บทที่ 315 การรวมตัวของฮีโร่
เริ่มต้นเดือนที่สองของปี ช่างเป็นวันที่เหมาะแก่การเก็บกวาดบ้าน ไหว้บรรพบุรุษและเริ่มกิจการต่างๆ
ซึ่งในวันนี้เองโรงพยาบาล 980 ไม่สิ ควรจะต้องเรียกว่าสถาบันวิจัยกระดูกบีวายและสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉินก็ได้เปิดทำการแล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การเริ่มกิจการก็ตาม แต่พิธีเปิดก็ยิ่งใหญ่เสียจนดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากไว้ได้
โมลโดได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยกระดูก ส่วนอาคามอสได้เป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉิน
ในฐานะที่พวกเขาเป็นบุคลากรระดับชั้นนำของโลก พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นและกังวลใจเล็กน้อย
แผนกศัลยกรรมกระดูกของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กมีสองอาคาร อาคารหนึ่งมีวอร์ดผู้ป่วยถึงสิบเอ็ดชั้นและอีกอาคารหนึ่งเป็นสถาบันวิจัยเก้าชั้น โมลโดผู้เคยเป็นถึงผู้อำนวยการมาก่อนจึงไม่ค่อยตื่นเต้นนัก
กลับกัน เมื่อโมลโดได้เห็นสถาบันวิจัยกระดูกที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาสามัญตรงหน้าเขา เขาก็เผยรอยยิ้มอันมีความสุขออกมา
ไป๋เยี่ยเปลี่ยนชื่อโรงพยาบาล 980 เป็นโรงพยาบาลในเครือของสถาบันวิจัยกระดูก และเปลี่ยนให้วอร์ดผู้ป่วยทั้งหมดเป็นแผนกกระดูกและข้อ ส่วนพยาบาลใช้พยาบาลชุดเดิม ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนอัตราเงินเดือนและโบนัสเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ไป๋เยี่ยชอบรับสมัครบุรุษพยาบาลมากกว่านางพยาบาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะว่าคุณสมบัติบางอย่างของผู้หญิงก็ไม่เหมาะสำหรับงานในแผนกกระดูกและข้อ
ทว่านั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต
เพราะว่าในปัจจุบันมีนายแพทย์สาขากระดูกและข้อเพียงไม่กี่คน อีกทั้งไป๋เยี่ยก็ยังไม่ได้เริ่มเปิดรับสมัครเลย วันนี้เป็นเพียงการเปิดตัวเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อสถานที่ แต่ก็ยังได้รับความสนใจและการแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม
ไป๋ตงหลินเป็นคนใส่ใจกับรายละเอียดมาก เขาได้เชิญซินแสชื่อดังในปักกิ่งมาช่วยดูฮวงจุ้ยและบอกข้อควรระวังในวันนี้ด้วย
ในวันที่สองของเดือนสอง มีรถยนต์จำนวนมากแล่นออกมาจากสถาบันวิจัยกระดูก
แต่ถึงกระนั้นกลับมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น นั่นคือรถยนต์หรูหราจะจอดอยู่ไกลสถาบัน ในขณะที่รถทหารจอดอยู่ด้านในสถาบัน
ซึ่งรถเหล่านี้ก็มีจุดเด่นตรงเลขทะเบียนที่น่าสะดุดตา!
เมื่อเหล่าหลิวรู้ว่าลูกชายของไป๋ตงหลินได้ครอบครองโรงพยาบาล 980 ในตอนแรกเขาก็ตกใจมาก แต่แล้วเขาก็ไปสืบข่าวมาจนรู้เรื่อง
เหล่าหลิวจึงอยากทำความรู้จักกับไป๋เยี่ยผ่านไป๋ตงหลิน พร้อมกับหวนระลึกถึงวันเก่าๆ ของพวกเขา
วันนี้เหล่าหลิวกลัวว่าตนเองจะดื่มมากเกินไป จึงให้คนขับของเขาขับรถแฟนทอมราคาแพงไปส่งที่โรงพยาบาล 980
เมื่อมาถึงหัวเลี้ยว คนขับ ‘เสี่ยวซุน’ ก็หันมาพูดกับเหล่าหลิว “เถ้าแก่ ข้างหน้ามันขับไปไม่ได้แล้วนะครับ ยังจะให้ขับเข้าไปไหมครับ”
เหล่าหลิวคิดว่าวันนี้เขามาในฐานะผู้ร่วมงาน ขณะที่เขากำลังจะปริปากบอกให้คนขับขับเข้าไปอีก เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นรถไมบัคคันหนึ่งจอดอยู่ที่สี่แยกด้านหน้า ซึ่งรถคันนั้นมีเลขทะเบียน 1111 นี่มันรถของถังฮั่นไม่ใช่เหรอ
ถังฮั่นยังคงเป็นคนมีชื่อเสียงมากในกรุงปักกิ่งในฐานะทายาทรุ่นที่สามของผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้ว อีกทั้งตอนนี้บริษัทน่าย่ายังเป็นดาวรุ่งด้านอุตสาหกรรมด้วย
เมื่อเหล่าหลิวเห็นถังฮั่นก็บอกให้คนขับหยุดรถลงตรงสี่แยก ส่วนเขาก็รีบลงรถไป
ได้ยินมาว่าไป๋เยี่ยและถังฮั่นร่วมมือกันมาโดยตลอด การที่พวกเขามาเจอกันในวันนี้ต้องเป็นโอกาสพิเศษอย่างแน่นอน เหล่าหลิวคิดพร้อมกับเดินตามถังฮั่นไป
เมื่อเหล่าหลิวเดินตามไปทัน เขาก็เอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้ม “คุณถังหรือเปล่าครับ”
ถังฮั่นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับมาเจอบุคคลหน้าตาคุ้นเคย ทว่าเขากลับจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกได้ว่าคนตรงหน้าคงอยู่ในรายชื่อก็คงจะเป็นเพื่อนของไป๋เยี่ยแน่ๆ ถังฮั่นจึงได้แต่พยักหน้าและตอบรับไปอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ”
แน่นอนว่าเหล่าหลิวคงจะไม่ได้พูดจาโง่ๆ อย่างเช่นบอกว่าเขาเป็นเพื่อนรักของไป๋ตงหลิน พ่อของไป๋เยี่ย
เหล่าหลิวยังคงยิ้ม “อ้อ! ใช่สิ เสียมารยาทแล้วครับ ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผม ‘หลิวซื่อหมิน’ ประธานบริษัทกุ้ยตูเทรดดิ้งครับ”
ถังฮั่นชะงักไปก่อนจะครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าคนคนนี้อยู่ในแวดวงธุรกิจจริงๆ จึงทำท่าทีส่งสัญญาณบางอย่าง “คุณหลิวนี่เอง! มิน่าล่ะ ผมถึงคุ้นหน้าคุณมาก”
ถังฮั่นเองก็รักษาหน้าหลิวซื่อหมิน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ดูกระตือรือร้นมาก จึงควรตอบรับเขาไปบ้าง
ท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นให้เหมือนกับที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา แน่นอนว่าการปฏิบัตินั้นก็คือมารยาท
หลิวซื่อหมินยิ่งมองไปยังรถราที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดผวา
มีแต่เลขทะเบียนคุ้นๆ
ไป๋เยี่ยเส้นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะไป๋เยี่ยรู้จักคนเยอะ แต่มีหลายคนที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเขา
หลังจากข้ามสี่แยกมาก็ถึงสถาบันวิจัยแล้ว รถยนต์ที่จอดอยู่รอบๆ ที่นั่นส่วนใหญ่จะมีแต่รถพาสสาร์ท ฮอนด้า บิวอิค ออดี้และบีเอ็มดับเบิลยู
บรรดาผู้คนที่เดินลงมาจากรถเหล่านี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนธรรมดา มีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนนักวิชาการ และผู้อำนวยการ
ส่วนข้างๆ พวกเขาก็มีรถทหารสีเขียวจอดอยู่ คนที่ลงมาจากรถล้วนแต่งตัวด้วยชุดทหาร ดูแล้วน่าประทับใจมาก ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือคนของเฉินเจิ้นปั่งนั่นเอง
จุดประสงค์ของทุกคนในการมาที่นี่ในวันนี้ก็คือมาให้กำลังใจไป๋เยี่ยนั่นเอง
ไป๋เยี่ยไม่คาดคิดเลยว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะเกี่ยวโยงกับเรื่องราวมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีไป๋ตงหลินคอยจัดการให้ จะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แม้แต่คำเชิญ ไป๋ตงหลินก็ยังเป็นคนเขียนให้ไป๋เยี่ยส่งมันไปให้ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีน นักวิชาการหลิวป๋อหลี่ นักวิชาการเกาเย่ว์หยางและนักวิชาการคังเจี้ยนเหนียน…
คนเหล่านี้ล้วนได้รับเชิญมา ซึ่งโอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ แน่นอน
และยังมีคนจำนวนมากที่มาที่นี่เพราะชื่อเสียงของไป๋เยี่ย ไม่ได้มาเพราะได้รับคำเชิญแต่อย่างใดแบบเหล่าหลิวด้วย พวกเขามาที่นี่เพื่อ ‘ยืมดอกไม้ถวายพระ’ เท่านั้น
มีคนแบบเหล่าหลิวเยอะมาก ทว่าโชคดีที่ไป๋ตงหลินคาดการณ์ไว้หมดแล้ว จึงไม่รู้สึกตื่นตระหนกมากนัก
เมื่อหลิวซื่อหมินได้เห็นภาพเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้แล้ว ทัศนคติที่เขามีต่อไป๋ตงหลินและไป๋เยี่ยก็เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว
เดิมทีเขาคิดว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของไป๋ตงหลินซบเซาลงไปมาก คงจะมีคนมาไม่เยอะเท่าไหร่
เหล่าหลิวไม่คาดคิดเลยว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้
ทว่าสำหรับเขาแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เขาอาจจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ผ่านโอกาสนี้ก็ได้
แต่เมื่อรถจี๊ปที่มีคำว่า ‘กองทัพ‘ มาถึง ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
เฉินเจิ้นปั่ง!
การมาเยือนของเขาหมายความว่าอย่างไร
ทันทีที่เฉินเจิ้นปั่งเดินลงมาจากรถ เขาก็ตรงเข้าไปหาไป๋เยี่ยทันที ก่อนจะจับมือและกอดไป๋เยี่ยแน่น แล้วจึงยื่นมือออกไปทางไป๋เยี่ยพร้อมกับกล่าวว่า “ยินดีด้วยเสี่ยวเยี่ย”
ภาพตรงหน้าดึงดูดความสนใจของผู้คนไว้ได้มากเลยทีเดียว
สวีเป่าหมิงที่ยืนมองภาพตรงนี้จากไกลๆ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคืองใจ!
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยิ่งรู้สึกไม่ยินดี!
ไป๋ตงหลินนะ ไป๋ตงหลิน!
ทว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่านี่คือช่วงเวลาอันมีเกียรติที่สุดนั้น ก็มีรถหงฉีคันหนึ่งแล่นเข้ามาช้าๆ!