บทที่ 902 ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังของท่านผู้นั้น!
หวาดหวั่นพรั่นพรึง!
เหงื่อเย็นไหลโซมกายของปิงหนิง ฝีมือของซีนี่อะไรกัน เหตุใดจู่ ๆ ถึงปรี่เข้ามาประชิดตัวนาง แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลย?!
น่ากลัวเหลือเกิน!
นี่ยังอยู่ในอาณาเขตของนางอยู่ เหตุใดนางถึงไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
วิชาเร้นกาย
มิใช่แค่อำพรางกายเท่านั้น แต่ยังปกปิดพลังปราณ กายเนื้อ และจิตสัมผัสได้มิด ต่อให้เป็นอาณาเขตของปิงหนิงก็ไม่มีทางจับการเร้นกายของซีได้
“มหาวิชาอีกแล้วหรือ!”
หนานกงอวี่ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง ซีมีมหาวิชาในมือเท่าใดกันแน่ วิชาแล้ววิชาเล่า ราวกับไร้ที่สิ้นสุดอย่างนั้น!
“สุดยอด ถึงคราวนั้น บุตรชายของเรามิไร้พ่ายในใต้หล้าหรือ?!”
หลีเฟยเอ่ยด้วยตาเป็นประกาย
อะไรกัน!
คิดไปถึงบุตรชายแล้วหรือ?!
หนานกงอวี่อยากบอกหลีเฟยเหลือเกินว่า พี่ชาย อย่าเอาแต่เพ้อพกได้หรือไม่ นางมิได้มีใจให้ท่านเลยสักนิดเดียว!
กระบี่ยาวแนบชิดหน้าผากปิงหนิง นางหมดอาลัยตายอยากถึงขีดสุด
แพ้แล้ว ซ้ำยังแพ้ราบคาบด้วย
นี่ก็เพราะซีมิได้ลงมือสังหารนาง หากซีตั้งใจฆ่านาง กระบี่ยาวเล่มนี้คงมิใช่แค่จ่อนาบหน้าผากของนาง วิญญาณของนางคงถูกแทงทะลุในพริบตา!
ปิงหนิงเจ็บใจเหลือแสน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่านางจะพ่ายให้กับซี เรื่องนี้เป็นที่สะเทือนใจนางอย่างมาก
นางมีร่างเต๋าแต่กำเนิด มิเคยพานพบอุปสรรคใด ๆ บนเส้นทางฝึกตน สุดท้ายกลับมาแพ้ให้กับซีอย่างอนาถ นางไฉนเลยจะไม่เจ็บใจ?!
ทว่าไม่ว่านางเจ็บใจหรือไม่ ผลแพ้ชนะก็เป็นที่ตัดสินแล้ว นางพ่ายแพ้ต่อซี
“ข้าบอกแล้ว ลงมือกับข้ามีราคาที่ต้องจ่าย”
ซีมีสีหน้าเย็นชา “เจ้าเสียสิทธิ์ฝึกฝนที่นี่แล้ว”
จากนั้นนางก็เก็บกระบี่ยาวกลับไป ไม่จำเป็นต้องข่มขู่ปิงหนิงด้วยวิธีนี้
นางยังไม่เคยสำแดงพลังที่แท้จริง ครั้นจะกำราบปิงหนิงนั้น นางทำได้ทุกเมื่อ
“แม่นาง อย่าได้อันธพาลนัก”
หนานกงอวี่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ปิงหนิงคือคนรักของเขา เขายอมเห็นปิงหนิงถูกขับไล่ทั้งอย่างนี้ได้ที่ไหน!
ก่อนหน้านี้ที่ปิงหนิงเอ่ยว่ายอมถอนตัวให้เขาได้ฝึกฝนที่นี่ แท้จริงเขาได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะให้ปิงหนิงได้ฝึกฝนอยู่ที่นี่ เขายอมถอนตัวไปฝึกฝนในแดนมงคลที่สอง
มิหนำซ้ำยามนี้ปิงหนิงยังแพ้ในมือซี ได้รับความสะเทือนใจใหญ่หลวง เขายิ่งไม่ยอมให้ปิงหนิงต้องถอนตัวออกจากแดนมงคลทั้งอย่างนี้
หากนางถอนตัวจากแดนมงคลทั้งอย่างนี้ คงยิ่งทิ้งปมในใจเข้าไปใหญ่
เขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้เป็นอันขาด
“อันธพาลหรือ เท่านี้ก็นับว่าอันธพาลแล้วหรือ ข้าเพียงแต่ตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น มิใช่พวกเจ้าหรอกหรือที่เอ่ยว่าพลังเป็นใหญ่”
ซีหัวเราะ พวกหนานกงอวี่ช่างสองมาตรฐานจริง ๆ
เมื่อครู่พวกหนานกงอวี่ยังอ้างว่าพลังเป็นใหญ่ นางไม่มีสิทธิ์ครอบครองตำแหน่ง บัดนี้พอเป็นปิงหนิง นางกลับกลายเป็นอันธพาล
น่าขันสิ้นดี
“พลังเป็นใหญ่…”
สายตาหนานกงอวี่เย็นยะเยือก จ้องมองซีพลางกล่าว “แม่นางตั้งใจไร้เยื่อใยปานนี้จริงหรือ?!”
“เจ้าไม่รู้สึกว่าวาจาของเจ้าน่าขันบ้างหรือ นึกถึงพฤติกรรมของพวกเจ้าเมื่อครู่เถิด ไม่ไร้เยื่อใยกว่าหรือ หากข้าไม่มีความสามารถติดตัว จุดจบของข้าจะเป็นเช่นไร ถูกพวกเจ้าบงการตามอำเภอใจรึ”
ซียิ้มเย็น ไม่มีทางเปลี่ยนการตัดสินใจนี้
“ข้าไม่มีเวลาพิรี้พิไรกับพวกเจ้า อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือขั้นเด็ดขาด! รีบไปให้พ้นเสีย!”
นางตะคอกเสียงเย็น
ได้ยินหญิงสาวเอ่ยเช่นนี้ หนานกงอวี่พลันสีหน้าเยียบเย็นยิ่งขึ้น จิตมุ่งร้ายแผ่ซ่านอยู่รอบตัว เห็นได้ชัดว่าเขาบันดาลโทสะ
“พลังเป็นใหญ่หรือ ได้! เช่นนั้นขอข้าวัดพลังเจ้าหน่อยแล้วกัน!”
เขาตัดสินใจลงมือ
ก่อนนั้นเขาหันไปมองหลีเฟย “พี่หลีเฟย ท่านว่าอย่างไร”
เขาคนเดียวไม่มั่นใจว่าจะจัดการซีไหว จึงตั้งใจเชื้อเชิญหลีเฟยให้ลงมือด้วยกัน
หลีเฟยหันมองหนานกงอวี่โดยไม่เอ่ยวาจา ถอนหายใจหนึ่งที
เขาชอบซีมากก็จริง แต่จะปล่อยให้ปิงหนิงผู้เป็นสหายกันมาหลายปีถูกขับไล่เช่นนี้ก็ไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่อาจรักษามิตรภาพไว้
“แม่นาง ท่านทำเช่นนี้นับว่าไม่เหมาะสม ถอยกันคนละก้าวเถิด ข้ายินดีถอนตัว ให้ปิงหนิงได้ฝึกฝนที่นี่ ถือว่าขออภัยท่านแทนนาง”
เขามองซีพลางกล่าว
“ไม่มีทาง! นางต้องไปจากที่นี่ แดนมงคลอันดับหนึ่งไม่มีที่ของนาง!”
ซียังมิได้ปริปาก หนานกงอวี่ก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
เขาเอ่ยเสียงอึมครึม “นางทำเกินไปเอง ในแดนมงคลแห่งนี้ หากมีนางต้องไม่มีข้า!”
“เจ้าพูดเองนะ ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องอยู่ในแดนมงคลแห่งนี้แล้ว”
ซีหันมองหนานกงอวี่ สายตาเยียบเย็นเช่นกัน
นางทำอันใด?
ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จู่ ๆ ต้องถูกกระทำเช่นนี้ นางไฉนเลยจะไม่โมโห ก่อนหน้านี้เพียงให้ปิงหนิงไปจากแดนมงคลเป็นการตัดสินใจที่นางข่มความขุ่นเคืองลงแล้ว อันที่จริง นางต้องการให้พวกหนานกงอวี่ไปจากที่นี่ทั้งสามคน
สามคนนี้…นางไม่ถูกชะตาสักคน!
“ฟังดูเถิด นางกำแหงยิ่งนัก คิดขับไล่แม้กระทั่งข้า!”
หนานกงอวี่มองจ้องซีด้วยความเย็นชา “ไว้หน้าเจ้าเกินไปแล้วจริง ๆ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คิดจริงหรือว่าพี่หลีเฟยจะยอมผิดใจเป็นปฏิปักษ์กับข้าเพราะเจ้า เสียสติไปแล้ว!”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไม่อาจปรับเปลี่ยนสิ่งใดได้อีก
หลีเฟยได้แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองซีพลางกล่าวว่า “แม่นาง ท่านไปจากแดนมงคลเสียเถิด”
เขาเพียงหวั่นไหวต่อซีเท่านั้น ไม่ถึงขั้นไม่มีซีมิได้ ไม่มีทางยอมเป็นศัตรูกับสหายผู้สนิทกับเขามาหลายปีเพื่อนาง
“เห็นหรือไม่! กล่าวอ้างพลังกับเรา เจ้าคู่ควรที่ไหน?!”
หนานกงอวี่ลงมือทันทีด้วยความดุดันแข็งกร้าว หลีเฟยแสดงจุดยืนแล้ว เขาจึงไม่เหลือความกังวลใดอีก วันนี้อย่างไรก็ต้องสั่งสอนซีให้รู้ดำรู้แดง เพื่อแก้แค้นให้ปิงหนิง
อันที่จริง ซีทำให้เขาเดือดดาลอย่างมหันต์ เขาอยากสังหารนางลงที่นี่ด้วยซ้ำ
ทว่าเบื้องหลังของซีมีภูมิหลังยิ่งใหญ่อย่างเห็นได้ชัด หากปลิดชีพซี คงมีผลร้ายแรงตามมา
หากมิใช่เช่นนั้น เขาต้องฆ่าซีลงที่นี่แน่!
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขากล้าลงมือต่อซีอย่างแข็งกร้าว ไม่ต้องห่วงว่าซีจะใช้ชีวิตของปิงหนิงมาขู่พวกเขา
ซีมีภูมิหลัง พวกเขาเองก็มีภูมิหลัง
เขาไม่เชื่อว่าซีจะกล้าสังหารปิงหนิง ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นนางย่อมแบกรับไม่ไหว นอกเสียจากว่านางไม่อยากมีชีวิต แต่อยากตาย!
จากนั้นหลีเฟยก็ลงมือด้วย ไม่คิดมากอีก
ในเมื่อแตกหักกันแล้ว ก็ไม่เหลือความจำเป็นต้องกังวล เขามิได้คิดเป็นอื่นกับซีอีก เห็นซีเป็นศัตรู
“เจ้ารนหาที่เอง โทษผู้อื่นมิได้!”
เขาหัวเราะเสียงเย็น ซียังมิอาจเทียบสหายที่สนิทกับเขามาหลายปี
เสียงดังฟึ่บ เขาชักดาบใหญ่เล่มหนึ่งออกมา ฟาดฟันไปทางหญิงสาว
เขาประสานพลังกับหนานกงอวี่ คลี่แผ่อาณาเขตของพวกเขาในทันที ผสานเข้าด้วยกัน ป้องกันไม่ให้ซีใช้วิธีเดิมต่อกรกับพวกเขา
นี่เพราะหวั่นเกรงต่อวิชาของซีที่ปรากฏตัวได้กะทันหันอย่างยิ่ง
หนานกงอวี่เองก็ไม่มั่นใจเพราะพลังนี้ของซี หากปะทะซึ่งหน้า เขาไม่มีความมั่นใจเลย
เขาแข็งแกร่งกว่าปิงหนิง หากไม่ต่อสู้กันซึ่งหน้า เขาก็มั่นใจว่าปราบซีได้แน่!
อาณาเขตทั้งสองปกคลุมทับซ้อน เชื่อมต่อกันและกัน ถ่ายทอดพลังถึงกัน พลังของซีย่อมต้องสิ้นพิษสง!
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ลงท้ายพลังของซีก็อยู่ที่ตอนกลางเท่านั้น วิชาเร้นกายส่งผลในอาณาเขตผู้อื่นได้เพียงคนเดียว ในสถานการณ์ที่อาณาเขตสองแห่งทับซ้อนปกคลุม วิชาเร้นกายของนางไม่มีทางสำเร็จ ทันทีที่เข้าไปต้องเผยตัวแน่
โดยเฉพาะหนานกงอวี่และหลีเฟยยังแข็งแกร่งกว่าปิงหนิงมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ วิชาเร้นกายของนางยิ่งสัมฤทธิ์ผลยาก
ซีตระหนักถึงข้อนี้ดี จึงมิได้ใช้วิชาเร้นกายอีก
“วิชาสวรรค์เก้าโคจร!”
หญิงสาวไม่ได้ลังเล ใช้วิชาสวรรค์เก้าโคจรเพื่อยกระดับกำลังรบของตน
นางสามารถใช้มหาวิชาอภินิหารต่าง ๆ ต่อสู้กับคนผู้หนึ่งและเป็นฝ่ายชนะ ทว่าคิดจะเอาชนะแบบหนึ่งต่อสองด้วยวิธีการนี้ไม่มีทางเป็นจริงได้เลย
ถึงอย่างไร หนานกงอวี่และหลีเฟยก็มิใช่พวกธรรมดา
คิดจะกำราบหนานกงอวี่และหลีเฟย นางจำต้องยกระดับพลังเท่านั้น
วิชาสวรรค์เก้าโคจรแผลงฤทธิ์ กำลังรบของนางทบทวีเก้าเท่า บารมีพุ่งพรวดอยู่ในระดับน่าพรั่นพรึง!
สีหน้าของหนานกงอวี่และหลีเฟยเปลี่ยนแปลงไปในทันที!
“ยังมีมหาวิชาอื่นอยู่อีกหรือ!!!”
สีหน้าหนานกงอวี่อึมครึมจนฝนแทบตก
ซีเป็นหลุมลึกไร้ที่สิ้นสุดหรือไร เหตุใดมหาวิชาอภินิหารในมือถึงมีได้ไม่ขาดสาย ซ้ำยังทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ!
“น่าพรั่นพรึงปานนี้เชียว?!”
สีหน้าหลีเฟยอึมครึมเหลือคณาเช่นกัน
กำลังรบที่ซียกระดับขึ้นมามหาศาลยิ่งนัก ทั้งยังมีมหาวิชาอัศจรรย์ในมืออีกคณานับ เช่นนี้จะสู้อย่างไรไหว
ไม่เห็นความหวังของชัยชนะเลย!
“ไม่เป็นไร นางมีมหาวิชา ข้าก็มียอดศาสตรา!”
หนานกงอวี่ตวาดเสียงเย็น ยกมือเรียกแผนผังแปดทิศภาพหนึ่งออกมา ลวดลายแปดทิศส่องแสง คลื่นพลังน่าสะพรึงแผ่ขยาย
“ท่านนำแผนผังแปดทิศมาด้วยหรือ?!”
หลังหลีเฟยเห็นแผนผังแปดทิศในมือหนานกงอวี่ก็ตาลุกวาวขึ้นมา
นี่คือยอดศาสตราของตระกูลหนานกง ติดอันดับในโลกหลังฉาก เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหนานกงอวี่จะพกยอดศาสตราระดับนี้ติดตัว!
มียอดศาสตราระดับนี้อยู่ ต่อให้ซียกระดับกำลังรบมากเพียงใดก็เปล่าประโยชน์!
แม้ว่าหนานกงอวี่รีดเร้นกำลังของแผนผังแปดทิศได้จำกัด แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ซีก็ไม่มีทางต้านไหว!
“ท่านพ่อมอบสิ่งนี้ให้ข้า เพื่อช่วยให้ข้าได้ก้าวสู่ขอบเขตอิสระ”
หนานกงอวี่กล่าว
แผนผังแปดทิศมหัศจรรย์เป็นหนักหนา เป็นยอดศาสตราระดับอิสระ บิดาของเขาต้องการให้เขานำแผนผังแปดทิศติดตัวเพื่อให้ได้รู้แจ้ง แล้วก้าวสู่ขอบเขตอิสระได้ดียิ่งขึ้น
เขานั้นทะนงตน เดิมไม่อยากใช้แผนผังแปดทิศจัดการซี ถึงอย่างไรการกระทำเช่นนั้นเหมือนเป็นการใช้ของวิเศษข่มเหง
ทว่าซีนั้นเก่งกาจจนผิดเพี้ยนเกินไป มหาวิชาน่าทึ่งในมือแผลงฤทธิ์ไม่หยุดหย่อน หากไม่ใช่แผนผังแปดทิศ พวกเขาไม่อาจต่อกรกับซีได้เลย
‘นางใช้มหาวิชาอัศจรรย์ยกระดับกำลังรบของตน ข้าใช้แผนผังแปดทิศ ยังไม่สมเหตุสมผลอีกหรือ สมเหตุสมผลยิ่ง! ไม่ถือเป็นการรังแก!’
เขาเอ่ยในใจ
หนานกงอวี่ปลุกพลังแผนผังแปดทิศ คลื่นพลังสยดสยองไหลเวียนอยู่บนภาพ ซีรับรู้ถึงความต่างได้ในบัดดล
ความห่างชั้นนี้มหาศาล ต่อให้นางใช้มหาวิชาปาดนภาอีกครั้ง ปาดพลังวิถีเข้าเจือจุน น่ากลัวว่ายังต้านทานได้ยากยิ่งอยู่ดี
นางรู้สึกว่าพลังที่ปะทุออกจากแผนผังแปดทิศสามารถคุกคามกำลังรบขอบเขตอิสระขั้นหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้ซึ่งความวิตกกังวล
นางต้องหวังพึ่งพลังของท่านผู้นั้นที่คอยคุ้มครองนางหรือ?
ย่อมไม่!
ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ควรค่าให้นางหวังพึ่งพลังของท่านผู้นั้นที่คุ้มครองตนอยู่
นางมีพลังอื่นให้ใช้!
“ภาพนี้ไม่เลวนี่ ดีละ ขอเก็บไว้แล้วกันนะ” นางเอ่ยปาก