บทที่ 897 จิตความคิดมืดมิด ‘ข้าจะเป็นพ่อบุญธรรมของเจ้า!’
ไม่ต้องกล่าวเลยว่าเจ้าหลวงทุกข์ใจเพียงใด การที่เขาหลุดพ้นออกจากจักรวาลโกลาหลแห่งนั้นนับว่าไม่ง่ายเลย ทว่าตอนนี้ยังต้องกลับไปอย่างนั้นหรือ?
สิ่งนี้ทำให้เขาอัดอั้นตันใจเสียยิ่งกว่าการสังหารเขาโดยตรง
คราที่แล้ว เขากับบิดาบุญธรรมอย่างบรรพจารย์เหยียนไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่ เขามีหน้าที่ตรวจสอบข่าวคราว ผลลัพธ์คือการพาตัวผู้เฒ่าเมิ่งจีที่เป็นคนข้างกายหลี่จิ่วเต้ากลับมา
หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีบิดาบุญธรรมแล้ว…
ยังดีที่เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสหลบหนีตอนบิดาบุญธรรมและผู้เฒ่าเมิ่งจีต่อสู้กัน
หลังจากหนีออกมาแล้ว เขาก็ออกห่างจากอาณาจักรแห่งนั้น ท่องไปยังอาณาจักรต่าง ๆ
ภายหลังได้พบกับความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่กำลังรวบรวมสาวก บอกว่าจะพาเหล่าสาวกก้าวข้ามจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ ไปสู่จักรวาลโกลาหลที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า เขาจึงก้าวออกไปด้านหน้าแล้วแสดงความเคารพต่อความคิดนั้นของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ความคิดนั่นเป็นความคิดที่ปรากฏตัวยังเขาหลิงซานและไปพบกับต้าเต๋อ ก่อนจะหลบหนีออกมาหลังจากถูกหลี่จิ่วเต้าทุบตีอย่างน่าเวทนา
มันต้องการจะไปยังจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากความคิดอื่นของพระอมิตาภะพุทธเจ้า แต่ตัวมันได้รับบาดเจ็บสาหัส ยากเกินไปที่จะฟื้นฟูกลับมาได้เอง
ดังนั้นมันถึงเริ่มรับสาวกเพื่ออาศัยพลังศรัทธามาใช้ในการฟื้นฟูตนเอง
พลังศรัทธาให้ผลน่าอัศจรรย์ทั้งยังได้ผลเป็นอย่างมาก ทำให้มันฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาทีละน้อย ๆ จนกระทั่งสามารถพาเหล่าสาวกออกจากจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
เจ้าหลวงเองก็ออกจากจักรวาลโกลาหลด้วย
เดิมทีเจ้าหลวงคิดว่าหลังจากนี้ตนเองจะไม่ต้องไปข้องเกี่ยวอันใดกับจักรวาลโกลาหลแห่งนั้นอีก น่าเสียดายที่เขายังไร้เดียงสาเกินไป
เมื่อจิตความคิดมืดมิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้ารวบรวมความคิดทั้งหมดกลับไป หลังจากนั้นก็เรียกสาวกทุกคนมารวมกัน หันดาบไปทางจักรวาลโกลาหลแห่งนั้น ทำให้จิตใจของเจ้าหลวงพังทลายลง
“เหตุใดต้องเป็นจักรวาลโกลาหลแห่งนั้นอีกแล้ว? ยังไม่จบสิ้นกันอีกหรือ!”
เจ้าหลวงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
จักรวาลโกลาหลแห่งนั้นทิ้งเงามืดเอาไว้ในใจเขามากเกินไป เขาไม่ต้องการจะกลับไปอีกครั้ง ไม่อยากกระทั่งจะได้ยินเสียด้วยซ้ำ
“ข้าต้องหนี!”
เขามองไปรอบ ๆ เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสนใจเขาก็ตัดสินใจจะหนี
สิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลจากทุกหนแห่งมาชุมนุมร่วมกัน เขาค่อย ๆ ถอยหลังไปทีละน้อยอย่างระมัดระวังและรอบคอบด้วยเกรงว่าจะถูกค้นพบ
สุดท้ายเขาก็ถอยไปจนถึงสุดขอบ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครสนใจเขาแล้ว เขาก็กลายเป็นลำแสงเตรียมพุ่งออกไปจากที่แห่งนี้
ทว่าในตอนนั้นเอง พลันมือมีใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันคว้าร่างของเขาเอาไว้ในฝ่ามือ
เขาตื่นกลัวขึ้นมาทันที ใครจับเขาเอาไว้กัน?!
“เหตุใดถึงวิ่งหนี?”
เสียงที่ดังขึ้นมาทั้งเย็นชาและไร้อารมณ์ ขณะเดียวกันก็มีร่างใหญ่โตปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเจ้าหลวง
นี่เป็นจิตความคิดหลักมืดมิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า สูงเทียมฟ้า เดิมทีร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้าสว่างด้วยแสงพุทธะจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ยามนั้นกลับเป็นแสงสีดำ ไร้ซึ่งความเมตตาบนใบหน้า ภายในดวงตายังมีประกายความดุร้ายวิ่งพล่าน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าน่าหวาดกลัวถึงเพียงใด
“ไม่…ไม่ได้หนี ข้าเพียงแค่นึกขึ้นได้ว่ามีของบางอย่างไม่ได้นำมาด้วย ต้องการจะกลับไปเอาเพียงเท่านั้น”
เจ้าหลวงตอบกลับอย่างรีบร้อน
“เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
จิตความคิดมืดมิดตะโกนอย่างเย็นชา
ตั้งแต่เจ้าหลวงปรากฏตัวขึ้นมา มันก็สังเกตเห็นเจ้าหลวงทันที
ไม่มีสาเหตุอื่นใด ภายในร่างของเจ้าหลวงมีพลังต่างจากปกติ ทำให้มันสัมผัสได้ถึงพลังมืดมิดเล็กน้อย
เจ้าหลวงจึงดึงดูดความสนใจจากมันได้
ใช่แล้ว
ภายในร่างเจ้าหลวงมีพลังพิศวงอยู่ นั่นคือพลังที่ความมืดมิดบ่มเพาะออกมา ทำให้สัมผัสได้ถึงพลังมืดมิดอยู่บ้าง
“พระผู้เป็นเจ้าฟังข้าเถิด!”
เจ้าหลวงรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังต่อหน้าตัวตนที่แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด
“ผู้พิชิตสวรรค์ ดาวพิฆาตบิดาบุญธรรม?”
จิตความคิดมืดมิดยิ้มหยัน เสียงหัวเราะเย็นเยียบชวนสั่นสะท้าน
นี่คืออันใดกัน มันไม่เชื่อสักนิด
“ข้าจะเป็นบิดาบุญธรรมของเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะพิฆาตข้าได้หรือไม่”
มันมองเจ้าหลวงพร้อมเอ่ยขึ้น
“อันใดกัน?”
เจ้าหลวงตกตะลึงยิ่ง เขาหลีกหนีชะตากรรมการเป็น ‘ดาวพิฆาตพ่อบุญธรรม’ ไม่ได้หรือนี่?
เหตุใดจิตความคิดมืดมิดจึงต้องการเป็นพ่อบุญธรรมของเขา!
“อย่า…อย่าดีกว่า!”
เขาเอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวัง ภายในใจเกิดความกลัวขึ้นมาจริง ๆ
การที่พ่อบุญธรรมเหล่านั้นถูกดาวพิฆาตของเขาจนสิ้นชีพ ทำให้เขาสะเทือนใจมากเกินไป
“กลัวอันใด! ในร่างของเจ้ามีพลังมืดมิดอยู่ แม้ว่าจะเบาบางและไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ยังคงเป็นพลังมืดมิด”
จิตความคิดมืดมิดมองไปทางเจ้าหลวง “นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าคือบุตรบุญธรรมของข้า ข้าจะมอบพลังมืดมิดที่แท้จริงให้กับเจ้า และยอมให้เจ้าติดตามข้าไปตลอด”
กล่าวจบมันก็ชี้นิ้วไปยังหน้าผากของเจ้าหลวง จากนั้นแสงสีดำก็หลั่งไหลเข้าไปในร่าง
เสียงดังตู้ม ทั่วร่างของเจ้าหลวงระเบิดออก หมอกดำอันไร้ที่สิ้นสุดทะลักออกจากร่างที่ระเบิดของเจ้าหลวง
หลังจากนั้น หมอกสีดำก็ควบแน่นกลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว
จิตความคิดมืดมิดมอบพลังมืดมิดที่แท้จริงให้กับเจ้าหลวง ทั้งยังเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเจ้าหลวง สร้างร่างมืดมิดที่แท้จริงให้กับมัน
เจ้าหลวงมองร่างใหม่ของตนเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ รับรู้ได้ว่าร่างกายของเขาเปี่ยมไปด้วยพลัง
เขาฟาดมือออกไป พลังอันแข็งแกร่งพลันระเบิดออกมา ดวงดารานับไม่ถ้วนถูกทำลายลงในพริบตา กระทั่งตัวเขาเองยังอดตกตะลึงไม่ได้
เขาเลื่อนจากจักรพรรดิเซียนไปยังขอบเขตผู้บงการ ก้าวกระโดดข้ามขอบเขตโกลาหลและขอบเขตลอยชายไปทันที!
นี่มันความสามารถอันใดกัน!
เขาไม่อยากจะเชื่อ!
ใช่แล้ว ขอบเขตเดิมทีของเขานั้นอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิเซียน ห่างไกลจากการบรรลุเข้าขอบเขตโกลาหลไม่รู้ตั้งเท่าใด
ผลกลับกลายเป็นว่าเพียงพริบตาเดียวเขาก็มาถึงขอบเขตผู้บงการ นี่จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร!
“ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า!”
เขาคุกเข่าก้มศีรษะขอบคุณจิตความคิดมืดมิดอย่างรวดเร็ว
จิตความคิดมืดมิดมองเจ้าหลวงแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าควรเรียกข้าเช่นไร?”
เจ้าหลวงตอบสนองทันที เขากล่าวขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณท่านพ่อบุญธรรม!”
“อืม เช่นนี้จึงจะถูกต้อง”
จิตความคิดมืดมิดพยักหน้า “นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อติดตามข้าแล้ว หลังจากนี้เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
“ทราบแล้ว!”
เจ้าหลวงตอบกลับด้วยความตื่นเต้น ตระหนักได้ว่าครั้งนี้มันได้เกาะต้นขาใหญ่แล้วจริง ๆ
สามารถทำให้เขาก้าวกระโดดถึงขอบเขตผู้บงการได้ในพริบตา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจิตความคิดมืดมิดจะต้องแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน
‘ครั้งนี้ไม่ควรจะเกิดเรื่องเช่นเดิมอีกใช่ไหม?’
เขาคิดกับตนเอง
จิตความคิดมืดมิดนั้นทรงพลังน่ากลัวถึงเพียงนี้ ดังนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพิฆาตได้!
อย่างไรเสียเขาก็แข็งแกร่งแค่นี้ ย่อมไม่อาจส่งผลใดกับจิตความคิดมืดมิดได้
“เจ้าเป็นบุตรบุญธรรมของข้า วันข้างหน้าถูกกำหนดเอาไว้ให้รุ่งโรจน์ ไปเถิด ไปยังอาณาจักรแห่งนี้ ดูเสียว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นเป็นเช่นไรกันแน่”
จิตความคิดมืดมิดเอ่ย
เบื้องลึกอันไม่ธรรมดาของหน้าฉากอาจปรากฏขึ้นกับหลี่จิ่วเต้า มันจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด หลี่จิ่วเต้าจะต้องถูกจัดการ เบื้องลึกหน้าม่านสำหรับความมืดมิดเช่นพวกมันแล้ว นับว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
…
ภายในจักรวาลอันว่างเปล่าและหนาวเหน็บ ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ล่องลอยอยู่สักหนแห่ง
ด้านในถูกปกคลุมด้วยพลังอันชั่วร้ายไร้ที่สิ้นสุด น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไม่ได้ตั้งอยู่ในจักรวาลโกลาหลใด ๆ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจเข้าใกล้ หากเข้าใกล้เกินจักต้องตาย!
โฮกกก!
ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น แสงสีชาดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ดวงดาวที่อยู่ใกล้เคียงหม่นแสงลง จากนั้นก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
หลังจากเสียงคำรามดังขึ้น ค่ายกลสูงสุดพลันปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ หากมองจากระยะไกลแล้ว ค่ายกลนี้ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ถูกสลักไว้ด้วยรูปแบบสลับซับซ้อนเต็มพื้นที่
“เจ้าไม่อาจหยุดยั้งข้าได้ กลับยิ่งทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น อีกเพียงไม่นานข้าก็จะหลุดออกจากค่ายกลได้!”
เสียงมืดมนดังมาจากส่วนลึก มีพลังอันน่าหวาดกลัวระเบิดออกมา ส่งสัญญาณว่าใกล้หลุดออกจากค่ายกลแล้วจริง ๆ!
ทว่าสุดท้ายก็มีร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือค่ายกล สยบมันลงไป กำราบพลังที่ระเบิดออกมาจากส่วนลึก
เห็นได้ชัดว่าร่างสูงใหญ่นี้แข็งแกร่ง แต่หลังจากการกำราบ ทั้งร่างก็หม่นแสงลงไปเล็กน้อย
“เสียสละตนเองเพื่อสะกดข้า เจ้าช่างทุ่มเทเสียจริง แต่นี่นับว่าไร้ประโยชน์ ข้าไม่ใช่ผู้ที่เจ้าสามารถกำราบเอาไว้ได้อย่างแน่นอน!”
เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นจากส่วนลึก
มันคือปราณภายในศพของฉินอี้ ควบแน่นขึ้นจากแก่นแท้พลัง น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เมื่อเทียบกับร่างศพแล้ว มันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ยามนั้นที่ศพให้กำเนิดจิตสำนึกระหว่างลอยล่องในหลังฉาก เดิมทีมันต้องการจะดูดกลืนพลังทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตหลังฉาก เพื่อเสริมสร้างร่างกาย แต่กลับเกิดเรื่องไม่คิดฝันขึ้นก่อน
มียอดฝีมือผู้หนึ่งปรากฏตัวพร้อมกับกระบี่ฉุนจวิน กำราบมันลง แยกร่างศพกับมันออกจากกัน แล้วปิดผนึกเอาไว้คนละแห่ง
ร่างศพถูกผนึกเอาไว้ด้วยกระบี่ฉุนจวิน ส่วนปราณของศพถูกยอดฝีมือผู้นี้ใช้เลือดและเนื้อ รวมทั้งพลังได้สร้างเป็นค่ายกลสยบไว้
จากเพียงแค่จุดนี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าปราณศพแข็งแกร่งกว่าร่างศพ
หากไม่เป็นเช่นนั้น ยอดฝีมือผู้นั้นคงไม่เลือกที่จะสละตนเองเพื่อผนึกและสยบปราณศพเอาไว้
“เป็นเพราะประมาทไป ไม่เช่นนั้นแล้วจะลงเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร?!”
ปราณศพเยาะเย้ย
ยามนั้นจิตสำนึกของมันเพิ่งกำเนิด พลังยังห่างไกลจากความแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่อาจถูกกำราบเอาไว้
สถานการณ์ในยามนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด
ยอดฝีมือผู้นั้นเลือกจะเสียสละตนเอง ใช้เลือดเนื้อและพลังทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นค่ายกลผนึกมันเอาไว้ หวังว่าจะค่อย ๆ ทำลายมันลงจนสิ้นสูญ
แต่ผลลัพธ์เล่า?
ทุกอย่างล้วนเสียแรงเปล่า!
มันไม่เพียงแต่ไม่สูญสิ้นไปเท่านั้น ทว่ายังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
ยามนี้มันใกล้จะทำลายค่ายกลผนึกได้แล้ว ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานก็จะทำลายค่ายกลผนึกได้อย่างสมบูรณ์
“เสียสละตนเอง ทว่าสุดท้ายกลับเสียเปล่า หากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าคงจะเจ็บใจเป็นอย่างยิ่งกระมัง?”
ปราณศพหัวเราะแล้วพูดต่อ “โง่งมนัก คิดว่าข้าเป็นศพของผู้ใดกัน จะถูกปลาซิวปลาสร้อยอย่างเจ้าทำลายจนสูญสิ้นได้อย่างไร? เจ้าช่างน่าสมเพชเวทนาเสียจริง”
มันเป็นปราณในศพของฉินอี้ แล้วฉินอี้คือผู้ใด? ผู้เก่าแก่ที่สุดบนเส้นทางการฝึกตน คนข้างกายของคนผู้นั้น!
หากมันถูกกำจัดได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นก็นับว่าแปลกประหลาดยิ่ง!
“แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
คิดถึงตรงนี้แล้วมันก็รำพึงกับตนเอง เสียงของมันจริงจังมากขึ้น
ผู้แข็งแกร่งเช่นฉินอี้ที่ติดตามข้างกายคนผู้นั้น กลับยังตายลงไปเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขากันแน่?
มันเป็นเพียงจิตสำนึกที่เกิดขึ้นมาภายหลังจากศพ ไม่รู้ว่าฉินอี้ประสบพบเจอสิ่งใดมาบ้าง
“ช่างเถิด หลังจากที่ข้ารวมกับร่างศพแล้ว เราก็จะค้นพบความจริง!” ปราณศพเอ่ย
“กระบี่ฉุนจวินไม่อาจสยบร่างศพได้ ข้าเชื่อว่าผนึกกระบี่ฉุนจวินจะถูกทลายในไม่ช้า” มันเอ่ยต่อ
แม้ว่ากระบี่ฉุนจวินจะเหนือชั้นไม่ธรรมดา แต่ร่างศพนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า กระบี่ฉุนจวินไม่สามารถสยบเอาไว้ได้ตลอดกาล มันมีความมั่นใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า มาดูกันว่าระหว่างพวกเราใครจะทำลายผนึกได้ก่อน! รอข้าทำลายผนึกก่อน จากนั้นข้าจะไปรวมเข้ากับร่างศพ” มันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม