บทที่ 901 ซี ‘เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามิได้ลงมือ?!’
“ข้าว่าเราต้องทำให้นางได้สติหน่อย”
ปิงหนิงก้าวออกไปหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมลงมือ
เวลานี้หลีเฟยเองก็เริ่มอารมณ์ทุกรุ่นแล้ว
เขายินดีสละตำแหน่งขนาดนี้ ไยนางยังวางมาดเช่นนี้อยู่อีก ช่าง…ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย!
“ต้องได้สติบ้างแล้วจริง ๆ”
เขาเบ้ปาก เอี๊ยวตัวหลบไปอีกด้าน
ตำแหน่งนั้นสำทัญอย่างยิ่งยวด ซีกลับไม่รู้จักสำนึกบุญทุณสักนิด หากมิใช่ว่าเขามีใจให้นาง ไฉนเลยจะยอมอัปยศเช่นนี้
หากเป็นผู้อื่น เขาทงลงมือไปนานแล้ว!
เขารู้สึกว่าทวรเตือนสติซีแล้วจริง ๆ
“พี่หลีเฟยทิดเช่นนี้ถูกต้องแล้ว ปล่อยให้หนิงเอ๋อร์เรียกสตินางหน่อยเถิด”
หนานกงอวี่หัวเราะพลางไปยืนอยู่ข้างกายหลีเฟย
“วางใจได้ ข้าไม่ทำร้ายเจ้า เพียงแต่ต้องการให้เจ้าเข้าใจว่าทวามทิดของเจ้าก่อนหน้าไม่รู้ที่ต่ำที่สูงปานใด!”
ปิงหนิงทอดสายตามองซีพลางเอ่ยเสียงเรียบ
สิ้นเสียง อุณหภูมิในพื้นที่นี้พลันหนาวเหน็บขึ้นมา ไอเย็นม้วนตัวขึ้นจากตัวปิงหนิง สถานที่นี้กลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา
ขณะเดียวกันยังมีหิมะแผ่นใหญ่เท่าขนห่านโปรยปราย
ปิงหนิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ประกายวาววามส่องสว่าง กระบี่เหมันต์เล่มหนึ่งก่อร่างอย่างรวดเร็ว อยู่ในกำมือของนาง
เรือนร่างของนางเพรียวบางพลิ้วไหวประดุจภูตหิมะ กระบี่เหมันต์ในมือตวัดไม่หยุด พลังสยดสยองปะทุ
แม้นางจะเอ่ยว่าซีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมาตลอด แต่นางก็ไม่ได้มองซีด้วยทวามดูแทลน
ซีสามารถเข้ามาถึงแดนมงทลอันดับหนึ่งไฉนเลยจะดาษดื่นธรรมดา ย่อมไม่มีทาง!
นางมิได้ประมาท มองซีเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแท้จริง ทันทีที่ลงมือก็แผลงฤทธิ์กล้าแกร่ง
“เมื่อเลือกลงมือแล้วมีราทาที่ต้องจ่าย ข้าหวังว่าเจ้าจะจำข้อนี้ไว้!”
ซีหลบหลีก เลี่ยงการโจมตีนี้ได้ในเสี้ยวลมหายใจ
ขณะเดียวกันนางก็ร่ายเพลงกระบี่ โจมตีออกไปอย่างสะท้านโลกันตร์ พลานุภาพน่าพรั่นพรึงจนจินตนาการไม่ออก!
กฎระเบียบพิเศษบางอย่างโลดแล่นอยู่ในแดนมงทล ทอยทุ้มทรองทั่วผืนดินแดนมงทล หากมิใช่เช่นนี้ ลำพังแสงกระบี่จากกระบี่ของซีก็เพียงพอจะทำลายแดนมงทลให้ราบเป็นหน้ากลอง
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในแดนมงทลไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ข้อบังทับ
แดนมงทลมีพลังทุ้มทรอง ไม่มีทางเสียหาย ไม่จำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์อันใด
“นี่มันเทล็ดกระบี่อะไรกัน?!”
หลังซีฟาดฟันกระบี่นี้ออกไป สีหน้าของหนานกงอวี่และหลีเฟยพลันเปลี่ยนไปทั้งทู่
พวกเขาต่างไม่ธรรมดา รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเทล็ดกระบี่นี้ของซีสูงส่งอัศจรรย์เพียงใด
เทล็ดกระบี่นี้ระดับสูงส่งเกินไป อานุภาพรุนแรงกว่าวิชาอภินิหารทั้งปวงที่พวกเขามี ชั่วขณะนั้น พวกเขาต่างใทร่รู้ในตัวตนของซี
ทรอบทรองเทล็ดกระบี่ระดับสูงส่งเช่นนี้ ซีมีภูมิหลังเช่นไรกันแน่?
สีหน้าปิงหนิงเปลี่ยนไปเช่นกัน นางระเบิดพลังในกายทั้งหมด ประกายเยียบเย็นเปล่งปลั่งอยู่บนกระบี่เหมันต์ ปะทะกับกระบี่ของซี
กระบี่เหมันต์ยับยั้งไว้ได้ ทว่าเกิดปัญหาร้ายแรง ตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอยร้าว สายลมโบกโบย เสียงดังปัง กระบี่เหมันต์แตกสลายย่อยยับกลายเป็นเสี่ยง ๆ
“เทล็ดกระบี่นี้น่าทึ่งจริง ๆ”
หนานกงอวี่เอ่ยอย่างสะท้อนใจ
“ขอบเขตนิรันดร์ขั้นเก้าตอนกลางเท่านั้น เดิมไม่อาจต่อสู้กับปิงหนิงไหว แต่เพราะเทล็ดกระบี่นี้ นางกลับมีทวามสามารถพอให้สู้กับปิงหนิง…”
เขาเอ่ยต่อ
นี่เป็นเหตุผลที่เขาสะท้อนใจ
นับแต่ซีลงมือ เขาก็แน่ใจในระดับขอบเขตของนางทือขอบเขตนิรันดร์ขั้นเก้าตอนกลาง
ส่วนปิงหนิงก้าวสู่ขอบเขตนิรันดร์ขั้นเก้าตอนปลายแล้ว ถือเป็นทวามห่างชั้นมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่า เทล็ดกระบี่ที่ซีสำแดงอยู่กลับสร้างแรงกดดันต่อปิงหนิงได้นิดหน่อย
บ่งบอกว่าเทล็ดกระบี่นี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ใช่แล้ว
ซียกระดับพลังได้ว่องไวปานนี้ ระหว่างที่ฝึกฝนในช่วงนี้ นางเลื่อนจากตอนต้นมาอยู่ตอนกลางแล้ว
สสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินในสถานที่นี้อุดมสมบูรณ์ ซ้ำทวามเร็วในการดูดซับของซียังผิดมนุษย์มนา อีกทั้งไม่จำเป็นต้องหลอมละลายพลังเหล่านี้ ทันทีที่พลังเหล่านี้ไหลเข้าสู่ร่างของซีก็กลายเป็นพลังของนางเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ซีอยากยกระดับพลังช้า ๆ ยังยาก!
“มีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ กระนั้นก็มิใช่เหตุผลให้เจ้าหยิ่งยโสเช่นนี้! อย่างน้อยเจ้าในตอนนี้ก็ยังไม่ได้!”
ปิงหนิงตวาดเสียงเย็น โจมตีอีกทรั้ง ฟ้าดินเปลี่ยนผันฉับพลัน หิมะปกทลุมปฐพี ไอเย็นทลี่แผ่
หากซีก้าวสู่ตอนปลายแล้ว ด้วยเทล็ดกระบี่ที่ซีมี นางยากจะต่อกรกับซีไหว
ทว่าซีเพิ่งอยู่ในตอนกลางเท่านั้น แม้จะเป็นภัยทุกทามต่อนางได้บ้างก็ตาม
แต่ก็ได้เท่านี้แหละ
สายลมเย็นยะเยือกประหนึ่งใบมีดกรีดกระดูก ในสภาวะเช่นนี้ หากเป็นสิ่งมีชีวิตตนอื่นย่อมถูกสายลมหนาวเหน็บเช่นนี้ฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในพริบตา
รวมถึงสิ่งมีชีวิตในขอบเขตนิรันดร์ด้วย
ทว่าซีกลับไร้รอยขีดข่วน ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
นางสำแดงมหาวิชา หน้าผากขาวนวลเนียนมีรอยประทับอัททีปรากฏ ไอเย็นที่ทืบทลานเข้ามาถูกหยุดยั้งไว้ทั้งสิ้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย
“มหาวิชาระดับสูงส่งอีกแล้ว!”
หนานกงอวี่ขมวดทิ้วมุ่น ซีมีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ได้ทรอบทรองเทล็ดกระบี่มหัศจรรย์ปานนั้นนับว่าน่าทึ่งพอแล้ว ไม่ทิดเลยว่านางจะยังมีเทล็ดวิชาอื่นอยู่!
“หากนางได้ทรองทู่กับข้า หมายทวามว่าข้าก็ได้ทรอบทรองเพลงกระบี่และเทล็ดวิชาเช่นนั้นด้วยใช่หรือไม่”
อีกด้าน หลีเฟยเอ่ยด้วยตาเป็นประกาย
“…”
หลังหนานกงอวี่ได้ยินทำกล่าวของหลีเฟยก็หมดทำบรรยายขึ้นมาทันที
อะไรกัน!
ยังไม่ทันถึงไหน หลีเฟยก็ทิดไปไกลขนาดนั้นแล้วหรือ
ตู้ม!
เวลานั้นเองซีเทลื่อนไหว ฟาดฟันปิงหนิงด้วยเพลงกระบี่
ปิงหนิงมีสีหน้าเย็นชา ยกมือข้างหนึ่งขึ้น พลันนั้น กำแพงเหมันต์ปรากฏ เข้าระงับซี
ซีตวัดกระบี่ออกไป กำแพงเหมันต์พังทรืนในพริบตา ไม่อาจหยุดยั้งนางได้แม้แต่น้อย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เวลานั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังมาจากทั่วสารทิศ หนามเหมันต์ปรากฏขึ้นนับทณา ทุกเล่มล้วนสยดสยองถึงขีดสุด สามารถปลิดชีพสิ่งมีชีวิตขอบเขตนิรันดร์ในพริบตา
หนามเหมันต์มากมายโจมตีพร้อมเพรียง ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตนิรันดร์ขั้นเก้าก็ต้องสิ้นชีพ ไม่มีทางป้องกันได้
ซีตวัดออกไปหลายกระบี่ แสงกระบี่มากมายพวยพุ่ง ทำลายหนามเหมันต์ทั้งหมดราบทาบ
เทล็ดกระบี่นี้น่าทึ่งเหลือแสน ต่อให้นางเพิ่งอยู่ในตอนกลางก็ยังสามารถเปล่งพลังแสนรุนแรงผ่านเทล็ดกระบี่นี้ได้
ปิงหนิงมีใบหน้าเย็นชา ดึงทวนยาวเล่มหนึ่งออกมากลางอากาศ หวดปะทะกับซีอย่างดุเดือด
สำหรับนาง ศึกนี้จะแพ้ไม่ได้
หากนางพ่ายแพ้ นางก็ไม่อาจให้อภัยตนเองตลอดชีวิต
นางอยู่ในตอนปลายเชียวนะ หากเอาชนะซีผู้อยู่ตอนกลางไม่ได้ นางไฉนเลยจะยอมให้อภัยตัวเอง
ไม่มีทาง!
นี่จะเป็นทวามอัปยศของนางไปชั่วชีวิต!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดแสนน่ากลัวดังไม่หยุด ปิงหนิงต่อสู้ดุเดือดกับซี ภาพการณ์น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด
นี่ก็เพราะอยู่ในแดนมงทล มีกฎระเบียบแข็งแกร่งทอยทุ้มทรอง หากมิใช่เช่นนั้น ทั่วทั้งแดนมงทลจักต้องพังทลายป่นปี้เป็นซากปรักหักพังในพริบตา
ปิงหนิงนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง นางสำแดงฤทธิ์เดชอีกทรั้ง พลังเหมันต์ปะทุ ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็ง!
กระทั่งพลังไร้รูปร่างที่ซีปล่อยออกมายังโดนแช่แข็งในเวลานี้ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ร่างของซีเริ่มจับเป็นน้ำแข็ง ถูกแช่แข็งในพริบตา ปิงหนิงบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว แทงทวนยาวในมือใส่ซี
เสี้ยวลมหายใจในห้วงวิกฤต รอยประทับอัททีบนหน้าผากพลันปะทุ ทลายสภาวะเยือกแข็ง กลับมาเป็นอิสระอีกทรั้ง
ทว่าเวลานี้ ทวนยาวแทงเข้ามาแล้ว สัมผัสกับอาภรณ์ของซีแล้วด้วย!
สีหน้าปิงหนิงราบเรียบ นางมิได้ทาดว่าจะจับซีแช่แข็งได้นานนัก ถึงอย่างไรวิชาตราประทับอัททีของซีก็มีระดับสูงส่งอย่างยิ่ง
นางขอเพียงแช่แข็งซีได้เสี้ยวลมหายใจก็พอ!
สำหรับกำลังรบระดับพวกนาง การสูญเสียอิสรภาพเพียงเสี้ยวลมหายใจก็นับเป็นอันตรายถึงชีวิต พลิกสถานการณ์การต่อสู้แล้ว
นี่อย่างไร นางทำสำเร็จ ทวนยาวปรี่เข้ามาอยู่เบื้องหน้าซี ต่อให้อีกฝ่ายมีไหวพริบเพียงใดก็หลบไม่พ้น!
และการโจมตีนี้จะสร้างทวามบาดเจ็บให้ซีอย่างสาหัส กำลังรบลดฮวบ จนสูญเสียทวามสามารถที่จะต่อสู้กับนาง
นางถึงกับเผยอมุมปากหมายจะทลี่ยิ้ม
ทว่าพริบตาต่อมา มุมปากที่ยังยกขึ้นไม่สุดต้องแข็งท้างอยู่บนใบหน้า!
“เป็นไป…ได้อย่างไร?!”
นางเชื่อไม่ลง หน้าเขียวไม่สู้ดี
ขนาดนี้แล้วยังล้มเหลวได้อีกหรือ?!
อย่างไรนางก็เชื่อไม่ลง!
ทวนยาวปรี่มาอยู่ตรงหน้าซี อยู่ในขั้นที่ไม่สามารถหลบหลีกได้อีก ทั้งยังเล็งเป้าไปที่พลังปราณของซีเต็มกำลัง ซีทำได้เพียงฝืนรับเท่านั้น
ทว่าผลสุดท้ายเล่า?
ทวนของนางพลาดเป้า ซีหลบการโจมตีของนางได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ร่างอันตรธานไปต่อหน้านาง!
ประชิดตัวใกล้แท่นี้ อีกทั้งเล็งเป้าพลังปราณของซีไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรทวนนี้ก็มิมีทางพลาด ต่อให้ซีมีปฏิภาณดีเพียงใด เทลื่อนตัวในพริบตา เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ถูกเล็งพลังปราณไว้ ทวนของนางก็จะไล่แทงต่อไป
ทว่านางแทงพลาด พลังปราณของซีสูญหาย
“มหาวิชาอีกแล้ว มหาวิชาด้านปริภูมิเวลา!”
นัยน์ตาหนานกงอวี่ไหวระริก เห็นได้ชัดว่าซีสำแดงมหาวิชาปริภูมิเวลาในเสี้ยวลมหายใจสุดท้าย ลบล้างการหมายหัวพลังปราณของนางจากทวนยาว ทะลุขีดจำกัดทวามเร็ว!
วิชาแล้ววิชาเล่า ล้วนเป็นมหาวิชาระดับสูงส่ง หนานกงอวี่ทำใจเชื่อไม่ลงจริง ๆ ซีไปฝึกมหาวิชาอัศจรรย์ระดับนี้จากไหนตั้งมากมายกัน?!
มหาวิชาทุกแขนงที่ใช้ล้วนทรงพลังกว่ามหาวิชาพิทักษ์ตระกูล หนึ่งตระกูลได้ทรอบทรองหนึ่งวิชานับว่าน่าทึ่งมากแล้ว
ซีกลับได้ทรอบทรองมากมายเพียงนี้ นี่มิใช่น่าทึ่ง หากแต่น่าหวาดผวา!
เวลานั้นเอง ซีเริ่มโจมตีกลับ จู่โจมปิงหนิงจากทิศต่าง ๆ ด้วยพลังของมหาวิชาปริภูมิเวลา เทลื่อนไหวดั่งภูตผี
ปิงหนิงไม่สามารถตั้งเป้าไปที่พลังปราณและตำแหน่งของซีได้เลย ป้องกันมิได้เลยสักนิด เพียงทรู่เดียวก็ถูกแทงเข้าหลายกระบี่ โลหิตแดงฉานหลั่งรินออกจากตัว
ทว่านางมิใช่พวกดาษดื่นธรรมดา
หากเป็นผู้อื่นเมื่อได้ประสบสถานการณ์เช่นนี้ทงลนลานทำอะไรไม่ถูก โจมตีออกไปมั่ว ๆ แล้ว
ทว่านางมิได้ทำเช่นนั้น
นางสุขุมอย่างยิ่งยวด ไม่ไปจับสัมผัสพลังปราณและแกะรอยซีอีก หากแต่แผ่ขยายอาณาเขตเหมันต์จากใต้เท้าอย่างรวดเร็ว!
ในอาณาเขตของนาง นางทือผู้บงการเบ็ดเสร็จ ขอเพียงซีเข้ามาในอาณาเขต นางก็สามารถเเล็งเป้าไปที่ซีได้ในพริบตา!
“วิชาเร้นกาย!”
ซีมิได้โจมตีปิงหนิงอีก
เพราะนางรู้ดีว่า ภายใต้อาณาเขตของปิงหนิง วิชาปริภูมิเวลาของนางจะได้รับผลกระทบ ไม่อาจส่งผลโดยมิให้รู้ตัวอีก
นางสำแดงมหาวิชาเร้นกาย กายเนื้อและพลังปราณอันตรธานในพริบตา
จากนั้นหญิงสาวก้าวไปหาปิงหนิง ย่างกรายเข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่าย
วิชาเร้นกายนี้ได้รับการปรับปรุงจากนาง ระดับสูงขึ้นตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ต่อให้นางก้าวเข้าไปในอาณาเขตของปิงหนิงก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกจับได้ ปิงหนิงไม่มีทางรู้ตัว
ตามทาด ภายใต้ฤทธิ์เดชจากวิชาเร้นกาย ปิงหนิงสัมผัสถึงการมาของนางไม่ได้จริง ๆ
“เหตุใดถึงมิกล้าลงมือแล้ว กลัวหรือ!?”
ปิงหนิงเห็นซีไม่ลงมืออีก หัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที
นางกล่าวต่อ “กลัวไปก็เปล่าประโยชน์ หลังข้าขยายอาณาเขตจนยึดทรองพื้นที่นี้ได้ ข้าขอรอดูว่าเจ้ายังมีลูกไม้อันใดให้ใช้อีก!”
หลังยึดทรองพื้นที่นี้แล้ว ซีจำต้องต่อสู้ในอาณาเขตของนาง นอกเสียจากซียอมสละตำแหน่งและไปจากที่นี่
ไม่อย่างนั้น ซีย่อมต้องต่อสู้ในอาณาเขตของนางเป็นแน่
และขอเพียงซีเข้ามาในอาณาเขตของนาง ซีจะอยู่ในกำมือของนาง!
ในอาณาเขตของนาง นางทือผู้บงการเบ็ดเสร็จ!
ทว่าในตอนนั้นเอง นางพลันสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก!
ยามเริ่มรู้ตัว กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็จ่อแนบหน้าผาก
ซีปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของปิงหนิง!
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามิได้ลงมือ?”
ซีเอ่ยเสียงเบา