บทที่ 341 คุณเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาดูถูกผม!
เพราะว่าไป๋เยี่ยเลือกวิธีเปิดช่องอก เขาจึงต้องการทราบอาการปัจจุบันของผู้ป่วยและจุดที่มีการแตกหักของกระดูก
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป การตรวจร่างกายของไป๋เยี่ยละเอียดถี่ถ้วนมาก คนที่อยู่ในห้องพักจึงพากันตื่นตะลึง
ถึงแม้ว่าโมนิกาจะไม่เข้าใจ แต่เธอก็เฝ้าดูการตรวจอย่างรอบคอบผ่านกล้องว่าสัญญาณชีพของพี่ชายเธอไม่มีปัญหาอะไร
บรรดาผู้เชี่ยวชาญในห้องก็ได้แต่จ้องตาค้างจนแทบจะลืมหายใจ
เมื่อไป๋เยี่ยแหวกช่องอกออก ภาพสิ่งที่อยู่ในช่องอกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ผ่านกล้องส่องทรวงอก
“ว้าว! เห็นนั่นไหม มีจริงด้วย! ซี่โครงซี่นั้นแทงเฉียดหัวใจไปนิดเดียวเอง โชคดีที่มันไม่เคลื่อนตำแหน่ง ไม่อย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ!”
“ใช่ ดูปอดสิ…”
ไป๋เยี่ยใช้สองนิ้วประคองกระดูกสันอกและดึงกระดูกซี่โครงบริเวณนั้นขึ้นมา ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ในช่องอกได้อย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ครึ่งชั่วโมง…สี่สิบนาที…
ไม่เพียงแต่ไป๋เยี่ยเท่านั้น แต่ทุกคนในห้องก็พอจะเข้าใจอาการของผู้บาดเจ็บมากขึ้นแล้ว ซึ่งวิธีนี้สังเกตได้ง่ายกว่าการดูผ่านเครื่องมือเสีย
ทันใดนั้นทุกคนก็นึกขึ้นได้ถึงบางอย่าง
ไป๋เยี่ยเปิดช่องอกได้อย่างไร
การผ่าตัดทรวงอกมีความเสี่ยงสูง จะเลือกจุดเปิดแผล ลงมีดหรือส่องกล้องได้อย่างไรกัน…
ต้องอาศัยทั้งเทคนิคและมุมต่างๆ…
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ยุ่งยากชวนหัวหมุน
แต่ไป๋เยี่ยกลับทำได้ ทุกคนคิดได้ดังนั้นก็อดตะลึงไม่ได้
จุดเปิดแผลนั้นไม่ใช่จุดอันตรายอะไร นั่นสิ เขาคิดได้อย่างไรกันนะ เพียงแค่หลีกเลี่ยงบริเวณที่เส้นประสาทกระจายตัวแล้วกรีดเปิดแผลและส่องกล้องลงไปในบริเวณนั้นก็จะลดความเสี่ยงลงได้แล้ว
ทุกคนตกตะลึงกับวิธีการของไป๋เยี่ยไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้แต่มอริสเองก็เช่นกัน เขามองดูการผ่าตัดของไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าสับสน ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก เพราะว่าเขาไม่เข้าใจขั้นตอนการผ่าตัดของไป๋เยี่ย อีกทั้งขั้นตอนของไป๋เยี่ยยังดูมีประสิทธิภาพมากด้วย
เขาไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ
ไม่เข้าใจ…
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง การในที่สุดการตรวจร่างกายก็สิ้นสุดลง ไป๋เยี่ยไม่ได้เย็บแผลในทันที ทว่าเขากลับหันมาทำท่าทางบางอย่างกับกล้อง
ในเวลานี้ ทุกคนในห้องเห็นท่าทางของไป๋เยี่ยก็เข้าใจได้ว่าเขากำลังบ่งบอกว่าตนได้ตรวจร่างกายเสร็จแล้ว
หลังจากที่ไป๋เยี่ยทำการตรวจร่างกาย บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยมากขึ้น
นี่ไม่ได้เป็นการสื่อว่าอาการของครูซไม่ร้ายแรง ในทางกลับกัน มันบ่งบอกว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเคลื่อนย้ายเขา เพราะมีโอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันระหว่างการเคลื่อนย้ายสูงมาก
จึงต้องทำการผ่าตัดนอกสถานที่
การผ่าตัดจำเป็นต้องมีการประเมินและการตรวจสอบหลายขั้น ซึ่งไป๋เยี่ยได้ทำเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว
ผลการตรวจร่างกายนั้นชัดเจนมาก ทุกคนสังเกตอาการของผู้ป่วยได้อย่างถี่ถ้วนและดำเนินการผ่าตัดได้
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกไป๋เยี่ยอีกต่อไป ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงกล้าลงมือ
เพราะว่าเขาเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญและความมั่นใจ
หากกล่าวตามตรงก็คงต้องบอกว่าทุกคนรู้ดีว่าถ้าไป๋เยี่ยไม่เป็นคนเริ่มลงมือ ก็คงไม่มีใครกล้าออกปากรับผิดชอบ
เพราะว่าตัวตนของผู้ป่วยนั้นเป็นประเด็นอ่อนไหวมาก ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีทางมีปัญหา
เพราะถ้าหากเกิดขึ้น นั่นอาจจะเป็นจุดจบในอาชีพการงานก็เป็นได้ ซึ่งอาจจะต้องแบกรับภาระหนี้ไปตลอดทั้งชีวิต
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกดูแคลนไป๋เยี่ยแล้ว มีเพียงความชื่นชมและความเคารพเท่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เยี่ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับมาที่ห้องพักแพทย์
นิคสันเดินตามเขาเข้าไปอย่างเหม่อลอย ไป๋เยี่ยทำให้เขาเข้าใจศาสตร์การศัลยกรรมกระดูกใหม่แทบทั้งหมด เขาคิดว่าต่อหน้าไป๋เยี่ย ตนเปรียบเสมือนกุมารแพทย์คนหนึ่งเท่านั้น…
ช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อครู่นี้ที่เตียงผ่าตัด ทำให้นิคสันรู้สึกราวกับว่าตนได้กลับไปฝึกงานที่ฮาร์วาร์ด ได้แต่ยืนมองหัวหน้าแผนกทำการผ่าตัดอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าสับสน เขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเลยจริงๆ
ตอนนี้เข้ากระจ่างแล้วว่าทำไมโมลโดถึงอยากติดตามไป๋เยี่ย ก็เพราะว่าเขาเรียนรู้หลายอย่างได้จากไป๋เยี่ยนั่นเอง
ความรู้และทักษะเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคิดได้
ไป๋เยี่ยเดินไปหาโมนิกาพร้อมกับถอดหน้ากากออก “คุณโมนิกา ผมตรวจร่างกายของเขาเสร็จแล้ว ต่อไปนี้สิ่งที่ผมต้องแจ้งคุณ”
“ประการแรก คือ เราเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไม่ได้ ตอนที่ผมย้ายเขามาที่เตียงผ่าตัดก็มีเลือดออกจำนวนมาก ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเขามากจริงๆ”
“ประการที่สอง คือ ยิ่งเขาได้รับการรักษาได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น ผมต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจและผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดทรวงอกสองคน…คุณนิคสันและคุณโมลโดจะเป็นผู้ช่วยให้เอง เตรียมเริ่มการรักษาได้เลย”
“ประการที่สาม คื อผมไม่อยากให้มีการรบกวนระหว่างการผ่าตัด และคุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผม แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ คุณบันทึกวิดีโอไว้ได้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากผม”
ไป๋เยี่ยบอกกล่าวทั้งสามประเด็นให้โมนิกาได้ฟัง ซึ่งนั่นทำให้เธอพอจะใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยไป๋เยี่ยก็วางแผนการรักษาอย่างเป็นระบบและยังเป็นผู้นำการผ่าตัดอีกด้วย
อันที่จริง ความไว้วางใจที่โมนิกามีต่อไป๋เยี่ยก็เพิ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาเดินออกมาแล้ว อย่างน้อยไป๋เยี่ย ก็กล้าคิดและกล้าทำ ทั้งยังวางแผนไว้เป็นอย่างดี ถึงขั้นตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลที่จะส่งตัวผู้บาดเจ็บไป
ยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ
ไม่มีแล้ว!
ต้องทำการรักษาที่นี่เลย!
โมนิกาเริ่มไว้วางใจไป๋เยี่ยอย่างไม่มีข้อกังขา “โอเค! ฉันจะฟังคุณ หมอไป๋! ฉันเชื่อคุณ”
ขณะนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านหลังก็พากันตกตะลึงไปตามๆ กัน เพราะเมื่อครู่ไป๋เยี่ยเพิ่งจะบอกว่าผู้บาดเจ็บมีอาการเลือดออกอย่ารุนแรงเมื่อถูกเคลื่อนย้าย ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่พวกเขาได้ประจักษ์ด้วยตาตนเอง
เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็เข้าไปช่วยห้ามเลือดด้วย!
แล้วจะไม่ให้รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร
ไป๋เยี่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านหลังเขา “สวัสดีครับทุกคน เพราะว่าผู้บาดเจ็บต้องได้รับการผ่าตัด ผมจึงมาขอความร่วมมือจากพวกคุณ แต่การผ่าตัดบนรถกู้ภัยนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาอีก…ขอให้ผู้ที่สมัครใจมาลงชื่อกับคุณนิคสันนะครับ”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันเบิกตากว้าง
เพราะนี่คือโอกาส หลังจากที่พวกเขาได้เห็นการผ่าตัดของไป๋เยี่ยแล้ว พวกเขาก็คิดว่าอัตราการรักษาสำเร็จจะต้องสูงขึ้นมากแน่นอน
ถึงแม้จะรักษาล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะอาการของครูซนั้นอยู่ในขั้นวิกฤตเกินไป โอกาสสำเร็จนั้นเรียกได้ว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียว!
แต่ถ้าทำสำเร็จผลจะต่างไปโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นมอริสก็พูดขึ้น “ผมช่วยได้นะ แต่คุณมั่นใจแค่ไหนล่ะ”
ไป๋เยี่ยเหลือบมองมอริสก่อนจะเอ่ยถามด้วยความฉงน “คุณเป็นใครเหรอครับ”
มอริสถึงกับอึ้ง ฉันเป็นใครงั้นเหรอ
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป กล้าดียังไงถึงมาดูถูกกัน!