้นไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน ในเวลานั้นเราจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ล่วงหน้า ทันทีที่เหลยซิ่งออกจากโรงพยาบาล หล่อนก็มาขอให้เราจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกเขาจึงส่งหล่อนไปที่สถานีตำรวจและขังหล่อนไว้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วยข้อหาทำลายทรัพย์สินตลาดสดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังไปฟ้องศาลและขอให้หล่อนชดใช้ค่าเสียหายที่ยอดขายตกต่ำจากการที่หล่อนมาป่วนตลาดสด แล้วหล่อนกล้าดียังไงถึงมาตลาดสดของเราเพื่อสร้างความเดือดร้อนอีก?”
หลินม่ายถามด้วยความสงสัย “ทำไมหล่อนถึงมาสร้างความวุ่นวายในตลาดไม่เลิก? หล่อนไม่ได้มาเพื่อซื้อสินค้าของเราใช่ไหม?”
“ไม่ใช่แน่นอนครับ หล่อนมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ผมปล่อยหล่อนไป เพราะหล่อนไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย”
หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “อย่าปล่อยหล่อนไป และทำในสิ่งที่คุณควรทำ ถ้าคุณปล่อยหล่อนไป หล่อนที่ไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายอาจจะหวนมาทำลายตลาดของเราอีกในอนาคต”
ผู้จัดการพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจแล้วครับ”
…
หลังจากที่ฟางจั๋วเยวี่ยออกจากโรงพยาบาล คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางขอให้ฟางจั๋วเยวี่ยดูแลรักษาตัวเองที่บ้านของหลินม่ายก่อน
อย่างไรเขาก็เข้ารับการผ่าตัดมะเร็งตับและต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีกว่าจะหายดี
ฟางจั๋วเยวี่ยกล่าวว่าเข้าไม่สามารถทิ้งโรงงานผลิตโทรทัศน์ไว้ได้นาน และต้องกลับเมืองเจียงเฉิงเพื่อคอยดูแล
เถาจืออวิ๋นไม่ต้องการให้ครอบครัวของตัวเองอาศัยอยู่ในบ้านของหลินม่ายเป็นเวลานาน และต้องการกลับไปเมืองเจียงเฉิงโดยเร็วที่สุด
แม้ว่าหล่อนและหลินม่ายจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่การอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่นเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของบ้าน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเห็นว่าไม่สามารถรั้งฟางจั๋วเยวี่ยไว้ได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงกำชับให้ชายหนุ่มดูแลตัวเองให้ดีหลังจากกลับไปยังเมืองเจียงเฉิง
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่กับคุณย่าไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมยังมีจืออวิ๋นดูแลผมอยู่ทั้งคนนี่นา?”
แม่เถาและเถาจืออวิ๋นรีบตอบรับอย่างรวดเร็วและบอกว่าพวกหล่อนจะดูแลฟางจั๋วเยวี่ยเป็นอย่างดี
หลังจากอยู่บ้านหลินม่ายต่ออีกราวสองถึงสามวัน ฟางจั๋วเยวี่ยและคนอื่น ๆ เลือกที่จะเดินทางกลับเมืองเจียงเฉิงในวันอาทิตย์
ฟางเว่ยกั๋วและหวังเหวินฟางติดตามพวกเขากลับไปยังเมืองเจียงเฉิงเช่นกัน
ครอบครัวหลินม่ายต่างมาส่งพวกเขาที่สนามบิน
บนเครื่องบิน หวังเหวินฟางต้องการนั่งด้านข้างฟางจั๋วเยวี่ย
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยว่องไวกว่า โดยดึงเถาจืออวิ๋นมานั่งด้วยกัน
หวังเหวินฟางจึงต้องลงด้านข้างฟางเว่ยกั๋ว
แม้ฟางเว่ยกั๋วจะไม่ต้องการนั่งกับหล่อนสักเท่าไร แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างทางหวังเหวินฟางเอาแต่มองมาทางเขา ขณะลังเลที่จะกล่าวคำ
ฟางเว่ยกั๋วแสร้งทำเป็นไม่เห็น
ทั้งสองหย่าขาดจากกันแล้ว และเขาก็ไม่อยากที่จะกลับไปพัวพันกับหล่อนอีก
หลังลงจากเครื่องบิน ฟางเว่ยกั๋วกล่าวลาแม่เถาและฟางจั๋วเยวี่ย ก่อนเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับมีผีสางไล่ตามหลัง
หวังเหวินฟางมองตามแผ่นหลังของเขาที่ลับหายไปด้วยความโกรธ จากนั้นหันไปหาฟางจั๋วเยวี่ย
ฟางจั๋วเยวี่ยตกใจเล็กน้อยและถามไปว่า “คุณแม่มีอะไรจะบอกผมหรือครับ?”
หวังเหวินฟางไปที่ครอบครัวของเถาจืออวิ๋นและพูดว่า “แม่ไม่มีอะไรจะบอกหรอก แค่อยากขอให้ลูกดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดี เพราะลูกคือคนที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด”
ฟางจั๋วเยวี่ยพยักหน้า “ผมรู้ครับ”
หลังจากออกจากสนามบิน หวังเหวินฟางกำลังจะขึ้นรถบัส
เถาจืออวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนไล่ตามไปและให้เงินหล่อนสามหยวนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับ
หวังเหวินฟางเฝ้าดูฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋นขึ้นรถแท็กซี่ออกไป แต่แทนที่หล่อนจะเรียกแท็กซี่เช่นกัน หล่อนกลับเดินขึ้นรถบัสกลับบ้าน
อากาศในเดือนพฤศจิกายนของเมืองเจียงเฉิงไม่หนาวจัด โดยเฉพาะในตอนกลางวันที่อุณหภูมิสูงถึงสิบหรือยี่สิบองศา
ในตรอกที่คุณยายหวังอาศัยอยู่ เพื่อนบ้านหลายคนกำลังนั่งอยู่ข้างประตูบ้าน เพื่ออาบแดดอุ่นและพูดคุยกัน
เมื่อหวังเหวินฟางเดินผ่านหน้าพวกเขา เพื่อนบ้านทั้งหมดก็มองหล่อนด้วยสายตาแปลกประหลาด
หวังเหวินฟางเดินมาถึงเรือนสี่ประสานของคุณยายหวังและเคาะประตู
หวังเฉียงหลานชายของหล่อนเป็นคนมาเปิดประตู
ขณะที่ปล่อยให้หล่อนเข้าไปในตัวบ้าน หวังเฉียงถามขึ้นว่า “ได้นำเงินมาด้วยหรือเปล่า?”
หวังเหวินฟางมองดูจมูกที่มีรอยเขียวและใบหน้าที่บวมช้ำของเขา แล้วถามด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ “ไปเล่นพนันอีกแล้วเหรอ? แล้วนี่โดนคนทุบตีมาอีกแล้วหรือไง?”
หวังเฉียงเพียงแตะมุมปากของตัวเอง แต่ไม่กล้าพูดอะไร
อาและหลานชายเข้ามาในห้องนั่งเล่นทีละคน
หวังเหวินฟางมองไปที่คุณยายหวังผู้มีผมสีดอกเลาและใบหน้าซีดเซียว ดวงตาที่มองไปหาหวาดกลัวเหมือนนกน้อย ซึ่งนั่นทำให้ความโกรธในใจหล่อนลุกโชน
หล่อนหันไปตวาดใส่หวังเฉียงด้วยความโกรธ “หยุดเล่นการพนันไม่ได้หรือไง? ทุกครั้งที่ไปเล่นก็ได้แต่แพ้กลับมา หลังจากเสียไปครั้งหนึ่ง พวกทวงหนี้ก็มาทุบข้าวของที่หน้าประตูบ้าน ดูสิว่าพวกเขาทำให้คุณยายตกใจแค่ไหน!”
หวังเฉียงโต้กลับหัวชนฝาว่า “จะมาโทษผมเรื่องนั้นได้ยังไง? ก็เป็นเพราะอาหางานให้ผมไม่ได้ และยังหาเงินส่งผมไปตามหาน้องสาวที่ฮ่องกงไม่ได้ ผมก็เลยไม่มีเงิน และต้องไปเล่นการพนันนี่ไง!”
หวังเหวินฟางเดือดดาลอย่างหนัก
หวังเฉียงถามหล่อนอีกครั้ง “แล้วสรุปได้เงินมาไหม? ถ้าไม่มีเงิน ผมจะต้องถูกซ้อมปางตายอีกเป็นแน่…”
หวังเหวินฟางพูดด้วยความโกรธ “ฉันไม่มีเงิน แล้วก็สมน้ำหน้าแกแล้ว!”
หวังเฉียงแสยะยิ้มใบหน้าชั่วร้าย “ถ้าผมถูกซ้อมจนตาย ต่อไปตระกูลหวังก็จะไม่มีคนสืบทอดอีก”
หวังเหวินฟางพูดด้วยสีหมองหม่น “เราทุกคนถูกแกลากเข้าไปพัวพันจนเสี่ยงอันตราย แกยังสนใจแต่ชีวิตของตัวเองอีกงั้นเหรอ?”
หวังเฉิงรู้สึกกระวนกระวายทันที “คุณยายไม่ได้โทรบอกอาและขอให้หาเงินมาช่วยผมเหรอ? อาสัญญาอย่างดีทางโทรศัพท์ว่าจะหาเงินมาช่วยผม และให้ผมจัดการกับพวกทวงหนี้ด้วยตัวเอง ผมทำตามที่อาพูดแล้ว แล้วอาคิดเบี้ยวคำสัญญาแบบนี้ได้ยังไง?”
หวังเหวินฟางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แกสัญญาว่าจะไม่เล่นพนันอีก แล้วคิดว่าตัวเองรักษาคำพูดได้แล้วหรือยัง?”
หวังเฉียงพูดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานเขากล่าวคำเย้ยหยัน “ถ้าอาไม่อยากช่วยผมก็ไม่ต้องช่วย ยังไงซะผมจะบอกพวกทวงหนี้ว่าอากลับมาแล้ว และให้พวกมันไปทวงหนี้ที่อา”
“แก!” ดวงตาของหวังเหวินฟางเบิกกว้างด้วยความโกรธ
ในเวลาเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากนอกบ้าน และตามมาด้วยเสียงอันดุร้าย “เปิดประตูซะ ถ้าแกไม่เปิดประตู ฉันจะพังมันเข้าไปเอง!”
พวกทวงหนี้มาแล้ว!
ทันใดนั้นครอบครัวทั้งสามคนก็ตื่นตระหนก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยายหวัง นางยืนขึ้นและแอบเข้าไปในห้องของตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อเห็นแบบนี้ หวังเหวินฟางก็ทำตามและหนีไป เหลือเพียงหวังเฉียงในห้องนั่งเล่น
ท้ายที่สุดเขาเป็นคนที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ เขาจึงควรต้องอยู่เผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น
หวังเฉียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงเคาะประตูก็กลายเป็นเสียงถีบประตูอย่างแรง
คนทวงหนี้ตะโกนอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น “หวังเฉียง เจ้าเต่าขี้ขลาดมุดอยู่ในกระดอง ถ้าแกไม่เปิดประตู เราได้เห็นดีกันแน่!”
หวังเฉียงรีบตอบกลับเสียงดัง “มาแล้ว มาแล้ว!”
เขารีบตรงไปที่ประตู ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาถูกเตะจนกระเด็นออกไปหลายเมตร
ชายหัวล้านที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจ้องมองเขาอย่างดุเดือด “อาของแกกลับมาแล้วหรือยัง? เงินที่ติดหนี้ไว้อยู่ไหน?”
หวังเฉียงถูกเตะลงบนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้ชั่วขณะ
มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกและชี้ไปทางห้องของหวังเหวินฟางพลางกล่าวว่า “อาเพิ่งกลับมา ฉันไม่มีเวลาถามว่าหล่อนมีเงินมาด้วยไหม ถ้าอยากรู้ก็ลองไปถามหล่อนเองสิ”
หวังเหวินฟางโกรธมากเมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเฉียงตั้งใจผลักภาระมาให้หล่อนชัดๆ
หล่อนมองไปรอบ ๆ ห้องของด้วยความหวาดกลัว ก่อนซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังเฉียงพาคนทวงหนี้มาถึงบ้าน
คนเหล่านี้มาเยือนที่บ้านหลายครั้ง และทุกครั้งที่พวกเขาเข้ามา ล้วนทำตัวเหมือนอันธพาลดุร้าย
หวังเหวินฟางเพิ่งเข้าไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าเมื่อประตูถูกเปิดออก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง ชายที่มีแผลเป็นก็หันไปถามหวังเฉียงที่ถูกลูกน้องของเขาคุมตัวอยู่ “แกบอกว่าอาของแกเพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือไง แล้วหล่อนอยู่ไหน?”
หวังเฉียงสังเกตเห็นเสื้อกันลมของหวังเหวินฟางที่ประตูตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
เขาชี้ไปที่มุมเสื้อกันลมและพูดว่า “ซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นไง”
หวังเหวินฟางตัวสั่นเทาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำนั้น
ในวินาทีต่อมา ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ก็ถูกเปิดออก
หล่อนไม่ทันเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นชัดเจนด้วยซ้ำ ก่อนที่ตัวหล่อนจะถูกลากออกมาและโยนลงพื้น รู้สึกปวดร้าวไปทั่วตัว
ชายหน้าบากมองหวังเหวินฟางและพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “แกบอกว่าจะใช้หนี้พนันแทนหลายชายไม่ใช่หรือไง รีบส่งเงินมาซะ!”
หวังเหวินฟางเม้มริมฝีปากและพูดไม่ออก
หล่อนพูดคำดังกล่าวทางโทรศัพท์ในตอนนั้น เพราะต้องการสะสางหนี้โดยเร็วที่สุด
คุณยายหวังแก่มากแล้ว ขณะที่หล่อนอยู่ในเมืองหลวงและไม่สามารถกลับบ้านได้ระยะหนึ่ง
หล่อนกลัวว่าคนทวงนี้เหล่านี้จะทำอันตรายกับแม่ของตัวเอง ดังนั้นจึงวางแผนที่จะถ่วงเวลาไว้ก่อน
หล่อนวางแผนที่จะขโมยเงินจากบ้านของหลินม่าย และนำเงินเหล่านั้นมาจ่ายกับพวกทวงหนี้
หลินม่ายร่ำรวยมาก แม้จะขโมยเงินไปเพียงเล็กน้อย หล่อนก็คงไม่รู้ตัว
แต่ก่อนที่จะขโมยเงินได้สำเร็จ หล่อนก็เกือบถูกหลินม่ายจับได้
ต่อมาเมื่อวางแผนจะขโมยเงินอีกครั้ง เธอพบว่าคุณปู่ฟางคุณย่าฟาง รวมถึงหลินม่ายและสามีซ่อนเงินไว้อย่างดี จนหล่อนไม่สามารถขโมยมันมาได้สักหยวน
ระหว่างทางกลับหล่อนต้องการยืมเงินจากฟางเว่ยกั๋ว แต่เขาไม่แม้จะคุยกับเธอ หล่อนจึงไม่มีโอกาสเปิดปากขอ
เพราะรู้ว่าแม้จะถามฟางเว่ยกั๋ว เขาก็จะไม่ช่วยหล่อน
หล่อนต้องการยืมเงินจากฟางจั๋วเยวี่ยอีกครั้ง แต่มันเป็นเรื่องยากเพราะเถาจืออวิ๋นและครอบครัวอยู่ที่นั่นด้วย
ตอนนี้หล่อนมีเงินติดตัวอยู่สิบกว่าหยวน แล้วหล่อนจะชำระหนี้พนันของหวังเฉียงได้ยังไง?
หวังเหวินฟางถูมือไปมาพลางขอร้องชายหน้าบากและลูกน้องของเขา โดยขอให้พวกเขาให้เวลาหล่อนหนึ่งสัปดาห์
หล่อนสัญญาว่าจะหาเงินให้พวกเขาภายในหนึ่งสัปดาห์
ชายหน้าบากจิกเรือนผมของหล่อนและยกขึ้น ก่อนจะตบหน้าหล่อนเสียงดังหลายครั้ง
“นั่นคือเหตุผลที่แกให้หวังเฉียงขอร้องเราไม่ให้มาทวงหนี้ด้วยตัวเอง โดยบอกว่าแกจะกลับมาช่วยเขาใช้หนี้พนัน ทั้งหมดนั่นเป็นแค่กลอุบายหลอกลวงเราใช่ไหม?”
หวังเหวินฟางตัวสั่นเทาและไม่กล้าตอบ
ชายหน้าบากหันไปพูดกับลูกน้องว่า “มีคนกำลังเล่นตลกกับเจ้านายของแก พวกแกจะทำยังไง?”
“จัดการหล่อน!”
กลุ่มลูกน้องพุ่งเข้าไปต่อยเตะหวังเหวินฟาง กระทั่งหล่อนกรีดร้องโหยหวนและอ้อนวอนขอให้พวกเขาปล่อยหล่อนไป
หลังจากทุบตีจนหนำใจ ชายหน้าบากก็ตะคอกใส่หวังเหวินฟางที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น
“ฉันจะให้เวลาแกอีกหนึ่งสัปดาห์ ถ้ายังหาเงินมาจ่ายหนี้พนันหลานชายแกไม่ได้ แกจะต้องรับผลที่ตามมา”
หลังจากนั้นเขาพากลุ่มลูกน้องเดินออกไป
คืนนั้น หวังเหวินฟางมายังวิลล่าหลังงามด้วยจมูกช้ำและใบหน้าบวมเป่ง หล่อนขอพบฟางจั๋วเยวี่ยและพร่ำขอร้องเขาด้วยน้ำตาให้เขาช่วยหาเงินไปใช้หนี้พนันของหวังเฉียง
ทว่าฟางจั๋วเยวี่ยไม่อยากจ่ายหนี้พนันของหวังเฉียง และแนะนำให้หวังเหวินฟางโทรแจ้งตำรวจ
ตราบใดที่ตำรวจรับเรื่อง ตำรวจจะจับหวังเฉียงและพวกทวงหนี้พนัน จากนั้นหวังเหวินฟางจะปลอดภัย
แต่หวังเหวินฟางปฏิเสธที่จะทำตาม หล่อนไม่ต้องการส่งหวังเฉียงเข้าไปในห้องขังเวลานี้
หล่อนกลัวว่าหากส่งพวกทวงหนี้ที่ทำร้ายตนเข้าคุก พวกพ้องของมันอาจกลับมาทำร้ายหล่อนอีก
ฟางจั๋วเยวี่ยจนปัญญา ดังนั้นจึงต้องมอบเงินให้กับหวังเหวินฟางเพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับหวังเฉียง
แต่เขาเตือนหวังเหวินฟางว่า นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นกรรมแท้ๆ ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นแบบนี้ อยู่ๆ ก็ซวยโดยไม่ทันตั้งตัว ผูกแล้วก็ต้องแก้กันเอาเอง
ไหหม่า(海馬)