ตอนที่ 921 ผ้ามีปัญหา
เมื่อคดีลักพาตัวของหลินม่ายถูกปิด ฟางจั๋วหรานก็นอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยทั่วไปจนครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว
แพทย์ตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียด ทุกอย่างปกติจนได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
เพื่อให้ฟางจั๋วหรานได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เร็ว หลินม่ายและครอบครัวของเธอจึงย้ายกลับไปที่เรือนสี่ประสาน
คืนที่กลับมายังเรือนสี่ประสาน ฟางจั๋วหรานยังเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่ดีนัก เขาจึงไม่สามารถอาบน้ำได้
หลินม่ายจึงต้มน้ำอุ่นและตั้งใจว่าจะเช็ดตัวให้เขา
แม้ฟางจั๋วหรานจะเป็นผู้ชาย แต่เพราะด้วยความที่เขาเป็นหมอ เขาจึงเป็นคนค่อนข้างสะอาดสะอ้าน
ระหว่างอยู่โรงพยาบาล เขาไม่สามารถอาบน้ำได้ คราวนั้นเขารู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะพูดอย่างไร
หลินม่ายปลอบโยนว่าเช็ดตัวแล้วเดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้น
ฟางจั๋วหรานหยุดเธอทันที “แขนของคุณยังไม่หายดีเลย หยุดดูแลผมเถอะ ผมจะจัดการตัวเอง”
หลินม่ายยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันใช้มือข้างเดียวก็ได้”
เมื่อหลินม่ายเริ่มเช็ดตัวฟางจั๋วหรานและสัมผัสส่วนอ่อนไหวของร่างกายของเขา ใบหน้าของฟางจั๋วหรานเปลี่ยนเป็นสีแดงและส่วนนั้นตอบสนองทันที เขาอยากจะกลืนหลินม่ายลงคอในคำเดียวเสียตั้งแต่ตอนนี้
ก่อนเข้านอน ฟางจั๋วหรานต้องการดูบาดแผลที่แขนของหลินม่ายด้วย
แต่หลินม่ายไม่อยากให้เขาเห็น
แม้แผลจะหายแล้ว แต่รอยแผลเป็นยาวกว่าหนึ่งฟุตก็ดูน่าตกใจไม่น้อย
ฟางจั๋วหรานยืนกรานหนักแน่น สุดท้ายแล้วหลินม่ายก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมให้ดู
ฟางจั๋วหรานรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อเห็นรอยแผลเป็นน่าเกลียดตรงหน้า เขาลูบมันแผ่วเบาก่อนจะพูดว่า “หลังจากที่ผมหายแล้ว ผมจะผ่าตัดรอยแผลเป็นนี้ให้คุณ ให้ร่องรอยของมันเหลือน้อยที่สุด”
หลินม่ายประคองให้เขานอนลง “ฉันไม่สนใจรอยแผลเป็นนี้หรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก นอนได้แล้วนะคะ”
หลังจากชายตัวใหญ่นอนลง เด็กชายตัวน้อยถูกวางลงในเปลด้วยเช่นกัน หลินม่ายจึงได้เวลาล้มตัวลงนอนบ้าง
แม้ฟางจั๋วหรานจะค่อนข้างอ่อนแอในเวลานี้ แต่เมื่อหลินม่ายนอนอยู่ข้างกายของเขา เธอกลับรู้สึกว่าตนเองปลอดภัย
แม้เธอจะเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ต้องการความปลอดภัย
เพื่อให้ฟางจั๋วหรานฟื้นตัวโดยเร็ว หลินม่ายโทรหาแม่ถ่าน่าเพื่อขอให้หล่อนช่วยซื้อถั่งเช่ามาทำซุปให้กับฟางจั๋วหราน
ถั่งเช่าช่วยบำรุงปอดและไตให้แข็งแรง ช่วยหยุดเลือด ลดเสมหะ เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของฟางจั๋วหรานมาก
ตั้งแต่กลับมาที่เรือนสี่ประสาน หลินม่ายก็เริ่มให้เสี่ยวมู่ตงหย่านม
เสี่ยวมู่ตงอายุเกือบหนึ่งขวบแล้ว เขาสมควรที่จะหย่านมได้แล้ว
หลังจากเจ้าตัวน้อยหย่านม หลินม่ายจึงไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้านเพื่อให้นมเขาหลังเลิกเรียนในทุกวัน
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่เสี่ยวมู่ตงไม่ได้กินนมแม่
คราวแรกเขากอดขาของหลินม่ายและพยายามร้องอ้อแอ้ว่าต้องการกินนม แต่หลินม่ายปฏิเสธ
จากนั้นเขาจึงปีนขึ้นร่างกายของหลินม่ายและยกเสื้อของเธอขึ้นอย่างต้องการจะกินนมด้วยตนเอง แต่หลินม่ายหยุดเขาเอาไว้
เด็กชายตัวน้อยอารมณ์ไม่ดีทันที เขาวิ่งไปหาฟางจั๋วหรานก่อนจะชี้ไปที่หลินม่ายแล้วกล่าวยืดยาว
หลังจากฟังลูกชายพร่ำบ่นอยู่นาน สุดท้ายฟางจั๋วหรานจึงเข้าใจสิ่งที่เขาจะพูด
เขาอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมาก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา “ถ้าเป็นคนอื่น พ่อจะต่อสู้เพื่อลูกแน่นอน แต่ถ้าให้พ่อจัดการกับแม่… พ่อไม่กล้า”
หลินม่ายมองเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา “พูดอย่างกับฉันเป็นแม่เสืออย่างนั้นแหละค่ะ”
ฟางจั๋วหรานกล่าวเคร่งขรึม “คุณไม่ใช่แม่เสือ แต่เป็นราชินี ราชินีของครอบครัวเรา”
แม้เสี่ยวมู่ตงจะทะเลาะกับหลินม่ายเรื่องนม แต่หลินม่ายก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร
เธอปรุงอาหารอร่อย ๆ มากมายให้เด็กชายตัวน้อยอย่างต่อเนื่อง
เกี๊ยวกุ้ง แกงจืดลูกชิ้นหัวสิงโต ทอดมันปลา ทอดมันเนื้อ… ภายในไม่กี่วัน ปากของเสี่ยวมู่ตงก็สงบลง และหย่านมได้สำเร็จ ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกจึงกลับมาดีเช่นเดิม
แม้อาการของฟางจั๋วหรานจะดีขึ้นมาก แต่หลินม่ายยังคงถือว่าเขาเป็นคนป่วยอยู่
ทุกวันก่อนรุ่งสาง เธอจะลุกขึ้นมาทำซุปที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารให้กับสามีและลูกชาย
เธอทำอาหารให้กับฟางจั๋วหรานก่อน เสร็จแล้วถึงทำของเสี่ยวมู่ตง
เช้านี้หลินม่ายทำซุปนกพิราบใส่ชามใบใหญ่โรยต้นหอม และยังลวกผักโขมไว้มากมายก่อนจะยกขึ้นไปชั้นบน
ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว หลินม่ายไม่อยากให้ฟางจั๋วหรานตื่นเช้า เลยให้เขานอนพักผ่อนกับลูกชาย
เมื่อหลินม่ายเดินเข้ามา สองคนพ่อลูกก็ตื่นแล้ว
ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ชายตัวใหญ่และชายตัวเล็กหันมองหลินม่ายพร้อมกัน
พ่อและลูกชายหน้าตาเหมือนกันราวออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เหมือนฟางจั๋วหรานรุ่นจิ๋วที่อยู่ข้างเขา
เธอวางซุปชามใหญ่ไว้บนโต๊ะก่อนจะช่วยพยุงฟางจั๋วหรานให้ลุกขึ้น
แผลที่ถูกซี่โครงทิ่มปอดยังคงเจ็บอยู่ และเขาไม่สามารถลุกขึ้นด้วยตัวเองได้
หลินม่ายพยุงหลังก่อนจะช่วยให้เขาลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
และด้วยวิธีนี้เขาไม่จำเป็นต้องออกแรงเอง จึงไม่รู้สึกเจ็บแผล
หลินม่ายดึงหมอนมาหนุนหลังของเขาไว้ก่อนจะเริ่มล้างหน้าให้พ่อกับลูก
เธอล้างหน้าพ่อและลูกชายราวกับกำลังเช็ดโต๊ะอาหาร
ทั้งพ่อและลูกเผยสีหน้าเป็นทุกข์มาก แต่ทั้งสองก็ดูไม่กล้าจะโต้แย้งอะไร
หลังจากล้างหน้าเสร็จ หลินม่ายออกไปบ้วนปากอีกครั้ง
ก่อนจะวางผ้ากันเปื้อนผืนใหญ่ไว้บนผ้านวมเพื่อป้องกันอาหารหก เวลานี้เธอจึงค่อยเริ่มป้อนซุปนกพิราบ
สำหรับการแปรงฟัน พวกเขาจะแปรงฟันหลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว
หลินม่ายป้อนขานกพิราบให้กับฟางจั๋วหราน ก่อนจะป้อนซุปเต็มช้อนให้กับเด็กชาย
เด็กชายชี้ขานกพิราบในชามใหญ่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ต้องการมัน
หลินม่ายจึงคีบขานกให้เขาข้างหนึ่ง
เด็กชายตัวเล็กกัดขานกพิราบด้วยฟันสองสามซี่อย่างเอร็ดอร่อย
หลินม่ายหันกลับมาป้อนซุปนกพิราบอีกครั้ง
และเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องมองเธอตลอดเวลา เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “หยุดมองฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันอายจะแย่แล้ว”
ฟางจั๋วหรานยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าบอบบางก่อนจะกล่าวด้วยความทุกข์ใจ “คุณผอมลงมากเลย”
หลินม่ายเองก็รู้ว่าเธอน้ำหนักลงไปมาก
เวลานี้เธอต้องดูแลคนป่วย ต้องเรียนหนังสือ และยังมีงานที่ต้องทำ
เธอยุ่งมากในทุกวัน มีเพียงเวลานอนเท่านั้นที่ได้พักผ่อน แบบนี้จะไม่ให้น้ำหนักลดได้เหรอ?
เห็นสีหน้าสามีแล้ว เธอกล่าวปลอบโยนอีกฝ่าย “น้ำหนักไม่ได้ลดลงมากหรอกค่ะ เพียงแต่หน้าอกหายไปพอสมควร ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะมีอกตู้มนักหรอก”
เธอไม่ชอบหน้าอกที่ใหญ่เกินไป ตราบใดที่หน้าอกของเธอมีขนาดพอเหมาะ มันจะทำให้เธอใส่เสื้อผ้าได้สวยขึ้น
ไม่มีนางแบบคนไหนที่หน้าอกใหญ่แล้วใส่เสื้อผ้าสวย
เวลานี้เธอหันไปถามอย่างระมัดระวัง “หรือคุณไม่ชอบที่หน้าอกของฉันเล็กลงเหรอคะ? เพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า?”
ฟางจั๋วหรานดื่มซุปจากช้อนในมือของหลินม่ายแล้วพูดว่า “ผมชอบคุณเสมอไม่ว่าจะอกเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ตราบใดที่เป็นคุณ ผมก็ชอบ”
เขาเอื้อมมือดึงร่างเธอเข้าใกล้ก่อนจะจูบริมฝีปากของเธออย่างจริงจัง
เวลานี้เสี่ยวมู่ตงหยุดแทะขานกพิราบก่อนจะคลานเข้าไปกอดและยืนขึ้นขัดขวางทั้งสองคน
หลังจากป้อนอาหารให้พ่อกับลูกชายแล้ว หลินม่ายจึงลงไปรับประทานอาหารข้างล่าง
ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น คุณย่าฟางก็กวักมือเรียกเธอ บอกว่าเหรินเป่าจูโทรมา
คุณย่าฟางพึมพำเบา ๆ “โทรหาแต่เช้า มีอะไรด่วนหรือเปล่า?”
หญิงชราคาดเดาถูกต้อง เหรินเป่าจูมีเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ
หล่อนบอกหลินม่ายผ่านสายโทรศัพท์ว่า ผ้าแคชเมียร์ที่เถ้าแก่เฉาทอให้พวกเขามีปัญหา เพราะพวกเธอต้องการผ้าแคชเมียร์คุณภาพสูงและดีที่สุด แต่ทั้งหมดกลายเป็นผ้าใยผสมแทน
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเถ้าแก่เฉาถึงทำอย่างนั้น?”
การค้าระหว่างห้องเสื้อจิ่นซิ่วและเถ้าแก่เฉาไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นวันสองวัน พวกเขาร่วมการค้ากันมานานแล้ว
ในฐานะนักธุรกิจชาวกวางตุ้ง เถ้าแก่เฉาเก่งกาจในด้านการค้ามาก และการรักษา
บอสเฉาไม่เคยทำให้หลินม่ายต้องผิดหวังในการหาผ้าสำหรับห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
แต่คราวนี้เขากลับเอาแคชเมียร์และผ้าขนสัตว์มาทอผสมกันเพื่อส่งงานให้กับห้องเสื้อจิ่นซิ่ว นี่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเธอ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชอบคำตอบพี่หมอมาก ไม่ว่าจะอกเล็กอกใหญ่ก็ชอบหมดขอแค่เป็นคุณ
ผ้าไม่ตรงปกแบบนี้ จะส่งผลต่อยอดขายหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)